เข้าสู่ระบบในตอนแรก โจวซือเหย่ยังคงคิดว่าเป็นเพียงเรื่องล้อเล่นที่ไร้สาระ อันที่จริงแล้ว การเป็นผู้ยืนอยู่บนจุดสูงเช่นเขา ย่อมมาพร้อมกับภัยคุกคามจากศัตรูอยู่ไม่น้อย และเรื่องการลักพาตัวก็เป็นสิ่งที่พวกเขาประสบพบเจอจนคุ้นชินมาตั้งแต่วัยเด็กทว่าการที่อีกฝ่ายเปิดปากเอ่ยถึง ภรรยา และ ชู้รัก ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิงเช่นนี้ ทำให้เขายังคงนึกต่อไปว่า อีกฝ่ายเป็นเพียงการข่มขู่กรรโชกทรัพย์เท่านั้นจนกระทั่ง ทันทีที่เสียงของเวิงอี๋ลอดผ่านสายโทรศัพท์เข้ามา โจวซือเหย่ก็ผุดลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันใด สีหน้าของเขาพลันเคร่งเครียดขึ้นในพริบตา“พี่ซือเหย่ ช่วยฉันด้วยค่ะ พี่ซือเหย่... หือ หืออ...”โจวซือเหย่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “พวกแกต้องการอะไร?”ชายหนุ่มดุดันคนนั้นตอบกลับ “เป็นอย่างที่คิด แกห่วงชู้รักตัวน้อยจริง ๆ ด้วยสินะ”“มานี่สิ มาทักทายสามีแกบ้าง”ชายหนุ่มดุดันคนนั้นหมุนโทรศัพท์มาทางเจียงซู่เจียงซู่เม้มริมฝีปากแน่น และไม่ได้พูดอะไรออกไปชายคนนั้นกระชากผมเธอเต็มกำมืออย่างสุดแรงและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ “ฉันบอกให้แกพูด หูตึงรึไง?!”ความเจ็บปวดรุนแรงที่หนังศีรษะ ทำให
เขาไม่ใช่คนที่รู้จักแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกัน ในเมื่อเธอเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาย่อมไม่ขับไล่เธอเว่ยชิงหางทำหน้าที่เป็นคนขับรถ ทว่าเฉียวฉีกลับเบียดเจียงซู่ให้พ้นทาง แล้วรีบเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับเข้าไปนั่งทันที เจียงซู่ไม่แสดงความไม่พอใจแม้แต่น้อย และยอมไปนั่งที่เบาะหลังแทนเว่ยชิงหางเหลือบมองเฉียวฉีที่นั่งอยู่เบาะหน้า ก่อนจะตัดสินใจไม่เอ่ยสิ่งใดออกมาในท้ายที่สุดตลอดการเดินทาง เฉียวฉีพูดจ้อไม่หยุดราวกับต่อยหอย ถึงแม้จะเป็นเสียงที่ไพเราะเพียงใด แต่การส่งเสียงดังตลอดเวลาก็ชวนให้รู้สึกรำคาญได้อยู่ดี จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่เธอสามารถคบหาเป็นเพื่อนกับเวิงอี๋ได้ เพราะทั้งคู่มีนิสัยน่ารำคาญที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเฉียวฉีพยายามชวนเจียงซู่คุย จึงเอ่ยถามขึ้นว่า “พี่เจียง ฉันได้ยินมาว่าพี่แต่งงานมาห้าปีแล้ว พี่วางแผนจะมีลูกเมื่อไหร่เหรอคะ?”ขณะที่พูด เธอก็เหลือบสายตาไปมองเว่ยชิงหางที่กำลังขับรถอยู่ด้วยเจียงซู่ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยแต่แฝงไปด้วยความประชดประชันว่า “ไม่ยักรู้มาก่อนว่าคุณหนูเฉียวไปรับงานพาร์ตไทม์ที่สำนักงานวางแผนครอบครัว ถึงได้เป็นห่วงเป็นใยเรื่องการมีบุตรของค
เมืองกั่งเฉิงเต็มไปด้วยเส้นทางบนเขาสูงชันเมื่อเทียบกับถนนที่กว้างขวางของเมืองเป่ยเฉิงแล้ว ที่นี่เต็มไปด้วยทางแคบ ๆ ที่คดเคี้ยวเลี้ยวลดและวกวนบนถนนสายนั้น เจียงซู่ขับรถซูเปอร์คาร์สีเทาอมม่วงด้วยความเร็วสูงจนเกิดเป็นภาพซ้อนสีหน้าผ่อนคลายสบายใจของโจวจิ่งอี้ที่เคยพลันแปรเปลี่ยนไปทันควัน เมื่อเจียงซู่เหยียบคันเร่งจนมิด เขากำขอบประตูรถแน่น จนร่างกายตึงเครียดเกร็งไปทั้งร่าง“เจียงซู่! จะทำอะไรน่ะ?”เจียงซู่สีหน้าเรียบเฉย ดวงตาจดจ่ออยู่ไปยังเบื้องหน้า และตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ไปส่งนายไง”“...”เขาเห็นชัดว่าเธอไม่ได้ตั้งใจจะพาเขากลับบ้านเลย แต่กำลังคิดจะส่งเขาไปตายต่างหาก! เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเจียงซู่ยังมีด้านที่บ้าบิ่นและดุดันถึงเพียงนี้โจวจิ่งอี้พยายามปรับน้ำเสียงให้นุ่มนวลลงเพื่อเกลี้ยกล่อมเธอ “ถนนมันขับยากนะ พี่อย่าขับเร็วเลยดีกว่า เรามีเวลาเหลือเฟือ ไม่ต้องรีบหรอกเนอะ ค่อย ๆ ขับไปช้า ๆ ก็ได้”“ไม่เป็นไร ไม่ต้องกลัว ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา ฉันจะไปเป็นเพื่อนนายเอง นายไม่โดดเดี่ยวบนถนนสายยมโลกแน่นอน”เจียงซู่มีท่าทีราวกับเป็นผู้ที่มองชีวิตและความตายเป็นเรื่องธรรมดาโจว
เจียงซู่ “?” มาดูละครที่สวนสนุก? ดูละครเด็กงั้นเหรอ?โจวจิ่งอี้เดินอ้อมหน้ารถ ก่อนจะเปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับ แล้วพูดว่า “ลงมา”เจียงซู่ไม่เข้าใจเหตุผล แต่ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้ว เธอจึงตัดสินใจขอรอดูว่าเขาจะเล่นตุกติกอะไรต่อไปสวนสนุกแห่งนี้อยู่ในช่วงเปิดทำการชัด ๆ แต่กลับมองไม่เห็นนักท่องเที่ยวเลยแม้แต่คนเดียวโจวจิ่งอี้สังเกตเห็นความสับสนที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเธอ จึงเอ่ยอธิบายด้วยท่าทีใจดีว่า “มีคนเหมาสถานที่น่ะ”“...” เหมาสวนสนุกชื่อดังขนาดนี้ ต้องใช้เงินเท่าไหร่กันเชียวนะ?เจียงซู่มองตามเขา ขณะที่เขาพาเธอเดินเข้าไปทางช่องทางสำหรับพนักงาน แล้วถามออกไปตามสัญชาตญาณ “นายเหมาไว้เหรอ?”โจวจิ่งอี้ตอบกลับ “ผมไม่ได้มีผู้หญิงที่ต้องโอ๋สักหน่อย จะมาเหมาไปทำไมกัน?”เมื่อได้ยินดังนั้น ความคิดหนึ่งก็แล่นวาบเข้ามาในใจของเจียงซู่ สีหน้าของเธอแปรเปลี่ยนเล็กน้อยและฝีเท้าก็หยุดชะงักลงในทันที ณ ตอนนั้นเธอไม่ต้องการเดินเข้าไปข้างในอีกต่อไปแล้ว“มาสิ” โจวจิ่งอี้มีท่าทางตื่นเต้นจนอยู่ไม่สุขทันใดนั้น เสียง ปัง ก็ดังขึ้น พลุดอกแรกผลิบานเจิดจรัสสว่างไสวท่ามกลางความมืดมิดของค่ำคืน ก่อน
“พี่สะใภ้ไม่เห็นสะทกสะท้านกับเรื่องที่โจวซือเหย่คบชู้เลย แล้วจะมากลัวผมทำไม?”ปากของโจวจิ่งอี้ช่างร้ายกาจนัก พูดจาไม่รักษาน้ำใจเลย"..."ถ้านายไม่พูดก็คงไม่มีใครคิดว่านายเป็นใบ้โจวจิ่งอี้หันไปมองเว่ยชิงหาง พร้อมกับยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างขบขัน “ชอบพี่สะใภ้ผมเหรอ? ก็ไม่แปลกหรอกนะ ยังไงซะ ภรรยาของโจวซือเหย่ก็สวยไม่เบา”ดวงตาของเว่ยชิงหางทอประกายมืดมิดลง ทันทีที่เขาขยับกาย แขนก็ถูกเจียงซู่คว้าจับไว้ เธอส่ายหน้าปฏิเสธให้เขาอย่างเงียบ ๆ โจวจิ่งอี้เป็นคนที่มีปัญหาทางจิตอย่างเห็นได้ชัด เมื่ออาการกำเริบก็ไม่คำนึงถึงสถานที่ เจียงซู่ไม่สนใจว่าเขาจะต้องอับอายขายหน้าหรือไม่ แต่เธอไม่อยากให้รุ่นพี่ต้องพลอยเดือดร้อนเพราะเรื่องวุ่นวายของเธอเว่ยชิงหางรับรู้ถึงเจตนาของเจียงซู่ดี และเห็นใจในความลำบากใจของเธอ ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจไม่ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงราวกับว่าการมีตัวปัญหาคนเดียวยังไม่เพียงพอ อีกคนจึงโผล่ตามมาในทันที“พี่หาง” เฉียวฉีโผล่พรวดพราดออกมาจากมุมไหนไม่รู้ พุ่งชนเจียงซู่ซึ่งอยู่ข้างเว่ยชิงหางเข้าอย่างจัง ด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เธอจึงเซถลาไปด้านหน้าตามแรงกระแทก เกือบจะล้มซบ
เว่ยชิงหางมองเจียงซู่ที่ปรากฏตัวขึ้นที่สตูดิโออย่างกะทันหัน ด้วยสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย “คุณมาที่นี่ได้ไง?”เจียงซู่พยายามทำตัวให้ดูสงบใจเย็น แต่ความสามารถในการเก็บซ่อนอารมณ์ยังไม่ถึงขั้นนั้น เธอจึงต้องรีบหาข้ออ้างมาปิดบังความอับอายที่กำลังถาโถม “ทางโจวซือเหย่มีงานด่วนเข้ามาแทรกกะทันหัน เลยไปไม่ได้แล้ว”เว่ยชิงหางถาม “แล้วคุณยังจะขอเก็บวันหยุดนี้ไว้ไหม?”เจียงซู่กล่าว “ไม่ต้องหรอก ฉันกลับไปคิดทบทวนดูแล้ว วันหยุดนี้ฉันไม่ควรขอลาตั้งแต่แรก คนเพิ่งเริ่มทำงาน จะมาขอลาพักร้อนได้อย่างไร มันไม่เหมาะสมเอาซะเลย”เว่ยชิงหางรับรู้ถึงเหตุผลที่แท้จริง แต่ก็ไม่กล่าวอะไร “ได้ ถ้างั้นเรามาเริ่มทำงานกันเลย”โครงการที่เมืองกั่งเฉิงนั้นมีอาจารย์เจิงเป็นผู้ดูแลหลัก ส่วนเธอกับเว่ยชิงหางทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย แม้ว่าจะไม่ต้องทำงานที่นั่นโดยตรง แต่ก็ต้องบินไปเป็นครั้งคราวเดิมทีอาจารย์เจิงไม่ได้ตั้งใจจะเรียกเธอไปในครั้งนี้ แต่เจียงซู่เป็นคนอาสาและขอไปเองอาจารย์เจิงมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า “อ้าว ไม่ได้ไปเที่ยวเหรอ? เป็นไงล่ะ โดนเบี้ยวนัดน่ะสิ?”เจียงซู่ “...” อาจารย์รู้เรื่องที่เธอจะไปเที่ยวได้ยังไง? เ







