แชร์

บทที่ 10

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-09-24 19:20:27

“ท่านลุง พวกเราขึ้นไปบนภูเขากันเถอะที่นั่นมีทางลัดที่จะไปยังหมู่บ้านซุยซวง” เด็กหญิงวัยแปดหนาวกล่าวก่อนจะดึงชายเสื้อของนักพรตเฒ่า

“เด็กน้อยข้าหาใช่ท่านลุงแต่เป็นท่านป้าต่างหาก” น้ำเสียงหวานใสดังออกมาจากปากของคนที่เด็กตัวน้อยกำลังจับชายเสื้ออยู่

ฉินเซียวเมื่อได้ยินถ้อยคำหลุดออกมาจากคนด้านหน้าเธอก็ปล่อยมือของตนออกพลางจ้องมองใบหน้าอันสวยงามที่อยู่เบื้องหลังหน้ากากนักพรตเฒ่าด้วยความตกตะลึง

“สุดยอดเลยท่านป้า ท่านสามารถปลอมเป็นนักพรตได้แนบ เนียนมาก” เด็กหญิงกล่าวถ้อยคำเยินยอมองพิจารณาสิ่งที่อยู่ในมือหญิงนักแสดงอย่างใคร่รู้

เจ้าโป๊ยข่วยที่ลอยวนอยู่รอบตัวคนทั้งสองก็คิดว่าเจ้าอัปลักษณ์น้อยนี่ดีใจอะไรกับอีแค่หน้ากากหนังอันเดียว ของข้าเองก็มีแต่มันก็ได้หาบอกเด็กหญิงไม่

“เอาละเจ้าอย่ามัวแต่ยกยอข้าอยู่เลย ข้าว่าพวกเรารีบไปให้พ้นจากหมู่บ้านอันชั่วร้ายนี้กันก่อนดีกว่า หากมีใครมาเห็นเราทั้งสองจะเดือดร้อนเอาได้” ฟางหรูพูดอย่างหมั้นเขี้ยวพลางคิดว่าเด็กผู้นี้แม้ใบหน้าจะไม่สวยงามแต่ดวงตาช่างใสกระจ่างนัก

“ได้เจ้าค่ะ ท่านตามข้ามาได้เลย” เด็กวัยแปดหนาวรับคำพร้อมกับเดินนำหน้าผู้มีอายุมากกว่าตน

ฉินเซียวตัวน้อยพาแม่นางผู้นี้เดินลัดเลาะไปตามเส้นทางในป่าที่ตัวเองคุ้นเคยเมื่อชาติก่อนที่นางจะต้องมาเก็บสมุนไพรเป็นประจำ และก็ได้ทราบโดยบังเอิญถึงเส้นทางลงเขาไปหมู่บ้านซุยซวงที่อยู่ภายในถ้ำ

“เจ้าแน่ใจหรือว่าหลังถ้ำแห่งนี้เป็นทางลัดข้าว่ามันดูมืดทึบอย่างไรพิกล” ฟางหรูแย้งพลางมองหน้าปากทางเข้าถ้ำสลับกับใบหน้าน้อยของเด็กหญิง

“ท่านเชื่อข้าเถอะเจ้าค่ะ พอเราผ่านถ้ำนี้ไปก็จะพบทางออกที่เป็นทางลงเขาหมู่บ้านซุยซวงแล้ว” เด็กวัยแปดหนาวกล่าวยืนยันคราที่นางเจอท่านป้าตามสายเลือดเธอมัวแต่ตื่นเต้นเลยลืมบอกเส้นทางนี้ออกไป

“ก็ได้ข้าจะลองเชื่อเจ้า หวังว่าภายในนี้คงจะไม่มีสัตว์ร้ายหรอกนะ” หญิงผู้มีอายุมากกว่ากล่าวอย่างหวาดหวั่น

“ไม่มีเจ้าค่ะ พวกเรารีบเข้าไปกันเถอะ” เด็กหญิงตัวเล็กเดินนำ

หลังจากที่คนทั้งสองกับหนึ่งกระจกวิเศษเข้ามาภายในถ้ำก็ได้เห็นแสงสว่างส่องลงมาจากโพลงด้านบนของถ้ำแห่งนี้ ทำให้ภายในนี้ไม่มืดอย่างที่ฟางหรูนึกกลัว เด็กหญิงตัวเล็กที่รู้แหล่งสมุนไพรของที่นี่แต่เธอคิดว่าเวลานี้ไม่มีสิ่งใดใส่และอีกอย่างก็ยังไม่ใช่เวลาอันเหมาะสมจึงได้แต่ตัดใจด้วยความเสียดาย ‘เอาเถอะค่อยมาเก็บภายหลังก็แล้วกัน’ เด็กน้อยคิด

“เจ้าเด็กอัปลักษณ์ภายในนี้มีสถานที่พิเศษด้วยเจ้าเองก็รู้ใช่หรือไม่” โป้ยข่วยที่สัมผัสอะไรบางอย่างได้กล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น

“ใช่แล้วล่ะสถานที่แห่งนั้นมีแต่สมุนไพรหายาก” ฉินเซียวรีบตอบกลับเพราะสถานที่แห่งนั้นแหละที่ทำให้ตัวเอกหญิงของเรื่องร่ำรวยมาคราวนี้ข้าขอก็แล้วกัน

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะปิดปากถ้ำให้เจ้าด้านที่เราเข้ามาเอาไว้จะได้ไม่มีใครสนใจดีหรือไม่” หลังกล่าวจบโดยที่เจ้าตัวยังไม่ได้รับคำตอบรับกระจกบานน้อยก็ลงมือทันที

ภายด้านนอกของถ้ำตอนนี้ได้ถูกปกคลุมไปด้วยพืชหนามที่มีพิษแพร่กระจายกันปกคลุมตัวถ้ำไว้ทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

“ต่อไปนี้เจ้าห้ามบอกทางนี้กับใครอีกเด็ดขาด เนื่องจากข้าใช้ต้นหนามพิษปิดทางเข้าฝั่งนั้นเอาไว้” กระจกวิเศษหลัง จากลงมือเสร็จเขาก็รีบบอกฉินเซียวทันที

“ได้ ข้าขอขอบใจท่าน” เด็กหญิงพยักหน้าและมองกระจกด้วยความซาบซึ้งใจ

“เด็กน้อยภายในถ้ำแห่งนี้อากาศกำลังสบายไม่เหมือนกับข้างนอกนั่นเลย เจ้าเจอที่แห่งนี้ได้ยังไงกัน” หญิงผู้อายุมากกว่าถามด้วยความสงสัย

“ข้าบังเอิญได้เข้ามาหลบฝนตอนที่มาเก็บหญ้าให้หมูเจ้าค่ะ” เด็กหญิงตอบเรื่องเท็จหากเธอบอกว่าเป็นเรื่องเมื่อชาติก่อนท่านป้าผู้นี้คงจะหาว่านางบ้าเป็นแน่

“ชีวิตของเจ้านี่ช่างไม่ง่ายเสียจริงข้าได้ยินมาจากหนิงลี่ว่าเจ้ามีความสามารถในการรักษามิใช่หรือแล้วเหตุใด” ฟางหรูไม่กล้ากล่าวออกมาจนหมดได้แต่ส่งเสียงอึกอักอยู่ในลำคอเนื่องจากเกรงจะไปกระทบกับความรู้สึกของเด็กหญิงผู้นี้

“ท่านป้าข้าไม่เป็นไรท่านไม่ต้องเป็นห่วง แผลพวกนี้ไม่ได้ทำให้ข้ารู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด” ฉินเซียวไม่ได้พูดความจริงเพราะบางทีการมีแผลอันน่าเกลียดบนใบหน้าก็อาจพิสูจน์จิตใจของคนได้

“เด็กน้อยเจ้าไม่รู้หรือว่าใบหน้านั้นสำคัญกับผู้หญิงเราเพียงใด เอาเถอะหากข้าเจอหมอดี ๆ ข้าจะแนะนำให้เจ้าแต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่เพราะสถานที่ข้าอยู่ก็มีคนป่วยหมอในเมืองของเราก็ได้แต่พากันส่ายหัวว่ารักษาไม่ได้” ฟางหรูกล่าวออกมาด้วยความขมขื่น

พวกนางเป็นหญิงโคมเขียวขายเรือนร่างดังนั้นกว่าจะเชิญหมอผู้ที่ทำตัวสูงส่งมารักษาได้พวกนางก็ต้องจ่ายอัฐมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป

คำพูดของฟางหรูได้เข้าไปสะกิดอะไรบางอย่างให้เด็กหญิงตัวน้อยมองไปยังบุคคลผู้นี้ แม้ว่านางจะเป็นผู้ถูกจ้างมาก็ตามแต่หากนางไม่แสดงให้สมจริงเธอคงจะไม่หลุดจากบ้านหลังนั้นมาง่าย ๆ

“ท่านป้าข้าขอลองจับชีพจรของท่านได้หรือไม่ แม้ข้าจะไม่ได้เป็นหมอเต็มตัวแต่ข้าก็พอมีความรู้อยู่บ้าง” ฉินเซียวมองเข้าไปยังดวงตาของหญิงต่างวัยด้วยสายตาแสดงความจริงใจ

“เจ้าจะลองดูก็ได้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราไปนั่งพักทางนั้นกันเถอะ” ฟางหรูไม่ได้ปฏิเสธเพราะนางเห็นถึงความกระจ่างใสที่เต็มไปด้วยความตั้งใจของเด็กหญิงตัวเล็ก

ทั้งสองจึงได้ไปนั่งพักยังหินแบนก้อนหนึ่งที่ช่างเหมาะเจาะให้กับพวกนางทั้งสอง หลังจากนั่งลงแล้วฟางหรูจึงได้ยื่นข้อมือขาวของตนที่แกะแผ่นหนังออกจากการปลอมตัวส่งให้กับท่านหมอตัวน้อย

เด็กหญิงสำรวจท่อนแขนของหญิงผู้นี้ก่อนที่เธอจะใช้นิ้วของตนจับชีพจรของนาง ฉินเซียวนิ่งเงียบไปสักพัก

“ท่านป้า ตอนนี้ท่านมีอาการแสบขณะถ่ายเบาใช่หรือไม่ อีกทั้งยังมีสิ่งแปลกปลอมบางอย่างที่มีกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ออกมาด้วย ตามแขนของท่านหากข้าคิดไม่ผิดก็น่าจะปรากฎผื่นขึ้นมาบ้างแล้ว” เด็กหญิงกล่าวออกมาสีหน้าจริงจัง

“ชะ...ใช่แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงแล้วพอมีหนทางรักษาหรือไม่” ฟางหรูเบิกตากว้างถามออกมาอย่างละล่ำละลัก

ฉินเซียวแสดงสีหน้าลำบากใจออกมาเพราะโรคชนิดนี้เป็นเรื่องยากแม้กระทั่งตอนชาติก่อนของเธอ ร้านยาตระกูลหลินซึ่งมีชื่อเสียงอันโด่งดังของชายชั่วผู้นั้นก็ทำได้เพียงแค่ประคับประคองและรักษาตามอาการ

“เจ้าทาสรับปากนางออกไปข้าสามารถบอกวิธีรักษาแก่เจ้าได้” โป๊ยข่วยที่เห็นใบหน้าของเด็กหญิงเขาก็สามารถเข้าใจได้ว่าโรคนี้จะต้องรักษาไม่ง่าย แต่เขามีน้ำทิพย์วิเศษเชียวนะเส้นทางนี่แหละจะทำให้เด็กคนนี้แตกต่างไปจากเดิมกระจกบานน้อยคิด

ฟางหรูที่เห็นใบหน้าของเด็กหญิงตัวน้อยนางก็มีใบหน้าเศร้าหมองแต่ก็แค่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น เนื่องจากขนาดหมอผู้อาวุโสยังรักษาไม่ได้แล้วเด็กวัยแปดหนาวจะทำได้อย่างไร

“จะเจ้าไม่” “ท่านป้าข้า” คนทั้งสองต่างพูดออกมาพร้อมกันแต่ลักษณะท่าทางนั้นแตกต่าง

“เจ้าพูดก่อนเถอะ” ฟางหรูเมื่อเห็นดวงตาของเด็กหญิงเปล่งประกายนางจึงปิดปากของตน

“ข้าสามารถรักษาท่านได้แต่ว่าจะต้องใช้เวลาและพวก ท่านก็จงเลิกเลี้ยงชีพด้วยงานนี้เสียไม่อย่างนั้นโรคนี้ก็จะไม่หายขาด” เด็กวัยแปดหนาวกล่าวออกมาด้วยท่าทางจริงจัง

“เด็กน้อยเจ้ารู้หรือว่าข้าทำงานอะไร” ฟางหรูถามเด็กหญิงผมเปียตรงหน้าด้วยความแปลกใจ

“ข้าทราบ” เด็กหญิงตอบตามตรงโดยไม่มีอาการเขินอายหรือรังเกียจหญิงผู้นี้

ทำให้ฟางหรูยิ่งเกิดความประทับใจในตัวเด็กหญิงมากขึ้นไปอีกนางคิดว่าหากเด็กผู้นี้ไม่มีใครต้องการหลังจากที่นางไถ่ตัวเองแล้วนางจะรับเด็กคนนี้เป็นบุตรบุญธรรม

“เรื่องนี้สำหรับข้าที่อายุมากแล้วไม่มีปัญหาหรอกแต่ว่าเด็กในนั้นแต่ละคนนะเป็นเรื่องยากเพราะพวกนางล้วนถูกขายเข้ามาอีกที ส่วนตัวข้านั้นตั้งใจจะไถ่ถอนตัวเองออกมาตั้งนานแล้ว” ฟางหรูกล่าวออกมาตามตรง

“ท่านป้าสถานที่แห่งนั้นใครเป็นเจ้าของหรือเจ้าคะ คนผู้นั้นมีนิสัยใจคอเยี่ยงไร” ฉินเซียวแม้จะมีร่างกายเป็นเด็กแต่จิตวิญญาณไม่ใช่จึงได้เข้าใจสถานที่แห่งนั้นเป็นอย่างดีจึงได้ลองถามออกมาหลังจากที่ฟางหรูกล่าวจบ

หากเธอจำไม่ผิดนับเวลาต่อจากนี้อีกหนึ่งสัปดาห์หอโคมเขียวในเมืองที่หนึ่งจะถูกเพลิงไหม้ทำให้มีคนตายเป็นจำนวนมาก

“หอเหมยแดง เจ้าของเป็นหญิงม่ายสามีหย่าเพราะมีผู้หญิงใหม่นางเลยเกิดความแค้นจึงได้ผันตัวเองมาเปิดหอแห่งนี้ขึ้น แต่นางก็ไม่เคยบังคับใครให้ขายเรือนร่างนะนอกจากนางผู้นั้นจะสมัครใจเอง” ฟางหรูกล่าวถึงเจ้านายที่เริ่มเข้าสู่วัยชราอย่างชื่นชม ฉินเซียวเมื่อได้ยินชื่อหอแห่งนี้เธอก็เย็นสันหลังวาบ

“ท่านป้าหากข้าจะขอเจอเจ้าของหอได้หรือไม่ ข้ามีวิธีเกลี้ยกล่อมนางให้เลิกอาชีพนี้อย่างเด็ดขาด” เด็กหญิงจับมือของฟางหรูดวงตาแสดงความคาดหวัง

“ได้สิ แต่ต้องหลังจากที่เราไปเจอหนิงลี่กันก่อนนะ” ฟางหรูไม่ได้กล่าวปฏิเสธ

“เจ้าค่ะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เดินทางกันต่อเถอะ” เด็กหญิงยิ้ม

จากนั้นคนทั้งคู่กับหนึ่งกระจกบานน้อยก็มุ่งหน้าเดินกันไปตามทางด้านหน้า แม้บางครั้งฟางหรูจะต้องก้มตัวเพราะหนทางภายในถ้ำมีความสูงต่ำสลับซับซ้อนต่างกัน

ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงทางออกที่มีวัชพืชปกคลุมเอาไว้ เจ้าตัวน้อยก็ยังคงเป็นผู้เดินนำหน้าอยู่ดี ฟางหรูที่เดินตามเด็กหญิงก็ได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ในใจว่าเหตุใดเด็ก หญิงเพียงแปดหนาวที่บอกว่าแค่เข้าไปหลบฝนภายในถ้ำด้วยความบังเอิญจะรู้ถึงทางลับนี้ ที่สำคัญนางรู้เหตุการณ์เรื่องหมูได้อย่างไรหรือว่านางเป็นผู้วางยา

‘เรานี่คิดอะไรเลอะเทอะเด็กผู้มีดวงตาใสกระจ่างแบบนี้จะมีความคิดชั่วร้ายได้อย่างไร’ อดีตผู้เล่นเป็นนักพรตเฒ่ารีบสลัดความคิดของตนทิ้ง

หญิงสาวต่างวัยทั้งสองเดินกันมาได้สักพักก็ได้ยินเสียงของคนตะโกนส่งเสียงร้องเรียกใครบางคน ฉินเซียวจึงยืนนิ่งเงี่ยหูฟัง

“หนิงเซียนเจ้าอยู่ไหน” เสียงทุ้มของชายหนุ่มตะโกนขึ้น

“ท่านแม่” เสียงเด็กชายก็ตะโกนตาม แล้วก็มีเสียงทั้งชาย และหญิงต่างตะโกนสลับกันแต่สิ่งที่เหมือนกันคือพวกเขาน่าจะกำลังตามหาใครบางคน

“เด็กน้อยป้าว่าพวกเขาน่าจะกำลังตามหาคน” ฟางหรูกล่าวหลังจากที่หยุดนิ่งตามเด็กหญิงร่างผอม

โป๊ยข่วยผู้อยากรู้อยากเห็นจึงได้ลอยไปสำรวจทางเสียงที่ได้ยิน แต่เจ้ากระจกน้อยก็สะดุดกับเสียงร้องไห้ของใครบางคนเข้าเสียก่อน เจ้ากระจกวิเศษจึงเปลี่ยนทิศมายังต้นเสียงที่ได้ยินก็เห็นหญิงนางหนึ่งกอดตุ๊กตาในมือแน่นด้วยมือข้างเดียวส่วนมืออีกข้างก็จับกิ่งไม้ใหญ่เอาไว้ตัวห้อยต่องแต่งอย่างหวาดเสียวบริเวณหน้าผา

“เวรล่ะ” กระจกบานน้อยอุทานก่อนที่เจ้าตัวจะใช้ความเร็วพุ่งไปยังคู่พันธะของตน

“เจ้าอัปลักษณ์มาทางนี้เร็วเข้า แม่ของเจ้านางจะตกหน้าผาแล้ว” กระจกวิเศษส่งเสียงเรียกด้วยความร้อนใจ

“อะไรนะทางไหน ท่านป้ามากับข้าเร็วเจ้าค่ะ” ฉินเซียวไม่รอช้าเธอรีบฉุดข้อมือของฟางหรูเพื่อให้วิ่งมากับตนตามกระจกใบน้อยไปทันที

ทางด้านหนิงเซียนแม้รู้ตัวว่าตกอยู่ในอันตรายแต่ก็ไม่ยอมปล่อยตุ๊กตาผ้าตัวนั้นเพื่อใช้มือจับกิ่งไม้ใหญ่ด้วยนางเข้าใจว่าตุ๊กตาตัวนี้คือลูกน้อยของตน ฉินเซียวกับฟางหรูเมื่อมาถึงหน้าผาก็เห็นภาพอันน่าหวาดเสียวพร้อมกัน เด็กหญิงจึงคิดจะเอามือของตนไปจับมือของหญิงผู้เป็นแม่

“ข้าเอง เจ้าตัวเล็กเกินไป” ฟางหรูกล่าว นางจึงนอนราบลงไปก่อนที่จะเอื้อมมือของตนไปเพื่อหวังจะดึงหนิงเซียนขึ้นมา

“แม่นางข้าจะช่วยเจ้า เจ้าเอามืออีกข้างจับมือข้าเร็วเข้า”

หนิงเซียนแม้จะเข้าใจในสิ่งที่ฟางหรูกล่าวแต่นางก็หาได้ทำตามเพราะนางคิดว่าหากต้องทิ้งลูกในอกไม่เอานางยอมไม่ได้ ฉินเซียวที่เห็นสภาพของแม่ผู้ให้กำเนิดเป็นแบบนี้นางก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความสงสาร และรู้สึกจุกในอกในความรักของหญิงผู้นี้ดังนั้นเธอจึงได้ตัดสินใจเรียกคำที่ทำให้หญิงทั้งสองตกตะลึง

“ท่านแม่ข้าฉินเซียวเอง ดอกหญ้าน้อยของท่าน ได้โปรดท่านขึ้นมาหาข้าเถอะ” เด็กหญิงผู้มีแผลพุพองเต็มใบหน้ายิ่งร้องไห้ก็ทำให้ดูอัปลักษณ์มากขึ้นสะอื้นกล่าว

แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดของเธอได้ทำให้นางหนิงทิ้งตุ๊กตาในมือลงเบื้องล่างทันทีพร้อมกับเอามือจับกับมือของฟางหรูแน่นสายตาก็จับจ้องไปมองทางเด็กหญิงตัวน้อยไม่วางตา

โชคดีที่นางหนิงมีรูปร่างผอมบางกว่าฟางหรูมากและได้รับการช่วยเหลือจากโป๊ยข่วยในการส่งลมมาช่วยพยุงจึงทำให้นางรอดจากปากน้ำพุเหลืองมาได้อย่างหวุดหวิด

“ลูกสาวตัวน้อยของข้าเจ้าไม่ต้องร้องไห้นะแม่อยู่นี่แล้ว แม่จะไม่ปล่อยให้ใครทำร้ายเจ้าได้อีกไม่มีวัน” หนิงเซียนเมื่อนางขึ้นมาได้หญิงสาวก็รีบเข้าไปกอดเด็กหญิงตัวน้อยทันทีฟางหรูได้แต่รู้สึกงุนงงแต่ก็ดีแล้วที่นางสามารถช่วยคนผู้นี้ขึ้นมาได้ เป็นเรื่องดีแล้วจริง ๆ
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 360

    “พี่สี่ท้องนี้ท่านพอเถอะเจ้าค่ะ ท่านมีลูกมากที่สุดในบรรดาพวกเราแล้วข้าเป็นห่วง” ฉินเซียวผู้กำลังตั้งท้องบุตรคนที่สามกล่าวกับพี่สาวที่ตั้งครรภ์บุตรคนที่สี่อย่างเป็นห่วง“ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกับเจ้า” เอ้อเหมยยกยิ้มกล่าวคล้อยตามผู้เป็นน้องทำให้ช่างหลิวพยักหน้ายืนยันคำพูดของภรรยาออกมาด้วย ทำให้ฉินเซียวว

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 359

    นับตั้งแต่วันนั้นหลังจากสนทนาในห้องตำราของว่าที่พ่อตา ระยะเวลาก็ผ่านมาจวบจนกระทั่งหนึ่งเดือนเต็ม ชายหนุ่มอดทนต่อการกระทำอันเย็นชาของหญิงสาวมาตลอด แม้จะมีบุตรชายเป็นกองหนุนแต่หญิงสาวก็ยังคงสาดน้ำเย็นจัดใส่เขาราวกับฤดูเหมันต์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน“แม่นางกู่ เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกอย่างนั้นหรือ ข้ารู้ว่

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 358

    ดวงตาของหญิงสาวเมื่อเห็นว่าผู้ใดเป็นคนขี่ม้าพาบุตรชายของตนเข้ามาใกล้ ก็ทำให้สีหน้าของนางเปลี่ยนเป็นซีดขาวสลับแดงหัวใจเต้นแรงราวจะทะลุออกจากอก หลังจากที่คิดว่าตนน่าจะไม่มีความรู้สึกต่อเขาจึงได้ออกมายืนรออยู่ตรงนี้หลังจากชายหนุ่มวาดเท้าลงจากหลังม้า ชายชราเจ้าของเรือนผู้มีตำแหน่งต่ำกว่าเตรียมประสานมือ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 357

    “ไม่ขอรับ ข้าอยากขี่ม้ามากแต่ท่านแม่บอกว่าข้ายังเด็กเกินไป” เสี่ยวมู่ส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมพูดออกมา“ถ้าอย่างนั้นข้าจะอุ้มเจ้าขึ้นไปบนหลังม้าให้เจ้านั่งด้านหน้า ข้าจะเป็นคนบังคับม้าให้เอง” ฉินอู๋พูดขึ้นซึ่งในขณะเดียวกันก็อุ้มเด็กตัวกลมขึ้นหลังม้าทำให้เด็กชายกรีดร้องด้วยความตื่นเต้น“สูงมากเลยขอรับ ข้าอ

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 356

    “เฮ้อ! พวกท่านช่างไม่เข้าใจจิตใจของหญิงสาว หากเป็นข้า ข้าก็จะทำแบบเดียวกับพี่สะใภ้รองเช่นกัน ดังนั้นเรื่องนี้ข้าเข้าข้างนาง” ฉินเซียวมองหน้าสามีกล่าวขึ้นอย่างเห็นใจหญิงสาวผู้ที่ตนตัดสินใจแล้วว่าหญิงผู้นั้นเป็นคนดีโจวเหวินหยุนผู้ไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดินคล้ายเข้าใจแต่ไม่เข้าใจคำพูดของภรรยาแต่เขาไม่คิดถาม

  • ฉินเซียวเมื่อฉันเป็นสาวน้อยชาเขียวในนิยาย   บทที่ 355

    “ท่านพี่ ท่านบอกข้ามาตามตรงพี่รองของข้ามีเรื่องอะไรที่เขาต้องปรึกษากับท่านเป็นการส่วนตัว” ฉินเซียวเอ่ยถามชายหนุ่มผู้ที่กำลังวางคางเกยยังหัวไหล่ขาวเนียนของตน“น้องหญิงเหตุใดเจ้าถึงไม่ถามกับเขาโดยตรง” เหวินหยุนเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข ทำให้หญิงสาวผู้ที่ต้องการสนทนาได้แต่เอามือน้อยปัดป้องในสิ่งที่เขากำลัง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status