แชร์

บทที่ 2 หมู่บ้านจั๋วมู่หลาง

ผู้เขียน: วริษา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-15 09:54:39

บทที่ 2 หมู่บ้านจั๋วมู่หลาง

“ท่านป้าเมื่อไหร่ท่านพี่จิ้นหยางจะฟื้นเสียที นี่ก็หลายชั่วยามแล้วหรือว่าท่านพี่จะจากข้าไปแล้ว” เสียงเจี้ยวจ้าวของใครกันนะมารบกวนฉันแบบนี้รู้มั้ยว่าเวลานี้เป็นเวลาพักผ่อนของฉันโอ๊ยอยากจะบ้าตาย ลี่หยางบ่นพึ่มพำก่อนจะลืมตาขึ้นอย่างล้า ๆ

“โอ๊ะ!  ท่านป้าท่านพี่ฟื้นแล้ว ท่านพี่ท่านฟื้นแล้วท่านรู้มั้ยว่าข้าตกใจแค่ไหนที่คิดว่าท่านพี่จะจากไปตอนอายุเพียงเท่านี้ จากนี้ไปท่านพี่ห้ามไปที่แม่น้ำเพียงผู้เดียวอีกนะ” เด็กหนุ่มก้มลงมากอดร่างของลี่หยางทำให้เขาตกใจเพราะไม่เคยพบเจอกับเด็กนี่ัสักครั้งแต่เขาก็ต้องแปลกใจมากกว่าเดิมที่เห็นสภาพบ้านที่เก่าทรุดโทรมทำด้วยไม้คล้ายกระท่อม และเสื้อผ้าที่สวมใส่และต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อเห็นผู้หญิงแก่คนหนึ่งเดินมาหาเขาด้วยรอยยิ้มพร้อมโอบกอด

“จิ้นหยางของข้า โล่งอกไปทีสวรรค์เมตตาเจ้ายิ่งนัก” เธอเข้ามาสวมกอดลี่หยางอีกคนทำให้เขาเริ่มหายใจไม่ออกและตะโกนออกมา

“โอ๊ย! ปล่อยฉันนะ ” ทั้งสองผละออกห่างจากร่างกายของลี่หยางและจ้องมองเขาอย่างแปลกใจ

“เอ๊ะ! เจ้าเป็นอะไรหรือว่าไม่สบายตรงไหนข้าจะไปตามท่านหมอประจำหมู่บ้านมาตรวจเจ้าอีกที นี่เจียวซิ่งเจ้าอยู่นี่กับจิ้นหยางก่อนนะ เดี๋ยวข้ามา” หญิงชราก็ได้เดินออกไป สมองของลี่หยางเริ่มประมวณผลก็ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขานั้นถูกรถชนและกระเด็นตกทะเลหรือว่าที่นี่จะเป็นสวรรค์แต่เอ๊ะสวรรค์เหตุใดถึงเป็นแบบนี้ เจ้าเด็กที่อยู่ตรงหน้าก็จ้องไม่ละสายตา

“นี่นาย ...ที่นี่ไหน ที่นี่ใช่สวรรค์ใช่มั้ย? นายคงจะเป็นผีสินะ”

คำพูดของลี่หยางสร้างความแปลกใจให้เจียวซิ่งยิ่งนักเขาคิ้วขมวดและจับที่ใบหน้าของลี่หยางส่ายไปมา

“ท่านพูดจาแปลกไปหรือว่าน้ำเข้าไปในสมองของท่านถึงได้พูดจาเช่นนี้ จำแม้กระทั่งข้าไม่ได้เช่นนี้ ข้ายังไม่ตายสักหน่อย ที่ ๆ เราอยู่ก็หมู่บ้านจั๋วมู่หลางเป็นบ้านเกิดของท่านพี่ ข้าว่าท่านพี่ต้องมีปัญหาแน่ๆ ” ลี่หยางเบิกตาโพลงโตหากว่าเขาไม่ตายแล้วตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกันนะ และเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่อยู่นี้ช่างเหมือนกับชุดสมัยโบราณหรือว่าเขานั้นย้อนเวลากลับมา เมื่อคิดได้เช่นนั้นลี่หยางจึงได้ถามเด็กที่นั่งอยู่ต่อหน้าออกไป

“หากฉันไม่ตาย นายไม่ตายแล้วตอนนี้ที่บ้านเมืองใครเป็นคนปกครองรัฐมนตรีชื่อว่าอะไร”

“รัฐมนตรีอะไรของท่านนะข้าไม่เข้าใจ แต่หากท่านถามว่าฮ่องเต้ชื่อว่าอะไรนั้นข้าตอบให้ท่านได้ ตอนนี้ราชวงศ์ซ่งปกครองอยู่ ”

สมองของลี่หยางเริ่มคำนวนหากนี่เป็นราชวงศ์ซ่งก็หมายความว่าเขานั้นได้ตายและทะลุมิติเข้ามา แล้วร่างของชายผู้นี่ก็คงเป็นบุตรของผู้เฒ่าคนเมื่อครู่สินะ

“ไม่จริง ไม่จริงฉันไม่เชื่อ!!!” ลี่หยางใช้มือทั้งสองข้างกุมขมับของตนเองอย่างไม่น่าเชื่อ

“ท่านเป็นอันใด ท่านฟื้นมาก็ดีแล้วท่านป้าเป็นห่วงท่านมากหากไม่มีท่าน ท่านป้าจะอยู่อย่างไร? ท่านพี่ก็รู้ว่าใต้เท้ามู่นั้นขูดรีดเรายิ่งนักยิ่งไม่มีของไปให้อย่างนี้ ท่านป้าก็อาจจะโดนทุบตีได้ โชคดีเหลือเกินที่ท่านฟื้นขึ้นมา” พูดจบเด็กหนุ่มก็ได้กอดลี่หยางด้วยความโล่งใจใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“แล้วทำไมเราต้องกลัวใต้เท้านั้นด้วย ” ลี่หยางยังคงติดคำพูดของตนเอง ที่มาจากอนาคตทำให้เจียวซิ่งถึงกับทำหน้างงไม่เข้าใจเล็กน้อย

“ข้าว่าสมองท่านคงต้องเกิดเรื่องอันใดขึ้นเป็นแน่ ท่านป้าไปตามท่านหมอนานมาเหลือเกิน ” เจียวซิ่งเหลียวออกไปมองด้านนอกเพื่อดูว่าท่านป้าของตนมาถึงหรือยังก็พบว่ากำลังเดินมากับท่านหมอประจำหมู่บ้าน

“ท่านป้ามาแล้ว ” เจียวซิ่งเดินไปรับกล่องเครื่องมือของท่านหมอและเดินเข้ามาด้านในพร้อมกับบอกอาการของลี่หยาง

“ท่านหมอ พี่จิ้นหยางของข้าสมองน่าจะมีปัญหาคำพูดคำจาเขาดูเปลี่ยนไปท่านช่วยตรวจดูให้ด้วยขอรับ” ใบหน้าแสดงความกังวลของหญิงชราหรือท่านแม่ก็ได้พูดขึ้นมานางรีบเดินไปหาบุตรของตนด้วยความห่วงใย

“โธ่! จิ้นหยางของข้า ร่างกายของเจ้าก็บอบบางอยู่แล้ว เจ้าไม่น่าจะออกไปหาปลามาให้ข้าเลยแค่งานที่เจ้าทำอยู่ก็หนักเกินไปแล้ว” แม้ลี่หยางจะยังไม่ค่อยชินนักแต่เขาก็รับรู้ได้ว่าหญิงชราผู้นี้รักและเป็นห่วงเขาอย่างจริงใจ เขาจึงโอบกอดร่างที่ผอมแห้งของท่านแม่ อย่างไม่เคยได้รับไออุ่นมาก่อนในชีวิต นี่เขาจะมีแม่กับเขาจริง ๆ นะหรือ ?

“ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ฉันจะสบายดีแม่นั่นแหละที่ดูไม่แข็งแรง” คำพูดที่ออกมาจากปากของลี่หยางทำให้หญิงชราตื่นตระหนกที่เห็นอาการของบุตรนั้นแย่กว่าที่คิด นางรีบลุกขึ้นจากเตียงของเขาและรีบใช้ท่านหมอตรวจดูโดยด่วน

“ท่านหมอรีบมาตรวจดูให้ข้าที ข้าว่าน้ำต้องเข้าไปสู่สมองของเขาเป็นแน่”

ท่านหมอไม่รอช้ารีบคว้าเข็มที่ยาวมาก ๆ จนลี่หยางเห็นก็กลัวจนแทบจะวิ่งออกไปด้านนอก เขานึกขึ้นได้นี่มันเป็นเข็มที่ใช้รักษาในสมัยอดีต หากไม่อยากที่จะถูกฝังเข็มเขาต้องปรับตัวและปรับการพูดเป็นการโดยด่วนโชคดีที่ลี่หยางนั้นชอบดูซีรี่ส์จึงไม่ยากที่จะพูดเช่นเดียวกับผู้คนที่นี่

“ท่านแม่ ข้าไม่ได้เป็นอันใด ท่านหมอท่านโปรดวางเข็มลงก่อน ข้าแค่รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เล็กน้อย ท่านช่วยจัดยาและกลับไปเถอะขอรับ แฮะ ๆ” ลี่หยางรีบจับมือของท่านหมอให้เก็บเข็มโดยด่วน

“เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้ นี่คือยาต้มข้าจะให้เจ้าโดยไม่คิดแม้แต่สลึงเดียว เพราะเจ้าเคยช่วยข้าไว้หลาย ๆ อย่างหากเจ้าสบายดีแล้วก็อย่าลืมไปเก็บยาสมุนไพรมาขายให้กับข้าอีก หากเจ้าไม่อยากได้เบี้ยก็เอาเป็นข้าวสารก็ย่อมได้” ท่านหมอวางยาและเดินออกไป ลี่หยางครุ่นคิดนี่เขาได้ย้อนเวลากลับมาเกิดเป็นคนจนอย่างนั้นหรือ? ขนาดข้าวยังไม่มีจะกิน ทำไมโชคชะตาถึงได้กลั่นแกล้งเขาทุกภพชาติเช่นนี้ ไม่ได้การในเมื่อย้อนมาแล้ว เขาจะลิขิตชะตาชีวิตของตนเองให้มีชีวิตที่ร่ำรวยให้ได้

“หากเจ้าไม่เป็นอันในใดแล้วข้าก็โล่งใจ เช่นนี้เจ้าเองก็นอนพักเถิดนะ ข้าจะออกไปแบกฟืนมาไว้ก่อไฟเสียก่อน” ลี่หยางมองดูรอยเหี่ยวย่นของใบหน้าและตามตัว นางน่าจะอายุไม่ใช่น้อย ๆ เพราะความจนจึงต้องใช้ชีวิตดิ้นรน ลี่หยางคว้ามือที่เหี่ยวหยาบกระด่างของมารดาตนเองมาจับไว้

“ท่านแม่ ข้าจะไปเองท่านพักผ่อนเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเหนื่อยอีกต่อไปแล้ว ต่อจากนี้ข้าจะดูแลท่านแม่เอง ”

“ท่านพี่จิ้นหยาง ท่านพึ่งฟื้นนะ จะไปแบกฟืนไหวหรือ ” เจียวซิ่งรีบห้ามปราม ลี่หยางจึงได้ลุกขึ้นและแสดงความแข็งแกร่งให้เจียวซิ่งได้ดูโดยการอุ้มร่างกายของเจียวซิ่งลอยขึ้นกับพื้น

“ท่านพี่ปล่อยข้าลง ข้ากลัวความสูง ” เจียวซิ่งร้องโวกเวกโวยวายออกมาด้วยความกลัวทำให้ท่านแม่ของจิ่นหยางหัวเราะออกมาเมื่อเห็นบุตรชายของตนเองหายดีแล้ว

นางจึงเดินไปหยิบผ้าที่ใช้มัดฟืนเพื่อแบกกลับบ้านให้แก่จิ้นหยาง

             จิ้นหยางเดินออกมาด้านนอกเงยหน้ามวลเมฆฟ้ามืดครึ้มเกาะรวมตัวเป็นท้องฟ้าหม่นแสง คล้าย ๆ กับว่ากำลังจะเกิดพายุฝนเช่นนี้เขาจะออกไปตัดฟืนได้อย่างไร เขากำลังหันหลังกลับไปที่กระท่อมเพื่อถอดใจ แต่แล้วเจียวซิ่งก็วิ่งออกมาพร้อมหมวกถักไม้ไผ่

"ท่านพี่ ข้าจะออกไปกับท่านพี่ด้วยกลัวว่าท่านจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น " จิ่นหยางมองด้วยสายตาดีใจเขาพึ่งนึกได้ว่าเขานั้นไม่รู้ว่าป่าที่ไปเอาไม้ฟืนอยู่ที่ใด อย่างน้อยก็มีเจ้าเด็กนี่ตามไปด้วยก็ดีเช่นกัน 

"ก็ดีเช่นกันที่มีเจ้าไปด้วย ช่วงนี้ข้าจำไม่ค่อยได้ว่าป่าไปทางใดเจ้านำทางไปแล้วกัน แต่ข้าว่าฝนต้องตกแน่เลยเจ้าดูท้องฟ้านั้นสิ"

"ท่านไม่ต้องกังวลไป หากว่ามีฝนตกระหว่างทางข้าจะพาท่านไปหลบฝนเอง รีบไปเถอะเดี๋ยวจะมืดเสียก่อน" เจียวซิ่งมองไปบนท้องฟ้าและพูดออกมาเพื่อให้จิ้นหยางสบายใจ ทั้งคู่ก็ได้ออกเดินทางยังป่าที่ไม่ห่างไกลจากหมู่บ้านนัก

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 30 ฮูหยินของท่านเจ้าเมือง

    บทที่ 30 ฮูหยินของท่านเจ้าเมืองรุ่งเช้าวันต่อมา เจียวซิ่งรู้ว่าเรือนของจิ้นหยางถูกวางเพลิงจนไม่เหลือแม้กระทั่งเสาเรือนรีบเดินทางมาที่เรือนของท่านเจ้าเมืองเพื่อกับจิ้นหยาง และเมื่อจิ้นหยางได้ยินรีบไปดูเรือนด้วยความเสียใจ เรือนทั้งหลังมีเพียงขี้เถ้าเท่านั้นและเขาเองก็รู้ดีว่าต้องเป็นฝีมือของใต้เท้ามู่จึงรีบเดินทางไปหาใต้เท้ามู่ที่เรือนเรื่องในครั้งนี้เขาจะไม่น้อยอยู่นิ่งเฉยอีกต่อไป แม้ตายก็ไม่กลัวแต่ทว่าเมื่อมาที่เรือนของใต้เท้ามู่กลับไม่อยู่และรู้มาว่าท่านเจ้าเมืองได้จัดการจับกุมใต้เท้ามู่ไปยังวังหลวงเพื่อรับโทษ จิ้นหยางครุ่นคิดก็นึกออกว่าที่เขาไม่ให้ตนเองไปหาเมื่อคืนนี้เพราะต้องออกมาจัดการใต้เท้ามู่ทำให้จิ้นหยางทราบซึ้งน้ำใจของเขายิ่งนัก กลับเรือนท่านเจ้าเมืองเพื่อรอเขากลับจากวังหลวง ยิ่งเขาทำดีด้วยเท่าไหร่หัวใจของจิ้นหยางยิ่งเจ็บปวดที่ต้องคอยอาศัยท่านเจ้าเมืองอยู่เรื่อย แม้จะไม่มีเรือนให้อยู่แต่ว่าวันนี้เขาจะใช้หนี้ท่านเจ้าเมืองและพาท่านแม่ออกไปอยู่ที่อื่น หากอยู่ที่นี่ต่อมีแต่หัวใจของจิ้นหยางที่ต้องเจ็บปวดเพียงผู้เดียว เรื่องของท่านใต้เท้ามู่ถูกฝ่าบาทตัดสินความผิดให้ค

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 29 จัดการใต้เท้ามู่

    บทที่ 29 จัดการใต้เท้ามู่ ฝั่งด้านบ่าวรับใช้ของใต้เท้ามู่ที่เตรียมการเดินทางมายังเรือนของจิ้นหยางเพื่อมาทำลายแปลงผักพร้อมเผาเรือนตามคำสั่งของใต้เท้ามู่เมื่อเห็นว่าดวงตะวันตกดินถึงเวลาที่พวกเขาต้องลงมือจัดการจึงพากันเดินทางมาจัดการตามคำสั่งทันที แต่ทว่าเมื่อมาถึงกลับพบว่าแตงกวาของจิ้นหยางถูกเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วมีเพียงเรือนที่เงียบสนิท“ทำไมเรือนถึงได้ไร้แสงไฟอย่างนี้นะ ! ” ชายฉกรรจ์ผู้หนึ่งได้เอ่ยขึ้น อีกคนจึงแย้งขึ้นมา“ในเรือนมีเพียงหญิงชรากับบุตรชายไม่ใช่หรือ ? คงเป็นเพราะเก็บแตงเหน็ดเหนื่อยพากันพักผ่อนเร็วล่ะมั่ง รีบจัดการตามคำสั่งของท่านใต้เท้าเถิดจะได้รีบกลับกันหากผู้อื่นมาเห็นเขาจะเป็นเรื่องใหญ่”“นี่เจ้าจะกลัวอันใด ! ในหมู่บ้านนี้ไม่มีผู้ใดไม่เกรงกลัวใต้เท้ามู่หรอกและไม่มีผู้ใดกล้าท้าทายอำนาจของท่านหรอกนะ เช่นนั้นเจ้านำไฟนี่ไปโยนใส่หลังคาเรือนสิจะได้รีบกลับ” ชายคนเดิมเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมยื่นโคมไฟให้แก่เขาเพื่อโยนใส่หลังคาที่ทำด้วยฟางเท่านั้น หากโดนไฟเพียงเล็กน้อยก็ลุกไหม้ทันที“ก็ได้จะได้รีบกลับไปพัก” ชายอีกคนคว้าจับโคมไฟโยนใส่กระท่อมของจิ้นหยางเปลวไฟลุกขึ้นโหมกระหน่ำภายในพริบ

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 28  ข้ารักบุตรชายของท่าน

    บทที่ 28 ข้ารักบุตรชายของท่าน ฝั่งด้านใต้เท้ามู่เมื่อกลับถึงเรือนเขาร้อนใจโมโหโกรธเกรี้ยวที่ถูกท่านเจ้าเมืองชี้ดาบมาหาตนเช่นนี้อีกทั้งยังช่วยเหลือจิ้นหยางที่เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาเท่านั้น เขาเสียทั้งเงินทั้งผลประโยชน์ใต้เท้ามู่ไม่อาจจะอยู่นิ่งอีกต่อไป จึงสั่งการให้คนของตนไปจัดการกับเรือนของจิ้นหยางและหาทางกำจัดเจ้าเมืองหลี่ว์ไม่ให้อยู่ที่นี่ได้"เป็นเพียงท่านเจ้าเมืองคิดว่าข้าจะเกรงกลัวหรือไง ไม่ว่ากี่คนต่อกี่คนข้าก็ไม่กลัวและข้าจะทำให้ได้รู้ว่าเข้ามายุ่งกับข้าจะเจอดีอย่างไรน่าเจ็บใจนักที่ข้าไม่ได้แตงกวาของเจ้าจิ้นหยาง ในเมื่อข้าไม่ได้ผู้อื่นจะต้องไม่ได้เช่นกัน ผู้ใดอยู่ข้างนอกเข้ามาหาข้าเดี๋ยวนี้"“ขอรับท่านใต้เท้ามีเรื่องอะไรหรือขอรับ”“ข้ามีเรื่องให้เจ้าไปทำเมื่อท้องฟ้าไร้แสงดวงอาทิตย์เมื่อไหร่พาบ่าวรับใช้ไปจัดการแปลงผักของจิ้นหยางให้เสียหายให้หมดและจัดการเผาไฟในเรือนของจิ้นหยางด้วย ข้าเคยเตือนแล้วว่าอย่าได้แข็งข้อกับข้า เมื่อไม่เกรงกลัวจะต้องเจอบทลงโทษเช่นนี้ ”“ได้ขอรับแต่ว่าในเรือนมีหญิงชราอยู่ด้วย จะไม่เป็นอะไรหรือขอรับ ”“ก็ดีนะสิ ! ให้พวกนั้นตายให้หมดล้วนเป็นเรื่องที่ดีต่อข

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 27 มาช่วยไว้ทัน

    บทที่ 27 มาช่วยไว้ทันเสียงของอวิ้นหลี่ว์ดังกึกก้องควบม้ามาด้วยความรวดเร็วดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองจิ้นหยางด้วยความเป็นห่วงก่อนจะหันมามองใต้เท้ามู่ด้วยสายตาเกรี้ยวกราด กระโดดลงจากม้าชักดาบชี้ไปยังหน้าของใต้เท้ามู่อย่างไม่เกรงกลัว โดยมีหลวนเหยาตามมาคอยอารักขาอีกคน เมื่อจิ้นหยางเห็นท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ความหวาดกลัวภายในใจหายไปทันที“อะไรกัน ! ท่านเจ้าเมืองท่านกล้าหันปลายดาบมาทางข้าอย่างนั้นหรือ ? ข้าเพียงแค่สั่งสอนชาวบ้านที่โกงคนอื่นเท่านั้นเอง” ใต้เท้ามู่ใบหน้าถอดสีแต่ก็ไม่ได้มีท่าทางหวาดกลัวอะไรเลยแม้แต่น้อยแถมยังเอ่ยถามอวิ้นหลี่ว์อย่างไม่ร้อนตัวอีกด้วยซ้ำ“ไม่จริง! ข้าไม่เคยไปโกงอะไรท่านสักอย่าง มีแต่ท่านที่โกงชาวบ้าน ขู่เข็นทำร้ายร่างกาย” จิ้นหยางผลักร่างของบ่าวรับใช้ให้ออกห่างตนเพราะยามนี้มีทั้งอวิ้นหลี่ว์ที่คอยปกป้องยังมีหลวนเหยาอีกคน"ใต้เท้าสิ่งที่ท่านทำอยู่มิใช่สั่งสอนแล้วกระมั่ง เพราะเมื่อครู่ข้าได้ยินคำพูดของท่านทั้งหมดแล้ว " อวิ้นหลี่ว์เอ่ยน้ำเสียงทุ่มต่ำต่อว่าใต้เท้ามู่"ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับท่านสักนิด อย่าได้มาใส่ใจเลยขอรับกลับไปใช้ชีวิตเป็นท่านเจ้าเม

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 26 ยอมตายดีกว่า

    บทที่ 26 ยอมตายดีกว่าผ่านมาหลายวันฝั่งด้านลี่อินเมื่อกลับเรือนวันนั้นได้ไปถามท่านพ่อเกี่ยวกับจิ้นหยางจึงได้รู้ว่าตอนนี้จิ้นหยางไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อแล้ว จึงไม่รู้จะเข้าหาจิ้นหยางเช่นไรเลย วัน ๆ เอาแต่นั่งถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายจนใต้เท้ามู่เดินผ่านมาเห็น“ช่วงนี้เจ้าเป็นอะไรไปไม่เห็นจะออกไปเที่ยวเล่นเหมือนอย่างแต่ก่อน แล้วเจ้าไปพบท่านเจ้าเมืองเป็นเช่นไรบ้างถูกใจเจ้าหรือไม่ ?”“ข้าเบื่อเจ้าค่ะท่านพ่อ ท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ก็หล่อเหลาดีแต่ข้าไม่ชอบเขาเจ้าค่ะ ”“ทำไมล่ะในเมื่อเขาเองก็หล่อเหลาแถมยังมีฐานะเป็นถึงท่านเจ้าเมืองข้าว่าคู่ควรกับเจ้ามากที่สุดในย่านนี้แล้ว ”“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามีบุรุษที่หมายตาเอาไว้แล้ว” ใบหน้าของจิ้นหยางโผล่เข้ามาในความคิดของลี่อินนางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมบอกกับบิดาว่ายามนี้ใจของนางมีคนที่หมายเอาไว้แล้ว“ห่ะ! ว่าอะไรนะแล้วเป็นบุตรชายเรือนใต้เท้าผู้ใดกัน หากร่ำรวยพอ ๆ กับตระกูลเราข้าเองก็เห็นด้วย เจ้าลองเอ่ยมา”“จิ้นหยางเจ้าค่ะบุรุษที่ข้าถูกชะตาแม้เขาจะไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ได้เป็นหนี้ท่านพ่อ แถมยังขยันกตัญญูต่อมารดาเพียงเท่านี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ ”“เฮ้อ ! ข้าจะเป็นล

  • ชะตาชีวิตพลิกผันทะลุมิติมาปลูกแตงกวา   บทที่ 25 ประกายพลุช่างงดงาม

    บทที่ 25 ประกายพลุช่างงดงามอวิ้นหลี่ว์ลุกขึ้นเดิมตามจิ้นหยางมายืนอยู่ชานของเรือที่สามารถยืนมองบรรยากาศด้านนอกได้อย่างชัดเจน อวิ้นหลี่ว์เดินเข้าไปสวมกอดจากด้านหลังฝังจมูกเข้าซอกคอของจิ้นหยางพลางชื่นชม“วันนี้อากาศดีเสียจริง ไม่ว่าจะมองไปที่ใดช่างงดงามไปหมด เจ้าว่าอย่างนั้นหรือไม่?”“ไม่เลยขอรับ วันนี้เป็นวันที่อากาศร้อนและมองไปทางใดมีเพียงแสงไฟ ข้าชอบมองดวงจันทร์เสียมากกว่าอีกอย่างท่านเจ้าเมืองหลี่ว์ปล่อยข้าได้หรือไม่ ? ข้าไม่ชอบที่ท่านมาโอบกอดข้าราวกับคู่รักเช่นนี้ และที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ข้าจะปรนนิบัติท่านได้”“ไม่ข้าไม่ปล่อยเจ้าจะทำไม ข้าแค่อยากกอดเจ้าเช่นนี้นาน ๆ ไม่ได้หรือ? มองไปบนท้องฟ้ายามนี้น่าจะถึงยามที่เขาจะจุดพลุแล้ว เจ้าคงไม่มีเวลามาเที่ยวเพราะต้องทำงานเลี้ยงมารดารู้หรือไม่ว่าข้าเช่าเรือลำนี้เพราะเจ้าเลยนะ ข้าทำเพียงนี้เจ้ายังไม่รู้ใจข้าอีกหรือ ” จิ้นหยางใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองทำเพื่อตนแม้จะไม่อยากคิดไปไกลแต่คำพูดของเขายิ่งตอกย้ำทำให้จิ้นหยางคิดเข้าข้างตนเองไม่สนอะไรอีกต่อไป เขาหันกลับมาจ้องมองใบหน้าของอวิ้นหลี่ว์สายตาจ้องตาก่อนจะโอบกอดเขาแน่น จู่ ๆ ก็รู้สึกได

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status