Home / รักโบราณ / จารใจทุรยศ / Chapter 15. ต้องพิษ

Share

Chapter 15. ต้องพิษ

last update Last Updated: 2025-03-04 21:31:14

“ฆ่  า ตั ว ตาย?” เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นแล้วเอียงคออย่างงุนงง “ผู้ใดฆ่าตัวตายเจ้าคะ”

“ก็เจ้าไง” เขาใช้นิ้วชี้จิ้มที่หน้าผากของเด็กหญิง “ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเดินลงน้ำไปทำไม”

“ท่านผู้มีพระคุณเข้าใจข้าน้อยผิดแล้วเจ้าค่ะ” เด็กหญิงรีบอธิบาย “นายท่านรองบอกให้ข้าน้อยลงไปแช่เท้าที่สระน้ำนี้บ่อยๆ เจ้าค่ะ ให้ข้าน้อยฝึกเดินในน้ำ”

ได้ยินถ้อยคำของนางก็ทำให้เด็กหนุ่มหน้าตึงไป เขาก้าวเท้าถอยห่างนางออกมาเล็กน้อย

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว อย่าได้ลืมเชียวว่าชีวิตเจ้าเป็นของข้าแล้ว”

“เจ้าค่ะ ข้าจะจำใส่ใจไว้” 

สวินเย่ว์ที่เดิมทีไม่คิดสนใจว่าสตรีผู้นี้จะเป็นเช่นไร แต่เมื่อความทรมานเบาบางลง แทนที่ด้วยความเสียวกระสัน เขาจึงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาที่เคยจ้องมองเขากลับปิดลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลเปื้อนแก้ม นางกัดริมฝีปากกลั้นเสียงร้อง แต่กระนั้นเขาย่อมรู้ได้ว่านางกำลังสะอึกสะอื้น หัวใจของเขาอ่อนยวบลงจึงโน้มหน้าลงกระซิบ

“ผ่อนคลาย ประเดี๋ยวก็จบแล้ว” 

น้ำเสียงแหบพร่าและลมหายใจร้อนระอุ ทำให้นางพยักหน้าแล้ว

เบือนหน้าหนี กลัวอีกฝ่ายจะเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผาก กลัวเขาผลักไส กลัวเหลือเกินว่าเขาไม่สนใจนาง

ชีวิตนางเป็นของเขา

แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น หากมันบรรเทาความทุกข์ทรมานของเขาได้ นางยินดีมอบให้เขา

นางยังบริสุทธิ์!

แม้จะเกลียดสตรีที่เสนอเรือนร่างให้เช่นนี้ แต่เมื่อรู้ว่านางยังเป็นหญิงพรหมจรรย์ เขาก็พยายามเคลื่อนไหวให้ช้าลง แรกทีเดียวช่องทางคับแคบนั้นแห้งผาก นั่นเป็นความผิดที่เขาหุนหันพลันแล่นดึงดันแทรกแก่นกายแห่งบุรุษเพศอย่างไม่ปรานี เขาเป็นคนเรื่องมากและเลือกมาก เรื่องเหล่านี้เรียนรู้ได้แต่ยังขาดการปฏิบัติจริง เขาไม่เคยจุมพิตสตรีนางใด หากแต่เมื่อครู่ที่เห็นนางในสายน้ำ เขามึนเมาลุ่มหลงราวกับดื่มสุรารสแรง อาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาปลุกกำหนัดทำให้เขาเผลอจุมพิตนางไป

ดวงตาดุจลูกไฟจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวที่อ่อนระทวยใต้ร่าง แม้เขาจะมองเห็นไม่ชัดแต่รู้สึกได้ว่านางกลั้นเสียงร้องไห้ เขายื่นมือไปหมายลูบผมปลอบประโลม แต่นางปัดมือของเขาออก การกระทำของนางทำให้เขารู้สึกว่านางรังเกียจเขา  เมื่อครู่ก็เช่นกัน หมายใจจะช่วยปลุกเร้าอารมณ์ของนาง แต่นางก็ปัดมือของเขาออก เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงขยับสะโพกรุนแรง  ลึกล้ำและกระแทกกระทั้นจนใบหน้าของหญิงสาวสะบัดไปมา

นางไม่เคยรู้เลยว่าหลังความเจ็บปวดผ่านพ้นจะกลายเป็นระลอกคลื่นความเสียวซ่านที่นางไม่เคยรู้จัก เสียงหอบหายใจที่อยู่เหนือร่างของนาง ฝ่ามือร้อนระอุบีบเคล้นทรวงอก ใจกลางสตรีที่เบ่งบานเพื่อต้อนรับภมรหนุ่มระเริงกับดอกไม้ที่ไม่เคยต้องมือชาย ทุกการเคลื่อนไหวแม้หนักหน่วงรุนแรงแต่กลับพาให้นางได้รู้จักรสสัมผัสอันน่าอัศจรรย์นี้

ความสัมพันธ์ของชายหญิงเป็นเช่นนี้เองหรือ

นางมิอาจสะกดกลั้นคลื่นอารมณ์ที่กระแทกกระทั้นได้อีก ร่างกายขยับรับสอดประสานกับเรือนร่างกำยำอย่างไม่รู้ตัว เสียงคำรามในลำคอก่อนที่จะซุกซบกับเส้นผมหอมกรุ่นของหญิงสาว เขาได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวของนาง ช่องทางอันคับแคบบีบรัดจนเขาครางราวสัตว์ป่า แต่กลับผ่อนคลายจากความร้อนรุ่มทุกข์ทรมานที่ต้องเผชิญมาสองวันเต็มๆ

 สวินเย่ว์รอจนร่างกายของนางผ่อนคลายแล้วจึงค่อยๆ ถอนตัวออกจากร่างบอบบาง กลิ่นคาวเลือดจางๆ และกลิ่นอายวสันต์คละคลุ้งรอบกายคนทั้งสองและเพียงความเงียบงัน

เสิ่นฉางซีรวบรวมเรี่ยวแรงยันกายขึ้นยื่นมือไปคว้าเสื้อผ้าของตนมาสวมทับร่างเปลือยเปล่าด้วยมือที่สั่นเทา

“จากที่นี่เดินเท้าแค่ครึ่งก้านธูปก็ถึงบ้านของข้า ท่านไปพักที่นั่นก่อนเถิด หากนายท่านรองกลับมาแล้ว จะให้นายท่านรองช่วยตรวจดูว่าท่านได้รับพิษใด”

ถ้อยคำเรียบง่ายของนางทำให้เขาหงุดหงิด นางควรอ้อนวอนขอให้เขารับผิดชอบนาง แต่นางกลับ...ทำเหมือนเรื่องเมื่อครู่มิได้เกิดขึ้น เขาฮึดฮัดไม่พอใจแต่กลับเดินสะดุดก้อนหินเกือบจะล้มลง เสิ่นฉางซีหันไปเห็นพอดีรีบเข้าไปประคอง แต่ร่างนางก็แทบไม่มีแรงทรงตัว

สวินเย่ว์ก้มมองคนในอ้อมอก เดิมทีไม่คิดติดตามนางไปด้วย แต่จะปล่อยให้นางเดินกลับไปคนเดียวทั้งที่เรี่ยวแรงไม่กลับคืนก็กระไรอยู่

เขาแสร้งให้นางประคองเขา ทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายโอบเอวนางไว้ แล้วมุ่งหน้าไปยังเรือนหลังน้อยที่นางเรียกว่าบ้าน.

            แม้อยู่ในเสื้อผ้าธรรมดาเรียบง่ายแต่มิอาจบดบังความงามสง่าของบุรุษผู้นี้ได้ เสิ่นฉางซีหลุบตาลงแสร้งจับสาบเสื้อที่ทบกันเรียบร้อยแล้วให้ดียิ่งขึ้น นางพาเขากลับมาที่พักของตนเองแล้วเดินไปเรือนของนายท่านรองเพื่อหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้สวินเย่ว์ผลัดเปลี่ยน 

            ระหว่างนางกับเกาเทียนฉีมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมากก็จริง เสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ของเกาเทียนฉีเป็นนางที่ซักทำความสะอาด ดูแลทุกอย่าง แต่นางก็รู้สึกแปลกพิกลที่หยิบเสื้อผ้าของเขามาให้ผู้อื่นสวมใส่ ซ้ำกวาดตามองก็ไร้เงาของเจ้าของเรือน เขาขึ้นเขาไปสิบห้าวัน ไม่นับว่านานนักหากเทียบกับเวลาปกติที่เขาขึ้นเขาเข้าป่า ด้วยความที่เกาเทียนฉีรักความสงบจึงให้สร้างเรือนอีกหลังอยู่ไม่ห่างจากเรือนหลักนัก นั่นคือเรือนที่นางอยู่ เรือนที่นางเรียกว่า ‘บ้าน’

            บ้านที่แท้จริงของนางกลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว

            เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ ในปีที่นางอายุสิบขวบ มารดาสิ้นใจด้วยอาการเจ็บป่วยเรื้อรังที่เป็นมายาวนาน ทั้งท่านพ่อและท่านแม่ไม่มีญาติพี่น้องที่ใดอีก ครั้นจะฝากฝังนางกับผู้อื่นให้เลี้ยงดูก็ไม่มีใครที่ท่านพ่อวางใจได้ จะให้นางมาติดตามอยู่ข้างกายในเวลานั้นยิ่งไม่สะดวก แรกทีเดียวนางไม่เข้าใจนัก แต่เมื่อวันเวลาผ่านมานางจึงตระหนักได้ว่า บิดามีภารกิจสำคัญยิ่งและช่วงนั้นอยู่คนเดียวในบ้านที่มีกลิ่นอายของมารดาโดยมีเพื่อนบ้านแวะเวียนมาคอยดูแลด้วยความสงสารเวทนาเด็กน้อยที่ไร้มารดา วันที่บิดามารับ นางเข้าใจว่าบิดาจะพานางไปอยู่ด้วยกัน ทว่าเสื้อคลุมงดงามหรูหรากลับถูกคลี่คลุมร่างของนางพร้อมกับคำว่า

            ‘พ่อขอโทษ’

            “เจ้าอยู่กับใคร” 

            น้ำเสียงแหบแห้งเอ่ยถามเรียกสติของเสิ่นฉางซีให้เงยหน้าสนใจเขา ยามนี้นางใช้ผ้าฝ้ายสะอาดปิดดวงตาทั้งสองข้างของเขา

            “ข้าอยู่กับใคร?” นางทวนคำถามของเขาแล้วนึกขึ้นได้ว่าเขาคงสงสัยเสื้อผ้าบุรุษที่นางนำมาให้เขาสวม

“ข้าเป็นกำพร้า เรือนหลังนี้เป็นของนายท่านรอง ข้ามาเฝ้าแปลงสมุนไพรให้นายท่านรอง”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จารใจทุรยศ    Chapter 111.  จบ.

    “เจ้าอย่าได้เข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดมีอนุหรือรับหญิงใดเข้ามาอีก” เขาสารภาพเสียงเบา “เจ้าก็รู้ ข้าไม่คุ้นเคยกับสตรี เป็นข้าต่างหากที่เกรงจะเอาใจใส่เจ้าไม่เพียงพอ”“ท่านพี่ใส่ใจข้าดียิ่ง” เพราะรู้ว่าอยู่กับเพียงลำพัง นางจึงยื่นมือไปไล้เส้นผมของเขาเบาๆ “หากท่านพี่ไม่ใส่ใจข้า ในครรภ์ของข้าจะมีเด็กอยู่ได้อย่างไร”“เจ้าพูดให้ข้าสบายใจอย่างนั้นหรือ?” เขาถอนหายใจเบาๆ “ข้าใช้ชีวิตอยู่กับทหาร อยู่ในสนามรบ ไม่รู้ว่าควรดูแลเจ้าอย่างไร”“ท่านพี่ดูแลข้าดียิ่งจริงๆ” นางหัวเราะเบาๆ ไม่คิดว่าเขาจะกังวลกับเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ “เมื่อครั้งที่ตั้งครรภ์หยางหยาง ข้าอยู่เพียงลำพัง แต่ครั้งนี้มีท่านพี่อยู่ด้วย กลางดึกข้าอยากถ่ายเบา ท่านพี่ก็ช่วยประคองข้าไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจหรือรำคาญ มือเท้าของข้าก็เป็นท่านที่คอยบีบนวดอย่างไม่สนใจว่าผู้อื่นจะมองท่านพี่เป็นคนเช่นไร”“เรื่องเล็กน้อยทั้งนั้น” เขาทำหน้ายุ่ง เขาหาได้ใส่ใจว่าผู้ใดจะคิดกับเขาเช่นไร นางอุ้มท้องลูกของเขา เขาย่อมต้องดูแลนาง มีอะไรผิดกัน ฮึ!“เล็กน้อยสำหรับท่านพี่แต่สำคัญมากสำหรับข้า” นางเชื่อแล้วว่าเขาไม่คุ้นเคยกับสตรีจริงๆ “มิใช่บุรุษทุกคนจะยอมทำเ

  • จารใจทุรยศ    Chapter 110.  สะใภ้ที่โชคดีที่สุดในเมืองหลวง

    “เอาไปศึกษาดู” สวินเย่ว์ผลักหนังสือเล่มนั้นออก แต่ฝูหรงยัดใส่อกเสื้ออีกฝ่ายซ้ำยังจับสาบเสื้อให้อย่างดีราวกับไม่ได้ซุกซ่อนสิ่งใดไว้ “เรื่องฉลองวันเกิดนาง ข้าย่อมต้องมีส่วนร่วม อย่างไรนางก็เป็นผู้มีคุณของข้าและฝูเจี๋ย” “รู้แล้ว” “เจ้ามาปรึกษาแค่นี้รึ” “อืม” “เช่นนั้นก็ดื่มสุราเป็นเพื่อนข้าสักกาสิ” “ไม่ ข้ามีธุระ” “อ้าว” “ขอตัว” “เฮ้ย!” ฮ่องเต้ฝูหรงได้แต่อ้าปากค้างมองแผ่นหลังของแม่ทัพสวินเย่ว์เดินจ้ำออกไปอย่างรวดเร็วนี่เพราะเป็นสหายใช่ไหม? ถึงได้ทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้หลายวันมานี้ เสิ่นฉางซีเห็นท่าทางแปลกๆ ของสวินเย่ว์ จะเรียกว่าแปลกก็ไม่เชิงนัก เพียงแต่มีบางอย่างที่นางรู้สึกว่าเขาปิดบังนางอยู่ หญิงสาวหยุดหน้าห้องหนังสือ นางลังเลอยู่ครู่ก่อนตัดสินใจผลักบานประตูเข้าไป สวินเย่ว์เงยหน้าขึ้นหมายจะตำหนิคนที่เข้ามา แต่พอเห็นว่าเป็นเสิ่นฉางซี เขารีบลุกขึ้นเข้าไปประคองภรรยารัก เป็นเพราะเขาออกคำสั่งไว้ หากนางมาหาเขา สามารถเข้ามาได้ไม่ต้องให้คนรายงาน

  • จารใจทุรยศ    Chapter 109.  อยากเป็นองครักษ์

    “จิ้นฝานเก่งมากใช่ไหมถึงได้เป็นองครักษ์ของอันอัน” “เจ้าอยากเป็นองครักษ์?” “ข้าอยากปกป้องอันอัน” สวินเย่ว์ตักน้ำราดตัวลูกชาย หยิบผ้ามาซับน้ำให้ ตอนเกิดไม่ได้เลี้ยงดู มาชดเชยเอาตอนนี้แทนก็แล้วกัน “ท่านพ่อ!” เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เด็กชายก็ขึ้นเสียง “พ่อเจ้าเก่งกว่าเจ้าองครักษ์นั่นเยอะ” เขาหัวเราะในลำคอ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะสอนให้เจ้าแข็งแกร่งกว่าจิ้นฝาน ว่าแต่เจ้าจะทนไหวเรอะ” “ข้าฝึกท่านั่งม้าตั้งแต่ห้าขวบแล้ว” หยางหยางคุยโต เมื่อครั้งที่ติดตามมารดาไปพรรคเงาอสูร ระหว่างมารดาปรุงอาหารอยู่นั้น เขาเล่นสนุกกับคนในพรรคมาร ได้ฝึกท่าพื้นฐานต่างๆ มาบ้าง “เจ้าไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่งข้านี่” เขาจัดการชำระล้างตนเองให้หมดกลิ่นเหงื่อ แต่กระนั้นยังได้ยินเสียงลูกชายบ่นพึมพำ “ท่านยังไม่ค่อยเรียกข้าว่าลูกเลยนี่” “ก็” จะบอกว่าลืมก็กลัวลูกน้อยใจ “ลูกผู้ชายเขาพูดคุยกันเช่นนี้แหละ” “ก็ได้ ข้าเชื่อท่านก็ได้” “หยาง” “อืม” คนเป็นลูกขานรับห้วนๆ เหมือนกับบิดาที่ชอบเ

  • จารใจทุรยศ    Chapter 108. แววตาวิบวับ

    “เรื่องเอาใจสตรี ถามเสด็จพ่อของข้าก็ได้” อันอันแย้มยิ้มทำตาวิบวับไร้เดียงสา “ฮ่องเต้มีสนมมากมาย เมื่อถึงวันเกิดของผู้ใดก็จัดสรรของกำนัลให้กงกงนำไปมอบให้ทุกครั้ง” ‘ต้องปรึกษาเรื่องนี้กับคนเช่นนั้นนะรึ? จะได้เรื่องหรือไม่เล่า’ “ไปหาแม่บุญธรรมกันเถอะ ข้าหิวมากเลยพี่หยางหยาง” “อืม”หยางหยางพยักหน้ารับ หันไปสบตากับบิดาอีกครั้ง เห็นเพียงอีกฝ่ายโบกมือไล่ก็เข้าใจความหมาย เขาหันหลังย่อตัวลงให้อันอันปีนขึ้นหลังอย่างคุ้นเคย เด็กน้อยก็ทำตัวเป็นลูกลิงเกาะทันที สวินเย่ว์ได้แต่นวดขมับตนเองไม่รู้จะเตือนลูกชายอย่างไรไม่ให้ตามใจองค์ชายน้อยนัก แต่ช่างเถอะ ประเดี๋ยวมี ‘น้อง’ ของตัวเองแล้วก็คงเลิกใส่ใจองค์ชายฝูเจี๋ยไปเอง “ช่วงนี้ในวังเป็นอย่างไร” สวินเย่ว์เอ่ยถามองครักษ์ที่กำลังจะเดินตามองค์ชายฝูเจี๋ยไป จิ้นฝานชะงักเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้น “ในวังเรียบร้อยดีขอรับ” “ดี” เขาพยักหน้ารับ “ดูแลเจ้าเด็กนั่นดีๆ อย่าไปตามใจนัก” “ขอรับ” จิ้นฝานได้แต่ลอบโอดครวญในอก เขาเป็นองครักษ์ไม่ต่างจากคนรับใช้ จะมีสิทธิ์อะไรไปห้ามเจ้านา

  • จารใจทุรยศ    Chapter 107.  จารใจทุรยศ ตอนพิเศษ

    สวินเย่ว์เลิกคิ้วรอถ้อยคำจากริมฝีปากสีชาดของหญิงสาว ไม่น่าเชื่อเลยว่า หัวใจดุจน้ำแข็งของเขาจะถูกหลอมละลายอยู่ในอุ้งมือของนางได้ “ข้าชอบท่านที่สุด” นางยื่นริมฝีปากไปประกบริมฝีปากที่เจือรสสุราชวนมึนเมา วงแขนแข็งแกร่งรวบร่างนางเข้ามากอดแนบแน่น เขาจูบไล้กลีบปากของนางช้าๆ แล้วแทรกเรียวลิ้นเกี่ยวกระหวัดด้วยเสน่หาลึกล้ำ ทำเอาร่างของนางอ่อนระทวยจนต้องเอนกายเข้าหา เขาจึงยอมละริมฝีปากแล้วเลื่อนมาประทับจูบที่รอยแผลเป็นของนางอย่างทะนุถนอม พลางกระซิบเสียงพร่า “ข้าชอบเจ้ามากกว่า” ‘แต่ข้ารักท่าน’ เสิ่นฉางซีไม่ได้พูดในสิ่งที่ใจคิด แต่นางเชื่อว่าเขารับรู้เสียงในหัวใจของนางได้ บางครั้งการกระทำสำคัญกว่าคำพูด เห็นทีว่าประโยคนี้จะใช้กับบุรุษตัวโตเอาแต่ใจได้ดี สวินเย่ว์ก้มมองหญิงสาวที่ช้อนตาขึ้นมองเขาพอดี สิบสามปีก่อน เขาถูกดวงตาสุกใสของนางตราตรึงจนยากจะลืมเลือน หนึ่งครั้งที่เขาช่วยชีวิตนาง หนึ่งครั้งที่นางช่วยชีวิตเขา ชะตานำพาใจสองดวงให้พานพบและผูกพัน เกิดสายใยโยงหัวใจสองดวง แม้ต้องไกลห่างก็นำพาให้หวนคืน ลมหายใจของนาง ไออุ่นจากกายของเขา ทุกส

  • จารใจทุรยศ    Chapter 106.  ประตูห้องหอ

    “ไมต้องเขินอายไป เรื่องแบบนี้ข้ารู้ว่าพูดยาก แต่ข้าเป็นคนคุยง่าย เจ้าอยากแต่งงานใหญ่โตกว่าท่านแม่ทัพสวินเย่ว์ ข้าก็จัดการให้เจ้าได้”“ใครบอกว่าข้าจะแต่งกับเจ้า”“ก็ข้าพูดออกไปเมื่อครู่ไง” นางทำตาปริบๆ “แต่งกับข้าเถอะน่า ข้าอยากได้ยินคนบ่นข้างหูแบบนี้ทุกวัน”“นี่เจ้าชอบข้าเรอะ!” เขาควรรู้สึกยินดีใช่ไหมที่สตรีประหลาดอย่างซูหลี่น่ามาชอบเขา“อืม” นางพยักหน้า “อยู่กับเจ้าก็เหมือนเลี้ยงนกแก้วให้มันส่งเสียงเจื้อยแจ้วข้างหู”“เจ้ากล้าเปรียบเทียบข้ากับนกแก้วเรอะ!”“อืม” นางพยักหน้าขึ้นลง “ไม่ต้องอาย ข้าจะไปสู่ขอเจ้าเอง”ซูหลี่น่านั่งลงบนตักของเกาเทียนฉี สะโพกกลมกลึงบดเบียดเย้ายวนจนส่วนที่หลับใหลตื่นฟื้น นางยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่เกาเทียนฉีได้แต่หลับตาโอดครวญอยู่ในอกที่ไม่สามารถบังคับ ‘ส่วนนั้น’ ของร่างกายได้เลยเอาเถอะ! บางทีชีวิตของเขาอาจรอผู้หญิงบ้าๆ อย่างนางอยู่ก็เป็นได้.เด็กชายวัยเจ็ดขวบยืนตาโตมองมารดาของตนในชุดสีแดงงดงามจับตา เสิ่นฉางซีอยู่ในชุดเจ้าสาว แม้มีผ้าคลุมหน้าอยู่ก็รับรู้ได้ว่าถูกลูกชายจ้องมองจนรู้สึกเขินอาย “เลิกมองแม่ได้แล้ว” “ท่านแม่สวยมาก” หยางหยางพูดขึ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status