หน้าหลัก / รักโบราณ / ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์ / บทที่ 12 เจ้าปั่นหัวและขายขำข้าหรือ

แชร์

บทที่ 12 เจ้าปั่นหัวและขายขำข้าหรือ

ผู้เขียน: องค์หญิงโนเนม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-05-19 10:32:26

จ้าวจิ้งเทียนไม่รอช้า เขาสั่งให้ไป๋หลางนำทางไปหาหลิวลี่เซียนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ใจของเขาตอนนี้ร้อนเหมือนไฟที่ถูกเผาจนมอดไหม้ เขาไม่เข้าใจว่าความรู้สึกนี้ได้เริ่มก่อตัวขึ้นในใจเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้ตัวอีกครั้งในภาพจำของเขาก็มีแต่นาง

ด้านหลิวลี่เซียนที่กำลังต่อสู้เอาตัวรอดจากจ้าวเฟยหรง นางกำลังกระวนกระวายใจว่าไป๋หลางไปถึงรึยัง นางจะได้เจอกับชุนหลางรึไม่ นางสับสนยิ่งนัก

"เจ้าอย่าคิดแม้แต่จะหนี เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก"

จ้าวเฟยหรงหยักยกรอยยิ้มที่มุมปากด้วยความสบายใจ หญิงสาวบอบบางเช่นนางจะเอาตัวรอดได้เช่นไร ไม่มีทาง

หลิวลี่เซียนเริ่มมีสีหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย สายตาที่หมอนี่มองมาที่นางเหมือนกับกำลังคิดว่านางอ่อนแอ

หลิวลี่เซียนใช้สายตามองไปรอบๆ ตัว ก่อนจะพบว่าองค์ชายรองมีผู้ติดตามมาเพียงแค่สามสี่คนเท่านั้น หึ!! ท่านคิดจะใช้วิธีบังคับขืนใจข้างั้นรึ!!!

นางค่อยๆ ส่งยิ้มอย่างอ่อนโยนให้องค์ชายรอง ก่อนจะยื่นมือขาวเนียนดุจหิมะจับไปที่หน้าอกด้านซ้ายของเขา จ้าวเฟยหรงหรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนจะมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาที่คาดไม่ถึง

ไม่คิดว่าสุดท้ายนางจะใจอ่อนง่ายดายเช่นนี้

"ถ้าหากหม่อมฉันยอมติดตามพระองค์ พระองค์จะต้องทำตามคำขอของหม่อมฉัน"

"คำขอ?"

จ้าวเฟยหรงจ้องมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาที่สนใจไม่น้อย หลิวลี่เซียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือที่เรียวบางไปวางไว้ที่อกด้านซ้ายของจ้าวเฟยหรง พร้อมกับทำท่าทีเขินอาย

"หม่อมฉันอยากเป็นหญิงงามเพียงหนึ่งเดียวในใจพระองค์เพคะ"

"เจ้าพูดจริงหรือ"

หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้าของนางดูแดงระเรื่ออมชมพู ทำให้จ้าวเฟยหรงพึงพอใจไม่น้อย เขายื่นมือไปจับปลายคางของหลิวลี่เซียนให้เงยหน้าไปมองเขา

หึ! ติดกับดักหม่อมฉันแล้วเพคะองค์ชายรอง

ในระหว่างที่จ้าวเฟยหรงกำลังเคลิบเคลิ้มกับใบหน้าที่งดงามปานนางสวรรค์ของหลิวลี่เซียน นางใช้มือข้างนึงหักข้อมือของจ้าวเฟยหรงที่กำลังจับปลายคางของนาง ก่อนจะใช้ข้อศอกจู่โจมเข้าไปที่ใต้คางของเขา

อ็อก!! พลั่ก!!!

จ้าวเฟยหรงที่ไม่ทันตั้งตัวพลันเซถลาไปด้วยอาการมึนงง องครักษ์ที่ติดตามรีบเข้ามาประคองเขาเอาไว้ จ้าวเฟยหรงรู้สึกเหมือนเห็นดวงดาวระยิบระยับแต่เขายังคงตั้งสติได้ จึงค่อยๆ มองไปที่หลิวลี่เซียน

หญิงงามคนนี้ช่างน่าค้นหายิ่งนัก เขาแปลกใจยิ่งที่ภายในใจไม่รู้สึกโกรธเคืองนางแม้แต่น้อย เขารีบยกมือขึ้นห้ามองครักษ์ที่เตรียมตัวจะพุ่งเข้าไปหาหลิวลี่เซียน ก่อนจะค่อยๆ พยุงให้ตนเองทรงตัวได้ แต่ยังคงเว้นระยะห่างกับหลิวลี่เซียนเอาไว้ไม่กล้าเข้าไปใกล้นาง

"เจ้าฝึกวรยุทธ์ด้วยรึ"

หลิวลี่เซียนยิ้มตาหยี พลางก่นด่าจ้าวเฟยหรงอยู่ในใจ

เทควันโดจ้ะพ่อหนุ่มน้อย สายดำด้วยนะจ๊ะ!!!

หากท่านยังระรานข้าไม่เลิก ข้าคงต้องเลิกเล่นบทหญิงงามผู้อ่อนแอ แล้วตีท่านให้แรงกว่าครั้งแรกเป็นแน่ ต่อให้นางต้องโทษนางก็ไม่กลัว นางผ่านความตายมาครั้งหนึ่งแล้ว อีกสักครั้งจะเป็นไรไป

ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ในโลกอนาคต นางฝึกเรียนเทควันโดไว้ป้องกันตัว เริ่มแรกนางก็คิดจะเรียนเล่นๆ ฆ่าเวลา แต่นานวันเข้านางก็เริ่มชอบมันและให้เวลากับมันจนนางคว้าสายดำมาครองได้สำเร็จ

ด้านจ้าวจิ้งเทียนที่มาถึงจุดหมายโดยการนำทางของไป๋หลาง ตอนนี้เขากำลังซุ่มดูเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปากด้วยความพึงพอใจ

"จะทำเช่นไรต่อไปดีพ่ะย่ะค่ะ"

ชุนหลางที่นั่งอยู่ข้างกายจ้าวจิ้งเทียนกระซิบขึ้นเบาๆ จ้าวจิ้งเทียนส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย

"ยังไม่ต้องเคลื่อนไหว ข้าดูเหมือนว่านางจะตามข้ามาเพื่อดูว่านางปั่นหัวเฟยหรงเช่นไรมากกว่า"

จ้าวจิ้งเทียนยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าไม่จางหาย นางช่างเป็นหญิงงามที่ทำให้เขามีเรื่องประหลาดใจได้ตลอดเวลาเสียจริงๆ และเหตุผลอีกข้อที่เขายังไม่ยอมเข้าไปช่วยนาง คือเขายังไม่อยากให้นางรู้ว่าเขาเป็นใคร และหากจ้าวเฟยหรงรู้ว่านางกับเขารู้จักกันเรื่องราวคงจะวุ่นวายมากขึ้นไปอีกเป็นแน่

จ้าวเฟยหรงที่ยังคงรักษาระยะห่างจากหลิวลี่เซียนมองนางด้วยสายตาล้ำลึก

"เจ้าหลอกให้ข้าลุ่มหลงแล้วใช้โอกาสนี้ทำร้ายข้า เจ้าไม่กลัวต้องโทษรึ"

"ให้หม่อมฉันต้องโทษดีกว่าเป็นชายาเอกของพระองค์เพคะ"

"นี่เจ้า!!!"

จ้าวเฟยหรงรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง ไม่เคยมีผู้ใดหมิ่นเกียรติเขามากถึงเพียงนี้มาก่อน ในระหว่างที่เขากำลังรู้สึกหงุดหงิด ก็ปรากฏร่างชายชุดดำเดินตรงมาที่จ้าวเฟยหรงก่อนจะทำความเคารพเขา

"องค์ชายรองรีบเสด็จกลับวังเถอะพ่ะย่ะค่ะ พระสนมเอกประชวรกะทันหันพ่ะย่ะค่ะ"

สีหน้าของจ้าวเฟยหรงดูไม่ดีขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด เขาหันไปมองหลิวลี่เซียนเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับนางแววตาที่แฝงความเสียดายไว้อย่างเห็นได้ชัด

"วันนี้ข้าจะปล่อยเจ้าไปก่อน ถือว่าเป็นโชคดีของเจ้า"

"เดี๋ยวเพคะ"

จ้าวเฟยหรงหันมามองหน้าหลิวลี่เซียนด้วยสีหน้าสงสัย นางคิดจะปั่นหัวอะไรเขาอีกงั้นหรือ ช่างทำให้เขาว้าวุ่นใจอยากจะจับนางมาไว้ในกำมือเสียจริง

"ระหว่างทางหม่อมฉันหิวมากกำลังจะกัดหมั่นโถวที่เจินเซียงให้หม่อมฉันมา แต่คนของพระองค์กลับทำให้หมั่นโถวของหม่อมฉันหลุดลอยหายไป พระองค์ต้องรับผิดชอบ!!!"

"ฮะ?"

จ้าวเฟยหรงมองหลิวลี่เซียนด้วยใบหน้าเหนือความคาดหมาย นางเป็นใครกัน!!! บังอาจนัก บังอาจ เจ้า!! นี่เขากับนางกำลังคุยเรื่องเดียวกันอยู่ใช่หรือไม่

"เอาหมั่นโถวของหม่อมฉันคืนมาเพคะ!!!"

ป่าเถื่อนแล้วยังเห็นแก่กินเช่นนี้ เจ้าเป็นหญิงงามประเภทใดกัน!!! พิลึกนัก นี่มันใช่เวลามาทวงของกินกันหรือ

จ้าวเฟยหรงส่งเสียงเฮอะในลำคอให้หลิวลี่เซียนครานึง ก่อนจะส่งยิ้มเย็นชาให้นาง

"ได้ ข้าจะชดใช้ให้เจ้า"

เขาพูดก่อนจะสะบัดชายเสื้อเดินจากไปด้วยท่าทีฟึดฟัด!!!

เจ้าโชคดีที่วันนี้มีเรื่องเสด็จแม่มาหยุดยั้งข้าไว้!!! แต่ข้าสัญญา ข้าจะเอาตัวเจ้ามาไว้ในตำหนักของข้าให้ได้!!!

หลังจากที่จ้าวเฟยหรงจากไป หลิวลี่เซียนก็ล้มตัวลงกับพื้น รอยแผลตามลำตัวของนางระบมขึ้นมา นางฝืนบังคับมันไว้ต่อหน้าองค์ชายรองเพราะไม่ต้องการให้เขารู้ว่านางบาดเจ็บ

"คุณหนูใหญ่ ฮือออ"

จ้าวจิ้งเทียนที่ดูเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่นาน รู้สึกนับถือในความใจสู้ของนาง และเรื่องเห็นแก่กินของนางด้วย เขาสะบัดมือเป็นเชิงบอกให้ทหารคนอื่นๆ สลายตัว เหลือเพียงแค่เขากับชุนหลางก็พอ

ไป๋หลางรีบวิ่งเข้าไปหาหลิวลี่เซียนด้วยความเป็นห่วง นางมองดูรอยแผลถลอก รอยจ้ำเขียวตามตัวของหลิวลี่เซียนก่อนจะร้องไห้ออกมาอย่างหยุดไม่ได้

"จะร้องทำไม ข้ายังไม่ตายสักหน่อย พยุงข้าลุกขึ้นยืนเร็วเข้า!!!"

ไป๋หลางรีบพยุงหลิวลี่เซียนให้ลุกขึ้น ก่อนจะช่วยปัดใบไม้ตามตัวของหลิวลี่เซียนออก

"คุณหนูให้คนไปตามข้ามาดูท่านทวงหมั่นโถวจากองค์ชายรองหรือ"

จ้าวจิ้งเทียนที่เดินเข้ามาพร้อมกับชุนหลาง เอ่ยเย้าแหย่หลิวลี่เซียนด้วยรอยยิ้ม นางเงยหน้าไปมองเขาก่อนจะจิ๊ปากออกมาเบาๆ

"ท่านมาช้า"

"ข้ามานานแล้ว เพียงแต่คิดว่าเจ้าน่าจะเอาตัวรอดได้ดี"

"หึ ยังไงก็ขอบคุณท่านอีกครั้งที่มา ไว้ข้าจะตอบแทนท่าน"

"ไม่เป็นไร"

จ้าวจิ้งเทียนยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะสำรวจร่างกายของหลิวลี่เซียนและพบว่ามือข้างขวาของนางมีเลือดออกเล็กน้อย

"เจ้าบาดเจ็บ"

"อ้อ ข้าตกลงจากหลังม้าตอนที่องค์ชายรองยิงธนูมาน่ะ โอ๊ะ! เลือดออกแฮะ"

"เจ้ารีบไปทำแผลก่อนเถอะ ข้าเตรียมรถม้าไว้ให้เจ้าแล้ว"

"ขอบใจท่านมาก แต่ข้าอยากกลับจวน ป่านนี้ท่านพ่อท่านแม่คงเป็นห่วงข้าแล้ว"

"ข้าให้คนไปแจ้งที่จวนท่านเสนาบดีหลิวแล้วว่า เจ้าถูกคนเร่ร่อนดักปล้นระหว่างทางกลับจวน"

"ท่านหมายความว่า?"

"จะให้ใครรู้เรื่องที่เจ้ามาพบกับองค์ชายรองเช่นนี้คงจะไม่ดีนัก"

หลิวลี่เซียนพยักหน้า ช่างรอบคอบนัก ยุคสมัยนี้เป็นยุคที่หญิงชายห้ามใกล้ชิดกัน หากเรื่องนี้ถูกพูดถึงขึ้นมา นางคงหนีไม่พ้นต้องกลายเป็นชายาของหมอนั่นแบบปฏิเสธไม่ได้แน่ หลิวลี่เซียนเบ้ปากพร้อมกับส่ายหน้าไปมา

หลังจากเดินมาเรื่อยๆ จนถึงรถม้า หลิวลี่เซียนรู้สึกหน้ามืดตาลายเล็กน้อย นางเซถลาจนจ้าวจิ้งเทียนรีบเดินเข้าไปจับแขนนางไว้ ก่อนจะปล่อยมือออกมาพร้อมกับถามด้วยสีหน้าเป็นห่วง

"เจ้าเป็นอะไร"

"ข้าหิว หิวจนตาลาย"

จ้าวจิ้งเทียนแทบจะหลุดขำออกมาแล้ว เขาพยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะมองหญิงสาวตรงหน้าเล็กน้อย

"นายน้อยได้แล้วขอรับ"

ชุนหลางที่เดินเข้ามาพร้อมกล่องใส่อาหารยื่นมันมาตรงหน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายื่นมันให้หลิวลี่เซียนต่อพร้อมรอยยิ้ม

"ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหิว รับไปสิ นี่คือหมั่นโถวที่เจ้าต้องการ"

หลิวลี่เซียนมองหน้าจ้าวจิ้งเทียนด้วยแววตาสับสนก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูของเขาด้วยเสียงอ่อนโยนแผ่วเบา

"จิ้นหมิง ท่านว่าข้าเป็นคนตะกละรึไม่?"

รุ่งเช้าหลังจากที่หลิวลี่เซียนตื่นนอน นางรู้สึกปวดระบมไปทั้งร่าง แต่ที่ทำให้นางรู้สึกคับแค้นใจยิ่งกว่าอะไรทั้งนั้นก็คือ ไป๋หลางที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามารายงานว่าวังหลวงส่งของขวัญมาให้เป็นพระประสงค์ขององค์ชายรอง ขันทีผู้นำของมามอบให้ไม่ได้เอ่ยอะไรมา เพียงรอคอยให้หลิวลี่เซียนไปน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

หลิวลี่เซียนรีบแต่งตัวก่อนจะเดินไปดูที่ลานโล่งกว้างภายในจวน พร้อมกับทำความเคารพขันทีและน้อมรับราชโองการของขวัญจากองค์ชายรองนี้ เมื่อขันทีทำงานที่ได้รับมอบหมายเรียบร้อยก็กล่าวลาแล้วเดินออกไป

นางเอามือขึ้นกุมหน้าอกทั้งตกใจทั้งอยากก่นด่าคนที่ส่งมันมานัก

หมั่นโถวหนึ่งร้อยลูกวางเรียงรายอยู่เต็มไปหมด พร้อมกับกระดาษแผ่นน้อยมีข้อความเขียนไว้อ่านจับใจความได้ว่า

"ให้เจ้าหญิงงามเห็นแก่กิน หวังว่าจะได้พบเจ้าอีกครั้ง ข้าสนุกยิ่งนัก"

ได้!!! ข้าจะกินให้หมด จะแบ่งกินทุกวัน จะกินให้หมด!!!

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 24 พิธีอภิเษกสมรส

    หลังจากครบกำหนดที่เจินเซียงกลับมาจากวัดต้าฝู นางได้เดินทางกลับจวนเจ้ากรมกลาโหมเพื่อเตรียมตัวอภิเษกกับจ้าวจิ้งเทียน หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อเข้าสู่สายลมแห่งฤดูหนาว ขบวนเจ้าสาวจากตระกูลเจินเจ้ากรมกลาโหมพร้อมสินสอดที่ยาวนับพันลี้ก็ได้เคลื่อนขบวนเข้าสู่วังหลวงหลิวลี่เซียนได้เข้าวังหลวงไปพร้อมกับจวิ้นอ๋องและพระชายาในฐานะพระญาติ ส่วนหลิวลี่ซือไปในฐานะว่าที่คู่หมั้นของจ้าวเฟยหรงองค์ชายรองพิธีอภิเษกสมรสเป็นไปด้วยความราบรื่น จนกระทั่งส่งตัวเจ้าสาวเข้าหอ หลิวลี่เซียนนำของขวัญเป็นปิ่นปักผมทองและเวชสำอางที่นางทำขึ้นเองมอบให้แก่เจินเซียงที่ตอนนี้ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อเฟย' ตำแหน่งองค์หญิงพระชายา พระชายาเอกในองค์รัชทายาท ด้านจ้าวจิ้งเทียนเมื่อเข้าพิธีอภิเษกแล้วเขาก็ได้รับการสถาปนาเป็น 'หวงไท่จื่อ' องค์รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์อย่างชอบธรรม"ยินดีด้วยเพคะหวงไท่จื่อเฟย ขอให้พระองค์ทรงเกษมสำราญเพคะ""ขอบใจเจ้ายิ่งนักลี่เซียน"หวงไท่จื่อเฟยจากตระกูลเจินยิ้มจนตาหยี นางมีความสุขยิ่งนัก นางตั้งใจว่านับตั้งแต่วันนี้นางจะใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีความสุขหลังจากดื่มสุรามงคลและได้ฤกษ์เข้าหอแล้ว เหล่าพระญ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 23 พระราชทานสมรส

    หลังจากที่ได้รับพระราชโองการจากฮ่องเต้ เสนาบดีหลิวที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนสถานะเป็นจวิ้นอ๋องก็ได้ย้ายครอบครัวตระกูลหลิวของตนมาพำนักที่จวนอ๋องพระราชทาน ซึ่งเป็นจวนอ๋องที่ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยตั้งใจสร้างเอาไว้เผื่อพระนัดดาทั้งหลายในอนาคตพระชายาจวิ้นอ๋องหลิวลี่หยางยังไม่ค่อยคุ้นชินกับที่อยู่ใหม่มากนัก นางค่อนข้างคิดถึงบ้านเก่าไม่น้อย บางวันจึงกลับไปพักผ่อนที่จวนตระกูลหลิวและรับสั่งให้บ่าวไพร่ดูแลจวนให้ดีจวิ้นอ๋องค่อนข้างปลื้มใจกับบุตรสาวของเขาไม่น้อย เขาได้สอบถามเรื่องราวแต่แรกเริ่มว่าเป็นมาเช่นไร หลิวลี่เซียนสามารถรักษาพระพักตร์องค์รัชทายาทได้อย่างไร หลิวลี่เซียนเองก็เต็มใจเล่าให้ผู้เป็นบิดามารดาฟัง และนางยังได้รู้อีกด้วยว่า แท้จริงแล้วจวนตระกูลหลิวของบิดาเป็นพระญาติใกล้ชิดกับฮ่องเต้มิน่าเล่าทั้งฮ่องเต้และจ้าวฮวงโหวต่างมีใบหน้าเหมือนคุณพ่อคุณแม่ของนาง ที่แท้ก็เป็นบรรพบุรุษของนางนี่เองหลิวลี่ซือลอบเบ้ปากเล็กน้อย นางขี้เกียจจะฟังเรื่องราวพวกนี้ อีกอย่างตอนนี้ตระกูลนางก็ไม่ใช่ขุนนางธรรมดาทั่วไปอีกแล้ว เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกภูมิใจอยู่ไม่น้อยที่จะได้เชิดหน้าชูตาขึ้นมาอีกขั้นไม่นานนักข่าวเรื่องอ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 22 คทาหยกหรูอวี้กับราชโองการสองฉบับ

    หลิวลี่เซียนมองฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยด้วยแววตาที่ตกใจไม่น้อย แต่เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นสายตานี้ของนางก็หายไป เหลือเพียงความเคารพที่มีต่อฮ่องเต้พระองค์หนึ่งเท่านั้นภพปัจจุบันเขาอาจจะเป็นพ่อของนาง แต่ในภพนี้เขาเป็นฮ่องเต้ที่สูงส่ง นางต้องให้ความเคารพเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่สุดแล้วฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยมองหลิวลี่เซียนด้วยแววตาล้ำลึกครั้งหนึ่งบุตรสาวของเสนาบดีหลิวนางทำไมช่างดูคุ้นตา เหมือนกับว่าเขาเคยพบเจอนางที่ใดมาก่อน"ไปเชิญเสนาบดีหลิวเทียนเฉิงมาพบข้าที่ตำหนัก"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยเอ่ยพลางสะบัดชายเสื้อมังกรให้ขันทีไปตามเสนาบดีหลิว ก่อนจะหันมามองหลิวลี่เซียนเสนาบดีหลิวรั้งตำแหน่งเสนาบดีกรมพระคลัง ดูแลเรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้ของแผ่นดิน เบิกจ่ายงบประมาณของราชสำนัก เป็นขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเสนาบดีหลิวผู้นี้เป็นพระญาติฝั่งมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟย เขาเป็นบุตรชายคนโตของน้องสาวไทเฮาองค์ปัจจุบัน นั่นก็คือมารดาของฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยนั่นเองไทเฮาตระกูลหลิวพระองค์นี้ทรงอภิเษกกับฮ่องเต้พระองค์ก่อน และได้รับการสถาปนาให้ขึ้นเป็นจ้าวฮวงโหว ก่อนจะมีพระประสูติการพระโอรสนามว่าจ้าวชิงเฟยแล

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 21 จัดการคนชั่ว

    หลังจากที่จับตัวหนิงซานกับหวาเยียนเข้าคุกหลวงเรียบร้อยแล้ว จ้าวจิ้งเทียนได้ส่งคนไปแจ้งเรื่องราวต่อจ้าวฮวงโหว นางรู้สึกเหมือนดั่งมรสุมใหญ่ได้ลอยหายไปในพริบตา พลันยกยิ้มมุมปาก มเหสีรองเหมย เจ้าไม่มีทางมีชัยชนะเหนือข้าได้หรอกฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยที่กำลังว่าราชการในท้องพระโรงเสร็จเรียบร้อยแล้วนั้น กำลังเดินทางกลับตำหนักมังกร พลันสายตาของเขาได้หันไปพบกับจ้าวจิ้งเทียน พระราชโอรสองค์โตของเขาที่มายืนรออยู่ที่หน้าตำหนัก"ถวายบังคมเสด็จพ่อ"ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยหันไปมองด้านหลังของจ้าวจิ้งเทียน จึงพบเข้ากับเจินเซียงและหญิงสาวอีกหนึ่งคน ดูจากการแต่งกายแล้วคงจะเป็นบุตรสาวของตระกูลขุนนางเป็นแน่ หลิวลี่เซียนที่ก้มหน้าตลอดเวลาไม่ได้เงยหน้าไปมอง แต่ก็รับรู้ได้ว่าฮ่องเต้กำลังมองมาที่นางอยู่"เจ้ามีเรื่องอันใดถึงมาพบข้าที่นี่?""ลูกมีเรื่องกราบทูลเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ"จ้าวชิงเฟยพยักหน้าเล็กน้อยเมื่อเข้ามาในตำหนัก ฮ่องเต้จ้าวชิงเฟยทรงให้เหล่านางกำนัลขันทีออกไปให้หมดเหลือเพียงราชเลขาคนสนิทเพียงคนเดียว ตอนนี้ภายในตำหนักจึงเหลือคนไม่มาก จ้าวจิ้งเทียนเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของเขาเล็กน้อย"ลูกขอให้เสด็จพ่อทรงเชิญเสด็จแ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 20 เรื่องหลอกลวง

    "ท่านคิดจะทำเช่นไรต่อไปจิ้นหมิง"หลิวลี่เซียนหันไปเอ่ยถามจ้าวจิ้งเทียน ก่อนจะโยนองุ่นที่นางแอบหยิบมาจากหอโคมแดงตอนที่เดินออกมาจากประตูโยนขึ้นและอ้าปากงับมาเคี้ยวอย่างอารมณ์ดี จ้าวจิ้งเทียนมองหลิวลี่เซียนด้วยสายตาที่เอ็นดูนางไม่น้อย เด็กน้อยผู้นี้ของเขาช่างดูสดใสนัก เขาที่ใช้ชีวิตมาจนอายุสิบแปดปีไม่เคยพบเจอหญิงในใต้หล้าใดที่น่ารักน่าชังเท่านาง"พรุ่งนี้ข้าคงต้องให้เจ้าไปพบเจินเซียงที่จวนเจ้ากรมกลาโหม เจ้าต้องพานางออกมาให้ได้ ข้าต้องการให้เจินเซียงได้พบกับหวาเยียน หลังจากนั้นข้าจะให้นางไปสารภาพผิดกับเสด็จพ่อ แล้วข้าจะเป็นผู้ทวงคืนความยุติธรรมให้น้องสาวของข้าด้วยตนเอง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าเล็กน้อย พ่อหนุ่มคนนี้ช่างรอบคอบจริงๆ"เจ้าพักผ่อนเถอะ ขอบใจเจ้ามากที่ไปกับข้าในวันนี้""เป็นพระกรุณาเพคะองค์รัชทายาท"หลิวลี่เซียนโค้งกายคารวะ ก่อนจะปิดประตูหน้าต่างใส่หน้าจ้าวจิ้งเทียน เขายกยิ้มมุมปากขึ้นเล็กน้อยพลางคิด นี่นางเคารพเขาจริงๆ งั้นหรือ?จวนเจ้ากรมกลาโหมหลังจากที่แต่งกายเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ออกจากจวนแต่เช้าเพื่อไปที่จวนเจ้ากรมกลาโหม"ขอโทษที่ไม่ได้แจ้งเจ้าก่อนว่าข้าจะมา""ไม่เป็นไร รีบ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 19 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-2

    รุ่งเช้าหลิวลี่เซียนไปที่เรือนของฮูหยินลี่หยางเพื่อรับประทานอาหารเช้าที่เรือนของมารดา ฮูหยินลี่หยางเอ่ยปากชมว่าหม่าล่าที่นางนำมาให้กินนั้นแปลกตาและอร่อยยิ่ง ส่วนหลิวลี่ซือที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยนั้นลอบบิดเบ้มุมปากตนด้วยความริษยาตั้งแต่ที่พี่สาวนางตกน้ำครานั้นก็ดูเปลี่ยนไป เมื่อก่อนนางช่างอ่อนแอและขี้โรคนัก โดนลมเพียงนิดก็ไม่สบายต้องนอนรักษาตัวอยู่ในจวนเป็นนานแรมเดือน แต่ตอนนี้นางดูแข็งแรงไม่เจ็บป่วยไข้เหมือนแต่ก่อน ซ้ำยังดูงดงามสดใสยิ่งน่าถลกหนังหน้านางให้มันพังพินาศไปเสียหลังจากที่กินข้าวเช้าเสร็จแล้ว หลิวลี่ซือก็เดินออกมาจากเรือนฮูหยินลี่หยาง ก่อนจะจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าออกนอกจวนไปที่หอเป่าชิงเพื่อหาซื้อเครื่องประดับหลิวลี่ซือเป็นคนรักสวยรักงามยิ่ง นางชอบสะสมเครื่องประดับอัญมณีที่งดงามหลากหลายเมื่อเลือกเครื่องประดับได้ตามที่ต้องการแล้ว หลิวลี่ซือเตรียมให้อวี้จู้สาวรับใช้คนสนิทจ่ายค่าเครื่องประดับของนาง แต่ทว่ามีมือปริศนาข้างหนึ่งยื่นมาก่อน"แม่นาง ค่าเครื่องประดับนี้นายของข้าจะเป็นคนจ่ายให้ท่านเอง"หลิวลี่ซือหันไปมองก่อนจะพบกับบุรุษผู้หนึ่ง เขาแต่งกายคล้ายองครักษ์ในวังหลวง"นายของเจ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 18 หนุ่มคณิกาและเรื่องหลอกลวง 1-1

    จ้าวจิ้งเทียนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย ชายารองงั้นหรือ หญิงสาวเช่นชิงชิงไม่ใช่คนที่จะพาเข้าวังหลวงมาเป็นภรรยาได้ง่ายดายเช่นนั้น"เสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ ลูกเชื่อว่าด้วยนิสัยของนางไม่มีทางยอมรับตำแหน่งที่ท่านแม่ทรงมอบให้แน่นอน ตั้งแต่ที่ลูกรู้จักนางมา นางเป็นหญิงสาวที่รักอิสระยิ่งพ่ะย่ะค่ะ""เจ้าจึงถูกตาต้องใจนาง?"จ้าวจิ้งเทียนหมดคำจะพูด เขาไม่ได้ปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยงใดๆ ทั้งสิ้น ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อหลิวลี่เซียน เขากลัวว่านางจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกันกับเขา จ้าวฮวงโหวย่อมต้องอ่านความคิดของจ้าวจิ้งเทียนออก นางยิ้มออกมาเล็กน้อยคล้ายไม่ได้ติดใจอันใดมากนัก"เช่นนั้นก็ตามใจเจ้า แม่เป็นคนไม่ชอบบังคับใจใคร เรื่องที่เจ้ารักษาใบหน้าจนหายดีแล้วนั้น ต้องกราบทูลต่อเสด็จพ่อเจ้าเสีย""พ่ะย่ะค่ะ"เมื่อสถานการณ์บีบบังคับ ความลับที่เขาตั้งใจจะไม่ยอมเปิดเผยก็จำต้องยอมเสียแล้วหลังจากที่กลับจากวังหลวงหลิวลี่เซียนก็เข้าไปพูดคุยเล่นกับเสนาบดีหลิวและฮูหยินลี่หยางเกี่ยวกับเรื่องที่เข้าวังหลวงวันนี้เพียงเล็กน้อย หลิวลี่ซือก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกัน นางพยายามที่จะถามหลิวลี่เซียนว่าเข้าวังหลวงไปด้วยเหตุใด

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 17 เข้าวังหลวงอย่างเร่งด่วน

    ตำหนักจ้าวฮวงโหวจ้าวจิ้งเทียนคิดไตร่ตรองเรื่องของเจินเซียงมาสักพักก่อนจะเข้าไปขอพบกับจ้าวฮวงโหวเสด็จแม่ของเขา"ถวายพระพรเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ""ลุกขึ้นเถิด มานั่งข้างแม่เร็วเข้า จิ้นหมิง"จ้าวจิ้งเทียนลุกขึ้นก่อนจะเดินเข้าไปนั่งลงข้างพระวรกายของจ้าวฮวงโหว เขามองพระพักตร์ของเสด็จแม่ตนเองอย่างลำบากใจเรื่องนี้หนักหนาเกินกว่าเขาจะแก้ไขเองจริงๆ"ว่าอย่างไรจิ้นหมิง""ที่ลูกมาเข้าเฝ้าเสด็จแม่วันนี้ เพราะมีเรื่องสำคัญสองเรื่องอยากกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ""ไหนเจ้าว่ามาสิ"จ้าวจิ้งเทียนหันไปมองเหล่านางกำนัลเป็นเชิงให้ออกไปให้หมด ก่อนจะยกมือขึ้นไปปลดผ้าคลุมใบหน้าของเขาออกอย่างช้าๆ เผยให้เห็นใบหน้างดงามราวกับเทพเซียนของเขา รอยแผลบนใบหน้าจางหายไปจนหมดสิ้นแทบไม่ทิ้งร่องรอยใดเหลือไว้ ราวกับว่าไม่เคยมีบาดแผลน่ารังเกียจนั่นอยู่บนใบหน้าของเขามาก่อน"จิ้นหมิง!!! ลูกแม่ นี่เจ้า หมอเทวดารักษาเจ้าจนหายดีแล้วหรือ สวรรค์ช่างเมตตายิ่งนัก!!!"จ้าวฮวงโหวยื่นมือมาจับที่ใบหน้าของจ้าวจิ้งเทียนอย่างดีใจปนตกใจ น้ำตาของนางเอ่อคลออย่างกลั้นเอาไว้ไม่อยู่ จ้าวจิ้งเทียนกุมมือของพระมารดาเอาไว้ด้วยความรักใคร่ ก่อนจะยิ้มให้จ้าวฮวงโห

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 16 ตัดปีกตระกูลเจิน

    ตำหนักพระมเหสีรองเหมย"ถวายพระพรพระมเหสีรองเพคะ"เหมยฮวาชิงย่อกายทำความเคารพมเหสีรองเหมยท่านอาของนาง พระมเหสีรองเหมยพระองค์นี้เข้าวังมาได้ห้าปีแล้ว แต่ยังไม่มีพระโอรสและพระธิดาแม้สักพระองค์เดียว เพราะสุขภาพของนางค่อนข้างไม่สู้ดี แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังคงเป็นที่โปรดปรานของฮ่องเต้ เพราะราชสำนักยังต้องพึ่งพากำลังทางทหารของจวนโหวตระกูลเหมย มเหสีรองเหมยแม้ภายนอกจะดูอ่อนโยน ไม่มีปากมีเสียงกับใคร แต่ลึกๆ ภายในใจของนางซ่อนความโหดเหี้ยมเอาไว้ไม่น้อยนางริษยาจ้าวฮวงโหวกับพระสนมเอกยิ่งนัก ทั้งที่พวกนางไม่ใช่คนโปรดของฮ่องเต้สักเท่าใด แต่วาสนากลับทำให้พวกนางมีพระโอรส แล้วนางเล่า นางเป็นที่โปรดปราน แต่สวรรค์กลั่นแกล้งนางถึงเพียงนี้เพราะเหตุใดกัน"รีบลุกขึ้นเถิดหลาน เจ้าไม่ต้องมากพิธีการ""ขอบพระทัยเพคะพระมเหสีรอง"พระมเหสีรองเหมยโบกมือเป็นการไล่บ่าวรับใช้นางกำนัลออกไปจากตำหนักให้หมด เหลือเพียงแม่นมคนสนิทของนางกับเหมยฮวาชิงและชิงฮุ่ย"ท่านอารู้ข่าวของตระกูลเจินรึยังเพคะ"เหมยฮวาชิงเป็นคนเริ่มบทสนทนาเรื่องของเจินเซียงกับพระมเหสีรองเหมยก่อน พระมเหสีรองเหมยยกชาขึ้นจิบเล็กน้อย พลางหัวเราะออกมาอย่างอารมณ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status