หญิงสาวในชุดเดรสรัดรูปสีกรมท่า ดูสวยสง่าเข้ากับอายุวัยสามสิบของเธอ ใครที่ได้เห็นต่างก็ต้องลงความเห็นว่าเธอนั้นดูดีไม่ต่างจากภรรยาเศรษฐีผู้มีอันจะกิน แต่ใครจะรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอกลับเป็นลูกหนี้ตกอับที่อาจจะไม่มีที่ให้ซุกหัวนอน
“สร แกลองเช็กดูก่อนแล้วกันว่าครบไหม”
หญิงสาวผมสั้นนัยน์ตาเรียวยื่นซองสีน้ำตาล ที่ข้างในเต็มไปด้วยเงินปึกใหญ่ส่งให้เพื่อนสาวคนสนิท
“ที่จริงฉันก็เช็กจากธนาคารแล้วรอบหนึ่ง แต่เพื่อความชัวร์เช็กอีกรอบก็น่าจะดี”
นภัสสรทำเพียงเปิดดูเงินในซองก่อนจะยัดมันใส่กระเป๋าสะพายข้าง
“ไม่เป็นไร ฉันว่าแกน่าจะนับเรียบร้อยดีแล้วแหละ”
“อืม โอเค”
“ขอบใจแกมาก ๆ นะโส ถ้าไม่มีแกฉันคงแย่” ดวงตากลมโตเครือไปด้วยหยาดน้ำตา
“ไม่เป็นไรเลยแก เพื่อนกันมีไรก็ต้องช่วยกันอยู่แล้ว” โสรยาตบบ่านภัสสรเบา ๆ เพื่อให้เพื่อนสนิทคลายกังวล
“ไว้ฉันมีเมื่อไหร่จะรีบมาใช้คืนแกเลยนะ”
“ไม่ได้จะว่าอย่างนั้นอย่างนี้นะ แต่เงินห้าแสนมันจะพอเหรอสร ผัวแกเป็นหนี้ตั้งยี่สิบล้านเลยนะ มันยังไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของยอดทั้งหมดเลยอ่ะ” น้ำเสียงหวานเจือด้วยความเป็นกังวล
“มันก็ไม่พอหรอก แต่มันก็ดีกว่าที่ฉันต้องไปต่อรองกับพวกเจ้าหนี้มือเปล่า อย่างน้อยก็ให้เขาเห็นว่าฉันพยายามหาเงินมาใช้หนี้ เผื่อเขาจะสงสารยอมผ่อนผันให้ฉันบ้าง” เธอพูดด้วยเสียงเหนื่อยอ่อนก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้นแล้วกัน”
“งั้นฉันไปก่อนนะโส”
“เรื่องเป็นยังไงโทรมาบอกฉันด้วยนะ”
“อืม เดี๋ยวบอกนะ”
หลังจากร่ำลาเพื่อนสนิทเป็นที่เรียบร้อย นภัสสรก็นั่งแท็กซี่เพื่อเดินทางไปยังบ้านของเจ้าหนี้ที่เธอนัดไว้ เพื่อขอเจรจาประณอมหนี้
แต่จากชื่อเสียงเรียงนามของ 'เสี่ยชัช' หรือ 'ชัชวาล' ที่เธอได้ไปถามไถ่คนที่รู้จักเขามา ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเขานั้นเป็นคนเด็ดขาดและไม่มีความปรานีให้ใครหน้าไหนทั้งนั้น โดยเฉพาะกับลูกหนี้ เมื่อได้ยินเช่นนี้ยิ่งทำให้เธอวิตกกว่าเดิมเป็นเท่าตัว แถมยังต้องมาพบเสี่ยชัชคนเดียวอีก เพราะณรงค์ต้องอยู่ช่วยงานเจ้านายเก็บค่าแผงที่ตลาด ทำให้ไม่สามารถปลีกตัวมากับเธอได้
ไม่นานนักรถก็มาจอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่สุดในย่านคนมีสตางค์ ที่ตั้งอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน แค่รั้วบ้านยังดูราคาแพงมากกว่าหอพักทั้งหลังที่เธอเช่าอยู่เสียอีก ทำเอานภัสสรรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างบอกไม่ถูก
“มาหาใคร”
ชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำเอ่ยถาม เมื่อเห็นเธอยืนด่อม ๆ มอง ๆ หน้าบ้านอยู่สักพักใหญ่
“ฉันชื่อนภัสสร มาพบคุณชัชวาลค่ะ” เธอยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
“อ่อ เมียณรงค์ใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ”
“เข้ามา ๆ เสี่ยรออยู่ด้านในแล้ว" เขาพูดพลางเปิดประตูให้เธอเข้าไปด้านใน
“ค่ะ”
เธอเดินตามหลังบอดี้การ์ดเข้าไปในบ้าน พลางสายตาสอดส่องทั่วบริเวณ รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ทุกอย่างล้วนสวยสะดุดตาและหรูหราอย่างที่นภัสสรเคยวาดฝันไว้ หากวันหนึ่งเธอมีบ้านแบบนี้บ้างก็คงจะดี
“เสี่ยครับ เมียณรงค์มาแล้วครับ” ชายฉกรรจ์ตะโกนบอกคนด้านใน
“เข้ามาได้”
บอดี้การ์ดเปิดประตูพลางทำไม้ทำมือให้เธอเดินเข้าไป เรียวขาสวยก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ทั้งรู้สึกกังวล กลัว และตื่นเต้น เพราะไม่รู้เลยว่าคนตรงหน้าจะเป็นเช่นไร เขาจะเป็นคนโหดร้ายอย่างที่ใคร ๆ ต่างพูดกันไหมนะ
ร่างกำยำเอนพิงโซฟาขณะพินิจมองหญิงสาวที่เข้ามาใหม่ ทรวดทรงองค์เอวสวยงามอย่างกับภาพวาด ดวงตากลมโตแวววาวราวไข่มุกอันดามัน หน้าตาดีสมคำร่ำลือ
ไม่น่าแต่งงานกับไอ้ผีพนันนั่นเลย
“สวัสดีค่ะคุณชัชวาล” นภัสสรยกมือไหว้
“เสี่ยชัช” เสียงทุ้มเอ่ย
“คะ?”
“เรียกฉันว่าเสี่ยชัช”
“ค่ะ เสี่ยชัช”
เธอกะพริบตาถี่ รู้สึกประหม่ายิ่งกว่าเดิมเมื่อต้องอยู่ใกล้เจ้าหนี้ ตอนแรกเธอเข้าใจว่าชัชวาลจะดูมีอายุมากกว่านี้ แต่ทว่าเมื่อเจอตัวจริงกลับดูดีคล้ายชายหนุ่มวัยสามสิบปลายเสียมากกว่า
“เธอมาที่นี่มีอะไรจะคุยกับฉัน” ชัชวาลเอ่ยเข้าเรื่อง
“สรจะมาขอผ่อนผันหนี้ค่ะ” ดวงตาดำขลับมุ่งมั่นแม้นข้างในจะสั่นกลัวอยู่ก็ตาม
“จะผ่อนกี่งวดดีละ ตั้งยี่สิบล้านเลยนะ”
“ถ้าสิบปี ปีละสองล้าน พอจะได้ไหมคะ” เธอเสนออย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“สิบปี? เธอว่ามันไม่นานไปหน่อยเหรอ” ดวงตาคมมองคนตัวเล็กอย่างไม่วางตา
“นานค่ะ แต่สรกับพี่รงค์เราไหวเท่านี้จริง ๆ” หญิงสาวเอ่ยก่อนจะหยิบซองสีน้ำตาลในกระเป๋าส่งให้คนตรงหน้า
“อะไร”
“เงินงวดแรกค่ะ ตอนนี้สรพอจะหามาให้เสี่ยได้เท่านี้ แล้วเดี๋ยวสรจะหามาจ่ายเพิ่มนะคะ”
“ในซองนี้เท่าไหร่”
“ห้าแสนค่ะ”
เธอพูดตะกุกตะกักพลางนั่งสั่นเทิ้ม จนต้องกุมมือทั้งสองข้างไว้บนตักเพื่อให้ตนดูเป็นปกติ เธอรู้ดีว่าเงินมันน้อยเกินไป และอาจทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้
“แค่งวดแรกเธอยังจ่ายให้ฉันไม่ครบเลย ทั้งที่มันควรจะเป็นสองล้านด้วยซ้ำ”
สายตาชายหนุ่มยังคงเรียบนิ่ง จนนภัสสรแทบไม่นั่งติด
“อีกล้านห้า สรจะพยายามหามาจ่ายให้ได้เร็วที่สุดนะคะ" เธอเอ่ยอย่างแข็งขัน ทำใจดีสู้เสือใหญ่วัยสี่สิบแปด
“เร็วที่สุดของเธอมันเมื่อไหร่”
“เอ่อ..." หญิงสาวอึกอัก
“เร็วที่สุดสำหรับฉันคือตอนนี้”
ดวงตาดุดันเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ ทำเอาหญิงสาวเสียวสันหลังวาบ
“แต่ว่าเธอคงจะหามาให้ฉันตอนนี้ไม่ได้หรอกใช่ไหม”
หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“งั้นเธอก็จ่ายหนี้มาเป็นอย่างอื่น”
นภัสสรคิ้วขมวดอย่างไม่เข้าใจว่าอีกคนหมายถึงอะไร
“ร่างกายของเธอ เอามันมาใช้หนี้แทนผัวเธอสิ นภัสสร”
ดวงตาสองคู่สอดประสานกันอย่างลึกซึ้ง ก่อนประกบจูบมอบจุมพิตกันอย่างถวิลหา ในตอนนี้หัวใจของคนทั้งคู่ต่างไร้พรมแดนซึ่งกันและกัน เขาสามารถล่วงก้าวเข้าไปในพื้นที่ของหญิงสาว เช่นเดียวกับที่เธอก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งในก้นบึ้งหัวใจของชายหนุ่มสองร่างเปลือยเปล่ากอดก่ายกันอย่างแนบชิด สันจมูกคมพรมจูบไปตามเนื้อเนียนนวลอย่างรักใคร่ ก่อนจะเลื่อนลงต่ำไปยังส่วนเนื้ออวบอูม เรียวขาสวยทั้งสองข้างถูกแยกออกจากกัน ก่อนที่ริมฝีปากหยักหยุ่นจะแตะโลมเลียตั้งแต่ปลายเท้าไล่ขึ้นไปถึงปลีน่องและขาอ่อนเนียนตอหนวดเฉียดสัมผัสช่วงเรียวขาที่อ่อนไหว ทำเอาหญิงสาวสั่นระทดระทวยจนร่างแทบเหลวเป็นน้ำ เป็นความหวามไหวที่ไม่ได้ทำให้สติถึงขั้นกระจัดกระเจิง แต่ทว่ากลับตื่นเต้นจนหัวใจสั่นระรัวยากเกินกว่าจะควบคุมให้เป็นปกติสองนิ้วเรียวแหวกกลีบเนื้อพลางถูไถเป็นจังหวะคล้ายเรียกน้ำปรารถนาให้ไหลออกมาจากตัวเธอ เพียงไม่กี่อึดใจน้ำสีใสเหนียวลื่นก็ซึมซาบออกมาราวกับสั่งได้“จะกี่ปี ๆ น้ำเธอก็เต็มรูตลอดเลยนะ” เสี่ยชัชยิ้มมุมปากพลางเอ่ย“ก็เสี่ยเล้าโลมดีนี่คะ”“ฉันเล้าโลมดี หรือเธออารมณ์ขึ้นง่ายกันแน่”“อาจจะเพราะเป็นเสี่ยมั้งคะ สรก็เลยมีอารมณ์ต
นภัสสรขับรถไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย ก่อนจะเลี้ยวเข้าซอยท้ายสุดของหมู่บ้าน ประตูรั้วบานใหญ่เปิดออกอัตโนมัติเมื่อหญิงสาวมาถึง เธอสามารถเข้าออกที่นี่ได้อย่างอิสระราวกับว่าเธอเป็นหนึ่งในเจ้าของบ้าน เธอได้รับเกียรตินั้นเสมอตั้งแต่วันแรกที่มาจนถึงปัจจุบัน“สวัสดีค่ะหนูสร ให้ป้าช่วยถืออะไรไหมคะ” ป้าสายออกมาต้อนรับเธออย่างดี“ไม่เป็นไรค่ะป้า เดี๋ยวสรถือเองก็ได้ค่ะ”“หนูสรกินอะไรมาหรือยังคะ ให้ป้าเตรียมให้ไหม”“สรกินมาเรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้เสี่ยอยู่ไหนหรือคะ” เธอระบายยิ้มพลางถาม“คุณชัชอยู่ที่ห้องนอนค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย“งั้นเดี๋ยวสรไปหาเสี่ยก่อนนะคะ” เธอปลีกตัวก่อนจะเยื้องย่างมุ่งหน้าไปยังห้องนอนของชัชวาลก๊อก ก๊อก ~ ~หญิงสาวเคาะประตูห้องก่อนจะเปิดมันเข้าไปด้านใน เจ้าของบ้านสะลึมสะลือคล้ายกับเพิ่งรู้สึกตัวตื่นหลังจากที่เธอเข้ามา ร่างเพรียวบางหย่อนตัวลงนั่งข้างเตียง ก่อนจะโน้มตัวพรมจูบบนใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์“เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาถามทั้งที่ยังลืมตาตื่นไม่เต็มที่“เพิ่งมาถึงเองค่ะ”“ตอนนี้กี่โมงแล้ว” เขาถามก่อนจะหยัดตัวนั่งพิงหัวเตียง“จะห้าทุ่มแล้วค่ะ”“อ้าว ดึกแล้วทำ
สามปีต่อมาในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ณ ห้างสรรพสินค้าย่านใจกลางเมือง ซึ่งคลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่มาพักผ่อนหย่อนใจและจับจ่ายใช้สอยกันอย่างเบิกบานแต่ทว่าสำหรับนภัสสรแล้ว วันนี้กลับกลายเป็นวันทำงานที่เธอทั้งกดดันและตื่นเต้นไปพร้อม ๆ กัน เพราะเป็นวันที่แบรนด์เสื้อผ้าออนไลน์ของเธอจะมีหน้าร้านเป็นของตัวเองสักทีหลังจากที่เธอหย่าขาดกับณรงค์ เธอก็ได้เอาเงินเก็บที่เสี่ยชัชให้ด้วยความเสน่หามาลงทุนสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง ในช่วงแรกกิจการลุ่ม ๆ ดอน ๆ ตามประสาคนที่ไม่ได้เชี่ยวชาญการทำธุรกิจมากนักแต่เมื่อได้ลองผิดลองถูกหลายอย่าง มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้และผลักดันให้ธุรกิจสามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำอย่างที่เธอต้องการ จนกระทั่งสามารถเช่าพื้นที่เปิดร้านในห้างสรรพสินค้าใหญ่ ๆ ได้“พี่สรคะ มีดอกไม้มาส่งค่ะ” น้ำรินทร์เอ่ยพลางยื่นดอกกุหลาบช่อโตให้เจ้าของแบรนด์“ใครให้มาเหรอรินทร์” เธอยิ้มบางพลางทำหน้างุนงงเล็กน้อย“พี่สรดูเองดีกว่าค่ะ”ลูกน้องคนสนิทยิ้มร่าก่อนจะว่าต่อ“แต่รินทร์ว่าพี่สรคงเดาได้ไม่ยากหรอกค่ะ ก็คงเป็นคนดีคนเดิมของพี่สรนั่นแหละ”หญิงสาววัยสามสิบสามไม่พูดอะไร ก่อนจะก้มหน้าอ่านจดหมายน้อยที่
ชัชวาลอุ้มร่างเพรียวสวยไปวางบนโซฟาอย่างค่อย ๆ พลางถอนแกนกายออก ก่อนจะไปจัดการเช็ดคราบแห่งความสุขสมที่เลอะอยู่กลางห้องอีกฝ่ายวางเธอลงไว้ที่โซฟาท่าไหน เธอก็ยังเอนตัวพิงโซฟาอยู่ท่านั้น นภัสสรนั่งอ้าขาเอนกายพิงพนักที่นั่งอย่างสิ้นสภาพ การร่วมรักครั้งนี้ทำเธอล่องลอย สติกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศละทางจนเธอแทบจะจับจุดและเอาสติกลับมาไม่ได้“เธอโอเคไหม นภัสสร” ชายหนุ่มเอ่ยพลางจับแก้มนวลเพื่อตรวจเช็กร่างกายว่าเธอยังปกติดีหรือไม่“โอเคค่ะ” เธอตอบเสียงอ่อน“โอเคจริง ๆ ใช่ไหม ฉันไม่เคยเห็นเธอหมดสภาพแบบนี้มาก่อนเลย” เสียงทุ้มต่ำเจือความกังวลเอ่ยก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างคนตัวเล็ก“โอเคจริง ๆ ค่ะ สรแค่หมดแรงเฉย ๆ” ตอนนี้สติของเธอเริ่มกลับมาเกือบหมดแล้ว“งั้นเธอนอนพักก่อนดีไหม”“ก็ดีค่ะ นอนพักสักหน่อยน่าจะดีขึ้น”“ขอโทษนะ ฉันไม่น่าเอาเธอขนาดนี้เลย” ว่าจบชายหนุ่มก็กดจูบกลางหน้าผากอย่างแผ่วเบา“ไม่ใช่ความผิดเสี่ยเลยค่ะ ก็สรอยากให้เสี่ยทำแรง ๆ เอง และอีกอย่างที่ทำกันเมื่อกี้ไม่ใช่ไม่ดีสักหน่อย” เธอเอ่ยพลางเม้มปากอย่างขัดเขิน“หมายความว่ายังไง”“ที่เสี่ยอุ้มสรเมื่อกี้มันดีมาก ๆ เลยค่ะ”นัยน์ตาดำขลับฉายแววเป็
ใบหน้าขาวนวลขึ้นสีตรงแก้มอย่างเห็นได้ชัด ก้อนเนื้ออกข้างซ้ายเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ รู้สึกประหม่าจนต้องเม้มปากเพื่อแก้อาการเขิน แต่ทว่ามันกลับยั่วยุอารมณ์กามของอีกฝ่ายให้พลุ่งพล่าน จนเผลอกระทุ้งเสยเข้าไปเต็มแรง“อ้ะ จ...จุก”“เจ็บเหรอ”ร่างกำยำถามอย่างเป็นกังวล แต่ก็ยังกระแทกกระทั้นไม่ยั้งแรงเช่นเดิม“ไม่เจ็บค่ะ แค่จุกเฉย ๆ” เธอเอ่ยพลางลูบตรงท้องน้อยที่ปวดมวนวาบเป็นที ๆ“ให้ฉันทำเบากว่านี้ไหม”“ไม่เอาค่ะ ทำแรง ๆ แบบนี้แหละ หนูชอบ”รอยยิ้มเสือร้ายปรากฏบนใบหน้าชายวัยกลางคนทันที ก่อนจะตอกอัดเสยแกนกายอย่างไม่ปรานี ทำเอาหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความจุกเสียว“อ่าส์ ตรงนั้นแหละค่ะ เสียวสุด ๆ ไปเลย”สะโพกสอบโถมแรงอัดกระแทกเข้าใส่ไม่บันยะบันยัง ทำเอาสองเต้ากลมกลึงเด้งกระเพื่อมตามแรงโน้มถ่วง อีกทั้งเรียวขาสวยทั้งสองข้างสั่นสะท้านจนแทบจะยืนทรงตัวไม่ได้เต็มฝ่าเท้า แขนแกร่งจึงยกขาข้างหนึ่งของหญิงสาวมาประคองไว้ หวังจะช่วยทำให้เธอทรงตัวได้ง่ายขึ้น แต่ทว่ามันกลับทำให้ท่อนลำเนื้อทะลวงเข้าไปในตัวของอีกคนลึกกว่าเดิม“อ้าาาส์ ล...ลึก ลึกจังเลยค่ะเสี่ย”“พิงผนังไว้ดี ๆ นะ ฉันจะใส่เต็มแรงแล้ว”“กรี๊ดดดด อ่าห์”นภ
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” เสียงทุ้มเอ่ยบอกเจ้าของใบหน้าสอางค์ท่ามกลางความเงียบในห้องทำงานของเขา“ไม่เป็นไรค่ะ เหลืออีกนิดเดียวก็จะเสร็จแล้ว” นัยน์ตาดำขลับฉายแววแน่วแน่ขะมักเขม้นกับงานเอกสารตรงหน้าพลางเอ่ย“เธอนั่งทำมาทั้งวันแล้วนะ ไม่เหนื่อยบ้างเหรอ”“เสี่ยก็ทำมาทั้งวันเหมือนกัน ไม่เห็นเสี่ยจะเหนื่อยเลยนี่คะ” เธอเอ่ยย้อนตาใส แต่ทว่าก็ไม่ได้ทำให้คนแก่กว่ารู้สึกเดือดดาล“ก็ฉันทำจนชินไปแล้ว แต่เธอเพิ่งจะทำเองนะ”นภัสสรมาช่วยงานเอกสารและตัวเลขให้ชัชวาลได้เกือบสองสัปดาห์แล้ว แม้ว่าเธอจะไม่เคยมีประสบการณ์งานด้านนี้มาก่อน แต่ทว่าความรู้จากการเรียนจบครูคณิตฯ ระดับมัธยมศึกษามาก่อนก็พอจะช่วยเธออยู่ได้บ้าง ถึงจะช่วยไม่ได้มากนัก แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกโง่งมจนเกินไป“ถึงจะเพิ่งทำ แต่สรก็ทำได้นะคะ” เธอยังคงมุ่งมั่น“ก็รู้ แต่มันก็ต้องทำแต่พอดีไง ทำเยอะเกินไป เธอจะล้าเอาได้ เดี๋ยวจะเหนื่อยจนไม่ได้ทำอย่างอื่น” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าของชายมีอายุ“เสี่ยหมายถึงทำอะไรคะ” หญิงสาวเอียงคอถามชัชวาลเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เธอก่อนจะโน้มใบหน้าและกระซิบข้างหูหญิงสาวอย่างแผ่วเบา“ก็ทำแบบที่เธอร้องครางเสีย