เข้าสู่ระบบเด็กทั้งสองเดินเข้าไปยังร้านค้าของพี่สาวจื่อเถา ท่านน้าชิงชิงกำลังตักโจ๊กที่มีกลิ่นหอม ทำให้เด็ก ๆ ท้องร้องเสียงดังจนน่าอาย แล้วทั้งคู่ก็ยกมือปิดปากแล้วก็หัวเราะกัน
“เอาล่ะนั่งได้แล้ว”ชุยชิงชิงบอกเด็ก ๆ อย่างอ่อนโยน นางตักโจ๊กให้คนละถ้วยใหญ่ ๆ ดูแล้วเด็กทั้งสองคงไม่ได้กินอิ่มท้องกันบ่อยนัก
จื่อเถามองดูมารดาที่สดใสขึ้น รอยยิ้มประดับใบหน้ามารดาช่วยทำให้ใบหน้าดูเด็กและอ่อนเยาว์ขึ้น นางจึงคิดว่าน้ำพุวิเศษน่าจะช่วยเรื่องผิวพรรณที่งดงามได้กระมัง ดังนั้นจึงอาสาไปทำน้ำชาให้ทุกคนเอง
จื่อเถาใช้เตาอุ่นร้อนใส่ถ่านที่กำลังสุกแดง ๆ ในเตาลงไป วางกาชาแล้วก็ต้มน้ำให้เดือด เสร็จแล้วใส่ใบชาลงไปเพิ่มใบเตยในห้วงมิติสร้างความหอมไปด้วย เท่านี้ชาบ้านนางก็วิเศษกว่าที่ใดแล้ว
นางยกชามาวางที่โต๊ะกินข้าว แล้วรินให้กับทุกคน
ได้ดื่ม กลิ่นชากับใบเตยชัดเจนทำให้ทุกคนต่างอยากดื่มชาก่อน“หอมจังเลยขอรับพี่จื่อเถา” ลู่หลงเป็นคนยกขึ้นดื่มก่อน เพราะตนได้รับน้ำชาเป็นคนแรก “อื้อ...น้ำชาบ้านพี่สาวหวานนักขอรับ”
“นี่คือสูตรน้ำชาบ้านพี่สาวเอง เจ้าอย่ามัวดื่มชา
รีบกินโจ๊กเถิด ระวังร้อนด้วยเล่า” จื่อเถาบอกกับน้องชายข้างบ้านของนางแล้วตัวเองก็นั่งทานด้วยเงียบ ๆ เด็กทั้งสองอร่อยกับโจ๊กฝีมือของท่านแม่จนขอเติมกันอีก เมื่ออิ่มหนำแล้วท่านแม่ก็ให้ยกโจ๊กที่เก็บไว้ ไปให้บิดาของเด็กน้อยทั้งสองด้วย พร้อมกับจื่อเถาจะออกไปซื้อพวกเมล็ดถั่วเพื่อเตรียมทำเต้าหู้ และน้ำเต้าหู้แจกในวันถัดไป“ท่านลุงเจ้าคะ ท่านแม่ให้เอามาให้เจ้าค่ะ” จื่อเถายื่นถ้วยโจ๊กหอมกรุ่นเพิ่งตักจากเตาให้กับท่านลุงลู่จื้อ
“โอ้...ขอบใจมากนะ...ว่าแต่นั่นจะออกไปไหนล่ะ”
“ข้าจะไปซื้อถั่วลิสงกับถั่วเหลือง แล้วก็น้ำตาลอ้อยเจ้าค่ะ” จื่อเถาบอกเสียงใส ทำเอาลู่จื้ออดอมยิ้มไม่ได้
หากภรรยาของเขานางดีกับลูกชาย เขาก็อยากมี
ลูกเพิ่ม แต่นี่นางไม่สมควรเป็นแม่คนด้วยซ้ำ จึงได้แต่มองบุตรสาวของคนอื่นด้วยความเอ็นดู“เช่นนั้นไปเถอะ ให้อาหลงกับอาจิ่นไปช่วยถือของเถอะ” ลู่จื้อหันมามองที่บุตรชายก่อนจะเอ่ย “เจ้าก็ไปช่วยพี่สาวคนดีของเจ้าหน่อย นางอุตส่าห์เลี้ยงอาหารเจ้าสองมื้อแล้วนะ”
“ได้เลยขอรับ” เด็กทั้งสองรับคำเชื่อฟังบิดา เพราะบิดาสอนว่าบุญคุณต้องตอบแทน หากใครช่วยเหลือแม้เพียงเล็กน้อย ถ้ามีโอกาสย่อมต้องตอบแทน
“ขอบคุณเจ้าค่ะท่านลุง”
จื่อเถาเดินจูงมือสองแฝดไปด้วยกันในตลาด การอยู่แถวนี้เดินเลือกซื้อของง่ายดายนัก หากซื้อมากเจ้าของร้านจะให้คนส่งให้ถึงที่ นับว่าเป็นเรื่องดีไม่น้อย
“พี่จื่อเถา ท่านจะทำอะไรขอรับ”
“พี่จะทำเต้าหู้ทอดกับน้ำเต้าหู้”
“เต้าหู้ทอด กับน้ำเต้าหู้!!!” เด็กสองคนมองหน้ากันอย่างฉงน ตนเองไม่เคยเห็นใครเอาเต้าหู้มาทอดเลย มีแต่เอาไปทำอาหารพวกผัดหรือไม่ก็นึ่ง
“ไปเถอะ พรุ่งนี้พี่จะทำน้ำเต้าหู้กับแป้งที่จิ้มกับน้ำเต้าหู้แสนอร่อยให้เจ้ากิน” ถาดไม้เต้าหู้จะมาส่งในวันถัดไป พรุ่งนี้ทำแค่น้ำเต้าหู้ก่อนก็แล้วกัน ทำไม่ยากแค่แช่ถั่วเหลืองค้างไว้ เอามาโม่เสร็จแล้วกรองเอากากออกไปต้มต่อจนสุก
เด็กทั้งสามเดินไปยังร้านขายถั่ว จื่อเถาบอกเจ้าของร้านเอาถั่วเหลืองสองจิน กับถั่วลิสงหนึ่งจิน แล้วก็เดินไปร้านน้ำตาลอ้อย นับว่าเมืองหลวงตานหยางอุดมสมบูรณ์
มีของครบ แต่หากไม่ครบนางก็เอาจากห้วงมิติได้เด็กทั้งสามเดินด้วยใบหน้าเบิกบานกันไปตามท้องถนน โดยหารู้ไม่ว่ามีบางคนกำลังจับตามองอยู่ เมื่อซื้อของเสร็จแล้วพวกเขาก็หอบของกลับบ้าน และท่านพ่อของ
เด็ก ๆ ฝาแฝดก็เก็บซาลาเปาไว้ให้พวกเขาคนละลูกจื่อเถาเอามาให้ท่านแม่ชิมด้วย นางรู้ว่าท่านแม่เพิ่งหย่าร้างมา ยังไม่อยากออกมาสมาคมกับผู้ใด คงเพราะยัง
ทำใจไม่ได้และอับอายอยู่ ดังนั้นเมื่อนานวันเข้าคงจะชินชาไปเอง‘หย่าขาดกันมาดีกว่าอยู่แล้วต้องตายในจวนเน่า ๆ นั่น’
คนที่แอบตามจื่อเถาไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่มีถึงสามคน แต่ละคนล้วนไม่ใช่คนของผู้ใดผู้หนึ่ง แต่คนสามคนมาจากสามนาย แต่จื่อเถาไม่ทันได้ระมัดระวังจึงไม่รู้ว่ามีคนสะกดรอยตาม
นางเอาถั่วเหลืองใส่ถังแช่ไว้แล้วมาทำอย่างอื่นในบ้าน ทั้งช่วยท่านแม่ปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดหมดจด จนเมื่อทำเสร็จทั้งด้านบนด้านล่างแล้ว จื่อเถาจึงมาคุยเรื่องป้ายชื่อร้านกับท่านแม่
“ท่านแม่เจ้าคะ ชื่อร้านเป็นจื่อเถาเต้าหู้ทอดท่านแม่ว่าดีหรือไม่” จื่อเถาเห็นว่าชื่อนี้มารดาเป็นคนตั้งให้ย่อมเป็นมงคล และเพื่อระลึกถึงวิญญาณเจ้าของร่าง นำมาตั้งชื่อร้านก็ไม่เลว
“ได้สิ...ชื่อนี้ก็ดีลูก” ชิงชิงตอบสั้น ๆ ยิ้มบางให้
ลูกสาว ภายในใจนางยังสับสนอยู่นิดหน่อยนางคิดถึงตอนสมัยยังสาวแรกแย้ม เริ่มแรกรักกันนานวันจืดจาง สุดท้ายก็ทอดทิ้ง บุรุษมีสตรีมากล้นเรือนแค่ไหนก็ได้ แต่สตรีมีเพียงบุรุษได้ผู้เดียว
“ท่านแม่อย่าเศร้าโศกไปเลยนะเจ้าคะ ท่านแม่
ยังสาวยังสวย ต่อไปคนดี ๆ ต้องเข้ามาหาท่านแม่แน่นอนเจ้าค่ะ” เด็กสาวยื่นมือไปจับมือของท่านแม่ เมื่อเห็นว่าท่านแม่ของตนกำลังทำหน้าเศร้า เพื่อให้กำลังใจให้ผ่านคืนวันเศร้าหมองไปไวไว“พูดอะไรกันลูก หญิงม่ายล้วนอัปมงคล ไม่มีใครอยากรับเป็นสะใภ้หรอก”
“พูดอันใดเช่นนั้นเจ้าคะ คนที่อัปมงคลคือตระกูลท่านพ่อต่างหาก มองไม่เห็นความงามท่านแม่ ยึดถือความบาดหมางก่อนเก่า ท่านหลุดจากขุมนรกแล้วก็แล้วไปเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนดีอะไร ต่อไปต้องเป็นวันที่ดีของพวกเรา
เจ้าค่ะ”จื่อเถาถือว่าชีวิตไม่สิ้นหวังก็จะไม่หมดหวัง ความหวังจะมีชีวิตให้ดีนั้น ย่อมทำให้เราเจริญขึ้นไปอีก
หลังจากพูดคุยปรับความเข้าใจแล้ว จื่อเถาก็เอาถั่วเหลืองที่แช่ไว้ไปโม่ให้ละเอียด กรองเอากากถั่วเหลืองออกแล้วก็นำมาต้มบนเตาหนึ่งรอบแล้วพักไว้ นางไม่ลืมเติมใบเตยลงไปต้มเพิ่มความหอมด้วย เมื่อรุ่งเช้ามาถึงนางก็ต้มให้เดือดอีกรอบ แล้วจึงเติมน้ำตาลอ้อยลงไปรสชาติหวานยิ่งนัก ทั้งยังหอมกลิ่นใบเตยอ่อน ๆ อีกด้วย
เมื่อวานนางซื้อแป้งสาลีมาด้วย จึงเอาไปผสมน้ำแล้วก็ใส่น้ำเต้าหู้ผสมเล็กน้อย ทั้งเอามือล้วงเข้าไปในห้วงมิติหยิบเบกกิงโซดากับผงฟูมา แล้วผสมทุกอย่างเข้าด้วยกันปั้นเป็นรูปกลม ๆ บ้าง ยาว ๆ คู่กันบ้างเพื่อให้เป็นคู่ปาท่องโก๋ โดยมีท่านแม่ช่วยทอดให้เหลืองกรอบน่าทาน
เมื่อทุกอย่างเสร็จแล้ว จื่อเถากับชิงชิงยกออกมาวางหน้าร้านแล้วเรียกให้คนมาลองดื่ม
“น้ำเต้าหู้แจกฟรีกับแป้งทอดเจ้าค่ะ...เชิญดื่มฟรี
เจ้าค่ะ” เสียงใสแจ๋วของจื่อเถาตะโกนเรียกคนผ่านไป ผ่านมา ทั้งคนมารอซื้อซาลาเปาให้มาดื่มกัน แต่ละคนต่างชมเปาะว่ารสชาติดีเยี่ยมนักน่าทำขาย ทำเอาคนทำอมยิ้มแก้มตุ่ยส่วนมารดาของจื่อเถาเริ่มแรกก็เขินเรื่องต้องมาค้าขาย แต่เมื่อได้รับแต่คำชมทั้งแป้งทอดกับน้ำเต้าหู้นี้เข้ากันนัก นางก็ไม่อายอีกต่อไปช่วยกันตักแจกจนมือเป็นระวิง
“รอสักครู่นะเจ้าคะ ...วันนี้แจกก่อน วันหน้าไว้พวกท่านอุดหนุนพวกเรานะเจ้าคะ” เสียงเรียกลูกค้าตัวน้อย
ทำเอาผู้ใหญ่เอ็นดูกับความเก่งกาจและขยันขันแข็ง จนลู่จื้อยังยิ้มให้กับจื่อเถาคนเก่ง‘ข้าต้องฝึกลูกชายให้เก่งอย่างเด็กน้อยคนนี้แล้ว’
ลู่จื้อคิดในใจ
สองหนูน้อยก็ออกมาช่วยท่านน้าชิงชิงกับพี่สาวจื่อเถาด้วยเช่นกัน จื่อเถาได้เก็บส่วนของพวกเขาไว้ในครัวแล้ว ส่วนด้านนอกนี้เป็นของสำหรับแจกและเพียงสองเค่อก็หมดอย่างรวดเร็ว สร้างความปลื้มปริ่มให้กับคนทำอย่างยิ่ง
“เอาล่ะท่านแม่ วันนี้ผ่านไปด้วยดีนัก วันนี้เราแจกหลายคนชิมบอกว่าถูกปาก เช่นนั้นการค้าย่อมราบรื่นแล้วเจ้าค่ะ”
“ใช่ลูก แม่ชักสนุกเสียแล้ว”ชุยชิงชิงวางความทุกข์ไว้เบื้องหลัง เริ่มคิดเรื่องการค้ากับลูกสาวแล้ว คงต้องไปจดหนังสือเรื่องการเปิดร้านค้าที่อำเภอแล้วกระมัง นางคิดว่าต้องทำให้ถูกต้องไม่เช่นนั้นจะโดนทางการเอาผิดเรื่องทำการค้าไม่เป็นไปตามกฎหมาย
“ใช่เจ้าค่ะ ของที่เราทำย่อมอร่อยเจ้าค่ะ” จะไม่ให้อร่อยได้อย่างไร นางมีน้ำพุวิเศษที่เติมลงในอาหารล้วนมีรสชาติโอชาเชียวล่ะ
“อาหลง อาจิ่นไปกินน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเช้ากันเถอะ” วันนี้พวกเขาตัดสินใจดื่มน้ำเต้าหู้กับแป้งทอดเป็นมื้อเช้ากัน จึงช่วยกันเก็บของไปด้านหลังเพื่อเตรียมเก็บล้างก่อน
ส่วนท่านแม่ไปจัดการตักน้ำเต้าหู้ใส่ถ้วยให้ทุกคนได้ดื่ม กับแป้งทอดคนละสองตัวขณะที่เด็ก ๆ กำลังเพลิดเพลินกับการดื่มน้ำเต้าหู้อยู่นั้น ก็มีเสียงปึงปังหน้าร้านของนางทำให้ทั้งสี่คนมองหน้ากัน อยากรู้ว่าผู้ใดมาทำอะไรอยู่ด้านหน้า จึงวิ่งออกมาดูพร้อมเพรียงกัน แต่ภาพที่เห็นทำเอาชุยชิงชิงและจื่อเถาดวงตาเบิกกว้าง...
เสียงกระบี่ดึงจากฝัก ทำให้คนที่อยู่ในชุดแดงเจ้าสาวภายใต้ผ้าคลุมถึงกับสะดุ้ง ความมืดรอบกายทำให้นางตัวสั่นเทาแสงกระบี่ที่สะท้อนกับแสงจันทร์จากหน้าต่างแยงตาทำให้นางถอยทั้งที่ยังคลุมผ้าจนไปนั่งลงบนเตียง “ฮึก...ไม่นะ” จื่อเถาส่ายหน้าเบา ๆ นางไม่อยากตายในคืนเข้าหอ นาง...นางอยากอยู่ต่อมีชีวิตกับคนที่รัก ปลายกระบี่ตวัดขึ้นทำให้ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวเปิดออก ใบหน้าคนผู้นี้มืดดำไปด้วยความคับแค้น นางส่ายหน้าไปมาหาทางหนีรอดแต่ไม่มี “ชะ...ช่วย...ช่วยด้วย” เสียงหวีดร้องของจื่อเถาดังขึ้นสุดเสียง แต่ทว่าไม่ทำให้คนที่ยืนตรงหน้าลดกระบี่ลงเลยสักนิดทั้งเสียบเข้ามาที่กลางท้อง ฉึก! กรี๊ด!!! เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างที่ลุกขึ้นนั่งหอบหายใจ ทำให้คนที่นอนเคียงข้างนางตื่นขึ้นมา แล้วโอบกอดนางไว้ “เจ้าเป็นอะไรไป...ฮูหยินของข้า” เขาดึงนางเข้ามากอดปลอบลูบหลังเบา ๆ ให้นางสงบใจ หากให้เดานางคงฝันร้ายกระมังถึงได้ร้องขนาดนี้ “ท่านพี่ข้า...ข้าฝันไป” จื่อเถาไม่รู้จะบอกอย่างไรดี นางฝันถึงคืนแต่งงานและถูกสังหารอย่างเลือดเย็น หรือนี่จะเป็นวิญญาณจื่อเถาที่แท้จ
ลู่หลงเจ็บปวดใจที่โดนแกล้ง วันนี้เขาตื่นแต่เช้ามาผัดข้าวผัดให้ทุกคนได้กินฝีมือเขาเพื่อเป็นการสั่งสอน โดยไม่บอกผู้ใดด้วย วันนี้เป็นวันส่งท้ายปี เช่นนั้นเจ้าพวกนี้ต้องโดนเขาสั่งสอน กลิ่นหอมของข้าวผัดคลุ้งไปทั่ว และแน่นอนว่าลู่หลงไม่ให้พวกเขารู้เด็ดขาดว่าข้าวผัดนี้ฝีมือเขาทำ เพราะถ้ารู้เจ้าพวกนี้จะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกินเข็ดหลาบตั้งแต่ครั้งพี่จื่อเถาป่วย “พวกเจ้าต้องได้กินข้าวผัดฝีมือข้า...!”เสียงที่อำมหิตนั้นทำเอาจื่อเถาที่แอบเข้ามาดูในครัวว่าผู้ใดทำอาหารกัน เห็นเจ้าลู่หลงตัวแสบแอบมาทำก็เข้าใจทันทีว่าเขาโดนกลั่นแกล้งจึงต้องเอาคืน นางจะเก็บไว้เป็นความลับก็แล้วกัน แล้วไปดูสาวใช้จัดเตรียมเครื่องเซ่นไหว้บรรพบุรุษว่าไปถึงไหนแล้วกระดาษแดงเขียนคำว่ามงคลประดับอยู่ ร่ำรวยเงินทอง มีกินมีใช้ อายุยืนนาน ติดรอบบ้านทำให้ดูครึกครื้นยิ่งนักบรรยากาศเช่นนี้ดีจริง ๆ บรรยากาศแสนอบอุ่น พี่น้องพร้อมหน้า ทำกิจกรรมร่วมงานหลังจากเมื่อวานให้คนจัดการเรื่องศพของท่านยายเหิงเจี๋ย นางก็ให้ท่านหมอจากในเมืองมาตรวสุขภาพคนแก่คนเฒ่าในหมู่บ้าน ทั้งจัดยาให้โดยนางออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ปีนี้ผลผลิตไม่ได้ตามเ
“ท่านพูดอะไรเจ้าคะ” จื่อเถามึนไปหมด วันนี้นางพูดอะไรผิดไปหรือ ไปต่อว่าเขาเมื่อไหร่กันแน่ “ก็เจ้า...ชอบทุกคนที่ซื้อของให้ แต่ข้าซื้อให้เจ้าไม่เห็นชมข้าบ้างเลย” จื่อเถาไม่คิดว่าเขาจะคิดเยอะขนาดนี้ อยู่ด้วยกันมาหลายปี มีลูกด้วยกันตั้งสี่คน แต่อย่างว่าครอบครัวก็ต้องใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียมสินะ นางเข้าไปสวมกอดเขาไว้ ซุกหน้ากับแผ่นหลังคล้ายอ้อนเล็กน้อย ทำให้อีกคนที่กำลังน้อยใจภรรยาสีหน้าดีขึ้น “ท่านพี่...ท่านนะดีที่สุดในใจข้าแล้ว ตั้งแต่แต่งงานกันมาท่านดูแลข้าดีที่สุด” เสียงอ่อนหวานทำให้อีกคนยิ้มออก มือหนายกขึ้นทาบมือนุ่มของนางเอาไว้ บอกให้รู้ว่าเขารักนางมากเพียงใด จื่อเถาเคยแต่ดูแลทุกคนมาตลอดชีวิต เมื่อแต่งงานจึงได้เข้าใจว่าการได้มีคนดูแลมันดีเพียงใด แล้วเขาจะไม่ดีได้อย่างไรกันเล่า “เช่นนั้นเจ้าชมข้าบ่อย ๆ ดีหรือไม่” เขาหันกลับมาหานางแล้วยกนางขึ้นอุ้มเดินไปที่เตียง และไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสามีต้องการสิ่งใด “ได้...ข้าจะชมท่านทั้งคืน” แล้วคนขี้น้อยใจก็ร่วมรักภรรยาคนงามทั้งคืน วันถัดมาเหล่าองค์ชายอีกสองคนจึงตามมาสมทบและได้พั
หลังจากพาเด็ก ๆ นอนกลางวันแล้ว เหล่าพี่น้องของนางถึงได้ปลีกตัวมาหานางได้ นางจึงทำขนมบัวลอยที่เคยทำเมื่อตอนงานหยวนเซียวให้พวกเขาได้กินกัน ทุกคนต่างคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ “ข้าคิดถึงงานเทศกาลโคมปีแรกของเจียงซู ข้าเกือบไม่รอดเสียแล้ว” เสิ่นหนิวที่จำช่วงนั้นได้ดี ไฟไหม้ตอนเทศกาลโคมไฟ มีเขาคนเดียวที่ติดอยู่ในกองเพลิงและพี่จื่อเถาก็กล้าหาญมากที่เข้าไปช่วยเขา แม้ตอนหลังท่านลุงเผิงหยวนจะมาช่วยพวกเขาอีกที “เวลาผ่านมาพอคิดย้อนไป พวกเราไม่น่ารอดกันมาได้เลย เจอแต่ละเหตุการณ์” ลู่หลงพูดขึ้นแล้วก็ขำ ความอดทนของพวกเขานี้จะมีใครเทียบได้อีก “ทั้งหมดเพราะพี่จื่อเถาต่างหาก ที่พาพวกเราผ่านความเป็นความตายมาได้ ตอนท่านยายตายข้าคิดจะตายตามท่านยายไปเสียแล้ว แต่ท่านก็ช่วยเหลือจนข้ามีกำลังใจสู้ต่อ” อี้หานกล่าว หากเขาเลือกตายตามท่านยายไปเขาจะไม่รู้เลยว่าตนเองยังมีญาติ แม้พวกเขาจะไม่ติดต่อตนก็ตาม แต่นับว่าไม่ได้อยู่ในโลกนี้โดดเดี่ยว และมีบ้านที่เจียงซูยังอบอุ่นเสมอ “ว่าแต่เจ้าเถอะ ทำไมมาก่อนสององค์ชายนั่น” จื่อเถาฟังพวกเขารำลึกความหลัง แล้วก็ต้องถามด้วยความประหลาดใ
“เจ้าว่าอึกเดียวจะเป็นอะไรไหม” ลู่หลงป้องปากกระซิบกระซาบกับลู่จิ่น ไม่ให้พี่ไป๋ได้ยิน “คงไม่เป็นอะไร ลูกผู้ชายต้องดื่มเหล้า ยิ่งธนู ขี่ม้า ถึงสมกับเป็นลูกผู้ชาย” ลู่จิ่นให้เหตุผลสนับสนุนการลองชิมสุราหลิ่งจือ แม้จะมีรสชาติหวานล้ำ แต่ว่าดื่มไม่ระวังก็เมาหัวทิ่มเช่นกันพี่จื่อเถาบอก จื่อเถาเดินมาสมทบเห็นเจ้าแฝดลู่กระซิบกระซาบอะไรกันแล้วก็อดสงสัยไม่ได้ เจ้าพวกนี้ต้องให้ท่านน้าของพวกเขาทำเรื่องไม่ดีแน่ “นั่นพวกเจ้าวางแผนอะไรกัน” จื่อเถาหรี่ตามองจับผิด ต่อให้โตแล้วสองแฝดแซ่ลู่ก็ยังแสบเหมือนตอนเด็ก ๆ นางไม่รู้ว่าความแสบสันนี้ได้มาจากใครกัน “ปะ...เปล่านะขอรับ ข้าเพียงตกลงกันว่าคืนนี้จะเอาเผิงซานกับเผิงซุนไปนอนด้วยก็เท่านั้น ไม่ได้วางแผนสักหน่อย” เสียงเล็กเสียงน้อยของลู่หลงตัดพ้อจื่อเถาทำเอานางอยากจะหยิกเหมือนตอนเด็ก ๆ เสียจริง “แม่หนูหนิงมาหาพี่จื่อเถาสิลูกให้ท่านพ่อเหลาดาบได้สะดวก” นางเห็นไป๋อวิ๋นเอาลูกสาวนั่งตักไปด้วยเหลาไม้ไปด้วยก็กลัวว่าเขาจะไม่ถนัด “เจ้าค่ะ” ไป๋หนิงวิ่งมาหาจื่อเถานางย่อตัวอุ้มน้องสาวที่อายุห่างกันมากเหลือเกินจนนางแทบเป
4 ปีผ่านไป จื่อเถาให้กำเนิดบุตรชายสี่คน เป็นฝาแฝดทั้งสองท้อง โดยมีชื่อ เผิงซาน เผิงซุน เผิงเซียว และเผิงซื่อ นางเลี้ยงเหล่าเด็ก ๆ ให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ นางแบ่งแปลงปลูกผูเถาสีแดง ใช้นำจากบ่อน้ำพุวิเศษรดทำให้ลูกดกยิ่งนัก และตอนนี้เหล้าหมักจากผลผูเถาชื่อว่าเหล้าหลิ่งจือที่แปลว่าความหอมหวานแห่งสายลมเป็นที่ต้องการของทั้งแคว้น และองค์รัชทายาทกับองค์ชายรองมาซื้อไปเกือบครึ่งของแต่ละรอบ ของการเปิดถังหมักทำให้เหล้าหลิ่งจื่อไม่พอต่อการขาย คราวนี้นางจึงไม่ให้พวกเขาซื้อและเอาขายหน้าร้านเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทำให้เขาตัดพ้อต่อว่านางเสียยกใหญ่ แต่นางก็ไม่สนใจเพราะมัวแต่เอาไปในวังทั้งองค์ชายอี้หาญและเขาทั้งสองก็ไม่เป็นอันทำอะไร ตกเย็นจับกลุ่มกันดื่มเหล้า “ท่านแม่ไหนี้ข้าชิมได้หรือไม่” เผิงซานเป็นพี่ใหญ่เกิดวันเดียวกับเผิงซุน แต่ความทะเล้นเหมือนได้ลู่หลงมาจนเต็มทั้งอยากชิมของทุกอย่างที่นางทำ กระทั่งเหล้าหมักผูเถาของนาง “เหล้ากินไม่ได้ เจ้าจะเมาเอา” จื่อเถายิ้มตอบพร้อมลูบหัวเจ้าก้อนซาลาเปาน้อยของนาง ยิ่งเห็นใบหน้าเศร้าทำเอานางอดขำไม่ได้ “ไปฝึกเพลงดาบกับท่านตาไป๋ของเจ้าดีหร







