Share

บทที่ 9 ข่าวกระจายแพร่ออกไป

Author: sanvittayam
last update Last Updated: 2025-01-25 16:51:56

บทที่ 9

ข่าวกระจายแพร่ออกไป

ข่าวการสมรสพระราชทาน ระหว่างคุณหนูสกุลจ้าวและแม่­ทัพเสวี่ยช่างเจิ้นนั้นได้แพร่สะพัดไปทั่วฉางอัน ผู้คนต่างให้ความสนใจกันเป็นอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าเจ้าสาวจะเป็นจ้าวเยว่ เนื่องจากนางมีชื่อเสียงที่ไม่ดีนัก อันมาจากความเกียจคร้านของนาง จนบางคนถึงกลับเอาไปนินทากันต่าง ๆ นานา

ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง ซูหลิงเจียว หวังเว่ยเถียน และสตรีอีกสองสามนาง กำลังนั่งจิบน้ำชากันอยู่ ภายในโรงน้ำชาแห่งนี้กำลังเล่าลือกันปากต่อปากถึงเรื่องสมรสพระราชทานครั้งนี้เช่นกัน

“เจ้าคิดว่าเมื่อจ้าวเยว่แต่งเข้าจวนของแม่ทัพเสวี่ยแล้ว นางจะอยู่ได้หรือไม่” หวังเว่ยเถียนเอ่ยขึ้นอย่างเย้ยหยัน เพราะมั่นใจเหลือเกินว่าจ้าวเยว่นั้นไม่มีอะไรที่เทียบเคียงกับท่านแม่ทัพได้เลย

ซูหลิงเจียวจิบน้ำชาคำหนึ่งก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ไม่­ต่างกัน “ข้าว่านางอยู่ได้ไม่นานหรอก คนเกียจคร้านอย่างนาง ไหนเลยจะทำหน้าที่ฮูหยินที่ดีได้”

“ใช่ ๆ ข้าเห็นด้วย ไหนจะเรื่องการดูแลเรือน ไหนจะเรื่องปรนนิบัติสามี ข้าว่านางทำไม่ได้หรอก ดีไม่ดีนางได้วิ่งออกมาจากจวนตระกูลเสวี่ย ตั้งแต่สามวันแรกที่แต่งเข้าจวนด้วยซ้ำ” สตรีนางหนึ่งกล่าวเสริมขึ้นมาอย่างสนุกปาก เนื่องจากมั่นใจในความคิดของตนและสหาย

 “ฮ่องเต้ก็จริง ๆ เลย พระราชทานสมรสให้ใครไม่ว่า กลับพระราชทานสมรสให้จ้าวเยว่เสียได้”

หวังเว่ยเถียนกล่าวต่ออย่างไม่พอใจ นางรู้สึกขัดเคืองใจในเรื่องนี้ยิ่งนัก สตรีในฉางอันมีนับร้อยนับพัน เหตุใดจึงต้องเป็นสตรีที่มีชื่อเสียงฉาวโฉ่เช่นนั้นด้วย

“เว่ยเถียน เจ้าเอ่ยอะไรให้ระวังปากบ้างเถิด อยากตายหรืออย่างไร” ซูหลิงเจียวหันไปถลึงตาใส่สหาย ก่อนจะตำหนินางออกมาตรง ๆ แม้จะสนทนากันเรื่องของจ้าวเยว่ แต่ไม่ควรกล่าววาจาจาบจ้วงถึงฮ่องเต้

“ข้าขอโทษ ข้าลืมตัวไปหน่อย เจ้าอย่าตำหนิข้าเลย” หวังเว่ยเถียนตบปากตัวเองเบา ๆ สองสามครั้ง เพื่อยืนยันว่านางนั้นไม่ได้ตั้งใจกล่าววาจาเล่นนั้นต่อฮ่องเต้

ซูหลิงเจียวเมื่อได้ยินข่าวนี้ ก็ทั้งโกรธทั้งคับแค้นใจ เนื่องจากบิดามักจะเอ่ยกับนางอยู่เสมอ ว่าท่านหมายปองแม่ทัพเสวี่ยไว้เป็นบุตร­เขย บิดาของนางจึงพยายามทำทุกอย่าง เพื่อที่จะให้ทั้งสองได้ใกล้ชิดกัน อีกทั้งคอยสนับสนุนแม่ทัพเสวี่ยอย่างออกหน้าออกตา รวมถึงไปมาหาสู่กับตระกูลเสวี่ยไม่ขาด

และเมื่อได้ข่าวมาว่าฮ่องเต้จะพระราชทานสมรสให้กับแม่ทัพเสวี่ยนั้น ก็อดคิดไม่ได้ว่าผู้ที่จะได้รับพระกรุณาจะเป็นบุตรีของตนเอง แต่สุดท้ายกลับเป็นบุตรสาวของตระกูลจ้าวอย่างจ้าวเยว่ไปเสียได้ สตรีเกียจคร้านอย่างจ้าวเยว่เหมาะสมกับท่านแม่ทัพเสวี่ยจริงหรือ

“ว่ากันตามตรงแล้ว แม่ทัพเสวี่ยจะต้องแต่งกับข้าต่างหาก ไม่ใช่คนเกียจคร้านอย่างจ้าวเยว่” ซูหลิงเจียวเอ่ยด้วยท่าทีคับแค้นใจ ความหวังที่จะแต่งเข้าตระกูลเสวี่ยพังทลายลงในพริบตา

หวังเว่ยเถียนขยับใบหน้าเล็กน้อยหันไปทางซูหลิงเจียว ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า “ตอนแรกข้าก็คิดว่าเป็นเจ้า อีกอย่าง ตัวเจ้าเองช่างเหมาะสมยิ่งกว่าจ้าวเยว่เสียอีก ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตา ตำแหน่งของบิดาเจ้าก็มิได้น้อยหน้าผู้ใด ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่า ทำไมสมรสพระราชทานในครั้งนี้ถึงได้เป็นของตระกูลจ้าว”

“ข้าก็อยากรู้ยิ่งนักว่านางมีดีอะไร!!” ซูหลิงเจียวใช้กำปั้นทุบโต๊ะคราหนึ่งด้วยความเคียดแค้น

“เจ้าเชื่อข้าเถอะว่านางอยู่ในจวนตระกูลเสวี่ยได้ไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ต้องหอบผ้าหอบผ่อนกลับมาจวนตนเอง จนกลายเป็นหญิง­ม่าย เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าจะแต่งเข้าตระกูลเสวี่ยเป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพก็ยังไม่สาย พวกเจ้าคิดเหมือนข้าหรือไม่”

หวังเว่ยเถียนกล่าววาจาเชิงดูหมิ่นจ้าวเยว่ไม่น้อย หนำซ้ำยังยุยงสหายของตนเองอีก

หลังจากนั้นพวกนางก็ยังคงสนทนาเรื่องอื่นกันต่อ และเรื่องที่สนทนากันก็ไม่พ้นเรื่องของจ้าวเยว่ รวมถึงเรื่องของบุรุษทั่วไป แม้ว่าตอนนี้นอกจากข่าวการสมรสพระราชทานแล้ว จะยังมีข่าวเรื่องของสงครามที่กำลังเกิดอยู่รอบ ๆ แคว้นฉางอัน ทว่าพวกนางก็มิได้สนใจข่าวสารจวนเมืองกันสักเท่าไร

         

“คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูได้ยินข่าวแล้วหรือไม่เจ้าคะ” ผิงผิงรีบวิ่งเข้ามาด้วยท่าทีร้อนรน เมื่อทราบข่าวบางอย่างมาจากนอกจวน

“ข่าวอะไรหรือ ถึงทำให้เจ้าดูมีท่าทีร้อนรนเช่นนี้” จ้าวเยว่ถามออกมาด้วยท่าทีเบื่อหน่ายและเกียจคร้าน ไม่แม้กระทั่งจะชายตามมองมาทางสาวใช้ของตนเอง

เนื่องจากเวลานี้หญิงสาวกำลังนอนคว่ำหน้า พลางตีขาไปมาอยู่บนเตียง ในมือก็ถือพู่ห้อยเอวหยกชิ้นหนึ่งเอาไว้ แล้วมองมันอย่างสงสัย

“เจ้าว่าหยกชิ้นนี้ หากตีราคาแล้วจะได้สักกี่ตำลึง”

“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเลิกสนใจหยกนั่นก่อนเถอะเจ้าค่ะ มีเรื่องใหญ่กว่านั้นที่คุณหนูควรได้ทราบ”

ผิงผิงรีบสวนกลับ ก่อนจะเดินไปพลิกตัวคุณหนูของตนให้นอนหงายกลับมาเผชิญหน้าเพื่อจะบอกข่าวที่นางได้รับรู้มา

ทำให้จ้าวเยว่พ่นถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายและมองสาวใช้ตนเองอย่างไม่พอใจ

“จะมีเรื่องอันใดสำคัญไปกว่าความสำราญของข้าอีกล่ะ”

“คุณหนูจะไม่สนใจเรื่องนี้ไม่ได้นะเจ้าคะ นี่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับชีวิตของคุณหนูเลย” ผิงผิงตอบกลับ เรื่องสำคัญขนาดนี้ทำไมคุณหนูของตนถึงยังทำตัวเกียจคร้านเช่นนี้กันนะ

“เรื่องอะไรของเจ้ากันล่ะ หรือว่าข้าต้องแต่งงานอย่างนั้นรึ” จ้าวเยว่ถามด้วยเสียงกึ่งประชดอย่างไม่จริงจังเท่าไรนัก

คราวนี้ผิงผิงเปลี่ยนมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเตียง พร้อมกับทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา “คุณหนูอย่ามัวแต่ล้อเล่นสิเจ้าคะ เป็นเรื่องการแต่งงานของคุณหนูจริง ๆ หนำซ้ำยังเป็นสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้อีกด้วย ท่านคิดว่าเรื่องนี้สำคัญหรือไม่เจ้าคะ”

“เจ้าไปได้ยินมาจากที่ใดรึ” จ้าวเยว่เอ่ยถามขึ้นมาอย่างเลื่อนลอย สีหน้าของนางไม่ได้มีอาการตกใจเลยแม้แต่น้อย คล้ายกับเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับตนเอง

“ชาวเมืองต่างก็ลือกันให้ทั่วเจ้าค่ะ” ผิงผิงตอบกลับคุณหนูของตนอย่างตื่นเต้น ดูท่าทางของนางแล้วจะตื่นตระหนกยิ่งกว่าผู้ที่จะเป็นเจ้าสาวเสียอีก

“ชาวเมืองลือกัน ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้เสมอไปนะผิงผิง ถ้าหากเป็นสมรสพระราชทานจริง รอให้ท่านพ่อกลับมาจากในวังก็คงจะทราบเรื่องเอง เวลานี้พวกเราอย่าเพิ่งกังวลใจไปเลย เจ้ามาช่วยข้าดูพู่หยกอันนี้ดีกว่า ข้าเพิ่งได้มาจากตลาดที่ชานเมืองเมื่อวาน ตั้งใจว่าจะเอาไปขายเก็งกำไรเสียหน่อย”

จ้าวเยว่เบี่ยงเบนประเด็นไปเรื่องอื่น คล้ายไม่­สนใจข่าวลือที่ผิงผิงนำมาบอก

ผิงผิงเห็นท่าทางคุณหนูของตนแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนปัญญา

จ้าวฝู่กลับมาถึงจวนในยามซวี หลังจากประชุมที่ท้องพระ­โรงเสร็จแล้วเขาไม่ได้กลับจวนในทันที เนื่องจากต้องไปสะสางงานในกรมการคลังเสียก่อน นี่จึงเป็นสาเหตุว่าเพราะเหตุใดข่าวการสมรสของบุตรี จึงได้แพร่สะพัดไปทั่วเมืองก่อนที่เขาจะกลับถึงจวน

และเมื่อกลับมาถึงแล้ว จ้าวฝู่ก็รีบเรียกบุตรีให้มาพบในทันที

จ้าวเยว่มาที่ห้องโถงอย่างมิค่อยยินดียินร้ายเท่าใดนัก เนื่องจากนางพอจะคาดเดาได้แล้ว ว่าท่านพ่อเรียกนางไปพบด้วยจุดประสงค์อันใด

“เจ้ามาเแล้วรึ นั่งก่อนสิ”

จ้าวเยว่เดินไปนั่งที่เก้าอี้ประจำของตน สายตามองไปยังผู้คนที่รอนางอยู่ในห้องโถงก่อนแล้ว ซึ่งก็มีท่านพ่อ ท่านแม่ รวมถึงพี่ชายทั้งสองของนาง

“ท่านพ่อมีเรื่องอันใดจะเอ่ยกับลูกหรือเจ้าคะ”

จ้าวเยว่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ทั้งที่ภายในใจรู้อยู่แล้วว่าบิดาเรียกตนเองมาพบด้วยเรื่องอันใด แต่ได้แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร

จ้าวฮูหยินที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อย่างอารมณ์ดี เป็นฝ่ายตอบขึ้นมาแทนผู้เป็นสามี “เป็นเรื่องมงคลของเจ้านะสิ”

“เจ้าคงพอจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้วใช่หรือไม่ เจ้าจึงได้ดูไม่แปลกใจเลย ถ้าเช่น­นั้นพ่อจะไม่เอ่ยอ้อมค้อมและเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” จ้าวฝู่กล่าวขึ้นพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามบุตรสาวเล็กน้อย

“เจ้าค่ะ” จ้าวเยว่ตอบรับอย่างว่าง่าย ทำเหมือนนางเข้าใจทุกอย่างดีแล้ว

“ฮ่องเต้ทรงพระราชทานสมรสให้แม่ทัพเสวี่ยกับเจ้า พ่อรู้ว่าเจ้าคงไม่เต็มใจนัก แต่ว่าพ่อเองก็ไม่สามารถขัดพระราชโองการได้ การสมรสจะมีขึ้นในเดือนหน้า อย่างไรเจ้าก็ควรจะเตรียมตัวให้­พร้อม”

“เจ้าค่ะท่านพ่อ”  จ้าวเยว่ตอบกลับบิดาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยินดียินร้าย คล้ายกับเรื่องนี้ยังคงไม่เกี่ยวข้องกับตนเอง

“เหตุใดจึงทำหน้าตาเมินเฉยเช่นนั้นเล่า แม่ว่าการสมรสครั้ง­นี้ ออกจะเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ ท่านแม่ทัพเสวี่ยก็เป็นคน­หนุ่มอนาคตไกล เจ้าได้แต่งกับเขาถือว่าเป็นเรื่องดีกับเจ้าที่สุดแล้ว”

จ้าวฮูหยินกล่าวขึ้นมาอย่างดีอกดีใจ ที่ในที่สุดบุตรีที่นางนึกห่วงว่า­จะมิได้ออกเรือนก็กำลังจะมีสามี และสามีของนางก็ยังเป็นบุรุษที่ดีอีกด้วย

แต่คนที่หน้าตาดูไม่ค่อยจะพอใจ ก็คือพี่ชายทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของจ้าวเยว่ เนื่องจากพวกเขาไม่อยากให้น้องสาวแต่งงานเลย จะว่าเป็นห่วงก็เป็นห่วง จะว่าหวงน้องสาวก็มิผิด

ตั้งแต่เกิดมา สามคนแทบไม่เคยจากกันไปไหน ยกเว้นช่วงที่พี่ชายทั้งสองต้องไปราชการ แต่คราวนี้น้องสาวของพวกเขาต้องมาออกเรือนอย่างกะทันหัน เลยทำให้รู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง

“การแต่งงานที่ไม่เต็มใจแบบนี้ ออกจะทรมานน้องสามมาก­เกินไปหน่อยนะขอรับท่านแม่” จ้าวอวี้เฉินกล่าวออกมาตาม­ความรู้สึกของตนเอง

เมื่อจ้าวฮูหยินได้ยินบุตรชายแย้งขึ้นมาเช่นนั้น ก็ตำหนิกลับอย่างไม่พอใจ“แล้วพวกเจ้ากล้าขัดพระราชโองการหรืออย่างไร”

“ตั้งแต่ที่ข้าได้รู้จักกับเขามา แม่ทัพเสวี่ยผู้นี้เป็นคนดีก็จริง แต่ทว่าเย็นชามาก เขาไม่เคยแม้แต่จะชายตามองหญิงใดเลยเสียด้วยซ้ำ วัน ๆ มุ่งอยู่แต่กับงาน จนมันน่าจะเป็นชีวิตจิตใจของเขาไป­แล้ว เกรงว่าหากน้องสามแต่งเข้าจวนสกุลเสวี่ยไป อาจจะต้องโดด­เดี่ยวอยู่แต่ในจวนนะ ขอรับ” จ้าวหลู่เจินกล่าวเสริมขึ้นมา เขาพอจะรู้จักแม่ทัพเสวี่ยผู้นี้อยู่บ้าง ชายที่เย็นชาและไม่สนหญิงใดจะเป็นสามีที่ดีของน้องสาวเขาได้จริงหรือ

“ถ้าเรื่องแค่นี้น้องสาวเจ้าทนไม่ได้ ก็คงไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้วล่ะ” จ้าวฮูหยินตัดบทอย่างไม่พอใจบุตรชายทั้งสองที่ดูคล้ายจะไม่ต้องการให้จ้าวเยว่แต่งงาน

เมื่อพี่ชายทั้งสองฟังคำของผู้เป็นมารดาแล้ว ก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยน้องสาวอย่างไรดีกับเรื่องนี้

จ้าวฮูหยินรู้สึกยินดีมากที่บุตรีของตนเองจะออกเรือน มิหนำซ้ำยังได้แต่งกับแม่ทัพเสวี่ย ซึ่งเวลานี้ได้เลื่อนขั้นเป็นถึงรอง­แม่ทัพใหญ่ฝ่ายซ้ายแล้ว ช่างเป็นวาสนาของตระกูลจ้าวโดยแท้ นางดีใจจนถึงกับเรียกบ่าวไพร่มาตกรางวัลกันถ้วนหน้า ผู้ที่ได้รางวัลมากที่สุดเห็นจะเป็นผิงผิงสาวใช้ข้างกายบุตรีของตน ที่ดูแลจ้าว­เยว่เป็นอย่างดี

“ผิงผิง เมื่อคุณหนูของเจ้าแต่งเข้าสกุลเสวี่ยไปแล้ว ข้าจะให้เจ้าตามนางไปด้วย ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นคนสนิทของนาง ดูแลนางให้ดีล่ะ เข้าใจหรือไม่”

จ้าวฮูหยินกล่าวด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับยื่นถุงเงินที่หนักอึ้งให้ผิง­ผิงถุงหนึ่ง

“เจ้าค่ะ บ่าวจะดูแลคุณหนูอย่างดีและจะไม่ให้ผู้ใดมารังแกคุณหนูได้เจ้าค่ะฮูหยิน”

ผิงผิงรับคำอย่างแข็งขัน ชีวิตนี้นางได้มอบให้กับคุณหนูและจวนสกุลจ้าวแล้ว ไม่ว่าคุณหนูไปที่ใด นางก็พร้อมที่จะตามไปรับใช้เช่นกัน

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 6 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ครอบครัว

    ตอนพิเศษ 6จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นครอบครัวคุณชายเสวี่ยชางเยว่อายุได้สิบหกหนาวแล้ว เขาเพิ่งเรียนจบชั้นปีสุดท้ายจากสำนักศึกษา อีกทั้งยังได้รับตำแหน่งในกองทัพ เป็นถึงหัวหน้าหน่วยพลทหารราบถือทวนอีกด้วย ผลจากการฝึกฝนตั้งแต่ยังเด็ก จึงทำให้ฝีมือทวนของเขาเป็นรองเพียงแค่บิดาเท่านั้น นอกจากนั้นต่างก็ประลองแพ้เขาราบคาบ พลทหารทุกคน จึงยอมรับในฝีมือที่เก่งกาจเกินอายุของเขาเสวี่ยชางเยว่มีน้องสาวคนหนึ่ง ปีนี่ก็อายุย่างเข้าเก้าหนาวแล้ว มีนามว่าเสวี่ยหรูหราน เป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ชอบเล่นซุกซนเหมือนบุรุษ ดูไปแล้วทั้งหน้าตาและนิสัยเหมือนกับจ้าวเยว่ไม่มีผิด นางชอบฝึกยุทธ์กับพี่ชาย และที่แตกต่างจากจ้าวเยว่อย่างหนึ่ง ก็คือนางมีฝีมือในเรื่องของศาสตร์ของสตรี ทั้งการเย็บปักถักร้อย เขียนอักษร วาดภาพ ทำอาหาร นางล้วนทำได้ดีเป็นอย่างยิ่งด้วยความที่เป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา รูปหน้างามประดุจสตรีเหมือนบิดาไม่มีผิด อีกทั้งยังอัธยาศัยดี วาจาไพเราะ บุตรสาวตระกูลต่างๆ จึงพากันหมายปอง ไม่ว่าจะเดินไปที่ใดในเมืองผานหยาง ย่อมมีหญิงสาวมองตามเขาอยู่เป็นประจำ บางคนถึงกับโยนผ้าเช็ดหน้าให้กลางถนนเลยก็มีและเสวี่ยชางเยว

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 5 จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้น ปกป้องเมือง

    ตอนพิเศษ 5จ้าวเยว่ – เสวี่ยช่างเจิ้นปกป้องเมืองเซียวเฟิงกับซูหนิงได้รับการต้อนรับอย่างดี วันแรกที่พวกเขามาถึงเสวี่ยช่างเจิ้นก็จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ให้อย่างอบอุ่น อีกทั้งยังให้รองแม่ทัพเว่ยเป็นผู้พาทั้งสองทั้งสองเที่ยวที่เมืองผานหยางซึ่งเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่า ฟ่านตวนคงจะให้ฟ่านหลินหลินเป็นคนตามไปด้วย ในเมื่อบุตรชายของท่านมหาเสนาบดีมาเมืองผานหยางทั้งที เจ้าเมืองอย่างเขา จะไม่เอาอกเอาใจได้อย่างไร“รองแม่ทัพเว่ย ท่านเห็นว่าข้าควรจะซื้อสิ่งใดไปฝากท่านพ่อกับท่านแม่ดี ที่เมืองผานหยางมีสิ่งใดน่าสนใจหรือไม่”เซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น พลางสายตาก็กวาดมองไปบนถนนกลางเมือง ที่มีของขายมากมายอยู่เต็มไปหมด มากมายเสียจนไม่รู้ว่าจะซื้อสิ่งใดกลับไปฝากทุกคนที่จวนดีฟ่านหลินหลินที่มีนิสัยขี้ประจบเอาใจไม่ต่างจากบิดา มีดีก็ตรงที่นางฉลาดกว่า และรู้จักวิเคราะห์สถานการณ์ จึงได้แนะนำไปว่า“ถ้าหากสำหรับบุรุษแล้วล่ะก็ จำพวกแผ่นป้าย หรือว่าตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกของช่างที่นี่ฝีมือดีอย่างยิ่ง หากว่าท่านราชบัณฑิตอยากจะสั่งทำ ก็ใช้เวลาเพียงแค่สี่ห้าวันเท่านั้นเจ้าค่ะ แต่หากสำหรับสตรีแล้ว แป้งผัดหน้าที่นี่มีคุณภาพสูงไม่

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 4 จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่

    ตอนพิเศษ 4จ้าวเยว่ - เสวี่ยช่างเจิ้น เสวี่ยชางเยว่จวนแม่ทัพใหญ่เสวี่ยที่เมืองผานหยางในคืนหิมะตกหนัก จวนแม่ทัพก็วุ่นวายเป็นการใหญ่ สาวใช้วิ่งวุ่นไปทั่วจวน เพื่อเตรียมของไว้รอหมอตำแยที่กำลังเดินทางมา ภายในห้องมีทั้งเสวี่ยฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า แล้วก็เสวี่ยช่างเจิ้น ที่กำลังกุมมือของจ้าวเยว่ไว้­แน่น และคอยบอกนางว่า ให้อดทนอีกสักหน่อย“ประเดี๋ยวหมอตำแยก็มาแล้ว เจ้าอดทนอีกหน่อยเถิดนะ”เสวี่ยช่างเจิ้นบอกกล่าวกับภรรยา พร้อมกับกระชับมือบางไว้แน่นจ้าวเยว่ที่เพิ่งจะเคยคลอดลูกเป็นครั้งแรกก็หวั่นใจเล็กน้อย นางหันไปถามเสวี่ยฮูหยินว่า “ท่านแม่ ตอนที่ท่านคลอดท่านพี่นั้น เจ็บปวดเพียงใดเจ้าคะ”“เจ็บปวดเพียงชั่วครู่ เมื่อเจ้าได้ยินเสียงลูกก็จะหายเจ็บปวดเอง”เสวี่ยฮูหยินตอบพร้อมกับให้กำลังใจลูกสะใภ้ที่กำลังมอบทายาทให้ตระกูลเสวี่ยคนแรกน้ำร้อนสองอ่างถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะด้านข้างเตียง ฤดูเหมันต์อากาศหนาว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้ทารกที่คลอดออกมาได้รับความอบอุ่น และยังต้องให้ความอบอุ่นแก่ผู้เป็นแม่เช่นกัน ผิงผิงจึงน้ำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตามใบหน้าและแขนขา ให้คุณหนูของตนรถม้าของจวนแม่ทัพที่ส่งให้ไปร

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 3 ซูหนิง - เซียวเฟิง แต่งงาน

    ตอนพิเศษ 3ซูหนิง - เซียวเฟิงแต่งงานเมื่อเซียวเฟิงกลับมาถึงจวน ก็เดินตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที แต่ทว่าบิดาและมารดากลับไม่มีใครอยู่ที่จวน ท่านเซียวโหวมีงานที่ต้องหารือกับฮ่องเต้เรื่องการสร้างเขื่อนเก็บน้ำที่เมืองต้าข่าย เพื่อช่วยเหลือราษฎรที่ต้องเผชิญกับภาวะน้ำท่วมอยู่ทุกปี ส่วนเซียวฮูหยินนั้นไปงานเลี้ยงน้ำชาที่จวนชินอ๋อง เขาจึงตัดสินใจกลับเข้าเรือนของตนเองไปก่อน ให้ท่านทั้งสองกลับมาก่อน ค่อยนำเรื่องที่เขาตั้งใจไว้ ไปแจ้งให้พวกท่านทราบวันนี้เซียวเฟิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ความจริงที่เขาแอบชอบซูหนิงมาตั้งนานแล้วนั้นได้เปิดเผยออกไปเสียที เมื่อก่อนเขายังสับสนว่า รักนางเหมือนน้องสาวหรือว่ารักนางเหมือนคนรักกันแน่ มาวันนี้ก็ได้เข้าใจตัวเองแล้ว อีกทั้งยังเป็นที่น่ายินดีอย่างมากที่นางตกลงแต่งให้เขา ความสุขกายสบายใจเช่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้นในรอบปี ทำเอาเขายิ้มหน้าบานตลอดทั้งวัน“นายน้อยจะแช่น้ำหรือไม่ขอรับ”หวังเหมิงบ่าวรับใช้ประจำกายของเซียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น เขาเห็นนายน้อยดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ก็คิดว่านายน้อยคงอยู่ในช่วงเวลามีความสุขเป็นแน่ ช่วงเวลาที่มีความสุขเช่นนี้ เหมาะแก่การแช่น้ำเป็นท

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 2   ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าจะแต่งกับท่าน

    ตอนพิเศษ 2 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าจะแต่งกับท่านคำตอบของซูหนิงทำให้เซียวเฟิงรู้สึกปลาบปลื้มเป็นอย่างยิ่ง จนเขาแทบอยากจะถามคำถามนางต่อ แต่ก็ข่มใจไว้ และห้ามตนเองว่า อย่าได้ตื่นเต้นจนเสียอาการ มิเช่นนางอาจจะรู้สึกกลัวหรือระมัดระวังตัวอย่างมากจนไม่เป็นตัวของตัวเองก็เป็นได้“แล้วลักษณะของบุรุษที่เจ้าชมชอบเป็นอย่างไรบ้างล่ะ ต้องแข็งแกร่งเก่งกาจถึงขั้นเป็นแม่ทัพเลยหรือไม่” เซียวเฟิงหยั่งเชิงถามออกมา และรอคอยคำตอบอย่างมีหวังการที่ได้รู้ว่าบุรุษในใจของซูหนิงเป็นอย่างไรนั้น ส่งผลต่อการสนทนาของทั้งสองเป็นอย่างมาก หากว่าคำตอบของซูหนิงเป็นเหมือนกับที่เขาคาดคิดไว้ การสนทนานี้จะดำเนินต่อไปอย่างมีความหวัง แต่ถ้าหากว่าคำตอบของนางไม่ได้เป็นดังที่คาด บทสนทนาก็อาจจะสะดุดลงได้ หรือถึงขั้นมีผู้ใดผู้หนึ่งต้องเสียใจ เซียวเฟิงจึงตั้งหน้าตั้งตารอคอยคำตอบนี้จากปากนางซูหนิงวางถ้วยน้ำชาในมือลง แล้วแหงนหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ราวกับว่าบนท้องฟ้าจะมีใบหน้าของบุรุษผู้นั้นขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น สุดท้ายแล้วนางก็หันมามองเซียวเฟิง ก่อนจะเอ่ยขึ้น“ข้าชมชอบบุรุษที่ใจดีและเข้าใจข้าเป็นที่สุด” นี่คือคำตอบที่มาจาก

  • จ้าวเยว่ สตรีเกียจคร้านของท่านแม่ทัพ   ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิง ข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกัน

    ตอนพิเศษ 1 ซูหนิง - เซียวเฟิงข้าอยากอยู่เคียงข้างสามีเช่นกันขบวนรถม้าของตระกูลเสวี่ยเคลื่อนออกจากหน้าจวนไปแล้ว บริเวณด้านหน้าของจวนตระกูลเสวี่ยเวลานี้จึงเหลือเพียงคนตระกูลจ้าวที่มองขบวนรถม้าของจ้าวเยว่ด้วยสายตาที่อาลัยอาวรณ์ อีกทั้งยังมีเซียวเฟิงและซูหนิงที่ยังคงไม่ไปไหน ทั้งสองมองตามหลังรถม้าไปด้วยความเศร้าสร้อย ราวกับว่าทุกอย่างจะหยุดหมุน เมื่อพวกเขาทั้งสามคนไม่ได้อยู่ด้วยกันเมื่อรถม้าของตระกูลเสวี่ยพ้นสายตา คนตระกูลจ้าวจึงเดินทางกลับจวนตนเอง แม้จะมีสายตาอาลัยอาวรณ์ แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะไม่ได้เสียใจที่บุตรสาวของตนเองต้องไปอยู่ที่เมืองอื่นเลย นี่อาจจะเป็นเพราะว่า เขยขวัญได้เลื่อนยศเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของกองกำลังปกป้องดินแดนเหนือ ดังนั้นแม้จะจากลา แต่ควรดีใจจึงจะเป็นสิ่งที่ถูกต้องแต่สำหรับเซียวเฟิงและซูหนิงนั้นไม่ใช่เลย พวกเขารู้สึกราวกับว่าขาดคนสำคัญไป เนื่องจากทั้งสามเป็นสหายกันมานาน ไม่ว่าเรื่องราวอันใดก็จะร่วมทำด้วยกันเสมอ แม้แต่ตอนที่จ้าวเยว่แต่งงาน พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกห่างเหินกันเลยสักครั้งเดียว ทั้งสองยังคงจำได้ถึงวันที่ชักชวนกันปีนหลังคาของจวนตระกูลจ้าว ในคืนหนึ่งก่อนที่จ้า

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status