เข้าสู่ระบบ“เจ้าข้าเอ้ย...มาเร็วมาดูหญิงม่ายไร้ยางอาย เพิ่งหย่าสามีกลับแย่งผัวข้าไป” เจินหนิงที่ถูกสามีหย่าร้างไม่ได้กลับบ้านเดิมไปทันที แต่ทว่าลอบแอบดูสามีกับบุตรชายทุกวัน พบว่าบ้านสองแม่ลูกนั้นเพิ่งจะเข้ามาอยู่ กลับสนิทสนมกลมเกลียวเร็วนัก พาให้สงสัยจนนางไปสืบทราบมาว่าชุยชิงชิงเดิมแต่งเป็นฮูหยินตระกูลฟู่เฉียน แล้วถูกสามีหย่าเพราะไม่มีคุณสมบัติภรรยา แต่ลึก ๆ แล้วนางก็คิดว่าต้องเป็นเพราะแอบลอบคบกับสามีนางเป็นแน่ ไม่อย่างนั้นพอหย่าขาดกับสามีออกมาก็มีที่อยู่เลย จะเป็นไปได้อย่างไร หรือสามีตนแอบช่วยเรื่องร้านค้าด้านข้าง
นางจึงใช้โอกาสนี้ลอบไปขวางรถของนายท่าน
ฟู่เฉียน บอกเล่าทุกอย่างและป้ายสีนางไปอีกด้วย คนในตลาดชอบอยู่แล้วเรื่องเหม็นโฉ่แบบนี้ ดูสินางจะมีหน้าอยู่ในตลาดได้เยี่ยงไร“นี่เจ้าพูดบ้าอะไร...แม่ข้าไปแย่งสามีเจ้าเมื่อใด”
จื่อเถาถึงกับทนไม่ได้ กระทั่งท่านพ่อของนางก็ยังยืนข้างสตรีชั่วผู้นี้ ไม่รู้ไปเป่าหูท่าไหนถึงได้หูเบานัก“เหอะ...เจ้าร้ายนักนะลู่จื้อ ทำทีหลอกข้าว่าสนิทสนมกับแม่ม่ายโม่เฉียว ที่แท้ก็สับขาหลอกข้า แท้ที่จริงเป็นนางใช่หรือไม่” เจินหนิงยังไม่ยอม ตะโกนเรื่องน่าอับอาย
จนผู้คนที่เดินมาจับจ่ายซื้อของมารุมกันมุงดู“นี่เจ้า...ข้าหย่าเจ้าเพราะเจ้าสันหลังยาว วัน ๆ ใช้แต่บุตรชายทำงาน ไม่พอใจก็ทุบตี ชาวบ้านทั่วทั้งตลาดก็ทราบดี มาวันนี้เจ้ายังลากผู้อื่นที่ไม่รู้เรื่องมาเกี่ยวอีกรึ วาจาเจ้ามันน่าตีให้ตายนัก ใครเชื่อเจ้าก็กระบือเต็มที” ลู่จื้อไม่คิดว่านางจะกลับมาแว้งกัดเขาเช่นนี้ คิดว่านางจะยอมเลิกรา
ที่ไหนได้กลับป้ายสีคนที่ช่วยเขาเลี้ยงดูบุตรชาย แบบนี้เขาจะเอาไว้ได้อย่างไรกันคำว่าใครเชื่อเจ้าก็กระบือเต็มที สะเทือนไปถึง
ฟู่เฉียนอี้ เขาถึงกับกัดฟันกรอด โดนด่ากระทบเช่นนี้ได้อย่างไร“เหอะ! เจ้าก็แค่อ้าง พอนางมาเจ้าก็หาเรื่องหย่า
เจ้าทนอยู่ได้ตั้งนานนม เหตุใดมาทนไม่ได้เอาวันที่นาง มีอิสระเล่า”คำพูดของเจินหนิงทำให้ฟู่เฉียนอี้ดวงตามืดครึ้ม หรือที่แท้เพราะนางคบชู้อยู่กับคนขายซาลาเปาจริง ๆ ถึงได้ปีกกล้าขาแข็งออกมาลำพังกับลูกสาว
‘บัดซบนัก!’
ชุยชิงชิงรู้สึกยอมไม่ได้ ยิ่งเห็นหน้าอดีตสามีที่เชื่อฟังคำหญิงไม่มีหัวนอนปลายเท้า ทั้งเอาแต่หาเรื่องไปวัน ๆ นางก็คิดว่าเขาน่าจะเอาหินถ่วงหูนัก
“เจ้าว่าข้าคบชู้กับสามีเจ้า เจ้ามีหลักฐานหรือไม่ หากไม่เช่นนั้นก็ไปขึ้นศาล ข้าย่อมต้องไปขอความเป็นธรรม เดิมข้าอยู่ในตระกูลสามีก็ไร้ความยุติธรรมอยู่แล้ว ทั้งปลดข้าจากภรรยาโดยไร้ความผิด วันนี้เจ้าป้ายสีข้า เจ้าคิดว่าสตรีตระกูลชุยรังแกได้ง่ายนักรึ”
ชุยชิงชิงไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ทำแน่นอน นางแต่งให้ชายใจโลเลก็ผิดพออยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาก็หูเบาเช่นกัน วัน ๆ นางอยู่แต่ตระกูลฟู่เฉียนอย่างสงบเสงี่ยม แทบไม่ได้ก้าวเท้าออกจากตระกูล นางจะเอาเวลาที่ไหน
ไปคบชู้เล่า“เจ้า...พาดพิงถึงข้ารึ” ฟู่เฉียนอี้ทนฟังไม่ได้ ที่สตรี
ผู้นี้กล่าวหาเขา เขาเป็นคนมีชื่อเสียง หากแปดเปื้อนเพราะนางใครจะทำการค้ากับเขาได้เล่า“ข้าพูดความจริง หาได้ป้ายสีแบบนางไม่ หากท่าน
หูเบานักก็หาหินมาถ่วงหูเสียบ้าง ปลดข้าที่เคยเป็นภรรยาเอกเป็นอนุ มีตระกูลใดทำกัน นอกจากตระกูลชั่ว ๆ ของท่าน ที่มีแม่สามีใจดำอำมหิตส่งสตรีอุ่นเตียงให้สามีข้าทุกวัน หนำซ้ำยุให้หย่าข้าก็หย่าง่าย ๆ ไม่เห็นกับความดีที่อยู่ร่วมกันมาหลายปี ข้ามีสิ่งใดบกพร่อง ท่านตรองดีแล้วรึ”เมื่อคนเริ่มเยอะ นางก็เริ่มสาวไส้เรื่องคาว ๆ ในตระกูลฟู่เฉียนออกมา แล้วก็เป็นอย่างที่นางคิดไว้ คนทั้งตลาดต่างสงสารเห็นใจนาง
แต่นางไม่รู้ว่าฮูหยินชุยก็แอบดูความเคลื่อนไหวของบุตรสาวอยู่เช่นกัน แต่ทว่ายังไม่เผยตัว แต่เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วเห็นทีว่าตระกูลชุยจะโดนฮูหยินผู้เฒ่าฟู่เฉียนตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขนาดไล่บุตรสาวของตระกูลชุยออกมา ซ้ำร้ายยังหาเรื่องป้ายสี เช่นนี้ก็ลองดูว่าตระกูลชุยมีอำนาจหรือไม่
“เพราะตระกูลเจ้าต่างหาก” ฟู่เฉียนอี้กล่าวขึ้น
แต่ชุยชิงชิงก็ปกป้องตระกูลตัวเองเช่นกัน“เพราะตระกูลข้า พูดมาได้ ท่านน่ะตาบอดหรือ
ใจบอด ห้ามข้าติดต่อบ้านเดิมให้ตัดขาด ยังโทษตระกูลข้า ตระกูลข้าเคยทำสิ่งใดให้ท่านเดือดเนื้อร้อนใจงั้นรึ ความบาดหมางระหว่างตระกูล เรื่องมันนานมาแล้ว พวกท่านต่างหากที่ไม่ยอมจบ”ชุยชิงชิงแค้นสามีถึงขนาดยืนด่าเขาฉอด ๆ กลางตลาด ทำให้ฟู่เฉียนอี้อับอายนัก เขาไม่เคยโดนผู้คนประณามมากมายเช่นนี้มาก่อน จนอยากจะบีบคออดีตภรรยาให้ตายไปเสีย ดีกว่าให้นางมายืนด่าเขาเช่นนี้
“เจ้า!”
“ทนฟังไม่ได้รึ ความจริงทั้งนั้น ท่านไม่เคยเมตตาข้า เอาแต่หลบอยู่ใต้กระโปรงท่านแม่ท่าน”
เสียงหือดังขึ้นอีกครั้ง ว่าผู้นำตระกูลฟู่เฉียนเชื่อฟังมารดาใจร้ายรังแกฮูหยินตาดำ ๆ ทำให้คนยิ่งสงสารหนัก
ขึ้นไปอีกแต่จื่อเถากลับเห็นวิกฤตินี้คือโอกาสที่จะเรียกลูกค้าให้มาช่วยซื้อของของนาง นอกจากจะแจกให้ชิมฟรี
เป็นเช่นนี้ก็ดี แต่นางชอบท่านแม่ในเวอร์ชันนี้ที่สุด นับว่าทะลุมิติมาแก้ไขชะตาของสองแม่ลูกได้ไม่เลว อย่างน้อย ท่านแม่นางก็สู้คน“เจ้าพูดอะไรให้เกียรติข้าด้วยนะ” ฟู่เฉียนอี้ง้างมือจะลงโทษ แต่กลับถูกเหล่าชาวบ้านรุมประณามด่าทอแทนชุยชิงชิง หลายคนเห็นใจแต่งเข้าตระกูลใหญ่ใช่จะมีความสุข หากเจอแม่สามีไร้ความยุติธรรม ยิ่งรู้ว่าเขาแต่งภรรยาเอกคนใหม่ ปลดภรรยาเอกคนเก่าให้ออกมาลำบากข้างนอก เรื่องยิ่งลือไปไกล บางคนถึงขั้นไม่อุดหนุนร้านเครื่องเทศและผ้าไหมของตระกูลฟู่เฉียนอีกเลย
“ให้เกียรติรึ ท่านนะมีเกียรติตรงที่ใดกันข้าอยาก
จะรู้นัก ข้าคิดว่าเราจะมาอยู่อย่างสงบกันสองคนแม่ลูกแล้ว แต่ท่านก็ยังหาเรื่องพวกเรา ท่านเป็นคนแบบไหนกันแน่”เจินหนิงจากเดิมที่จะหาเรื่องประณามให้คนรุม
ต่อว่าชุยชิงชิง แต่ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ หลายคนสนับสนุนนางถึงขั้นด่าทอตระกูลฟู่เฉียนอันใหญ่โต นางถึงขนาด ค่อย ๆ หดหัวลงทีละนิดทีละนิด เพราะตัวเองแค่ป้ายสี ไปเรื่อย เหมือนที่เคยด่าแม่ม่ายโม่เฉียวว่าเป็นชู้กับสามี แต่นั่นนางทำได้เพราะว่าแม่ม่ายโม่เฉียวไม่ตอบโต้แต่ชุยชิงชิงนางเพิ่งรู้ว่าตระกูลชุยก็มีชื่ออยู่ไม่น้อย ทั้งญาติสายรองและสายหลักยังเป็นขุนนาง นับว่าตัวเองหาเรื่องใส่ตัวแล้ว นางจึงค่อย ๆ ถอยออกจากกลุ่มคนแต่ทว่ากลับถูกมือของลู่จื้อคว้าไว้
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า...เจ้าหย่าข้าแล้วจับข้าทำไม” เสียงโวยวายของเจินหนิงเรียกสายตาของทั้งหมด
ให้หันไปสนใจคู่สามีภรรยาที่เพิ่งเลิกรากันหมาด ๆ ไม่ต่างจากสามีภรรยาจากตระกูลใหญ่ หลายคนถึงขั้นอยากลงไม้ลงมือกับนางเจินหนิง ที่กุข่าวขึ้นสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น“ปล่อยงั้นรึ ดีข้าจะพาเจ้าไปให้ทางการ ฝากขังให้ลืมไปเลย โทษฐานที่ให้ร้ายคนไปทั่ว ทั้งแม่ม่ายโม่เฉียว
ทั้งแม่นางชิงชิง เจ้ามันน่าตัดลิ้น มีปากไม่พูดเรื่องดี หยาบคายพ่นแต่เรื่องชั่ว ๆ บุตรชายของข้าจะติดเสนียดเอา”ลู่จื้อลากเจินหนิงไปหาคนของทางการ ให้ตัดสินความชั่วของนาง หลายคนตามไปเป็นพยานอยากให้สตรีนางนั้นโดนลงโทษให้สาสมกับที่ทำกับผู้อื่น
แต่ทว่าฟู่เฉียนอี้กับชุยชิงชิงยังจ้องมองกันไม่หลบสายตา นางไม่ยอมเขาก็ไม่ยอมเช่นกันจึงยืนจ้องกันอยู่เช่นนั้น
“ท่านไปเสีย ที่นี่บ้านข้าไม่จำเป็นอย่ามาเหยียบไม่เช่นนั้นข้าจะคิดว่าท่านยังอาลัยอาวรณ์สตรีตระกูลชุย
เช่นข้า” จื่อเถาถึงขั้นยกนิ้วให้ท่านแม่ เรื่องที่กล้าไล่คนเช่นท่านพ่อของนาง แต่เมื่อท่านพ่อของนางกำลังจะเอ่ยขึ้น ก็มีเสียงหญิงวัยชรา แต่ยังแข็งแรงดีอยู่เดินมาพร้อมไม้เท้าที่ฉาบทาสีทอง“ผู้ใดมันกล้าระรานคนตระกูลชุยงั้นรึ!”
เสียงกระบี่ดึงจากฝัก ทำให้คนที่อยู่ในชุดแดงเจ้าสาวภายใต้ผ้าคลุมถึงกับสะดุ้ง ความมืดรอบกายทำให้นางตัวสั่นเทาแสงกระบี่ที่สะท้อนกับแสงจันทร์จากหน้าต่างแยงตาทำให้นางถอยทั้งที่ยังคลุมผ้าจนไปนั่งลงบนเตียง “ฮึก...ไม่นะ” จื่อเถาส่ายหน้าเบา ๆ นางไม่อยากตายในคืนเข้าหอ นาง...นางอยากอยู่ต่อมีชีวิตกับคนที่รัก ปลายกระบี่ตวัดขึ้นทำให้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเปิดออก ใบหน้าคนผู้นี้มืดดำไปด้วยความคับแค้น นางส่ายหน้าไปมาหาทางหนีรอดแต่ไม่มี “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย” เสียงหวีดร้องของจื่อเถาดังขึ้นสุดเสียง แต่ทว่าไม่ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าลดกระบี่ลงเลยสักนิดทั้งเสียบเข้ามาที่กลางท้อง ฉึก! กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างที่ลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ ทำให้คนที่นอนเคียงข้างนางตื่นขึ้นมา แล้วโอบกอดนางไว้ “เจ้าเป็นอะไรไป...ฮูหยินของข้า” เขาดึงนางเข้ามากอดปลอบลูบหลังเบา ๆ ให้นางสงบใจ หากให้เดานางคงฝันร้ายกระมังถึงได้ร้องขนาดนี้ “ท่านพี่ข้า...ข้าฝันไป” จื่อเถาไม่รู้จะบอกอย่างไรดี นางฝันถึงคืนแต่งงานและถูกสังหารอย่างเลือดเย็น หรือนี่จะเป็นวิญญาณจื่อเถาที่แท้จ
ลู่หลงเจ็บปวดใจที่โดนแกล้ง วันนี้เขาตื่นแต่เช้ามาผัดข้าวผัดให้ทุกคนได้กินฝีมือเขาเพื่อเป็นการสั่งสอน โดยไม่บอกผู้ใดด้วย วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี เช่นนั้นเจ้าพวกนี้ต้องโดนเขาสั่งสอน กลิ่นหอมของข้าวผัดคลุ้งไปทั่ว และแน่นอนว่าลู่หลงไม่ให้พวกเขารู้เด็ดขาดว่าข้าวผัดนี้ฝีมือเขาทำ เพราะถ้ารู้เจ้าพวกนี้จะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกินเข็ดหลาบตั้งแต่ครั้งพี่จื่อเถาป่วย “พวกเจ้าต้องได้กินข้าวผัดฝีมือข้า...!”เสียงที่อำมหิตนั้นทำเอาจื่อเถาที่แอบเข้ามาดูในครัวว่าผู้ใดทำอาหารกัน เห็นเจ้าลู่หลงตัวแสบแอบมาทำก็เข้าใจทันทีว่าเขาโดนกลั่นแกล้งจึงต้องเอาคืน นางจะเก็บไว้เป็นความลับก็แล้วกัน แล้วไปดูสาวใช้จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษว่าไปถึงไหนแล้วกระดาษแดงเขียนคำว่ามงคลประดับอยู่ ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ อายุยืนนาน ติดรอบบ้านทำให้ดูครึกครื้นยิ่งนักบรรยากาศเช่นนี้ดีจริง ๆ บรรยากาศแสนอบอุ่น พี่น้องพร้อมหน้า ทำกิจกรรมร่วมงานหลังจากเมื่อวานให้คนจัดการเรื่องศพของท่านยายเหิงเจี๋ย นางก็ให้ท่านหมอจากในเมืองมาตรวสุขภาพคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน ทั้งจัดยาให้โดยนางออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ปีนี้ผลผลิตไม่ได้ตามเ
“ท่านพูดอะไรเจ้าคะ” จื่อเถามึนไปหมด วันนี้นางพูดอะไรผิดไปหรือ ไปต่อว่าเขาเมื่อไหร่กันแน่ “ก็เจ้า...ชอบทุกคนที่ซื้อของให้ แต่ข้าซื้อให้เจ้าไม่เห็นชมข้าบ้างเลย” จื่อเถาไม่คิดว่าเขาจะคิดเยอะขนาดนี้ อยู่ด้วยกันมาหลายปี มีลูกด้วยกันตั้งสี่คน แต่อย่างว่าครอบครัวก็ต้องใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียมสินะ นางเข้าไปสวมกอดเขาไว้ ซุกหน้ากับแผ่นหลังคล้ายอ้อนเล็กน้อย ทำให้อีกคนที่กำลังน้อยใจภรรยาสีหน้าดีขึ้น “ท่านพี่...ท่านนะดีที่สุดในใจข้าแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมาท่านดูแลข้าดีที่สุด” เสียงอ่อนหวานทำให้อีกคนยิ้มออก มือหนายกขึ้นทาบมือนุ่มของนางเอาไว้ บอกให้รู้ว่าเขารักนางมากเพียงใด จื่อเถาเคยแต่ดูแลทุกคนมาตลอดชีวิต เมื่อแต่งงานจึงได้เข้าใจว่าการได้มีคนดูแลมันดีเพียงใด แล้วเขาจะไม่ดีได้อย่างไรกันเล่า “เช่นนั้นเจ้าชมข้าบ่อย ๆ ดีหรือไม่” เขาหันกลับมาหานางแล้วยกนางขึ้นอุ้มเดินไปที่เตียง และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสามีต้องการสิ่งใด “ได้...ข้าจะชมท่านทั้งคืน” แล้วคนขี้น้อยใจก็ร่วมรักภรรยาคนงามทั้งคืน วันถัดมาเหล่าองค์ชายอีกสองคนจึงตามมาสมทบและได้พั
หลังจากพาเด็ก ๆ นอนกลางวันแล้ว เหล่าพี่น้องของนางถึงได้ปลีกตัวมาหานางได้ นางจึงทำขนมบัวลอยที่เคยทำเมื่อตอนงานหยวนเซียวให้พวกเขาได้กินกัน ทุกคนต่างคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ “ข้าคิดถึงงานเทศกาลโคมปีแรกของเจียงซู ข้าเกือบไม่รอดเสียแล้ว” เสิ่นหนิวที่จำช่วงนั้นได้ดี ไฟไหม้ตอนเทศกาลโคมไฟ มีเขาคนเดียวที่ติดอยู่ในกองเพลิงและพี่จื่อเถาก็กล้าหาญมากที่เข้าไปช่วยเขา แม้ตอนหลังท่านลุงเผิงหยวนจะมาช่วยพวกเขาอีกที “เวลาผ่านมาพอคิดย้อนไป พวกเราไม่น่ารอดกันมาได้เลย เจอแต่ละเหตุการณ์” ลู่หลงพูดขึ้นแล้วก็ขำ ความอดทนของพวกเขานี้จะมีใครเทียบได้อีก “ทั้งหมดเพราะพี่จื่อเถาต่างหาก ที่พาพวกเราผ่านความเป็นความตายมาได้ ตอนท่านยายตายข้าคิดจะตายตามท่านยายไปเสียแล้ว แต่ท่านก็ช่วยเหลือจนข้ามีกำลังใจสู้ต่อ” อี้หานกล่าว หากเขาเลือกตายตามท่านยายไปเขาจะไม่รู้เลยว่าตนเองยังมีญาติ แม้พวกเขาจะไม่ติดต่อตนก็ตาม แต่นับว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้โดดเดี่ยว และมีบ้านที่เจียงซูยังอบอุ่นเสมอ “ว่าแต่เจ้าเถอะ ทำไมมาก่อนสององค์ชายนั่น” จื่อเถาฟังพวกเขารำลึกความหลัง แล้วก็ต้องถามด้วยความประหลาดใ
“เจ้าว่าอึกเดียวจะเป็นอะไรไหม” ลู่หลงป้องปากกระซิบกระซาบกับลู่จิ่น ไม่ให้พี่ไป๋ได้ยิน “คงไม่เป็นอะไร ลูกผู้ชายต้องดื่มเหล้า ยิ่งธนู ขี่ม้า ถึงสมกับเป็นลูกผู้ชาย” ลู่จิ่นให้เหตุผลสนับสนุนการลองชิมสุราหลิ่งจือ แม้จะมีรสชาติหวานล้ำ แต่ว่าดื่มไม่ระวังก็เมาหัวทิ่มเช่นกันพี่จื่อเถาบอก จื่อเถาเดินมาสมทบเห็นเจ้าแฝดลู่กระซิบกระซาบอะไรกันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เจ้าพวกนี้ต้องให้ท่านน้าของพวกเขาทำเรื่องไม่ดีแน่ “นั่นพวกเจ้าวางแผนอะไรกัน” จื่อเถาหรี่ตามองจับผิด ต่อให้โตแล้วสองแฝดแซ่ลู่ก็ยังแสบเหมือนตอนเด็ก ๆ นางไม่รู้ว่าความแสบสันนี้ได้มาจากใครกัน “ปะ...เปล่านะขอรับ ข้าเพียงตกลงกันว่าคืนนี้จะเอาเผิงซานกับเผิงซุนไปนอนด้วยก็เท่านั้น ไม่ได้วางแผนสักหน่อย” เสียงเล็กเสียงน้อยของลู่หลงตัดพ้อจื่อเถาทำเอานางอยากจะหยิกเหมือนตอนเด็ก ๆ เสียจริง “แม่หนูหนิงมาหาพี่จื่อเถาสิลูกให้ท่านพ่อเหลาดาบได้สะดวก” นางเห็นไป๋อวิ๋นเอาลูกสาวนั่งตักไปด้วยเหลาไม้ไปด้วยก็กลัวว่าเขาจะไม่ถนัด “เจ้าค่ะ” ไป๋หนิงวิ่งมาหาจื่อเถานางย่อตัวอุ้มน้องสาวที่อายุห่างกันมากเหลือเกินจนนางแทบเป
4 ปีผ่านไป จื่อเถาให้กำเนิดบุตรชายสี่คน เป็นฝาแฝดทั้งสองท้อง โดยมีชื่อ เผิงซาน เผิงซุน เผิงเซียว และเผิงซื่อ นางเลี้ยงเหล่าเด็ก ๆ ให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ นางแบ่งแปลงปลูกผูเถาสีแดง ใช้นำจากบ่อน้ำพุวิเศษรดทำให้ลูกดกยิ่งนัก และตอนนี้เหล้าหมักจากผลผูเถาชื่อว่าเหล้าหลิ่งจือที่แปลว่าความหอมหวานแห่งสายลมเป็นที่ต้องการของทั้งแคว้น และองค์รัชทายาทกับองค์ชายรองมาซื้อไปเกือบครึ่งของแต่ละรอบ ของการเปิดถังหมักทำให้เหล้าหลิ่งจื่อไม่พอต่อการขาย คราวนี้นางจึงไม่ให้พวกเขาซื้อและเอาขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้เขาตัดพ้อต่อว่านางเสียยกใหญ่ แต่นางก็ไม่สนใจเพราะมัวแต่เอาไปในวังทั้งองค์ชายอี้หาญและเขาทั้งสองก็ไม่เป็นอันทำอะไร ตกเย็นจับกลุ่มกันดื่มเหล้า “ท่านแม่ไหนี้ข้าชิมได้หรือไม่” เผิงซานเป็นพี่ใหญ่เกิดวันเดียวกับเผิงซุน แต่ความทะเล้นเหมือนได้ลู่หลงมาจนเต็มทั้งอยากชิมของทุกอย่างที่นางทำ กระทั่งเหล้าหมักผูเถาของนาง “เหล้ากินไม่ได้ เจ้าจะเมาเอา” จื่อเถายิ้มตอบพร้อมลูบหัวเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเศร้าทำเอานางอดขำไม่ได้ “ไปฝึกเพลงดาบกับท่านตาไป๋ของเจ้าดีหร







