Share

บทที่ 6

Author: คุณชายสายฝน
วินาทีที่เจียงซู่ก้าวขาออกจากโรงเรียน กระดูกสันหลังที่เคยตั้งตรงก็อ่อนยวบลง

ความเข้มแข็งที่แสดงออกไปเมื่อครู่ กลายเป็นอัตราการเต้นของหัวใจที่เต้นรัวในตอนนี้

เนื่องจากเธอเป็นลูกบุญธรรม ความจริงแล้วเจียงซู่จึงคุ้นเคยกับการอดทนอดกลั้นมาตั้งแต่เด็ก และมีนิสัยที่อ่อนน้อมยอมคน

แต่เธอก็ไม่ใช่ตุ๊กตาดินที่ปั้นจากโคลนเสมอไป

เธอแค่หวังว่าสิ่งที่ทำลงไปเมื่อครู่นี้ จะกระตุ้นให้โจวหว่านซินช่วยให้เธอหย่าสำเร็จ

ทันใดนั้นอาการปวดตุบ ๆ ที่หน้าผากเตือนให้เธอนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่นาทีก่อน เจียงซู่จึงไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด

ทันทีที่เธอออกมาจากโรงพยาบาล โทรศัพท์ก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นสายจากเจียงซงหวา

เจียงซู่ไม่อยากรับ แต่ก็ไม่กล้ารับ เพราะมันคือความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในกระดูกตั้งแต่เด็ก เธอถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วกดรับสาย จากนั้นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำสั่งของเจียงซงหวาก็ดังขึ้นจากปลายสาย

“พรุ่งนี้พาซือเหย่กลับมาทานข้าวที่บ้าน”

เจียงซู่ก้มหน้าลงพลางแกะนิ้ว เธอรู้ดีว่ามื้อนี้ไม่ใช่การรวมตัวของครอบครัว แต่เป็นเพราะเจียงซงหวามีโครงการใหม่ที่ต้องการความร่วมมือ

พูดให้ดีก็คือการร่วมมือ แต่ถ้าพูดให้ร้ายหน่อยก็คือ เขากำลังจะเริ่มสูบเลือดสูบเนื้ออีกครั้ง

เมื่อไม่ได้รับคำตอบ เจียงซงหวาก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า “ไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? เป็นใบ้หรือไง?”

เจียงซู่ก้มหน้าลงต่ำยิ่งกว่าเดิม และในที่สุดก็เปิดปากที่ถูกปิดตาย “ค่ะ พ่อ”

ทันทีที่พูดจบ ปลายสายก็ตัดไป แล้วมือที่กำโทรศัพท์ของเธอก็ค่อย ๆ วางลง

ไม่แปลกใจเลยที่โจวซือเหย่ไม่ชอบเธอ การมีครอบครัวพ่อตาที่ชอบสูบเลือดสูบเนื้อแบบนี้ ถ้าเป็นเธอ เธอก็คงรังเกียจเหมือนกัน

เจียงซู่ต้องการหาที่เงียบ ๆ พักใจสักหน่อย แต่ความจริงก็ไม่อนุญาตให้เธอสงบลง

เพราะหัวหน้าของเธอโทรมา บอกให้เธอไปร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำในคืนนี้

งานเลี้ยงแบบนี้มักจะมีเพียงพนักงานฝ่ายประชาสัมพันธ์อย่างพวกเธอที่ต้องออกหน้าไปเป็นคนแรก เพื่อสร้างความประทับใจให้กับคู่ค้า

จริงๆ แล้วนิสัยของเจียงซู่ไม่เหมาะกับงานนี้เลย แม้จะไม่เหมาะสม แต่เธอก็ยังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปรับตัว เพราะเธอรู้ดีว่าโจวซือเหย่ไม่ชอบผู้หญิงที่เอาแต่เกาะสามีกิน

เพื่อให้เขาหันมามองเธอให้มุมใหม่ เธอจึงทำได้เพียงพยายามทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น

แต่ว่า...

เมื่อนึกถึงร่างกายที่เพิ่งแท้งลูกไป เจียงซู่ก็ปฏิเสธ “หัวหน้าคะ วันนี้ฉันทำเรื่องขอลากิจแล้วค่ะ”

อีกฝ่ายรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร จึงตัดทางหนีทีไล่ของเธอทันที “นี่เป็นคำสั่งจากเบื้องบน”

เจียงซู่เข้าใจ เบื้องบนที่ว่านี้ก็คือ โจวซือเหย่

เขาไม่ใช่คนบอกให้เธอพักผ่อนหรอกเหรอ แล้วทำไมจู่ ๆ ก็ให้เธอกลับไปทำงานล่วงเวลา?

เจียงซู่พูดว่า “ฉันกำลังดำเนินการลาออกอยู่ค่ะ”

“เจียงซู่ ขั้นตอนของคุณยังไม่เสร็จสิ้น”

อีกฝ่ายก็กำลังเตือนเธอว่า ตราบใดที่ยังลาออกไม่สำเร็จ เธอก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของบริษัท

เมื่อหาข้ออ้างที่จะปฏิเสธไม่ได้อีกต่อไป เธอก็ทำได้แค่กลับไปทำงานอย่างซื่อสัตย์

ในงานเลี้ยงอาหารค่ำตอนกลางคืน เจียงซู่มาถึงสถานที่ก่อนเวลา

แม้จะไม่เต็มใจมา แต่ความเป็นมืออาชีพของเธอก็ไม่ยอมให้เธอทำตัวขายขี้หน้า

เมื่อมาถึงสถานที่ เธอก็พบว่าเบื้องบนที่หัวหน้าพูดถึง แท้จริงแล้วคือ เวิงอี๋!

เป็นเธอที่วางแผนให้เจียงซู่มา

เท่าที่เธอทราบ คู่ค้าที่พวกเขาจะร่วมงานด้วยในคืนนี้ เป็นหนึ่งในโครงการที่สำคัญที่สุดในตอนนี้

แต่กลับให้เวิงอี๋ซึ่งเพิ่งเข้าบริษัทมาเป็นคนดูแล โจวซือเหย่ช่างให้เกียรติเธอจริง ๆ

ความชอบและความไม่ชอบ ช่างแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว

“คุณจะทำอะไรน่ะ?!”

ในขณะที่เธอกำลังเหม่อลอย ทันใดนั้นเสียงตำหนิของเวิงอี๋ก็ดังขึ้นในห้องส่วนตัว ทันทีที่เธอได้สติก็เห็นว่าเธอกำลังขว้างขวดเหล้าใส่คู่ค้า

เจียงซู่ “...”

เวิงอี๋ลงมือหนักมากจนเห็นเลือดของอีกฝ่ายได้ด้วยตาเปล่า

คู่ค้ากำลังด่าทอ ในขณะที่เวิงอี๋กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น

บรรยากาศในห้องส่วนตัวก็ชุลมุนวุ่นวายขึ้นทันที ราวกับว่าคนที่เพิ่งทำร้ายคนอื่นไม่ใช่เธอ

เวิงอี๋พูดอย่างช้ำใจ “คุณลวนลามฉัน!”

คู่ค้าก็กำลังตะโกน “พวกเธอหมายความว่าไง? นี่คิดจะเล่นต้มตุ๋นกับฉันเหรอ?”

เวิงอี๋ “ใครหลอกต้มตุ๋นคุณ ฉันจะแจ้งตำรวจ!”

เธอทำให้บรรยากาศยิ่งตึงเครียดขึ้นอีกครั้ง ราวกับพร้อมที่จะประทะ

เจียงซู่ไม่สามารถปล่อยให้สถานการณ์แย่ลงไปได้อีก เธอรีบให้คนพาเวิงอี๋ออกไปเพื่อให้สงบสติอารมณ์ ส่วนเธอก็อยู่จัดการเรื่องวุ่นวายที่เหลือ

หลังจากปลอบโยนคู่ค้าและสามารถเซ็นสัญญากับเขาได้สำเร็จ เจียงซู่ก็ต้องดื่มเหล้าไปไม่น้อยเพื่อการนั้น

เมื่อออกจากร้านอาหาร เจียงซู่ก็เปิดประตูรถให้กับอีกฝ่าย คู่ค้าตบมือเธอเบา ๆพลางยิ้มอย่างลึกซึ้ง “ต่อไปถ้ามีโอกาส ค่อยนัดทานข้าวกับหัวหน้าทีมเจียงอีกนะครับ”

เจียงซู่ดึงมือกลับมาอย่างแนบเนียน พร้อมรอยยิ้มอย่างเป็นมืออาชีพ “เดินทางปลอดภัยนะคะ”

เธอเพิ่งส่งอีกฝ่ายไปได้ไม่นาน โจวซือเหย่ก็ปรากฏตัวขึ้น

“ซือเหย่...”

เวิงอี๋พุ่งเข้ากอดเขาทันที และทำท่าทางน่าสงสารสุด ๆ โจวซือเหย่จับไหล่เธอให้ยืนอย่างมั่นคง

เจียงซู่ยืนอยู่ห่างจากพวกเขาไม่กี่ก้าว ลมยามค่ำคืนพัดมา ทำให้ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่กำลังจะพุ่งขึ้นมาของเธอสลายไปในทันที และทำให้เธอตื่นขึ้นมาอย่างเต็มที่

อ้อมกอดของเขาที่แข็งแกร่งขนาดไหน เธอเคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วนตอนอยู่บนเตียง แต่เมื่อลงจากเตียงแล้ว เขากลับไม่เคยกอดเธอต่อหน้าคนอื่นเลยสักครั้ง

เธอคงรู้สึกปลอดภัยสินะ ไม่อย่างนั้นเวิงอี๋คงไม่กอดเขาแน่นขนาดนั้น

ลมพัดผ่านไป เจียงซู่รู้สึกปวดท้องอย่างกะทันหัน ตัวสั่นเล็กน้อย เธอหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้งแล้วก้าวไปข้างหน้า เพื่อยื่นสัญญาให้ “ท่านประธานโจวคะ นี่คือสัญญาที่เพิ่งเซ็นกับย่าไท่ค่ะ”

โจวซือเหย่เหลือบมองเธอ “กั่งรุ่ยยังไม่ตกต่ำถึงขนาดต้องให้พนักงานไปขายตัว”

เจียงซู่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดแบบนี้ กำลังจะอธิบายว่า “ฉันไม่ได้...”

“เพื่อนร่วมงานถูกลวนลาม คุณไม่คิดจะปกป้อง แต่กลับปล่อยให้อีกฝ่ายดูถูก เมื่อก่อนคุณคุยธุรกิจแบบนี้มาตลอดหรือไง? คุณคิดว่าบริษัทเป็นอะไร? ซ่องโสเภณีเหรอ?”

ใบหน้าของเจียงซู่ซีดเผือดลงทันที ความอับอายพุ่งสูงปี๊ด

เธอนึกถึงครั้งแรกที่ออกไปเจรจาธุรกิจกับเพื่อนร่วมงาน ครั้งนั้นเธอก็เจอการลวนลามในที่ทำงานเช่นกัน ปฏิกิริยาของเธอในตอนนั้นก็เหมือนกับเวิงอี๋

มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างคือ เธอไม่ได้โต้ตอบ เพราะเธอไม่กล้า

ตอนนั้นโจวซือเหย่ก็อยู่ที่นั่นด้วย แต่เขาดูถูก ‘ความทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่’ ของเธอ

เธอยังจำคำพูดของเขาได้

“ที่นี่ไม่ใช่สวนสนุกที่คุณจะมาเล่นสนุก ไม่มีใครตามใจความเอาแต่ใจของคุณ ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกกลับบ้านไปซะ”

ฟังดูสิ ช่างสองมาตรฐานอย่างสิ้นเชิง

เพื่อให้เขาชื่นชม เจียงซู่ก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อพัฒนาความสามารถในการทำงานของตัวเอง และในที่สุดก็กลายเป็นคนช่ำชอง

แต่ตอนนี้ เขากลับตำหนิเธอที่ไม่ปกป้องเวิงอี๋?

แต่ทำไมเธอต้องปกป้องผู้หญิงที่แย่งสามีของตัวเองด้วยล่ะ?

เจียงซู่เอ่ยปากพูดว่า “ผู้จัดการวังเพิ่งบอกว่า เขาไม่ได้ทำอะไรกับผู้ช่วยเวิง”

ทันทีที่เธอพูดจบ เวิงอี๋ก็ตาแดงก่ำและพูดอย่างขมขื่นว่า “พี่พูดแบบนี้หมายความว่าฉันใส่ร้ายเขาเหรอคะ? ใครจะเอาชื่อเสียงของตัวเองมาเล่นแบบนี้?”

เมื่อเงยหน้าขึ้น เจียงซู่ก็สบเข้ากับดวงตาที่เย็นชาของโจวซือเหย่ ทันใดนั้นลำคอของเธอเหมือนถูกบีบรัด อึดอัดจนพูดไม่ออก

พูดตามตรง เจียงซู่ไม่ได้เห็นภาพที่เวิงอี๋ถูกรังแกเลย

เวิงอี๋บอกว่าเธอถูกลวนลาม แต่ผู้จัดการวังก็ปฏิเสธ และก็ไม่มีหลักฐาน แล้วเธอจะทำอะไรได้?

เวิงอี๋ทำสีหน้าเจ็บปวดและเอ่ยเสียงสะอื้นว่า “คุณเจียงคะ ฉันไปทำอะไรให้คุณไม่พอใจเหรอคะ? ทำไมคุณถึงต้องใส่ร้ายฉันขนาดนี้?”

เจียงซู่มองท่าทางเสแสร้งของเธอ ใบหน้าของเธอไม่มีสีหน้าอะไรเลย เพียงแต่คิดในใจว่า ที่แท้ผู้ชายก็ชอบผู้หญิงเจ้าเล่ห์ที่น่าสงสารและอ่อนแอแบบนี้เอง

เวิงอี๋มั่นใจว่าเธอไม่กล้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอใช่ไหม?

ความจริงก็เป็นแบบนั้น เพราะเธอต้องการความช่วยเหลือบางอย่าง ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำให้โจวซือเหย่ไม่พอใจได้ รวมถึงคนที่เขาปกป้องอยู่ด้วย เธอก็ไม่สามารถไปยุ่งด้วยได้เช่นกัน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 90

    เจียงซู่ไม่ได้สนใจว่าพวกเขาสองพ่อลูกกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณย่า...เธอโบกมือให้คนมาช่วยขนกระเป๋าสัมภาระต่าง ๆ ให้อีกคนเจียงเจียเหวินเชิดคอด้วยท่าทางภาคภูมิใจพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องรับรองโจวซือเหย่กลับมาถึงบ้านในเวลาอาหารเย็น และเมื่อเขาเข้ามาในบ้าน ก็สังเกตเห็นเจียงเจียเหวินทันที“พี่เขย”เจียงเจียเหวินฉีกยิ้มกว้างพร้อมกับเดินเข้าไปหา “พี่กลับมาแล้วเหรอคะ? ฉันกับพี่เจียงกำลังจะทานอาหารเย็นพอดี แต่ฉันก็บอกพี่เจียงแล้วนะคะว่าให้รอพี่ก่อน แต่พี่เจียงก็บอกว่าไม่ต้องรอ แถมยังบอกว่าพี่จะไม่กลับมากินข้าวที่บ้านอีก”“ดูสิ เหมือนว่าพี่สาวเธอจะเดาผิดนะ เธอดูไม่สนใจอะไรเลย ไม่รอ ละไม่โทรถามด้วย”ระหว่างที่พูด เจียงเจียเหวินเดินไปหาอีกคนเพื่อรับเสื้อโค้ทที่โจวซือเหย่ถอดออก“เดี๋ยวฉันจัดการเอง”เมื่อพูดจบ เธอก็แย่งเสื้อโค้ทมาจากมือป้าเฉินป้าเฉิน “...”ป้าเฉินไม่เคยเห็นใครชอบแย่งงานทำขนาดนี้มาก่อนเจียงเจียเหวิน “ป้าเฉินคะ ไปหยิบตะเกียบกับชามเพิ่มอีกหนึ่งชุดให้พี่เขยหน่อยค่ะ”“พี่เขย นั่งตรงนี้นะคะ”เมื่อถึงโต๊ะอาหาร เจียงเจียเหวินดึงเก้าอี้ให้โจวซือเหย่ตำแหน่งที่เขานั่งคือฝั่งตรง

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 89

    ในยามกลางคืนที่มืดดำสนิท ในห้องนอนที่เงียบสงดมีเสียงแปลก ๆ ดังขึ้น โจวซือเหย่พยายามปลุกเจียงซู่ที่มีท่าทางที่ไม่ปกติให้ตื่นเมื่อเจียงซู่ตื่น ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความหวาดกลัว ใบหน้าของเธอซีดเผือดหลังจากหลงอยู่ในห้วงของความฝันโจวซือเหย่ “ฝันร้ายเหรอ?”ใช่ เธอเพิ่งตื่นจากฝันร้ายจริง ๆ เธอฝันถึงอุบัติเหตุรถยนต์อีกแล้วเธออยากจะมองข้ามมัน อยากจะลืมมันไปให้พ้น ๆ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตามมาหลอกหลอนเธอเหมือนเงาที่ตามติด ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องขึ้น เจียงซู่จำไม่ได้แล้วว่านี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่เธอบอกกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทุกอย่างได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แต่เธอยังคงฝันร้ายเช่นนี้อยู่อย่างควบคุมไม่ได้เจียงซู่สูดอากาศหายใจเข้าลึก ๆ และหลับตาลง พร้อมกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่จนลำคอขยับอย่างเห็นได้ชัด กลิ่นคาวเลือดที่อบอวลราวกับว่ายังคงวนเวียนอยู่ที่ปลายจมูก โจมตีเข้ากับระบบการรับกลิ่นของเธออย่างไม่หยุดยั้ง จนทำลายสัมผัสทั้งห้าของเธอจากการที่เขาได้ยินคำพูดละเมอตอนเธอตอนอยู่ในห้วงแห่งความฝัน ทำให้โจวซือเหย่รู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังฝันถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาฉายแววความสงสารจึงเอ่ยขึ้นมา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 88

    เมื่อคุณหญิงย่าเห็นเจียงซู่ที่กลับมาพร้อมกับขาที่บาดเจ็บ จึงมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสารจับใจ และหันไปตำหนิโจวซือเหย่ทันทีว่า “ทำไมไม่บอกย่าว่าเมียแกบาดเจ็บ? ถ้าย่ารู้ ย่าจะไม่ให้มาหรือไง แกดูแลเมียแกเป็นไหมเนี่ย?”โจวซือเหย่รับบททำตัวเป็นหลานชายผู้แสนดี “คุณย่าสอนถูกแล้วครับ เป็นความผิดของผมเอง”เจียงซู่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “คุณย่าคะ หนูไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ อาเหย่ดูแลหนูดีค่ะ”หากต้องพูดถึงการหย่าร้าง คนในตระกูลโจวทั้งหมดที่เธอรู้สึกเสียดายมากที่สุดก็คงเป็นคุณย่าโจวด้วยความรักและความเอ็นดูอย่างแท้จริงที่คุณย่ามีให้แก่หลานสะใภ้ที่ถูกซื้อมาคนนี้ จึงทำให้เธอยอมให้ความร่วมมือกับโจวซือเหย่เล่นละครเพื่อเอาใจคุณหญิงย่าเหวินเหยาฉินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ มองเจียงซู่ที่กำลังนั่งอยู่บนรถเข็น พร้อมกับขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทำไมถึงบาดเจ็บอีกแล้ว? สรุปร่างกายของเธอไหวไหมเนี่ย?เมื่อเห็นว่าเจียงซู่ผอมลง คุณหญิงย่าจึงสั่งให้ทางห้องครัวทำอาหารบำรุงมาให้เธอทานเยอะ ๆ และตกเย็นเมื่อถึงเวลากลับ ก็ยังจัดเตรียมอาหารเสริมมากมายใส่ขึ้นรถให้อีกด้วยคุณหญิงย่า “ถ้ากินหมดแล้วก็บอกย่านะ เดี๋ยวย่าส

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 87

    เจียงซู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็เป็นผู้หญิงวัยผู้ใหญ่นี่นะเธอหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ให้สำหรับไต้ซานเหอไต้ซานเหอหิ้วกระเป๋าลิมิเต็ดอิดิชั่นที่อีกคนให้ขึ้นมาอย่างพออกพอใจ พลางพูดขึ้นว่า “ทำไมไม่ซื้อมาหลาย ๆ ใบล่ะ? ทางที่ดีนะ ซื้อจนโจวซือเหย่ล้มละลายไปเลย! ถ้าแกไม่รีบใช้เงิน ถึงตอนนั้นก็จะตกไปเป็นของคนต่ำสถุน อย่างเวิงอี๋ละนะ”เธอประเมินความสามารถในการซื้อของตัวเองสูงเกินไป และประเมินสินทรัพย์ของโจวซือเหย่ต่ำไปเช่นกัน แค่กระเป๋าไม่กี่ใบ จะทำให้เขาล้มละลายได้อย่างไงกัน“ฉันหิวแล้ว”เมื่อมนุษย์ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทำให้รู้สึกสบายใจ ก็จะรู้สึกเหนื่อยง่าย และเกิดความต้องการต่าง ๆ ได้ง่าย ความอยากอาหารก็เป็นหนึ่งในความต้องการนั้นเช่นกันเธอเป็นคนติดรสชาติอาหารจีนมาก อาหารต่างประเทศเธอไม่ค่อยชินเท่าไหร่ ทั้งร่างกายที่มีอาการบาดเจ็บประกอบกับสภาพอากาศรอบตัวที่ไม่คุ้นเคย การเดินทางครั้งนี้ จึงทำให้เจียงซู่ผอมลง น้ำหนักหายไปหลายกิโลกรัมฝีมือการทำอาหารของไต้ซานเหอไม่เลวเลย เธอทำแต่อาหารที่เจียงซู่ชอบแต่ทว่า เธอยังไม่ทันได้อ้าปากลิ้มรสอาหารที่อยู่ตรงหน้าสักคำเดียว โจ

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 86

    “พี่เจียงคะ เดี๋ยวฉันช่วยเข็นพี่เข้าไปพักผ่อนข้างในนะคะ ฉันจะบอกพี่ให้ ว่าที่นี่หรูหรามาก ข้าวของเครื่องใช้ครบครัน ถ้าพี่ต้องการอะไรบอกฉันได้เลยนะคะ เดี๋ยวฉันช่วย...”เวิงอี๋แสดงท่าทีราวกับเป็นเจ้าของเครื่องบินเจียงซู่ยกมือขึ้นเพื่อเป็นสัญญาณให้อีกคนหยุดพูด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามีปัญหาหรือไง?”เวิงอี๋ได้ยินดังนั้นจึงชะงักขึ้นมาทันที และพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่งงงวยว่า “หมายความว่าไงคะ?”เจียงซู่พูดตอบกลับ “ดูไม่ออกเหรอว่าฉันไม่ชอบเธอ”เธอกำลังรำคาญอยู่ เวิงอี๋ดูไม่ออกได้อย่างไร?“พี่เจียง...”เวิงอี๋เบะปาก ทำท่าตะกุกตะกักเหมือนกำลังถูกรังแก และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความน้อยใจในตอนนั้น โจวซือเหย่จึงพูดเข้าข้างเวิงอี๋ว่า “เธอก็แค่อยากดูแลคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีสักหน่อย”เจียงซู่มองเขาที่กำลังเข้าข้างอีกคนด้วยแววตาเยาะเย้ย ไม่รู้ว่าเขาไม่เห็นความคิดแอบแฝงของเวิงอี๋จริง ๆ? หรือแค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นกันแน่?เธอต้องการความช่วยเหลือจากเวิงอี๋เหรอ?ถึงแม้เธอจะตายและเอาศพไปทิ้งกลางป่า ก็คงไม่ถึงคราวที่ชู้ต้องมาเอาศพให้หรอก เว้นก็เสียแต่ พวกเขารู้สึกว่าเธอตา

  • ฉันแท้ง... ในวันเกิดชู้รัก   บทที่ 85

    “ผมรู้”เขารู้เรื่องทั้งหมด เลขาหลู่เป็นคนบอกเขาเองทั้งหมดแล้วโจวซือเหย่ตอนแรกเห็นว่าเจียงซู่ไม่เป็นอะไร จริง ๆ แล้วเขาดีใจด้วยซ้ำ ดีใจที่เธอไม่เป็นอะไรมากแต่ว่าหลังจากรู้เรื่องที่เธอประสบอุบัติเหตุรถชน เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นใบหน้าของเจียงซู่ไม่ได้ดีขึ้นเพราะเรื่องนี้ ในทางกลับกันยิ่งเปลี่ยนเป็นแย่ลงกว่าเดิม เพราะความสงสารที่เขาแสดงออกมาในเวลานี้ สำหรับเธอแล้วทั้งหมดนี้มันคือการถูกเยาะเย้ยมิตรภาพที่มาช้ามันดูไร้ค่ายิ่งกว่าหญ้าอีกโจวซือเหย่พูดขึ้น “ครั้งนี้มันเป็นแค่อุบัติเหตุ ต่อไปผมจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก”“ความบังเอิญที่มากเกินไปก็ไม่ใช่ว่าความบังเอิญ เหตุผลเดียวกัน เรื่องอุบัติเหตุก็เช่นกัน” เจียงซู่ยกมุมปากขึ้นด้วยท่าทางเยาะเย้ย “ระหว่างฉันกับเวิงอี๋ คุณจะเลือกใคร จริง ๆ แล้วในใจคุณรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าคุณเลือกใคร”ตอนนี้เขาก็แค่ทำตัวเป็นเหมือนขงเบ้งหลังเกิดเหตุ เพื่อที่จะรักษาศักดิ์ศรีตัวเองเอาไว้แววตาของเจียงซู่สิ้นหวัง เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงการอ้อนวอนขอร้อง “เป็นสามีภรรยากันมาก็ห้าปี เห็น

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status