เช้าวันรุ่งขึ้น บรรยากาศในบ้านไม้หลังเก่าของค่ายมวยสิงหราชดูเปลี่ยนไป ความเงียบเหงาและท้อแท้ที่เคยปกคลุมจางหายไปจนเกือบหมดสิ้น
เหลือไว้เพียงความกระตือรือร้นและความหวังที่ส่องประกายอยู่ในแววตาของทุกคนในครอบครัว เงินจำนวนห้าบาทห้าสิบสตางค์ที่ได้มาเมื่อวานอาจจะดูไม่มากสำหรับบางคน แต่สำหรับพวกเขาแล้ว มันคือสมบัติล้ำค่าและเป็นทุนก้อนแรกที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่ง
หลังจากมื้อเช้าแสนง่ายที่อิ่มหนำกว่าทุกวันด้วยห่อหมกที่เหลือจากเมื่อวานกับปลาทอดฝีมือแม่ เชฟปลากริมก็เรียกประชุมครอบครัวทันทีถึงเรื่องการทำขนมจากที่เมื่อวานเด็กหญิงได้พูดไว้กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
"แม่จ๋า พ่อจ๋า...ตอนที่คุณยายกระถินมาหาหนูในฝัน ท่านบอกว่าท่านจะให้ของวิเศษหนูมาช่วยทำขนมให้ครอบครัวเราด้วยนะจ๊ะ"
คำพูดของลูกสาวทำให้คนทั้งคู่มองหน้ากันอย่างประหลาดใจ "ของวิเศษเหรอลูก?"
ปลากริมพยักหน้าหงึกหงัก เธอแสร้งทำเป็นหลับตาตั้งสมาธิอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยื่นมือเล็ก ๆ ไปด้านหลังแล้วทำท่าเหมือนหยิบบางอย่างมาจากอากาศว่างเปล่า
เมื่อเธอยื่นมือกลับมาอีกครั้ง ในอุ้งมือน้อย ๆ นั้นก็ปรากฏพิมพ์กดขนมที่ทำจากสแตนเลสเงาวับเป็นรูปดอกไม้สวยงามหลายขนาด ซึ่งเป็นของที่เธอหยิบออกมาจากมิติส่วนตัวนั่นเอง
"นี่ไงจ๊ะ! ของวิเศษของคุณยาย!"
สิงห์กับบัวเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง พวกเขาไม่เคยเห็นของใช้ในครัวที่มีลักษณะแบบนี้มาก่อน มันดูทันสมัยและแตกต่างจากทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านอย่างสิ้นเชิง
"นะ...นี่มันอะไรกันลูก" บัวถามเสียงสั่นเอื้อมมือมาแตะพิมพ์กดนั้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
"พิมพ์กดรูปดอกไม้จ้ะแม่ คุณยายบอกว่าถ้าเราใช้เจ้านี่กดลงไปบนกล้วย กล้วยบวชชีของเราก็จะเป็นรูปดอกไม้สวยงาม ไม่มีใครเหมือนและไม่เหมือนใครอย่างแน่นอน"
สิ้นคำอธิบายของลูกสาว สองสามีภรรยาก็ยิ่งทึ่งและขนลุกซู่ไปพร้อม ๆ กัน นี่ไม่ใช่แค่ความสามารถที่ติดตัวมา แต่เป็นถึง ของวิเศษที่แม่ต่างภพตามความเข้าใจของคนทั้งคู่ส่งมาเพื่อช่วยลูกหลาน
ความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวพุ่งสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวจากนั้นปฏิบัติการในครัวก็เริ่มต้นขึ้นอย่างคึกคัก พ่อรับหน้าที่ขูดมะพร้าวจากมะพร้าวที่ไปหามาได้ ส่วนแม่รับหน้าที่คั้นกะทิ ทางด้านปลากริมก็ทำหน้าที่เป็นเชฟใหญ่นำกล้วยห่ามมาหั่นเป็นแว่น แล้วใช้พิมพ์วิเศษตามที่พ่อแม่เรียกกดลงไปทีละชิ้น ๆ จนได้กล้วยรูปดอกไม้ออกมาอย่างง่ายดายและสวยงามสมบูรณ์แบบทุกชิ้น
เมื่อนำไปทำกล้วยบวชชีผลลัพธ์ที่ได้จึงน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิม...ในน้ำกะทิสีขาวข้นหอมหวานมันมีดอกไม้ทำจากกล้วยลอยละล่องอยู่เต็มหม้อ เป็นภาพที่สวยงามน่ากินจนแม้แต่ผู้ใหญ่ยังต้องร้อง "ว้าว"
พ่อกับแม่มองผลงานตรงหน้าด้วยความภาคภูมิใจระคนอัศจรรย์...ดูเหมือนว่าของขวัญจากคุณยายกระถินชิ้นนี้กำลังจะกลายเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่จะเปลี่ยนชีวิตอันแสนยากลำบากของครอบครัวพวกเขาอย่างสิ้นเชิงต่างจากเดิม
ซึ่งทั้งสิงห์และบัวยังไม่รู้ว่ายังมีอีกหลายอย่างที่พวกเขายังต้องอ้าปากค้าง แต่ปลากริมไม่ได้คิดจะเฉลยออกมาทั้งหมดในคราวเดียว
หลังจากได้กล้วยบวชชีหม้อใหญ่หอมกรุ่นมาแล้วหนึ่งหม้อ ในระหว่างที่ทุกคนกำลังชื่นชมผลงานอยู่นั้นเอง กลิ่นหอมเย็นอันเป็นเอกลักษณ์ก็ลอยมาก่อนตัว
ปลากริมรู้ได้ทันทีว่า "พี่สาว" จอมจ้อของเธอกำลังจะปรากฏตัว และดูเหมือนว่าครั้งนี้หล่อนจะเรียนรู้บทเรียนมาจากครั้งก่อนหน้าแล้วเพราะส่งกลิ่นมาแต่ไกลไม่ได้โผล่พรวดพราดออกมาตรงหน้าเหมือนคราวแรก ด้วยเพราะกลัวจะถูกเด็กวัยหกขวบบ่นเอาอีก
หอม...หอมเหลือเกินหนูน้อย น่ากินยิ่งนัก เสียงหวานใสของแม่นางตานีดังขึ้นในความคิดของเด็กหญิง
ปลากริมแอบกลอกตาไปมา พี่สาวอยากกินหรือจ๊ะ
ใช่จ้ะ หนูน้อยถ้าเจ้าตักขนมถ้วยนั้นมาไหว้ข้าสักหน่อยนะ ข้ามีของดีจะตอบแทน
ข้อเสนอที่มาพร้อมกับกลิ่นหอมยั่วน้ำลายทำให้ปลากริมสนใจขึ้นมาทันที
ของดีอะไรหรือพี่สาว? เธอถามกลับในใจ
ถ้าเจ้าไหว้ข้าด้วยของอร่อย ๆ แบบนี้บ่อย ๆ นะ เสียงของนางตานีฟังดูตื่นเต้น ข้าจะช่วยทำให้กล้วยของข้าออกผลเยอะ ๆ เลย ทั้งเครือใหญ่ ทั้งลูกโต! อีกทั้งรวมถึงใบตองด้วยจะให้เขียวสวยทนทานนานกว่าใครทั้งหมด! ไม่เพียงแค่นั้นนะ...ข้าจะไปบอกเพื่อนสาวของข้าที่เป็นนางกวักอยู่ที่ศาลเจ้าในตลาดให้มาช่วยเรียกลูกค้าให้ด้วย ดีหรือไม่!
ข้อเสนอที่พ่วงโปรโมชั่นการตลาดเสร็จสรรพทำให้ปลากริมถึงกับนิ่งไปชั่วครู่...ทะลุมิติมาไม่พอ ยังต้องมาทำข้อตกลงทางธุรกิจกับผี
แถมยังมีเรื่องส่งต่อดีลไปให้ฝ่ายการตลาดที่เป็นนางกวักอีกเหรอเนี่ย! ปลากริมยิ่งฟังก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวกับความวุ่นวายที่ดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่คิดไปคิดมาก็คุ้มค่า...คุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม! ในเมื่อมีผีอยากจะเสนอตัวเข้ามาช่วยถึงขนาดนี้ทำไมเธอจะไม่ให้ช่วยเสียล่ะ แค่แลกกับขนมถ้วยเล็ก ๆ เท่านั้นเอง งานนี้มีแต่กำไรล้วน ๆ ไม่ขาดทุน
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ปลากริมก็หันไปพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา
"แม่จ๋า...ก่อนเราจะชิมกัน หนูขอตักกล้วยบวชชีไปไหว้คุณยายกระถินที่ดงกล้วยก่อนได้ไหมจ๊ะ ท่านจะได้ช่วยคุ้มครองเรา ให้เราค้าขายดี ๆ"
นี่คือการใช้ข้ออ้างเรื่องคุณยายกระถินให้เป็นประโยชน์อย่างสูงสุด เมื่อบัวได้ยินดังนั้นก็ยิ้มออกมาด้วยความปลื้มใจ "ดีแล้วลูก คิดดีทำดีแล้วนะเรา ไปเถอะลูก ไปไหว้ท่านเถอะ ท่านจะได้อวยพรให้เรา"
ปลากริมพยักหน้ารับ เธอตักกล้วยบวชชีรูปดอกไม้ใส่กระทงใบตองขนาดพอเหมาะอย่างสวยงามแล้วเดินตรงไปยังดงกล้วยหลังบ้าน ในความคิดก็ได้ยินเสียงแม่นางตานีหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
ดูเหมือนว่าพันธมิตรทางธุรกิจคนแรกของเชฟใหญ่ปลากริมผู้นี้จะไม่ใช่คน...แต่เป็นถึงผีนางตานีเจ้าถิ่นนั่นเอง ปลากริมเดินนำกระทงใบตองที่ใส่กล้วยบวชชีรูปดอกไม้อย่างงดงามไปวางลงอย่างนอบน้อมที่โคนต้นกล้วยตานีที่ใหญ่ที่สุดในดงกล้วยหลังบ้าน
"คุณยายกระถินจ๋า...พี่สาวนางตานีจ๋า...ปลากริมเอาขนมมาไหว้จ้ะ ขอให้ท่านช่วยคุ้มครองครอบครัวเราให้ทำมาค้าขายขึ้นด้วยนะจ๊ะ" เด็กหญิงพนมมือเล็ก ๆ แล้วเอ่ยเสียงเบา
สิ้นคำพูดร่างโปร่งแสงของแม่นางตานีก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า นางยิ้มกว้างอย่างพออกพอใจ กระทงขนมที่วางอยู่บนพื้นพลันส่องประกายสีเขียวอ่อน ๆ วาบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เป็นสัญญาณว่านางได้รับเครื่องเซ่นนั้นแล้ว
ขอบน้ำใจเจ้ามากนะหนูน้อย ช่างหอมหวานชื่นใจเสียจริง เสียงหวานกังวานดังขึ้นในความคิดของปลากริม เจ้าไม่ต้องห่วง สัญญาต้องเป็นสัญญา เดี๋ยวพี่สาวจะไปจัดการธุระให้เดี๋ยวนี้เลย!
พูดจบร่างของแม่นางตานีก็กลายเป็นลมหมุนสีเขียวตองอ่อนพัดหายวับไปจากตรงนั้นทันที ทิ้งให้ปลากริมยืนทึ่งอยู่คนเดียว
หลายปีต่อมา...ในคืนวันศุกร์ที่แสนคึกคักใจกลางย่านพระอาทิตย์...แสงไฟนีออนสีน้ำเงินนวลสาดส่องลงบนป้ายชื่อร้านที่ออกแบบอย่างมีรสนิยม... "พระอาทิตย์ บลูส์" (Phra Athit Blues) นี่คือไพรเวทแจ๊สคลับที่หรูหราและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดในพระนคร และเจ้าของคลับแห่งนี้ก็คือสองหนุ่มโสดที่เนื้อหอมมากที่สุด...ข้าวเหนียวและปั้นขลิบ บรรยากาศภายในคลับอบอวลไปด้วยเสียงดนตรีแจ๊สสด ๆ ที่บรรเลงอย่างนุ่มนวลกลิ่นหอมของซิการ์ชั้นดีและเสียงพูดคุยของเหล่าแขกผู้มีระดับ...ทั้งนักธุรกิจ ทูตานุทูตและศิลปินชื่อดัง ข้าวเหนียวในชุดสูทสั่งตัดอย่างดีกำลังยืนพูดคุยกับกลุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติด้วยภาษาอังกฤษที่คล่องแคล่ว...ส่วนปั้นขลิบก็กำลังโปรยเสน่ห์ให้กับกลุ่มคุณหนูไฮโซที่โต๊ะข้างเวที...ซึ่งทั้งสองคนได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างสมบูรณ์แบบ ที่โต๊ะVIP ที่ดี
หลังจากที่สองสหายคู่ซี้อย่างข้าวเหนียวและปั้นขลิบ...ที่ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋...ได้เดินทางกลับมาถึงพระนครหลังจากไปทำหน้าที่อาสา พวกเขาก็ได้รับวันหยุดพักผ่อนอย่างเต็มที่ และเมื่อสองหนุ่มโสด...โปรไฟล์ดี...ผู้มีพลังงานล้นเหลือได้กลับคืนสู่เมืองหลวง...ค่ำคืนแห่งความสนุกสนานก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง... และเบื้องหลังรอยยิ้มที่มีเสน่ห์นั้น...พวกเขาก็บังเกิดความคิดที่จะสร้างอาณาจักรของตนเองขึ้นมาบ้างนอกจากจะช่วยดูแลกิจการของครอบครัว ดังนั้นในเย็นวันหนึ่งขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ที่เลานจ์หรูของร้านเลอ บัว เบลอ หลังจากที่ช่วยปลากริมดูแลความเรียบร้อยของร้านแล้ว ปั้นขลิบก็ได้เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ "พี่ข้าวเหนียว...พอผมเห็นพี่ปลากริ
หลังจากเรื่องราวภายในครอบครัวผ่านพ้นมาได้ด้วยดีครอบครัวใหญ่แห่งบ้านสิงหราชก็ได้เติบโตและงอกงามขึ้นอย่างมีความสุข มะตูมและนีรนาถมีทายาทชายคนแรกเป็นโซ่ทองคล้องใจ ส่วนปลากริมและเทวากรก็มีลูกสาวตัวน้อยที่น่ารักน่าชัง... ค่ำคืนหนึ่งบนโต๊ะอาหารที่แสนอบอุ่นและคึกคักของบ้านสิงหราช เพชรในยศร้อยตรีกลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงวันหยุด เขาได้เห็นภาพความสุขของทุกคนในครอบครัว...และมันก็ทำให้เขาตัดสินใจในเรื่องสำคัญในชีวิตออกมาได้ คืนเดียวกันนั้นหลังจากที่สมาชิกภายในครอบครัวได้แยกย้ายกันไปหมดแล้ว ชายหนุ่มจึงได้ตัดสินใจเข้าไปคุยกับสิงห์และบัวผู้ที่เปรียบเหมือนพ่อแม่เป็นการส่วนตัว... "พ่อครูครับ...แม่บัวครับ..." เขาเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงความหนักแน่น "ผมได้อาสาสมัครไปประจ
ท่ามกลางการเติบโตของทุกคน กาลเวลาเองก็ได้เปลี่ยนเด็กชายขี้อายที่ชื่อดิน...ให้กลายเป็นชายหนุ่มผู้สุขุมและน่าเกรงขามในวงการมวยไทย บัดนี้เขาคือโปรโมเตอร์ดิน สิงหราช ผู้ก่อตั้งสิงหราชโปรโมชั่นและเป็นหนึ่งในโปรโมเตอร์หนุ่มที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดของเวทีราชดำเนิน สำนักงานของเขาที่เช่าไว้มุมหนึ่งของสนามมวยไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่มันคือศูนย์กลางของความเคลื่อนไหว ผนังห้องเต็มไปด้วยโปสเตอร์รายการมวยที่เขาเคยจัด รูปถ่ายขาวดำของนักมวยในค่ายที่คว้าชัยชนะและกระดานดำขนาดใหญ่ที่ขีดเขียนตารางการซ้อมและรายชื่อคู่มวยไว้จนเต็ม เสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานของเขาดังขึ้นแทบจะตลอดทั้งวัน..."ครับพี่...เรื่องน้ำหนักของเจ้าสมิงขาวไม่น่ามีปัญหาครับ...เดี๋ยวผมจะคุมด้วยตัวเอง" เขาพูดสายหนึ่ง ก่อนจะวางหูแล้วรับอีกสาย&nbs
หนึ่งปีผ่านไป...หลังจากที่ทุกคนได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่บ้านสิงหราช... บ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง บรรยากาศในบ้านดูจะคึกคักและมีพิรุธมากเป็นพิเศษ...โดยที่ทุกคนในครอบครัวสิงหราชต่างก็รู้ดีว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น...ยกเว้นเพียงคนเดียว...คือปลากริมที่หารู้เรื่องรู้ราวใด ๆ เทวากรที่ตอนนี้กลายเป็นนักธุรกิจหนุ่มเต็มตัว กำลังยืนอยู่หน้ากระจกด้วยท่าทีที่ประหม่ามากที่สุดในชีวิต ในมือของเขาคือกล่องกำมะหยี่ขนาดเล็กที่บรรจุแหวนหมั้นวงงาม...ซึ่งเขาได้ซักซ้อมแผนการของตนเองกับเหล่าพี่ชายของหญิงสาวในดวงใจเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าคนทั้งคู่จะเป็นคู่หมายกัน...ทว่าสำหรับเทวากรแล้วเขาอยากจะทำให้ทุกช่วงเวลาของเขากับปลากริมเต็มไปด้วยความหมาย "ผมจะรอจังหวะที่น้องซ้อ
สามปีผ่านไป... กาลเวลาได้นำพาเหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวแห่งบ้านสิงหราชและบ้านเมธาวินเติบโตขึ้นสู่เส้นทางแห่งเกียรติยศและความสำเร็จ มะตูมกับเพชรหลังจากเรียนจบจากโรงเรียนนายร้อย...พวกเขาก็ได้บรรจุเข้ารับราชการเป็นนายตำรวจและนายทหารหนุ่มอนาคตไกล ด้วยผลงานการชกมวยที่สร้างชื่อให้กับประเทศชาติในนามทีมชาติสมัครเล่น จึงทำให้พวกเขาได้รับราชการอยู่ในเขตพระนครทำให้คนทั้งคู่สามารถกลับมาดูแลค่ายมวยและครอบครัวได้เสมอ ส่วนปลากริม...หลังจากที่เรียนจบจากมหาวิทยาลัย เธอก็ได้เข้ามาดูแลและพัฒนาสูตรอาหารและขนมให้กับกิจการทั้งหมดของครอบครัว ทั้งร้านเลอ บัว เบลอและโรงแรมเมธาวินแกรนด์...ในฐานะคู่หมายอย่างเป็นทางการของเทวากร...