แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: มู่เหลียนชิง
ทั่วทั้งโรงพยาบาลวุ่นวายเพราะฟู่สุยสุย แต่หนิงหนานเสว่กลับรู้สึกสมองว่างเปล่า ราวกับเหลือเพียงแค่เสียงฝีเท้าและเสียงร้องเรียกเท่านั้น เธอไม่เห็นและไม่ได้ยินอะไรเลย

“คุณหนิง คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

หมอโบกมือไปมาตรงหน้าหนิงหนานเสว่

หนิงหนานเสว่ถึงตื่นจากภวังค์ เมื่อเธอเห็นหมอ ทันใดนั้น ราวกับว่าสติทั้งหมดได้หวนกลับคืนมา “ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้างคะ?”

“ตอนนี้อาการทรงตัวแล้วครับ แต่อาการก็ทรุดลงอย่างรวดเร็ว ตอนนี้อาการแย่มาก ต้องเข้าห้อง ICU ก่อนครับ รอให้สัญญาณชีพคงที่แล้วค่อยพิจารณาว่าจะผ่าตัดได้ไหม”

“คุณหนิง อาการของเด็กคนนี้ตอนนี้ ถ้าผ่าตัด...”

หมอไม่ได้พูดต่อ แต่หนิงหนานเสว่รู้ดีว่าการผ่าตัดไม่มีความหมายมากนัก มันเป็นเพียงการทรมานลูกเปล่า ๆ เท่านั้น

แต่เธอตัดใจไม่ได้ ตัดใจไม่ได้ที่จะปล่อยให้ลูกสาวสุดที่รักจากเธอไปแบบนี้ เธอรับผลลัพธ์แบบนี้ไม่ได้ แม้ว่าจะมีความหวังเพียงริบหรี่ เธอก็ไม่อยากยอมแพ้

“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะหมอ”

ทันทีที่หันหลังกลับ น้ำตาก็ไหลรินออกมาโดยไม่ทันตั้งตัว หนิงหนานเสว่รีบเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตา แต่ยิ่งเช็ดก็ยิ่งไหลมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอทรุดตัวลงนั่งคุดคู้กอดตัวเอง ในเวลานี้ เธอเข้าใจจริง ๆ แล้วว่าความสิ้นหวังคืออะไร ความเจ็บปวดที่บาดลึกถึงหัวใจคืออะไร

หนิงหนานเสว่สวมชุดปลอดเชื้อหนาเตอะ นั่งอยู่ข้าง ๆ ลูกสาว ใบหน้าเล็ก ๆ ของสุยสุยซีดเผือด ไร้ชีวิตชีวา แม้ว่าทั่วทั้งตัวจะเต็มไปด้วยสายจากเครื่องมือต่าง ๆ แต่หนิงหนานเสว่ก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตของสุยสุยกำลังจะจากไป

“สุยสุย แม่ขอโทษนะ แม่ไม่ดีเอง ถ้าแม่ไม่รักเขาจะดีมากแค่ไหน?”

หนิงหนานเสว่เริ่มย้อนคิดถึงอดีต หัวใจเต็มไปด้วยความเสียใจ ถ้าเธอไม่ได้รักฟู่เฉิน สุยสุยจะเกิดมาภายใต้ความคาดหวังของพ่อไหม?

เด็กที่น่ารักขนาดนี้ จะต้องได้รับความรักจากพ่ออย่างดีแน่นอน

เป็นเพราะเธอรักคนผิด ทำให้สุยสุยต้องทนทุกข์ทรมานตลอดหลายปีที่น้อยนิดในโลกใบนี้

หนิงหนานเสว่จับมือเล็ก ๆ ของสุยสุยเบา ๆ รู้สึกว่าเด็กคนนี้อาจจะจากไปได้ทุกเมื่อ หัวใจของเธอปั่นป่วนอย่างรุนแรง เจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิตอยู่

และในขณะนั้นเอง โทรศัพท์มือถือในกระเป๋าก็สั่นขึ้น เธอเหลือบมองแล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้อง ICU อย่างอาลัยอาวรณ์

เมื่อเห็นผู้ชายที่สวมชุดสูทและรองเท้าหนังที่อยู่ตรงหน้า สีหน้าของหนิงหนานเสว่ก็หมองหม่นเล็กน้อย เธอรู้จักคน ๆ นี้ เขาเป็นทนายความที่เก่งที่สุดของบริษัทของฟู่เฉิน

“ทนายฟาง มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

หนิงหนานเสว่พยายามทำให้เสียงของเธอไม่ดูสิ้นหวังมากนัก

“ท่านประธานฟู่ให้ผมมาคุยเรื่องเงื่อนไขการหย่าครับ ข้อตกลงไร้สาระที่คุณเคยเสนอไปนั้นไม่ถูกกฎหมาย จึงใช้ไม่ได้ ถึงเวลาที่จะยกเลิกมันแล้วครับ”

ทนายฟางทำหน้าที่ของเขาอย่างเต็มที่ หยิบข้อตกลงการหย่าที่เขาเตรียมไว้แล้วออกมาทันที

“ท่านประธานฟู่หมายความว่า เงื่อนไขการหย่ายังสามารถพูดคุยกันต่อได้ เพียงหวังว่าคุณหนิงจะไม่ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด”

ดื้อดึงไม่ยอมรับผิด?

เมื่อหนิงหนานเสว่ได้ยินคำนั้นก็หัวเราะออกมาทันที ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก็เพราะเธอดื้อดึงไม่ยอมรับผิดไม่ใช่เหรอ?

เพราะถ้าไม่ดื้อดึงถึงเพียงนี้ เรื่องก็คงไม่กลายเป็นแบบนี้ การที่ตกหลุมรักฟู่เฉิน บางทีอาจจะเป็นความผิดพลาดตั้งแต่แรก เป็นหายนะตั้งแต่แรก

“กลับไปบอกเขาว่า นอกจากเรื่องนี้ ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น”

“ถ้าเขาทำไม่ได้ เราก็จะยืดเวลาออกไปเรื่อย ๆ ฉันไม่มีทางเห็นด้วยเด็ดขาด”

หนิงหนานเสว่เก็บอารมณ์ทั้งหมดไว้ มองทนายความคนนั้นอย่างเย็นชา ด้วยท่าทางมุ่งมั่นมาก

“คุณหนิง การทำแบบนี้ไม่มีความหมายอะไรเลยนะครับ จากมุมมองคนที่เป็นมืออาชีพมาก เงื่อนไขการหย่าที่ท่านประธานฟู่ให้คุณนั้นถือว่าดีมากแล้ว การแต่งงานที่ไม่มีความรักไม่มีความหมายเลยครับ”

ทนายฟางขมวดคิ้ว พยายามเตือนด้วยความหวังดี

ถูกต้อง ในสายตาของทุกคน หนิงหนานเสว่ควรรับผลกรรมที่ตัวเองก่อขึ้นเอง ฟู่เฉินไม่รักเธอ ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ทุกคนรู้ดี

แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจแล้วว่าฟู่เฉินจะรักเธอหรือไม่ เธอแค่อยากให้ฟู่เฉินมอบความรักของพ่อให้สุยสุยสักเล็กน้อย ในช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต แม้จะเป็นการแสดงเธอก็ยอม

แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้ คำขอเพียงเล็กน้อยนี้อาจจะไม่ได้รับการตอบสนองเลย

“ท่าทีของฉันชัดเจนแล้ว”

“ขอโทษค่ะ ฉันยุ่งอยู่ ขอตัวก่อนค่ะ”

หนิงหนานเสว่ทิ้งคำพูดเหล่านี้ไว้แล้วหันหลังกลับเข้าไปในห้อง ICU

ตอนนี้สุยสุยกำลังต่อสู้กับความเป็นความตาย แต่พ่อของเธอกลับอยากหย่าให้เร็วที่สุดเพื่ออิสรภาพ ในใจของเขามีเพียงสวีจือหรูเท่านั้น เธอและลูกรวมกันยังเทียบกับสวีจือหรูของเขาไม่ได้

การรับรู้เช่นนี้ยิ่งทำให้หนิงหนานเสว่เจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด เธอเฝ้ามองลูกของเธอ น้ำตาไหลรินเป็นหยด ๆ

อีกด้าน ทนายฟางรีบรายงานสถานการณ์จริงให้ฟู่เฉินทราบทันที

“รู้อยู่แล้วว่าเธอจะไม่อยู่นิ่ง ๆ หรอก”

ฟู่เฉินหัวเราะเยาะ สายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจไม่อาจเก็บซ่อนได้

ในขณะนั้นเอง เลขาจางก็เดินเข้ามา “ท่านประธานฟู่ หนิงไห่เทาปรากฏตัวอีกแล้วครับ สงสัยจะมาขอเงินจากคุณหนิงอีก”

“เงิน? ฝันไปเถอะ!”

“รีบสั่งระงับบัตรธนาคารทั้งหมดของหนิงหนานเสว่ทันที ฉันอยากจะดูว่าเธอไม่มีเงินแล้วจะมาวุ่นวายกับฉันยังไง”

สีหน้าของฟู่เฉินเป็นปกติ ผ่อนคลายราวกับกำลังสั่งอาหารเย็นอย่างไงอย่างงั้น

ยังไงซะเธอก็เป็นแค่ผู้หญิงที่หยิ่งทรนงคนหนึ่ง เมื่อไม่มีเงินอยู่ในมือแล้วก็จะยอมหย่าเอง

ฟู่เฉินไม่มีความเห็นอกเห็นใจผู้หญิงแบบนี้เลยแม้แต่น้อย

อีกด้าน อาการของสุยสุยยังไม่คงที่ หมอหมายความว่าถ้าไม่ผ่าตัด คงจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้

“เราผ่าตัดค่ะ!”

หนิงหนานเสว่ตัดสินใจแทบจะทันที แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าผ่าตัดแล้วสุยสุยจะอยู่ได้นานแค่ไหน แต่ในฐานะแม่ เธอทนเห็นลูกสาวของเธอตายไม่ได้จริง ๆ!

แต่เมื่อรูดบัตร หนิงหนานเสว่ก็พบว่าบัตรธนาคารทั้งหมดของเธอถูกระงับ เงินไม่พอสำหรับค่าผ่าตัดเลย เธอเหลือเงินสดในกระเป๋าเพียงหนึ่งแสนบาทเท่านั้น ซึ่งเธอเก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

แต่ไม่คิดว่าจะต้องใช้ในเวลานี้

เธอรู้ดีว่านี่คือการแสดงออกถึงความไม่พอใจของฟู่เฉิน เพื่อลงโทษที่เธอไม่ยอมหย่า แต่ตอนนี้สุยสุยกำลังนอนรอเงินช่วยชีวิตอยู่บนเตียงผ่าตัด เธอไม่มีเวลามาสนใจอะไรมาก จึงโทรหาฟู่เฉินทันที เธอต้องช่วยลูกให้ได้

อีกด้าน พลุสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้า งดงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ฟู่เฉินกอดสวีจือหรู แววตาและสีหน้าเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและอ่อนหวาน

“อาเฉิน พลุสวยมากเลย ขอบคุณนะ ฉันชอบมาก”

สวีจือหรูซบอกเขาอย่างมีความสุข เผยให้เห็นใบหน้าด้านข้างที่งดงาม รอยยิ้มแห่งความสุขเปล่งประกายท่ามกลางแสงพลุ งดงามอย่างมาก ราวกับเกสรดอกไม้

“สุขสันต์วันครบรอบนะ”

ฟู่เฉินจูบหน้าผากของเธออย่างอ่อนโยน ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความรักที่ไม่อาจละลายได้

โทรศัพท์สั่นสะเทือน ฟู่เฉินเหลือบมองชื่อผู้โทรเข้าแล้วกดวางสายด้วยสายตารังเกียจ สุดท้ายก็ปิดเครื่อง

“ขออภัย หมายเลขที่คุณเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้”

เสียงที่ทำให้คนสิ้นหวังดังมาจากปลายสาย

หนิงหนานเสว่นั่งร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทางอยู่ข้างเตียงของสุยสุย มองดูเลือดที่ลูกสาวของเธอกระอักออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอกลับทำอะไรไม่ได้เลย

“คุณแม่... ไม่ร้องไห้นะคะ”

“คุณแม่... เราไม่ต้องการคุณพ่อแล้ว คุณแม่ต้องมีความสุขนะคะ”

มือเล็ก ๆ ของฟู่สุยสุยออกแรงดึงหน้ากากออกซิเจนออก อยากจะพูดกับแม่เป็นครั้งสุดท้าย แต่โชคร้ายที่เมื่อมือเล็ก ๆ ยื่นออกไปกลางอากาศ ทันใดนั้นมันก็ตกลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เครื่องมือทุกชิ้นต่างส่งเสียงกระหึ่มขึ้นมาในทันที
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 206

    ระหว่างพูด น้ำตาของสวีจือหรูก็ไหลลงมาทั้งอย่างนี้ เธอซบบนร่างของฟู่เฉินอย่างเป็นธรรมชาติ กอดเอวฟู่เฉินไว้แน่น ประหนึ่งปลาน้อยที่พึ่งพาอาศัยน้ำ ไม่ยอมปล่อยฟู่เฉินเดิมในใจฟู่เฉินรู้สึกรำคาญอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มองท่าทางน่าสงสารแบบนี้ของสวีจือหรูแล้ว กลับใจอ่อนลงเล็กน้อย ยื่นมือออกมาลูบแก้มของเธอเบา ๆ “อย่าพูดอะไรโง่ ๆ สิ ผมไม่ไล่คุณไปหรอก”“อาเฉิน คุณ…จะหย่าไหม?” สวีจือหรูเอ่ยปากแบบหยั่งเชิงนี่เป็นเรื่องที่ฟู่เฉินไม่อยากไตร่ตรองที่สุดในตอนนี้ ทว่าสวีจือหรูกลับถามออกมาเสียอย่างนั้น ฟู่เฉินจึงหงุดหงิดอย่างไม่มีเหตุผล “ในมือเธอถือหุ้นของฟู่ซื่อกรุ๊ปอยู่ กุมหลักฐานที่ผมโยกย้ายทรัพย์สินของบริษัท ถ้าหย่าตอนนี้ ไม่ต้องตายกันไปข้างเหรอ?”“ฉันก็แค่ถามดู คุณ…คุณจะดุขนาดนี้ไปทำไม?” ราวกับว่าสวีจือหรูตกใจเพราะท่าทีของฟู่เฉิน ร่างกายถึงขั้นเริ่มสั่นเทาเมื่อเห็นเธอเริ่มตัวสั่น ฟู่เฉินถึงนึกขึ้นได้ว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้า จึงรีบเอ่ยคำปลอบโยน “ไม่ใช่ ผมไม่ได้ดุ ผมแค่โมโห ผมไม่ชอบถูกควบคุม”เดิมทีสวีจือหรูยังอยากจะพูดอะไรอีก แต่เลขาเฉินกลับเคาะประตูเดินเข้ามาในเวลานี้ เธอจึงจำต้องลงจากร่างของฟู่เฉิน จ

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 205

    หนิงหนานเสว่มองไปมองมาขอบตาแดงระเรื่อ ยื่นมือออกมาด้วยจิตใต้สำนึก ลูบใบหน้านั้นที่อยู่ใกล้เพียงคืบเบา ๆมองไปจากมุมนี้ ความจริงแล้วใบหน้าของเจียงเหยียนเชินแทบจะเหมือนฟู่เฉินอย่างกับแกะ ปีนั้นเธอได้เห็นฟู่เฉินแวบแรก ก็แทบตกหลุมรักเขาทันที ตอนนี้นึก ๆ ดูแล้ว พวกเขาหน้าตาคล้ายกัน แล้วใครจะเลี่ยงได้ล่ะ?สัมผัสได้ถึงมือของหนิงหนานเสว่บนหน้าตนเอง ฝีเท้าของเจียงเหยียนเชินที่เดิมทีก็เนิบนาบอยู่แล้วเบามากขึ้นไปอีก “เจ็บเหรอ?”“เจ็บ” หนิงหนานเสว่พูดตามความจริง ตอนนี้เธอแสบร้อนไปทั่วทั้งแผ่นหลัง ราวกับว่าจะระเบิดออกแล้ว แต่ที่เจ็บยิ่งกว่าไม่ใช่แผ่นหลัง เป็นทรวงอกทันใดนั้น หนิงหนานเสว่มุดศีรษะเข้าไปในอ้อมอกของเจียงเหยียนเชิน กอดเขาไว้แน่นอยู่อย่างนั้น วินาทีนี้ เธอไม่คิดอะไรทั้งนั้น แค่อยากดื่มด่ำกับความสงบที่หาได้ยากนี้เลขาเฉินยืนมองคนสองคนจากไปทั้งอย่างนี้อยู่กับที่สักพักหนึ่งแล้ว ก็ไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี หลัก ๆ คือไม่ค่อยแน่ใจว่าตัวเองควรกลับไปหรือไม่เขาคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็นั่งลง กินอาหารดิลิเวอรีที่ฟู่เฉินสั่งมาทีละคำ ๆ หลังจากกินเสร็จแล้ว จึงค่อยมุ่งหน้ากลับบริษัทตลอดเวลาใน

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 204

    เธอหลุบตาลงพลางพูดเสียงเบา “ถ้ารุ่นพี่โกรธเพราะเรื่องนี้จริง ๆ งั้นก็ไม่คุ้มค่าเลยนะคะ หลายปีขนาดนี้ อันที่จริงฉันชินไปนานแล้วละ”ก็เพราะความเคยชินเช่นนี้ถึงทำให้เจียงเหยียนเชินยิ่งปวดใจเขาเอื้อมมือออกมาอย่างอดใจไม่ได้ ลูบแก้มของหนิงหนานเสว่เบา ๆ “เธอลำบากแล้ว”“มันผ่านไปแล้วค่ะ” หนิงหนานเสว่หลบมือเขา แล้วส่งยิ้มให้เขาเมื่อก่อนหนิงหนานเสว่เจ็บปวดเพราะชอบฟู่เฉิน เพราะใส่ใจสุยสุย แต่ตอนนี้สุยสุยไม่อยู่แล้ว และเธอก็ไม่มีความรู้สึกอย่างตอนแรกให้กับฟู่เฉินแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่เจ็บปวด ต่อจากนี้คนที่จะเจ็บปวดจะมีแต่คนจิตใจอำมหิตพวกนั้นเห็นท่าทางไม่ยอมเสียหน้าแบบนี้ของหนิงหนานเสว่ เจียงเหยียนเชินจนใจเล็กน้อย “งั้นเธอพักผ่อนให้ดี ฉันกลับก่อนนะ”“รุ่นพี่อย่าเพิ่งไปค่ะ เราไปหาหนิงไห่เทากันก่อน” หนิงหนานเสว่กินอาหารในถ้วยอย่างรวดเร็ว แล้วกะพริบตาปริบ ๆ มองเจียงเหยียนเชินก่อนหน้านี้เธอก็อยากไปหาหนิงไห่เทาแล้ว แค่เพราะถูกบางเรื่องทำให้ไม่ได้ไป ตอนนี้พอดีเลย ไปเยี่ยมในเวลานี้ กลับจะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนหลังจากได้ยินดังนั้น ปฏิกิริยาแรกของเจียงเหยียนเชินก็คือคัดค้าน “ไม่ได้ ตอนนี้เธอร

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 203

    นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงหนานเสว่รู้สึกว่าเจียงเหยียนเชินเป็นเทพลงมาจุติ!มองท่าทางไร้เดียงสาและยึดเอาวัตถุเป็นสำคัญนี้ของเธอแล้ว ทำเอาเจียงเหยียนเชินหมดคำพูดไปเลย เอ่ยออกมาทันทีว่า “กะอีแค่ของกินนิดเดียว เธอต้องขนาดนั้นเลย?”“สำหรับฉันในตอนนี้ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว!” หนิงหนานเสว่ไม่เกรงใจเลยสักนิด หยิบตะเกียบขึ้นมแล้วเริ่มกินคำโต ๆ ทีละคำ ๆ ทันทีต้องบอกเลยว่าอาหารคนป่วยที่เจียงเหยียนเชินให้มานี้อร่อยกว่าอาหารที่โรงอาหารในโรงพยาบาลมากอย่างชัดเจน หนิงหนานเสว่ยิ้มตาหยีมองเจียงเหยียนเชินอย่างมีความสุข “รุ่นพี่ นี่เป็นอาหารดิลิเวอรีเจ้าไหนเหรอคะ? อร่อยจัง”“อาหารดิลิเวอรีเจ้าไหนทำรสอ่อนให้เธอได้ขนาดนี้? นี่ฉันเป็นคนทำให้เธอต่างหาก” เจียงเหยียนเชินยิ้มแล้วนั่งลงที่ตรงข้ามหนิงหนานเสว่ มองแก้มป่อง ๆ ของเธอ แววตาอ่อนโยนและเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก “เธออย่าลืมล่ะว่าฉันเป็นนักศึกษาที่ไปเรียนเมืองนอกมา ฝีมือการทำอาหารที่ดีคือคุณสมบัติอย่างหนึ่งที่ฉันต้องมีเพื่อให้อยู่รอดในเมืองนอกได้!”หลังจากหนิงหนานเสว่ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าตามเบา ๆ กินอาหารในถ้วยต่ออย่างตะกรุมตะกราม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 202

    “ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง” หนิงหนานเสว่ยิ้มอย่างอ่อนโยนตามด้วยพูดขึ้นว่า “เดิมทีการแต่งงานเป็นสามีภรรยาก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น นับประสาอะไรกับความสัมพันธ์แบบนี้ของเรา แต่นายวางใจ ฉันไม่ทนลำบากฟรีแน่”หากเป็นเมื่อก่อน หนิงหนานเสว่ไม่มีทางโต้กลับแน่นอน อาจถึงขั้นฝืนทนเงียบ ๆ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้หนิงหนานเสว่เรียนรู้ที่จะตาต่อตา ฟันต่อฟัน เธอไม่มีวันยอมให้ฟู่เฉินเอาเปรียบต่อหน้าเธอเด็ดขาด!หลังจากได้ฟังดังนั้น หานเฟิงเพียงคิดว่าหนิงหนานเสว่ปากแข็ง จึงได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา“ไม่ว่ายังไงก็เป็นเรื่องของสองสามีภรรยา ผมก็ไม่สามารถพูดมากเกินไปได้ แต่ผมหวังว่ารุ่นพี่จะปกป้องตัวเองให้ดีได้ อย่าโดนทำร้ายอีกเลย”หานเฟิงมองหนิงหนานเสว่ด้วยท่าทางกังวลใจอย่างมากเดิมทีเขานึกว่าคนรักษาเกียรติอย่างฟู่เฉินไม่มีทางทำร้ายเมีย แต่คาดไม่ถึงเลยว่าพอลงมือ กลับเป็นเช่นนี้ไปได้?“รุ่นพี่ ขอบใจนะ”“แต่ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ อาทิตย์หน้าฉันก็ออกโรงพยาบาลได้แล้ว”หนิงหนานเสว่หยิบแฟลชไดรฟ์ที่อยู่ด้านข้างมายัดให้หานเฟิง“นายกลับไปแล้ว ช่วยด่าเจ้าพวกนั้นให้ฉันที นายลองดูของกาก

  • ฉันถือเถ้ากระดูกบุกไปอาละวาดงานวันเกิดรักแรกของผู้ชายเลว   บทที่ 201

    เจียงเหยียนเชินเผชิญหน้ากับสายตาเช่นนี้ พูดคัดค้านอะไรออกมาไม่ได้เลยจริง ๆ ดังนั้นจึงทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ “ได้ ฉันรับปากเธอ!”เมื่อมีคำพูดนี้แล้ว ในที่สุดหนิงหนานเสว่ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ตามด้วยสลบเหมือดไปทั้งอย่างนี้ด้วยเจ็บปวดจนเกินไปมองท่าทางของหนิงหนานเสว่ที่หมดสติไปแล้ว ความอบอุ่นบนใบหน้าของเจียงเหยียนเชินหายไปในพริบตา ถูกแทนที่ด้วยความโกรธเกรี้ยวและบิดเบี้ยว เขากำหมัดสองข้างไว้แน่น เขาไม่มีทางปล่อยฟู่เฉินไปง่าย ๆ แน่นอน!หยิบมือถือออกมาโทรหาจ้าวหวนอวี่ทันที “แผนการของเรา ต้องเร่งให้เร็วขึ้นแล้ว!”“รุ่นพี่รีบร้อนเกินไปแล้ว” จ้าวหวนอวี่ใจเย็นเป็นอย่างมาก “เจียงเหยียนเชิน เราต่างทำด้านเทคนิค รุ่นพี่ควรรู้ว่า คุณสมบัติที่เราควรมีมากที่สุดก็คือความใจเย็น”เจียงเหยียนเชินพิงกำแพงอยู่ ยังสามารถมองเห็นหนิงหนานเสว่ที่นอนหมดสติบนเตียงผู้ป่วยผ่านกระจกได้ เขาไม่ใช่คนหุนหันพลันแล่น แต่เมื่อเป็นเรื่องของหนิงหนานเสว่ ก็สูญเสียการควบคุมตลอดดีที่จ้าวหวนอวี่เป็นคนใจเย็นเสมอโดยไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ความใจเย็นของเขาได้ส่งต่อมาถึงเจียงเหยียนเชินแล้วเจียงเหยียนเชินสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งท

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status