หลังจากวันนั้นไม่กี่วัน ท่านรองปลัดขจรก็ได้ทำตามที่พูดไว้ ท่านได้นัดหมายให้สิงห์และปลากริมได้เข้าพบกับพันตำรวจเอกประวิทย์...เป็นการส่วนตัวที่ร้านกาแฟเก่าแก่แห่งหนึ่งในย่านพระนครที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวและปลอดจากสายตาของผู้คน
พันตำรวจเอกประวิทย์เป็นชายวัยกลางคนที่ดูสุขุมและน่าเกรงขาม แววตาของท่านคมกริบและมองทุกอย่างราวกับจะทะลุไปถึงความคิดข้างใน
หลังจากที่ท่านรองปลัดขจรได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกันแล้ว ท่านก็ขอตัวแยกออกไปนั่งอีกโต๊ะหนึ่งที่อยู่ห่าง ๆ เพื่อให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นส่วนตัวมากที่สุด
"ท่านรองปลัดเล่าให้ผมฟังคร่าว ๆ แล้ว" พันตำรวจเอกประวิทย์เริ่มต้นก่อน "แต่ผมอยากจะฟังจากปากของหนูเอง... ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร...และที่สำคัญ...หนูได้ข้อมูลเหล่านี้มาจากไหน"
&n
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น...ปลากริมที่สังเกตเห็นท่าทีแปลก ๆ ของนีรนาถก็รู้สึกไม่เข้าใจ แต่แล้วสายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นข้อมือขาวผ่องของนีรนาถที่ตอนนี้เริ่มมีรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ จากการถูกคนร้ายบีบจับอย่างแรง ภาพนั้นทำให้เจ้าตัวก็เกิดความเห็นใจขึ้นมา "คุณนีรนาถ...แล้วนี่คุณจะกลับบ้านอย่างไรคะ" ปลากริมถาม ก่อนจะชี้ไปที่ข้อมือของหล่อน "ข้อมือของคุณช้ำหมดเลย...เอาอย่างนี้ดีไหม...บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ที่นั่นมียาหม่องกับผ้าพันแผลคุณจะไปทำแผลก่อนไหม...แล้วค่อยโทรศัพท์ตามให้คนขับรถมารับ" ปลากริมคิดว่าคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนีรนาถต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน ทว่า...เธอกลับรู้สึกผิดคาด นีรนาถที่ตอนนี้ในหัวไม่ได้คิดเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยภาพขอ
หลายวันต่อมา หลังจากที่ปลากริมได้ปะทะคารมกับคุณนีรนาถในวันนั้นซึ่งเธอคิดว่าน่าจะจบ...แต่ลูกผู้ดีเก่าคนนี้ก็ยังคงมาราวีหาเรื่องเธอไม่เว้นแต่ละวันจนปลากริมแทบอยากจะตอบโต้แรง ๆ กับหล่อนไปให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเด็กสาวก็พยายามอดทนเพราะยังไงซะเนื้อแท้ของเธอก็คือวิญญาณของผู้ใหญ่มีวัยวุฒิมากกว่าเด็กสาวเหล่านี้...เธอจึงคิดว่าฟังเสียงนกเสียงกาไปวัน ๆ และในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปลากริมไม่ต้องไปเจอหน้าคนเหล่านั้นก็มาถึง อีกทั้งในบ่ายวันนี้ก็มีบุรุษไปรษณีย์นำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้เธออีกด้วย มันคือจดหมายอากาศ...ซองกระดาษบางเบาสีฟ้าขาวที่ติดแสตมป์จากต่างประเทศ...และทันทีที่เห็นลายมือที่คุ้นเคยบนหน้าซอง...ปลากริมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอพับจดหมายนั้นเก็บไว้ก่อน
ด้วยทิฐิของคุณหนูลูกผู้ดีและใจที่อยากเอาชนะ นีรนาถจึงไม่คิดจะยอมแพ้ ดังนั้นในบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง หญิงสาวจึงให้คนขับรถพาเธอไปยังย่านตลาดเก่า...ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบทำขนมไทยชั้นเลิศที่หาได้ยาก แทนที่จะใช้ให้คนรับใช้ไปซื้อเหมือนทุกครั้ง ทันทีที่เท้าซึ่งสวมรองเท้าหนังอย่างดีของหล่อนเหยียบลงบนพื้นดินเฉอะแฉะในย่านตลาดเก่า ความรู้สึกแรกที่กระแทกเข้ามาคือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากห้างสรรพสินค้าที่เธอเคยไปกับคุณหญิงแม่ ท่าทางของนีรนาถดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ กลิ่นอายหลากหลายของตลาด ทั้งกลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นของสด และควันจากร้านอาหารข้างทาง ลอยตลบอบอวลปะปนกันไปหมด หล่อนจึงเผลอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจรดปลายจมูกอย่างลืมตัว "ไปกันเถอะ บัวผัน" เธอเอ่ยกับเด็กรับใช้ที่ถือตะกร้าหวายตามหลังมา "รีบซื้อรีบกลับ...ที่นี่
ช่วงบ่ายของวันหนึ่งภายในห้องปฏิบัติการทำขนมอบของมหาวิทยาลัย ปลากริมที่ตอนนี้เติบโตขึ้นมาจนกลายเป็นสาวอย่างเต็มตัว...ในตอนนี้เธอได้เป็นนักศึกษาชั้นปีที่หนึ่งแห่งคณะ คหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งของประเทศ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดแต่ก็เปี่ยมด้วยสมาธิ นักศึกษาทุกคนในชุดกาวน์สีขาวสะอาดกำลังง่วนอยู่กับการทำเอแคลร์...ขนมฝรั่งเศสขั้นพื้นฐานที่เป็นเหมือนบททดสอบสำคัญของเชฟขนมหวานทุกคน ปลากริมทำงานของเธออย่างคล่องแคล่วและเงียบสงบ ทุกขั้นตอนตั้งแต่การต้มเนย การร่อนแป้ง ไปจนถึงการตีไข่ผสมกับแป้งที่ยังร้อนอยู่...ทุกอย่างถูกทำด้วยความแม่นยำและเป็นธรรมชาติราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ซึ่งในขณะที่นักศึกษาคนอื่น ๆ กำลังลุ้นว่าแป้งชูส์ของตนจะขึ้นฟูหรือไม่...เอแคลร์ของปลากริมกลับพองตัวขึ้นในเตาอบอย่างสวยงามและรูปท
หลังจากจัดการเรื่องของลำดวนเรียบร้อยแล้วปลากริมก็ไม่รอช้า วันรุ่งขึ้นที่มหาวิทยาลัยเธอตั้งใจจะนำเรื่องการแข่งขันทำขนมที่เห็นในประกาศไปพูดคุยกับคุณนีรนาถให้รู้เรื่อง เธอเดินตรงไปยังกลุ่มของนีรนาถที่กำลังนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนใต้ร่มไม้...แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยปาก...ฝ่ายตรงข้ามกลับเป็นผู้เปิดฉากสารท้ารบ...ขึ้นเสียก่อน "อ้าว...มาแล้วรึ...แม่ครัวสามัญชนคนเก่ง" นีรนาถเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน...พลางยกกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาโบกไปมา...มันคือใบประกาศการแข่งขันชิงทุนนั่นเอง "เห็นป้ายประกาศนี่แล้วใช่ไหม...การแข่งขันชิงทุนไปเรียนทำขนมที่ปารีส...เวทีระดับนี้...คงจะสูงเกินไปสำหรับครูพักลักจำ...อย่างเธอ" เธอเว้นจังหวะลงชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ "แต
ทางด้านเจ้าสัวราตรี...เมื่อเชฟสมศักดิ์นำเมนูที่ขโมยมาได้ไปเสนอให้ดู เขาก็หัวเราะออกมาอย่างพึงพอใจ "ดี...ปล่อยให้มันลงทุนกับของแพง ๆ ไปเยอะ ๆ" เขากล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ "แล้วเราก็ค่อยเปิดตัวเมนูของเราที่เหนือกว่า...ในราคาที่ถูกกว่า...หักหน้ามันให้แหก...อั๊วอยากเห็นตอนมันกระอักเลือด" เขาเอ่ยพร้อมหัวเราะเสียงต่ำด้วยความสะใจ โดยที่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าตนเองได้หลงกลตกลงไปในกับดักที่ปลากริมวางเอาไว้อย่างแนบเนียนเรียบร้อยแล้ว... หลายวันต่อมา ในขณะที่การฝึกซ้อมของเพชรดำเนินไปอย่างเข้มข้นที่ค่ายมวยหลังร้าน ปลากริมก็เรียกประชุมทีมบริหารร้านอาหารฝรั่งเศสเป็นครั้งที่สอง หลังจากที่เธอเคยมาเยือนที่นี่ก่อนหน้านี้ การประชุมในครั้งนี้ประกอบด้วยตัวเธอ เชฟอองรี แ