Home / รักโบราณ / จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ / บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

Share

บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

Author: Piggy-lonely
last update Last Updated: 2025-12-13 18:08:25

แสงอรุณอ่อนสาดลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในตำหนักหลงเยว่ หลิงอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ราวกับไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบเช่นนี้ ในอดีต…เวลานี้เธอคงต้องลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เตรียมรับคำดูแคลน คำสั่ง และการกลั่นแกล้งแต่ในชาตินี้—ไม่มีเสียงใดเร่งเร้า ไม่มีใครตะโกน มีเพียงกลิ่นชาหอมจาง ๆ และเสียงฝีเท้าเบาที่คุ้นเคย

“ตื่นแล้วหรือ”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านในหลิงอันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ข้างโต๊ะชา ชุดสีเข้มเรียบง่าย แต่สะอาดเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาตามเคย ทว่าดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอเริ่มคุ้น

“เพคะ” หลิงอันตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “หม่อมฉันตื่นสายหรือไม่”

เยี่ยนหยางส่ายหน้า

“ยังไม่ถึงยามเช้า ข้าเพียง… คิดว่าเจ้าคงไม่ชินกับที่นี่”

คำว่า ไม่ชิน ทำให้หลิงอันยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของหญิงสาวอ่อนแอในนิยายแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมามากเกินพอ

“หม่อมฉันชินกับที่ใดก็ตาม… หากไม่ต้องระวังว่าจะมีใครผลักตกบันไดอีก”

คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบรรยากาศในตำหนักเงียบลงฉับพลัน เยี่ยนหยางชะงักมือที่ยกถ้วยชาค้างกลางอากาศสายตาคมเข้มจับจ้องนางนิ่ง—ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ

แต่เป็น ความสงสัย

“ผลักตกบันได?”

เขาทวนคำช้า ๆ “เจ้าพูดราวกับ… เคยประสบมาก่อน”

หลิงอันรู้ตัวว่าพลาดแต่แทนที่จะหวาดกลัว นางกลับสูดลมหายใจลึก แล้วเงยหน้าขึ้นสบตาเขาตรง ๆ

“บางครั้ง… ความฝันก็สมจริงเกินไป เพคะ”

เยี่ยนหยางไม่ซักต่อแต่ในใจกลับสั่นไหวเพราะประโยคนั้น—ตรงกับ ฝันของเขา อย่างน่าประหลาด

เขาวางถ้วยชาลง ก่อนจะพูดเสียงเบาลงอย่างไม่รู้ตัว

“ที่ตำหนักหลงเยว่ ไม่มีใครกล้าทำร้ายเจ้า”

หลิงอันชะงักแล้วหัวใจก็อ่อนยวบลงอย่างประหลาด

“เพราะ… ท่านจะปกป้องหม่อมฉันหรือเพคะ”

คำถามนั้นไม่ได้หวานฉ่ำแต่จริงใจเยี่ยนหยางมองนางเนิ่นนานก่อนจะตอบเพียงคำเดียว

“อืม”

สั้น เรียบแต่หนักแน่นหลิงอันก้มหน้าลงเล็กน้อยปลายหูร้อนวูบรอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นโดยไม่รู้ตัว

---

ในเวลาเดียวกัน—อีกฟากหนึ่งของวังหญิงสาวในชุดหรูหรายืนอยู่ท่ามกลางเงาไม้ดวงตาที่เหลือเพียงข้างเดียวฉายแววพอใจ

“ได้ข่าวหรือไม่”

นางถามคนใช้เสียงเย็น

"เรียนคุณหนู… ไม่พบข่าวของหลิงอันเลยเจ้าค่ะ ไม่มีใครพบตัวนาง”

หญิงสาวหัวเราะเบา ๆเสียงนั้นชวนขนลุก

“เช่นนั้นหรือ…”

“คงไม่รอดแล้วกระมัง”

มือเรียวกำแน่นด้วยความสะใจริมฝีปากยกยิ้ม

“ดีแล้ว… นางไม่ควรมีชีวิตดีกว่าข้าอยู่แล้ว”

โดยที่ไม่รู้เลยว่า—หญิงที่นางคิดว่าตายกำลังนั่งจิบชาใต้ตำหนักหลงเยว่และเริ่ม เปลี่ยนชะตากรรมของทุกคน

---

ลมยามค่ำพัดแผ่วผ่านระเบียงตำหนักหลงเยว่

โคมไฟแกว่งไกวเบา ๆ ส่งเงาสะท้อนทาบลงบนพื้นหิน หลิงอันนั่งอยู่ข้างโต๊ะน้ำชา ท่าทางผ่อนคลายเกินกว่าชายาที่เพิ่งย้ายเข้าวังได้ไม่กี่วัน นางยกถ้วยขึ้นจิบอย่างสงบ สายตาเหม่อมองสวนเบื้องหน้า คล้ายไม่เกรงกลัวความเงียบงันของตำหนักแห่งนี้เลยแม้แต่น้อย

เยี่ยนหยางยืนอยู่ไม่ไกลเขาไม่ได้ตั้งใจมอง…แต่สายตากลับละจากนางไม่ได้

“ชาเย็นแล้ว”

เสียงเขาดังขึ้นเรียบ ๆหลิงอันชะงัก ก่อนจะก้มมองถ้วยในมือจริง ๆแล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่ถือตัว

“จริงด้วย ข้าลืมไปเสียสนิท”

นางลุกขึ้นจะรินใหม่ แต่ยังไม่ทันขยับมือเยี่ยนหยางก็เอื้อมมือมารับถ้วยจากนางไปเสียก่อน

“อย่าดื่มของเย็นยามค่ำ”

“ไม่ดีต่อร่างกาย”

คำพูดนั้น…ไม่ใช่คำเตือนแบบองค์ชาย แต่เป็นน้ำเสียงของคนที่ เคยดูแลกันมาก่อนหลิงอันเงยหน้ามองเขาเล็กน้อยดวงตาคู่นั้นฉายแววแปลกใจเพียงชั่วพริบตา ก่อนจะซ่อนมันไว้ได้อย่างแนบเนียน

“องค์ชายใส่ใจเกินคาดนะเพคะ”

นางเอียงศีรษะ ยิ้มบาง ๆ

“ต่างจากในนิยาย… เอ๊ย ต่างจากที่ข้าได้ยินมา”

เยี่ยนหยางชะงักมือคำพูดนั้นเหมือนเข็มเล็กๆ ทิ่มเข้าในใจต่างจากที่ข้าได้ยินมา ไม่ใช่ ต่างจากที่คิดไม่ใช่ ต่างจากข่าวลือ เขาหันมามองนางตรง ๆ เป็นครั้งแรกในค่ำคืนนี้สายตาคมเข้มขึ้นโดยไม่รู้ตัว

“เจ้า… รู้เรื่องข้ามากแค่ไหนกันแน่”

หลิงอันยิ้ม แต่ครั้งนี้นางไม่ตอบทันทีเพียงยกมือขึ้น จัดแขนเสื้อเขาให้เรียบร้อยอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับเคยทำเช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน

“รู้พอที่จะไม่กลัวท่าน”

คำตอบนั้นเรียบง่าย แต่หัวใจของเยี่ยนหยางกลับเต้นแรงขึ้นอย่างไม่อาจควบคุมภาพหนึ่งวาบผ่านความคิดเสียงเรียกแผ่วเบา

“อันอัน…”

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยทำไมท่าทางของนาง…การขยับมือ การยิ้ม การมองเขาถึงได้ คุ้นเคย ราวกับฝังอยู่ในความทรงจำที่เขาไม่เคยมี

“หลิงอัน”

เขาเรียกชื่อจริงของนางน้ำเสียงต่ำลงโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าวันหนึ่ง ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด…เจ้าจะยังนั่งดื่มชากับข้าเช่นนี้หรือไม่”

นางชะงักก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนกว่าทุกครั้ง

“ถ้าท่านยังเป็นท่าน”

“ไม่ว่าหน้าตา ฐานะ หรือชะตาจะเป็นเช่นไร…”

“ข้าก็ยังนั่งอยู่ตรงนี้”

เยี่ยนหยางเงียบไปนานก่อนจะหันหน้าไปอีกทาง กลบความรู้สึกที่เริ่มเอ่อล้น

“…เจ้าประหลาดจริง”

หลิงอันหัวเราะเบาๆ เสียงนั้นทำให้บรรยากาศเย็นเยียบของตำหนักหลงเยว่าอ่อนลงอย่างน่าประหลาดและในเงามืดของราตรีหัวใจขององค์ชายเยี่ยนหยาง เริ่มตั้งคำถามกับโชคชะตาอีกครั้งหรือบางที…อันอันของเขา อาจกลับมาแล้วจริงๆ

หลังเสียงฝีเท้าของหลิงอันค่อย ๆ เลือนหายไปตามระเบียงยาว ตำหนักหลงเยว่ก็ตกอยู่ในความเงียบสงบอีกครั้งแสงโคมแดงสั่นไหวตามแรงลมยามค่ำคืน ทอดเงาพาดผ่านพื้นหินอย่างเชื่องช้า เยี่ยนหยางยังมิได้ลุกจากที่นั่งถ้วยชาชาในมือเย็นลงแล้ว แต่เขากลับไม่รู้สึกตัว สายตาคมเข้มทอดมองไปยังประตูที่นางจากไป มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย—เป็นรอยยิ้มอ่อนโยนที่แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่ทันรู้ตัว

“อันอัน…”

เสียงเรียกแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากโดยไม่ตั้งใจ เมื่อได้ยินชื่อนั้น หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นหนึ่งจังหวะเขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแปลก… เหลือเกิน ท่าทางของนางวันนี้การวางถ้วยชาสายตาที่สงบนิ่งแต่แฝงความระแวดระวัง คำพูดที่เลือกใช้—สุขุม รอบคอบ ราวกับผ่านโลกมาแล้วมากกว่าหนึ่งชาติ ทั้งหมดนี้…ไม่ใช่หญิงสาวอ่อนแอที่ควรจะเป็นเพียง “ตัวละครในนิยาย” เยี่ยนหยางเอนหลังพิงเก้าอี้ หลับตาลงช้าๆ ภาพหนึ่งผุดขึ้นมาในความคิด—ภาพที่เขาพยายามกดมันเอาไว้ทั้งวัน บันไดสูงเสียงกรีดร้องร่างของนางที่ล้มลงอย่างไร้แรงดวงตาที่มองมาทางเขา ก่อนจะปิดลงตลอดกาล หัวใจของเขากระตุกวูบ มือใหญ่กำแน่นโดยไม่รู้ตัวแต่คราวนี้… ความเจ็บปวดในอกกลับแปรเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ใช่ความสิ้นหวังไม่ใช่ความคลุ้มคลั่งหากเป็น… ความแน่วแน่

“ครั้งนี้…” เขาพึมพำกับความมืด“ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าหายไปอีก”

ดวงตาคมเปิดขึ้นในนั้นไม่มีความเย็นชาอำมหิตดังคำร่ำลือ มีเพียงความอ่อนโยนที่ซ่อนความเด็ดขาดไว้ลึกสุดใจ อีกด้านหนึ่งของตำหนักหลิงอันนอนตะแคงอยู่บนเตียง ดวงตาเปิดค้าง นางยกมือขึ้นแตะอกตนเองหัวใจเต้นแรงผิดจังหวะไม่รู้เพราะชาหรือเพราะสายตาขององค์ชายเยี่ยนหยางที่มองมาราวกับ… เคยสูญเสียนางไปแล้วครั้งหนึ่ง

“เขา… เปลี่ยนไปจริง ๆ”

หลิงอันหลับตาลงแต่ริมฝีปากกลับยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางเบา ค่ำคืนนี้ทั้งสองต่างไม่รู้เลยว่า—หัวใจของพวกเขา กำลังค่อยๆ เดินเข้าหากันอย่างช้า ๆ แต่มั่นคงและไม่มีผู้ใด… จะหยุดมันได้อีกแล้ว

รุ่งเช้า แสงอรุณสาดผ่านม่านบางของ ตำหนักหลงเยว่ อย่างเงียบงัน เยี่ยนหยางลืมตาตื่นก่อนยามเหม่า เขานั่งนิ่งอยู่บนแท่นบรรทมครู่หนึ่ง รอยยิ้มอ่อนเมื่อคืนยังไม่จางหาย เพียงคิดถึงท่าทีของหลิงอัน—ความสุขุมเกินหญิงสาวในวัยเดียวกัน—หัวใจก็อ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว

“อันอัน…”

เขาพึมพำเบา ๆ กับอากาศ ก่อนจะลุกขึ้นเปลี่ยนฉลองพระองค์ ไม่นานนัก เสียงขันทีหน้าตำหนักก็ดังขึ้น

“ราชโองการ—!”

เยี่ยนหยางชะงักเล็กน้อย ก่อนรับพระราชโองการด้วยสีหน้าสงบนิ่ง มีรับสั่งให้องค์ชายทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้า ณ ท้องพระโรงในยามสาย คำสั่งสั้น ๆ แต่แฝงแรงกดดัน เยี่ยนหยางรู้ดี—การเข้าเฝ้าครั้งนี้ มิใช่เพียงพิธีการ

---

ท้องพระโรงโอ่อ่าสง่างาม ขุนนางยืนเรียงรายสองฝั่ง

เยี่ยนหยางก้าวเข้าไปพร้อม องค์ชายเยี่ยนหมิง อีกฝ่ายยืนตัวตรง สีหน้าอ่อนโยนงดงามดุจตะวันยามเช้า หากแววตากลับเย็นเฉียบและคำนวณทุกก้าวย่าง

“ถวายบังคมเสด็จพ่อ”

เสียงทั้งสองประสานกันอย่างสมบูรณ์แบบ

จักรพรรดิทอดพระเนตรโอรสทั้งคู่เงียบ ๆ ก่อนตรัสถึงกิจการบ้านเมือง การฝึกทหาร และการดูแลหัวเมืองชายแดน เยี่ยนหมิงตอบคำถามได้คล่องแคล่ว สุภาพ น่าชื่นชม แต่เมื่อถึงคราเยี่ยนหยาง เขาตอบด้วยถ้อยคำสั้น กระชับ และตรงประเด็น

ขุนนางบางคนเริ่มมองเขาด้วยสายตาแปลกไป

—องค์ชายจันทรา… เปลี่ยนไป—

เยี่ยนหมิงปรายตามองน้องชายเพียงชั่วครู่ รอยยิ้มยังคงเดิม หากในใจกลับขุ่นมัว เจ้าไม่ควรเด่นกว่าข้า หลังเสร็จสิ้นการเข้าเฝ้า ทั้งสองแยกย้ายกันออกจากท้องพระโรง

---

ในเวลาเดียวกันนั้น

หลิงอันออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ใกล้วังชั้นใน ดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง กลิ่นหอมจาง ๆ ทำให้ใจสงบอย่างประหลาด นางก้มมองกลีบดอกไม้ พลางคิดถึงเส้นเรื่องในนิยาย

ตรงนี้… ควรเป็นจุดที่องค์ชายหนึ่งผ่านมาพอดี…และก็ราวกับฟ้าลิขิตเสียงฝีเท้าดังขึ้นด้านหลัง

“เจ้าเป็นใคร?”

หลิงอันหันกลับไป เห็นบุรุษในฉลองพระองค์สีทองอ่อน ยืนสง่างาม แววตาอ่อนโยนชวนให้เชื่อใจ

—องค์ชายเยี่ยนหมิง—

หัวใจนางเต้นแรงขึ้นโดยไม่รู้ตัวนี่แหละ… ตัวร้ายที่แฝงความอ่อนโยน

“ข้าน้อย หลิงอัน ชายาขององค์ชายจันทราเพคะ”

นางค้อมศีรษะอย่างงดงาม ไม่มากไม่น้อย

เยี่ยนหมิงยิ้ม “เช่นนั้นหรือ… น่าเสียดาย ดอกไม้ดี ๆ กลับอยู่ในตำหนักเงียบเช่นนั้น”

เขาก้าวเข้ามาใกล้เกินควรหลิงอันกำลังจะถอย—

“พี่ชาย”

เสียงทุ้มเย็นดังขึ้นจากด้านหลัง เยี่ยนหยางยืนอยู่ใต้เงาต้นไม้ สีหน้าเรียบเฉย แต่ดวงตาคมกริบจับจ้องมือของเยี่ยนหมิงที่ยื่นมา

“ที่นี่เป็นสวนชั้นใน”

เขากล่าวช้า ๆ “ไม่เหมาะให้พี่อยู่ลำพังกับชายาของข้า”

บรรยากาศตึงเครียดขึ้นทันที

เยี่ยนหมิงหัวเราะเบา ๆ ถอนมือกลับ “ข้าเพียงทักทาย… น้องชายช่างหวงจริง”

เยี่ยนหยางไม่ตอบ เพียงก้าวมาข้างหลิงอันโดยไม่รู้ตัว

การกระทำนั้น—ชัดเจนเกินคำพูดใด

หลิงอันเหลือบมองเขา หัวใจอุ่นวาบเขา… ปกป้องข้า

เยี่ยนหมิงสบตานางครั้งสุดท้าย รอยยิ้มยังคงงดงาม

แต่ในแววตา—ความอยากได้ ปรากฏชัดหลิงอัน… ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่5 ความอิจฉาริษยา

    บนโต๊ะอาหารไม้หอมภายในตำหนักหลงเยว่ มีเพียงเสียงช้อนกระทบถ้วยเบาๆ กับเสียงลมยามค่ำที่พัดผ่านม่านหน้าต่าง หลิงอันนั่งกินข้าวอย่างสำรวมท่วงท่าเรียบร้อยตามแบบสตรีในวังแต่ไม่ถึงกับเกร็ง—เป็นความสบายที่ไม่ต้องเสแสร้ง ตรงข้ามกันองค์ชายเยี่ยนหยาง… กลับไม่ได้แตะตะเกียบมานานแล้วสายตาของเขาหยุดอยู่ที่นาง ไม่ใช่เพราะอาหารไม่ถูกปากแต่เพราะภาพตรงหน้ามันทับซ้อนกับความทรงจำที่เขาไม่อาจควบคุมได้ ในอดีต—ในชีวิตของ เฟิงเหยาหญิงสาวคนหนึ่งเคยนั่งตรงนี้ยิ้มให้เขาแบบเดียวกัน เรียกเขาด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านอย่ามัวแต่มอง ข้าวจะเย็นเสียก่อน” “….” เยี่ยนหยางหลุบตาลงช้าๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มบางโดยไม่รู้ตัวหลิงอันชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ฝ่าบาท…?” “อาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือเจ้าคะ” คำถามนั้นดึงเขากลับสู่ปัจจุบัน “ไม่” เสียงขององค์ชายต่ำ นุ่มกว่าที่เคย “เพียงแต่…” เขาหยุดคำพูดราวกับกำลังชั่งใจว่าจะพูดต่อดีหรือไม่ “…เจ้ากินแล้ว ดู…สบายใจดี” หลิงอันชะงักเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ “เพราะที่นี่คือ ตำหนักของหม่อมฉันแล้วมิใช่หรือเจ้าคะ” “หม่อมฉันคิดว่า…การกินข้าวอย่างสงบ คือความสุขเล็ก ๆ ที่ควรรักษาไว้” คำต

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่4 สายตาที่คุ้นเคย

    แสงอรุณอ่อนสาดลอดม่านหน้าต่างเข้ามาในตำหนักหลงเยว่ หลิงอันลืมตาขึ้นช้า ๆ ราวกับไม่คุ้นชินกับความเงียบสงบเช่นนี้ ในอดีต…เวลานี้เธอคงต้องลุกขึ้นก่อนฟ้าสาง เตรียมรับคำดูแคลน คำสั่ง และการกลั่นแกล้งแต่ในชาตินี้—ไม่มีเสียงใดเร่งเร้า ไม่มีใครตะโกน มีเพียงกลิ่นชาหอมจาง ๆ และเสียงฝีเท้าเบาที่คุ้นเคย “ตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากด้านในหลิงอันสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมอง องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ข้างโต๊ะชา ชุดสีเข้มเรียบง่าย แต่สะอาดเนี้ยบ ใบหน้าเย็นชาตามเคย ทว่าดวงตากลับอ่อนลงอย่างที่เธอเริ่มคุ้น “เพคะ” หลิงอันตอบ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง “หม่อมฉันตื่นสายหรือไม่” เยี่ยนหยางส่ายหน้า “ยังไม่ถึงยามเช้า ข้าเพียง… คิดว่าเจ้าคงไม่ชินกับที่นี่” คำว่า ไม่ชิน ทำให้หลิงอันยิ้มบางๆ รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของหญิงสาวอ่อนแอในนิยายแต่เป็นรอยยิ้มของคนที่เคยผ่านความเจ็บปวดมามากเกินพอ “หม่อมฉันชินกับที่ใดก็ตาม… หากไม่ต้องระวังว่าจะมีใครผลักตกบันไดอีก” คำพูดนั้นหลุดออกมาโดยไม่ทันคิดบรรยากาศในตำหนักเงียบลงฉับพลัน เยี่ยนหยางชะงักมือที่ยกถ้วยชาค้างกลางอากาศสายตาคมเข้มจับจ้องนางนิ่ง—ไม่ใช่ด้วยความไม่พอใจ แต่เป็น

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่3 ความฝันขององค์ชายจันทรา

    ตำหนักหลงเยว่ในยามค่ำสงัดเงียบมีเพียงเสียงลมพัดต้องผ้าม่าน หลิงอันนั่งอยู่ในห้องรองรับอันกว้างใหญ่ รอองค์ชายเยี่ยนหยางตามมารยาทของชายาใหม่ แม้เขาไม่เคยสั่งให้นางรอเลยก็ตาม ในนิยาย… องค์ชายเยี่ยนหยางไม่สนใจแม้แต่มองหน้าชายาแรกพบด้วยซ้ำ…แต่วันนี้ เขากลับช่วยข้าจากการล้ม… แม้สีพระพักตร์จะยังเย็นชาเหมือนเดิมก็ตาม ขณะที่ความคิดสับสนวนเวียนอยู่ เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากทางเดินหินหน้าตำหนัก เงาร่างสูงในชุดองค์ชายสีดำทองก้าวเข้ามาอย่างสง่างาม ประตูเปิดออก องค์ชายเยี่ยนหยางยืนอยู่ตรงนั้น—คิ้วเข้ม ดวงตาเย็นสงบ แต่แววลึกในดวงตานั้น… แปลกประหลาด คล้ายจับจ้องนางคล้าย… คุ้นเคยเสียอย่างนั้น หลิงอันรีบลุกขึ้นคุกเข่า “ถวายพระพรเพคะ พระองค์กลับมาแล้ว” เยี่ยนหยางเดินตรงเข้ามาโดยไม่สั่งให้นางลุกขึ้นเสียก่อน แต่กลับหยุดยืนตรงหน้า มองนางอย่างพิจารณา แทบจะนานเกินมารยาทขององค์ชายผู้สุขุม “เจ้า…” น้ำเสียงทุ้มต่ำของเขาแผ่วลง “หน้าตาคล้ายคนคนหนึ่ง” หลิงอันเงยหน้าขึ้น “คล้ายผู้ใดเพคะ?” เยี่ยนหยางส่ายหน้าเบา ๆ ราวกับไม่อาจระบุได้ “ไม่รู้… แต่มันทำให้ข้าไม่อยากเมินเฉยใส่เจ้าอย่างที่ตั้งใจไว้” เขาพูดด้วยน้ำเส

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่2 นางเป็นใครกันแน่

    สายลมนิ่งสงบของเช้าวันถัดมา ไม่ต่างจากความนิ่งเงียบภายในตำหนักรองที่หลิงอันต้องย้ายเข้ามาอยู่ชั่วคราวหลังอภิเษก หลิงอันในชุดชายาฉบับเรียบง่าย—ผ้าไหมสีอ่อนปักลายเมฆบาง—ยืนเงียบอยู่ริมบานหน้าต่าง มองบรรยากาศภายนอกที่เต็มไปด้วยต้นเหมยกำลังเริ่มผลิบาน ทว่าในใจกลับวุ่นวายยิ่งกว่าเมื่อวานหลายเท่า เมื่อคืน…หลังถูกพาตัวกลับจวน องค์ชายเยี่ยนหยางไม่ได้ตรัสอะไรอีก นอกจากให้คนพาหล่อนกลับตำหนักรอง เหมือนต้องการเว้นระยะห่าง เหมือนกำลังคิด…หรือกำลังระแวง… หลิงอันไม่แน่ใจ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจน—สายตาของเขาในวินาทีนั้นมันคุ้นเคยจนน่ากลัว เหมือนเขากำลังจ้อง “นาง” ตัวตนของหล่อนก่อนมาอยู่ในจวนใหม่… ก่อนหล่อนจะลบตนเองออกจากสายตาเขาไปเมื่อหลายปีก่อน เพียงแต่ตอนนี้ เขาไม่รู้ว่านางคือใคร หรืออาจ…ยังไม่แน่ใจเท่านั้น --- ช่วงสาย องค์ชายเยี่ยนหยางเสด็จออกจากตำหนักเพื่อไปศาลาว่าราชการฝ่ายทหาร เหล่าข้ารับใช้ในตำหนักรองรีบวิ่งวุ่นขึ้น เพราะก่อนเสด็จพระองค์ทรงรับสั่งให้คนเตรียมสิ่งหนึ่ง “พระชายาเพคะ องค์ชายทรงมีรับสั่งให้เข้ารับพระบัญชาในสวนด้านในเพคะ”นางกำนัลคนสนิทรายงานด้วยท่าทีเกรงตัว หลิงอันสะดุ้งเล็กน้

  • จันทราลิขิตรักชะตาข้ามภพ   บทที่1 ชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง

    ลมหอบหนึ่งพัดผ่านกระจกบานกว้างของคฤหาสน์ตระกูลหลิน ราวกับต้องการเตือนให้หลินอันตั้งสติ แต่ทว่าความเจ็บร้าวที่กลางอกกลับทำให้เธอแทบหายใจไม่ออก เสียงพูดคุยคุ้นเคย—เสียงที่เธอไว้ใจที่สุดกลับทำให้โลกทั้งใบพังทลายลงอย่างไร้ชิ้นดี “ดีเหมือนกันนะที่มันตายนั่นแหละ”เสียงหัวเราะของ ไป๋เสวี่ยอัน เพื่อนสนิทที่เธอรักเหมือนพี่น้อง ดังลอดมาจากประตูที่แง้มไว้ “ก็เพราะแกนี่แหละ ถึงได้จัดการได้เนียนขนาดนั้น” ชายเสียงทุ้มตัวสูงที่เธอเคยเห็นเป็นคนดี—แฟนของเธอ—ตอบกลับ หัวใจหลินอันเหมือนถูกฉีกออกเป็นเสี่ยงๆ เธอตั้งใจเพียงจะเอาของฝากมาให้เพื่อนหลังกลับจากต่างจังหวัด แต่กลับได้ยินสิ่งที่ไม่ควรได้ยินที่สุดในชีวิต “หลินอัน…แค่ของเล่น ไม่มีประโยชน์อะไรสักอย่าง ใครจะไปทนคบกับผู้หญิงน่าเบื่อนั่นได้ล่ะ” เสียงหัวเราะเหยียดหยันตามมา มันคือเสียงของคนที่เคยบอกรักเธอ ขาเธออ่อนแรงจนแทบยืนไม่ไหว แต่ก็ยังยื้อประตูไว้ไม่ให้เปิดออก เธอรู้ดีว่าหากถูกพบตอนนี้ อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้อีก “อย่างน้อยเธอก็ตายไปแล้ว เรื่องมันก็จบสักที” ไป๋เสวี่ยอันพูดอย่างไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย “เอาจริง ๆ ฉันเคยอยากฆ่ามันตั้งแต่ปีที่แล้วด้วยซ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status