ด้วยทิฐิของคุณหนูลูกผู้ดีและใจที่อยากเอาชนะ นีรนาถจึงไม่คิดจะยอมแพ้ ดังนั้นในบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง หญิงสาวจึงให้คนขับรถพาเธอไปยังย่านตลาดเก่า...ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบทำขนมไทยชั้นเลิศที่หาได้ยาก แทนที่จะใช้ให้คนรับใช้ไปซื้อเหมือนทุกครั้ง
ทันทีที่เท้าซึ่งสวมรองเท้าหนังอย่างดีของหล่อนเหยียบลงบนพื้นดินเฉอะแฉะในย่านตลาดเก่า ความรู้สึกแรกที่กระแทกเข้ามาคือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากห้างสรรพสินค้าที่เธอเคยไปกับคุณหญิงแม่
ท่าทางของนีรนาถดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ กลิ่นอายหลากหลายของตลาด ทั้งกลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นของสด และควันจากร้านอาหารข้างทาง ลอยตลบอบอวลปะปนกันไปหมด หล่อนจึงเผลอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจรดปลายจมูกอย่างลืมตัว
"ไปกันเถอะ บัวผัน" เธอเอ่ยกับเด็กรับใช้ที่ถือตะกร้าหวายตามหลังมา "รีบซื้อรีบกลับ...ที่นี่
หลังจากที่นีรนาถได้มาฝึกทำขนมที่บ้านสิงหราชได้ไม่นาน วันเปิดตัวการแข่งขันชิงทุนไปปารีสเป็นระยะเวลา 1 ปีก็ได้มาถึงอย่างเป็นทางการ ในเช้าวันนั้นหอประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยล้วนคราคร่ำไปด้วยผู้คน ทั้งนักศึกษาจากหลากหลายคณะ อาจารย์ประจำภาควิชา ตลอดจนแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญ พวกเขาต่างก็เดินทางมาร่วมงานกันอย่างพร้อมเพรียง บ้างมาด้วยความสนใจจริงจัง บ้างก็มาเพื่อให้กำลังใจเพื่อนที่เข้าร่วมแข่งขัน จึงทำให้บรรยากาศภายในหอประชุมเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ และกลิ่นอายของความตื่นเต้นที่แผ่กระจายไปทั่ว เวทีขนาดใหญ่ด้านหน้าห้องประชุมถูกตกแต่งด้วยผ้าตาดทองและพุ่มดอกไม้สดอย่างวิจิตรบรรจง โต๊ะกรรมการที่ตั้งอยู่ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นพื้นที่การสาธิตได้ชัดเจนถูกปูผ้าขาวสะอาดตา
ตกเย็นวันเดียวกันนั้น... เมื่อนีรนาถกลับถึงคฤหาสน์ สภาพของเธอที่ดูอิดโรย พร้อมผ้าพันแผลบนข้อมือก็สร้างความตกใจให้แก่ผู้ที่รออยู่ก่อนแล้ว ทั้งคุณหญิงอำไพ ท่านเจ้าคุณอัครเดช และหม่อมหลวงชัชวาลพี่ชายของเธอ "ตายจริง! ลูกนี หนูไปโดนอะไรมา…ทำไมถึงมีแผลแบบนี้" คุณหญิงอำไพรีบปรี่เข้ามาหาบุตรสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือจากความเป็นห่วง "มีใครทำร้ายน้องหรือเปล่า?" หม่อมหลวงชัชวาลถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกังวลไม่แพ้ผู้เป็นมารดา ส่วนท่านเจ้าคุณอัครเดชก็จ้องลูกสาวคนเล็กด้วยแววตาสุขุมแฝงความห่วงใย "ค่อย ๆ เล่าให้พ่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้น" นีรนาถจึงถอนหายออกมาเล็กน้อยก่อนจะเริ่มเล่
นับตั้งแต่วันที่นีรนาถกับปลากริมปรับความเข้าใจกันได้เรียบร้อย...บรรยากาศภายในมหาวิทยาลัยของคนทั้งคู่ก็ดีขึ้นตามลำดับ... ซึ่งเรื่องนี้ได้สร้างความแปลกใจให้แก่กลุ่มของเธอไม่น้อยรวมถึงผู้ที่พบเห็นที่รู้ความบาดหมางของคนทั้งสองด้วย "คุณนีคะ...นี่คุณนีไปสนิทสนมกับยัยธารามลนั่นจริง ๆ เหรอคะ" ลินดาเพื่อนในกลุ่มที่เคยเป็นลูกคู่ของนีรนาถเอ่ยขึ้นในวันที่เธอเห็นนีรนาถเดินแยกมาจากปลากริม "เมื่อวานลิน...ยังเห็นมันแอบคุยกับอาจารย์หลังเลิกเรียนอยู่เลยนะคะ ไม่รู้ว่าแอบไปใช้มารยาอะไรให้ท่านอาจารย์ลำเอียงเข้าข้างรึเปล่า" แต่นีรนาถในวันนี้ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว..."ลินดา...พอได้แล้ว" เธอกล่าวปรามเพื่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เรื่องของฉันกับธารามล...เธอไม่ต้องเข้ามายุ่ง และท
ซึ่งในเวลาเดียวกันนั้น...ปลากริมที่สังเกตเห็นท่าทีแปลก ๆ ของนีรนาถก็รู้สึกไม่เข้าใจ แต่แล้วสายตาของเธอก็พลันเหลือบไปเห็นข้อมือขาวผ่องของนีรนาถที่ตอนนี้เริ่มมีรอยช้ำเป็นจ้ำ ๆ จากการถูกคนร้ายบีบจับอย่างแรง ภาพนั้นทำให้เจ้าตัวก็เกิดความเห็นใจขึ้นมา "คุณนีรนาถ...แล้วนี่คุณจะกลับบ้านอย่างไรคะ" ปลากริมถาม ก่อนจะชี้ไปที่ข้อมือของหล่อน "ข้อมือของคุณช้ำหมดเลย...เอาอย่างนี้ดีไหม...บ้านของฉันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ที่นั่นมียาหม่องกับผ้าพันแผลคุณจะไปทำแผลก่อนไหม...แล้วค่อยโทรศัพท์ตามให้คนขับรถมารับ" ปลากริมคิดว่าคนหยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนีรนาถต้องปฏิเสธอย่างแน่นอน ทว่า...เธอกลับรู้สึกผิดคาด นีรนาถที่ตอนนี้ในหัวไม่ได้คิดเรื่องศักดิ์ศรีอีกต่อไปแล้ว แต่กลับเต็มไปด้วยภาพขอ
หลายวันต่อมา หลังจากที่ปลากริมได้ปะทะคารมกับคุณนีรนาถในวันนั้นซึ่งเธอคิดว่าน่าจะจบ...แต่ลูกผู้ดีเก่าคนนี้ก็ยังคงมาราวีหาเรื่องเธอไม่เว้นแต่ละวันจนปลากริมแทบอยากจะตอบโต้แรง ๆ กับหล่อนไปให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าเด็กสาวก็พยายามอดทนเพราะยังไงซะเนื้อแท้ของเธอก็คือวิญญาณของผู้ใหญ่มีวัยวุฒิมากกว่าเด็กสาวเหล่านี้...เธอจึงคิดว่าฟังเสียงนกเสียงกาไปวัน ๆ และในที่สุดวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ปลากริมไม่ต้องไปเจอหน้าคนเหล่านั้นก็มาถึง อีกทั้งในบ่ายวันนี้ก็มีบุรุษไปรษณีย์นำจดหมายฉบับหนึ่งมาส่งให้เธออีกด้วย มันคือจดหมายอากาศ...ซองกระดาษบางเบาสีฟ้าขาวที่ติดแสตมป์จากต่างประเทศ...และทันทีที่เห็นลายมือที่คุ้นเคยบนหน้าซอง...ปลากริมก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ เธอพับจดหมายนั้นเก็บไว้ก่อน
ด้วยทิฐิของคุณหนูลูกผู้ดีและใจที่อยากเอาชนะ นีรนาถจึงไม่คิดจะยอมแพ้ ดังนั้นในบ่ายวันหยุดสุดสัปดาห์วันหนึ่ง หญิงสาวจึงให้คนขับรถพาเธอไปยังย่านตลาดเก่า...ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งรวมวัตถุดิบทำขนมไทยชั้นเลิศที่หาได้ยาก แทนที่จะใช้ให้คนรับใช้ไปซื้อเหมือนทุกครั้ง ทันทีที่เท้าซึ่งสวมรองเท้าหนังอย่างดีของหล่อนเหยียบลงบนพื้นดินเฉอะแฉะในย่านตลาดเก่า ความรู้สึกแรกที่กระแทกเข้ามาคือความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากห้างสรรพสินค้าที่เธอเคยไปกับคุณหญิงแม่ ท่าทางของนีรนาถดูแข็งทื่อและไม่เป็นธรรมชาติ กลิ่นอายหลากหลายของตลาด ทั้งกลิ่นเครื่องเทศ กลิ่นของสด และควันจากร้านอาหารข้างทาง ลอยตลบอบอวลปะปนกันไปหมด หล่อนจึงเผลอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาจรดปลายจมูกอย่างลืมตัว "ไปกันเถอะ บัวผัน" เธอเอ่ยกับเด็กรับใช้ที่ถือตะกร้าหวายตามหลังมา "รีบซื้อรีบกลับ...ที่นี่