Home / รักโบราณ / ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์ / บทที่ 13 ความลับของเจินเซียง

Share

บทที่ 13 ความลับของเจินเซียง

last update Last Updated: 2025-05-19 10:32:52

หลิวลี่ซือที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างว่าองค์ชายรองส่งหมั่นโถวมาให้หลิวลี่เซียน ทั้งยังมีกระดาษแผ่นน้อยที่เขามอบให้พี่สาวฝาแฝดของนาง ก็ยิ่งทำให้ในใจของนางเหมือนมีไฟร้อนเผาไหม้อยู่ในใจตลอดเวลา นางลอบกำมือไว้แน่นจนรู้สึกได้ถึงความเจ็บของเล็บที่จิกลงไปบนฝ่ามือนุ่มๆ ของนาง แต่ใบหน้าของหลิวลี่ซือกลับไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาแม้แต่น้อย ก่อนจะก้าวเดินไปหาหลิวลี่เซียนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

"พี่ใหญ่ช่างมีวาสนายิ่งนัก น้องมิเคยเห็นองค์ชายรองแสดงความโปรดปรานผู้ใดมาก่อน"

หลิวลี่เซียนที่กำลังคิดไม่ตกกับหมั่นโถวตรงหน้าว่านางจะกินมันเช่นไรให้หมด เมื่อได้ยินเสียงของหลิวลี่ซือน้องสาวฝาแฝดของนาง กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย จากน้ำเสียงของหลิวลี่ซือทำไมนางจะเดาไม่ออกว่าน้องสาวของนางกำลังพูดจาประชดประชันนางอยู่ หลิวลี่เซียนละสายตาจากหมั่นโถวตรงหน้า ก่อนจะหันไปส่งยิ้มให้หลิวลี่ซืออย่างอ่อนโยน แม้ว่าหลิวลี่ซือจะไม่ชอบนางแล้วอย่างไร การเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกันย่อมเป็นสิ่งที่หลีกหนีไม่พ้น หากน้องสาวผู้นี้ไม่ล้ำเส้นนางจนนางทนไม่ไหว นางก็จะพยายามไม่ถือสาหาความอันใด แต่ถ้าหากวันหนึ่งหลิวลี่ซือคิดทำอะไรที่เป็นอันตรายต่อนาง นางก็จะไม่ยอมเช่นกัน

"หากเจ้าชอบพี่จะให้เจ้าเท่าที่เจ้าต้องการ เจ้าก็ให้บ่าวรับใช้มาเอาหมั่นโถวนี่ไปแล้วกัน ไป๋หลางเอาหมั่นโถวไปให้ท่านพ่อท่านแม่และแจกจ่ายให้บ่าวในจวน เหลือเท่าไร เจ้าก็เอาให้พ่อบ้านใหญ่ในจวนเอาไปแจกจ่ายให้ชาวบ้านผู้ยากไร้นอกจวน จัดการด้วย ข้าง่วงนักอยากกลับเรือนแล้ว"

"เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่"

หลิวลี่เซียนหาวและบิดตัวไปมาอย่างเกียจคร้าน ก่อนจะเดินออกจากลานกว้างกลางจวนอย่างช้าๆ แต่ทว่าหลิวลี่ซือกลับมายืนขวางนางไว้ ก่อนจะแสดงสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม

แม่สาวน้อยเจ้ากำลังทำข้าหงุดหงิดอยู่รู้ตัวรึไม่!!

"มีอะไรรึ?"

"น้องมีเรื่องอยากถามพี่ใหญ่สักเรื่องเจ้าค่ะ"

หลิวลี่ซือโบกมือให้บ่าวในบริเวณนั้นถอยออกไปให้หมด ก่อนจะก้าวเข้าไปหาหลิวลี่เซียนช้าๆ

"พี่ใหญ่มีความสัมพันธ์อันใดกับองค์ชายรองรึเจ้าคะ เมื่อก่อนน้องมิเคยเห็นท่านพี่สนิทสนมกับชายใดถึงเพียงนี้"

หลิวลี่เซียนแทบจะหลุดขำออกมา แต่นางยังคงปั้นหน้าให้เป็นปกติ ถ้าเป็นภพปัจจุบันการคบหาแบบชายหญิงไม่จำเป็นต้องเป็นไปในทางชู้สาว ช่างแตกต่างจากภพอดีตโบราณคร่ำครึนี้ยิ่งนัก

"ข้าบังเอิญเจอองค์ชายรองตอนเข้าวังไปเป็นสหายเรียนขององค์หญิงจ้าวเฟยหยาง แล้วบังเอิญข้านำครีมบำรุงที่ข้าทำเองไปถวายองค์หญิง องค์ชายรองเสด็จมาที่ตำหนักศึกษาหลวงพอดี เลยประทานหมั่นโถวเป็นของตอบแทนที่ข้าทำให้องค์หญิงทรงพอพระทัย"

"มากมายถึงเพียงนี้เชียวรึ?"

"ข้าก็คิดไม่ถึงว่าจะทรงประทานให้มากมายเพียงนี้ เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ได้คิดอะไรกับองค์ชายรองของเจ้าทั้งนั้น"

"ท่านพี่!!!"

"มีอะไรอีก"

หลิวลี่ซือคาดไม่ถึงว่าหลิวลี่เซียนจะรู้เรื่องที่นางมีใจให้กับองค์ชายรอง นางยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ใบหน้าเจือจางเป็นสีชมพูอ่อนด้วยความเขินอาย ก่อนจะยื่นมือขาวราวกับหิมะของนางมาจับมือของหลิวลี่เซียนอย่างแผ่วเบา และโน้มใบหน้างดงามราวกับภาพวาดมาที่ใบหูข้างขวาของหลิวลี่เซียน ก่อนกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล

"เมื่อท่านพี่รู้แล้ว เช่นนั้นก็จงอยู่ห่างจากองค์ชายรองเอาไว้ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายกับท่านพี่เลย"

นางแสยะยิ้มมุมปากก่อนจะมองหน้าของหลิวลี่เซียนแล้วเดินจากไป

หลิวลี่เซียนถอนหายใจด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย นางไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับคำขู่นี้ของหลิวลี่ซือ แต่นางแค่แปลกใจไม่คิดว่าหลิวลี่ซือจะแสดงด้านมืดออกมาให้เห็นเร็วเช่นนี้

"ไป๋หลาง"

"เจ้าคะคุณหนูใหญ่"

"ข้าจะออกไปดูเครื่องประดับที่หอเป่าชิง เจ้าไปช่วยข้าเตรียมตัว"

ไม่รอให้ไป๋หลางรับคำหลิวลี่เซียนก็เดินกลับเรือนก่อนแล้ว อยู่ในจวนรู้สึกอึดอัดยิ่ง นางอยากออกไปสูดอากาศภายนอกให้ชื่นใจสักหน่อย

หลังจากแต่งกายเสร็จเรียบร้อย หลิวลี่เซียนก็ขึ้นรถม้าประจำจวนตระกูลหลิวตรงไปที่หอเป่าชิง เมื่อถึงหอเป่าชิงนางก็จัดการเลือกเครื่องประดับ ต่างหู ปิ่นปักผมสองถึงสามชิ้น ก่อนจะจ่ายเงินและเดินออกมา

"ไป๋หลาง ที่นี่มีร้านอาหารอะไรอร่อยบ้าง"

"ร้านอาหาร คืออะไรเจ้าคะคุณหนูใหญ่"

หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองฉาดหนึ่ง ให้ตายสิ! เรียกร้านอาหารไม่ได้ ต้องเรียกอะไรนะ?

"ข้าหมายถึงร้านอาหารน่ะ"

"อ้อ มีเจ้าค่ะ ข้างหน้ามีร้านอาหารเลื่องชื่อเจ้าค่ะ ชื่อหอเสี่ยวเอ้อเจ้าค่ะ"

"รีบพาข้าไป ข้าหิวจนจะกินวัวได้แล้ว!!!"

หลิวลี่เซียนรีบวิ่งไปขึ้นรถม้าอย่างรีบร้อน คนขับรถม้าสะบัดแส้ในพริบตาเดียวก็มาถึงหอเสี่ยวเอ้อ

หลิวลี่เซียนพินิจพิจารณายืนมองอยู่ด้านหน้าด้วยความพึงพอใจ ดี งดงามใช้ได้ โคมไฟสีแดงประดับทั่วทั้งร้าน โอ๊ะ!! ระเบียงชั้นสองนั่นน่านั่งรับลมเย็นยิ่งนัก

"ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะคุณหนู"

"ข้าต้องการที่นั่งรับลมด้านบนชั้นสองนั่น"

"เชิญตามข้าน้อยมาเจ้าค่ะ"

หลิวลี่เซียนรีบเดินตามพนักงานสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มขึ้นไปบนชั้นสอง ก่อนที่เดินไปนั่งที่โต๊ะไม้ริมระเบียงที่เหลืออยู่โต๊ะสุดท้าย โต๊ะตรงนี้ค่อนข้างเป็นมุมอับไม่ค่อยมีผู้คนพลุกพล่านวุ่นวายเท่าใดนัก นางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างสบายใจ ก่อนที่สายตาของนางจะเหลือบไปเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งหันหลังให้นางอยู่ที่โต๊ะด้านหน้า

ทำไมดูคุ้นตาจัง?

หลิวลี่เซียนพยายามเพ่งมองหญิงสาวตรงหน้าที่ดูคุ้นตา จนไป๋หลางที่ยืนอยู่ข้างๆ มีสีหน้าสงสัย

"คุณหนูมองอะไรหรือเจ้าคะ"

"ข้าว่าผู้หญิงโต๊ะข้างหน้าเราช่างคุ้นตา แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน"

ไป๋หลางมองตามสายตาของหลิวลี่เซียน ก่อนจะมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย

"คุณหนูใหญ่เจ้าคะ นั่นใช่คุณหนูเจินเซียงรึไม่เจ้าคะ"

หลิวลี่เซียนพลันนึกขึ้นได้ทันที นางเบิกตาโตก่อนจะหันไปมองอีกครั้ง ก็พบว่าเจินเซียงไม่ได้มาคนเดียวนางกำลังนั่งคุยกับบุรุษผู้หนึ่ง ดูแล้วน่าจะเป็นคุณชายจากจวนใดจวนหนึ่งเป็นแน่ หรือว่าจะเป็นสหายของเจินเซียง

ไม่ใช่แน่ๆ!!! ดูจากท่าทางสองคนนี้ไม่ใช่สหายกันเป็นแน่

ไม่นานเจินเซียงกับบุรุษผู้นั้นก็ลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปทางด้านขวามือเหมือนกำลังจะไปไหนสักที่ นางมองซ้ายมองขวาก่อนจะลุกเดินออกไป

"เจ้ารออยู่ที่นี่ เดี๋ยวข้ามา"

หลิวลี่เซียนลุกเดินตามเจินเซียงไปโดยทิ้งไป๋หลางไว้ที่หอเสี่ยวเอ้อ นางเดินตามสองคนนั้นไปจนสุดตรอกที่ไม่มีผู้คนเดินผ่าน ทุกกระทำของหนุ่มสาวคู่นี้อยู่ในสายตาของนางทั้งหมด

บุรุษผู้นั้นใช้มือเชยปลายคางของเจินเซียงขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจุมพิตเบาๆ ที่แก้มของนาง เจินเซียงมีท่าทางเขินอายเล็กน้อย ไม่นานบุรุษผู้นั้นก็เดินจากไป

หลิวลี่เซียนถือโอกาสนี้รีบเดินเข้าไปหาเจินเซียง เจินเซียงที่เห็นดังนั้นก็ตกใจ ยกมือขึ้นปิดปากตนเองพร้อมกับเบิกตาโตขึ้น

"ลี่เซียน!!!"

"ข้ากับเจ้าต้องคุยกัน ตามข้ามา"

เจินเซียงถูกหลิวลี่เซียนดึงมือให้เดินตามกลับมาที่หอเสี่ยวเอ้อ นางเปลี่ยนที่นั่งเป็นห้องส่วนตัวแทน และให้ไป๋หลางรออยู่ข้างนอก

ตอนนี้มีเพียงเจินเซียงกับหลิวลี่เซียนเท่านั้น พร้อมกับชาร้อนอย่างดีหนึ่งกาที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ หลิวลี่เซียนรินชาให้เจินเซียงก่อนที่นางจะยกชาขึ้นจิบดับกระหาย ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ก่อนที่หลิวลี่เซียนจะเป็นคนพูดขึ้นมาก่อนเพื่อทำลายความเงียบ

"ชายผู้นั้นเป็นใคร"

เจินเซียงมองหน้าหลิวลี่เซียนด้วยความประหม่า นางคาดไม่ถึงว่าหลิวลี่เซียนจะถามตรงไปตรงมากับนางเช่นนี้

"เอ่อ คือ"

"หากเจ้ายังเห็นข้าเป็นเพื่อน เจ้าอย่าคิดโกหกข้าแม้แต่คำเดียว"

"ลี่เซียน!"

"ว่ามา"

"เขา เขาเป็นชายคนรักของข้า"

หลิวลี่เซียนแทบจะพ่นชาร้อนในปากออกมา นางมองเจินเซียงอย่างคาดไม่ถึง

"เมื่อไหร่กัน"

"นานมากแล้ว ก่อนที่จะมีการประกาศสมรสพระราชทานของข้ากับท่านพี่จิ้นหมิง"

หลิวลี่เซียนกุมขมับเล็กน้อย นางค่อยๆ เงยหน้าไปมองเจินเซียง ถึงจะรู้จักกันได้ไม่นานนัก แต่นางก็รักและห่วงใยเจินเซียงยิ่งนัก ได้แต่หวังว่านางจะยังไม่เผลอใจทำเรื่องที่ไม่ควรทำเข้า

"เจ้า เอ่อ เจ้ายังไม่ได้"

"ไม่ได้อะไรรึ"

หลิวลี่เซียนถอนหายใจ จะให้เริ่มถามจากตรงไหนก่อนดีนะ นางไปไม่ถูกแล้วจริงๆ

"ความสัมพันธ์ของพวกเจ้ายังไม่ได้เกินเลยใช่รึไม่"

คำถามนี้ทำให้ใบหน้าของเจินเซียงซีดเผือด นางกำมือไว้แน่นก่อนจะมองหน้าหลิวลี่เซียนด้วยแววตาแดงก่ำ

"ลี่เซียน ข้า ฮึก ข้ารักเขา ข้ามอบทั้งใจทั้งกายให้เขาไปหมดแล้ว"

คำพูดนี้ของเจินเซียงทำให้หลิวลี่เซียนหน้าชาจนทำอะไรไม่ถูก

ตามกฎแล้วการสมรสพระราชทานจากฮ่องเต้นั้นเคร่งครัดยิ่งนัก สตรีที่ได้รับพระราชทานการสมรสไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ และไม่มีสิทธิ์มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับชายใดนอกจากผู้ที่จะมาเป็นสามีของนางเพียงเท่านั้น

หากฮ่องเต้ทรงรู้เรื่องนี้เข้า เจินเซียง เจ้า!!!

"ทำไมเจ้าใจเร็วเช่นนี้ เจ้ามั่นใจได้เช่นไรเจินเซียง!!!"

"ฮืออ ข้า ข้ารักเขา ลี่เซียน"

หลิวลี่เซียนมองเจินเซียงด้วยแววตาสงสาร นางเดินเข้าไปกอดเจินเซียงเอาไว้

"เจ้ารู้รึไม่ว่า หากฮ่องเต้ทรงทราบ ชีวิตเจ้าจะเป็นเช่นไร"

"ข้ารู้"

"แล้วทำไมเจ้า"

"ข้ายอมตายดีกว่าไม่ได้อยู่กับคนที่ข้ารัก"

หลิวลี่เซียนถอนหายใจออกมาอย่างอับจนหนทาง จะดีกว่านี้หากเพื่อนรักของนางไม่ใช่ว่าที่พระชายาขององค์รัชทายาท

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 50 พานพบอีกครั้ง The End.

    หลิวลี่เซียนค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา ความรู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าถาโถมเข้าใส่ร่างกายของนางอย่างตั้งรับเอาไว้แทบไม่ทัน"ดื่มน้ำก่อนนะคะ คุณหนู"หลิวลี่เซียนหันไปมองก่อนจะพบเข้ากับเลขาหวัง เลขาประจำตัวของนางที่เพิ่งจ้างเข้ามาทำงานให้เมื่อห้าปีก่อนเดี๋ยวนะ!! นี่มันเรื่องอะไรกัน?หลิวลี่เซียนยกแก้วน้ำขึ้นมาดื่มด้วยความหิวกระหาย ก่อนจะมองสังเกตไปโดยรอบ ก็พบว่าตอนนี้ตนเองกำลังใส่ชุดของโรงพยาบาลอยู่นี่มันเกิดอะไรขึ้น? นางย้อนกลับมาร่างเดิมเช่นนั้นหรือ?หลิวลี่เซียนยกมือขึ้นบีบหว่างคิ้วที่ปวดหนึบขึ้นมาเสียดื้อๆ ความคิดมากมายประเดประดังเข้ามาในหัวของนางอย่างไม่จบไม่สิ้น"คุณหนูชิงชิงคะ อีกเดี๋ยวคุณหมอคงจะมาแล้วค่ะ""เลขาหวัง""คะคุณหนู?""ข้า เอ่อ ฉันหลับไปนานเท่าไร แล้วที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้นบ้าง?"เลขาหวังขมวดคิ้วมอง 'จ้าวชิงชิง' ด้วยแววตาสงสัย แต่ก็ยอมเอ่ยปากเล่าให้เธอฟังทุกเรื่องเลขาหวังเล่าว่า คุณพ่อของจ้าวชิงชิงโทรมาหาเลขาหวังกลางดึกให้รีบพาตำรวจมาที่บ้านโดยด่วนที่สุด เธอเองก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรท่านประธานจึงให้เรียกตำรวจเข้าไปในเวลาดึกดื่นเช่นนี้แต่เมื่อเธอไปถึงก็พบว่าหลี่เย่สามีของจ้าว

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 49 จากลาอย่างงดงาม

    ภายในคุกหลวงที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟส่องสว่าง ปรากฏร่างของเหมยฮวาชิงที่นอนดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้นที่มีหนูตัวน้อยใหญ่ไต่ยั้วเยี้ยไปมาอย่างน่าขนลุก"ได้เวลาดื่มยาพิษแล้ว"เสียงผู้คุมคุกหลวงที่นางได้ยิน ราวกับเสียงแห่งขุมนรกกำลังเรียกร้องหานาง นางไม่อาจจะยอมรับได้เลยว่า สุดท้ายแล้วนางต้องมาตกตายด้วยยาพิษที่ตนเองเป็นคนสร้างมันขึ้นมาด้วยมือของนางเองหลังจากเหมยฮองเฮาตายจากไปแล้ว ก็มีคำสั่งให้ประหารคนตระกูลเหมยจนสิ้นซาก ไม่เหลือรอดแม้เพียงคนเดียว บ่าวไพร่ถูกโบยจนตกตายไปตามกัน ป้ายคำสั่งทหารนับแสนนายที่เคยอยู่ในมือของท่านพ่อก็ถูกยึดคืนสู่ราชสำนักไปหมด จ้าวจิ้งเทียนช่างโหดร้ายยิ่งนัก เขาถอนรากถอนโคนตระกูลเหมยจนสิ้นซากไร้การได้ลืมตาอ้าปากอีกครั้งจวนตระกูลเหมยถูกยึดเป็นสมบัติคลังหลวง ตระกูลเหมยที่เคยโอ่อ่าใหญ่โต อำนาจบารมีล้นฟ้า ไม่มีผู้ใดกล้าต่อกรด้วย สุดท้ายแล้วกลับหายสาบสูญตายจากไปอย่างไม่เหลือรอดแม้แต่คนเดียวเหมยฮวาชิงถูกกรอกยาพิษทุกวัน วันละสามมื้อ หลิวลี่เซียนช่างจิตใจอำมหิตจนน่าหวาดกลัวเหมยฮวาชิงดิ้นทุรนทุราย ดวงตาเบิกโพลงกระอักเลือดออกมาคำโต ช่วงชีวิตสุดท้ายของนางนั้น นางนึกหวนย้อนไปถึง

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 48 หลิวฮองเฮาผู้มากับไม้หน้าสาม

    รัชศกจิ้งเทียนปีที่หนึ่งหลิวลี่เซียนกำลังนั่งอยู่ที่หน้ากระจกมองดูตนเองถูกเหล่านางกำนัลจัดแต่งอาภรณ์ให้ด้วยความใส่ใจ นางยกยิ้มมุมปากมองดูสตรีที่สูงส่งตรงหน้าด้วยสายตาพอใจ นี่ใช่นางจริงหรือ? ราวกับฝันไปเสียจริงๆ"ได้เวลาแล้วเพคะฮองเฮา"หลิวลี่เซียนพยักหน้าก่อนจะมองไป๋หลางด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน ไป๋หลางนั้นได้เลื่อนขั้นเป็นนางกำนัลคนสนิทของหลิวลี่เซียนคอยรับใช้อยู่ข้างกายนางหลิวลี่เซียนนั่งอยู่บนเกี้ยว มองดูเหล่าขันทีนางกำนัลหมอบกราบทำความเคารพนางด้วยสายตาอ่อนโยนมีเมตตา เสียงดนตรีบรรเลงขับขาน ช่างฟังแล้วให้ความรู้สึกตื้นตันในใจเหลือคณานางกับจ้าวจิ้งเทียนอภิเษกสมรสกันเมื่อสองเดือนก่อน หลังจากที่ไท่ซังหวงทรงสละราชสมบัติ จ้าวจิ้งเทียนจึงแต่งตั้งนางขึ้นเป็นฮองเฮาหลิวฮองเฮาสวมชุดสีแดงปักลายหงส์คู่มังกร แถบเซี๊ยะเพ่ยปักลายหงส์พิลาสคู่ มงกุฎหงส์เป็นรูปแบบดั้งเดิมของราชวงศ์ต้าโจว มีหงส์รำแพนคู่หนึ่งตัว ด้านข้างคือหงส์พิลาสข้างละหนึ่งตัว ประดับด้วยทับทิมและอัญมณี ส่งเสริมให้พระนางดูงามสง่าและน่าเกรงขามยิ่งนัก ใบหน้าที่งดงามดูทรงอำนาจชวนมอง ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นไม่สามารถละสายตาจากนางไปได้ฮ่องเต้จ้

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 47 สละราชสมบัติ

    หลิวลี่ซือจ้องมองร่างอันไร้ซึ่งลมหายใจของเหมยฮองเฮาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะใช้ผ้าปิดบังใบหน้า แล้วเดินก้มหน้าก้มตาออกมาจากคุกหลวงโดยไร้ซึ่งพิรุธใดๆ นางเดินไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ชื่นชมบรรยากาศภายในวังหลวงยามค่ำคืนอย่างสงบเยือกเย็นคืนนี้พระจันทร์ช่างงดงามเหลือเกิน ท่านแม่เจ้าคะ ป่านนี้ท่านคงกำลังชื่นชมข้ากับท่านพี่ลี่เซียนอยู่บนสรวงสวรรค์ใช่หรือไม่?รุ่งเช้าข่าวการตายอย่างปริศนาของเหมยฮองเฮาก็เป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งวังหลวง สภาพศพช่างน่าเวทนาและน่าขยะแขยงไปในคราเดียวกัน อดีตฮองเฮาพระองค์นี้ช่างอายุสั้นยิ่งนัก เพิ่งจะได้เสวยความสุขอยู่ในตำแหน่งที่สูงสุดได้ไม่นาน ก็ร่วงตกลงมาสู่ความตายเบื้องล่างอย่างน่าอนาถในที่เกิดเหตุพบผ้าคลุมผืนหนึ่งปักตัวอักษรฮวาชิงเอาไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของฆาตกรที่ใช้ฆ่าอดีตฮองเฮา ผู้คุมคุกหลวงถูกสอบสวนอย่างหนัก เขาให้การว่ามีนางกำนัลของตำหนักพระชายารององค์รัชทายาทมาขอพบกับอดีตฮองเฮา บอกว่าพระชายารองให้นำสิ่งของมามอบให้อดีตฮองเฮา หลังจากที่นางกำนัลผู้นั้นเดินออกมา อดีตฮองเฮาก็กลายเป็นศพไปเสียแล้ว กว่าจะทราบว่านางตายก็เกือบจะรุ่งสางของอีกวันเหมยฮวาชิงถูกควบคุมตัวมา

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 46 ตกตายไปตามกัน

    จ้าวเฟยหรงมองเหมยฮองเฮาด้วยแววตาเย็นเยียบ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนที่เขารักยิ่ง นางถึงกับกล้ามาวางยาพิษเชียวหรือ ช่างบังอาจเทียมฟ้ายิ่งนัก!!!"นังคนสารเลว!!!""หึ!! ไม่ใช่แค่บุตรชายของเจ้านะ แม้แต่แม่ของเจ้าก็ถูกข้าวางยาพิษมานานเสียจนร่างกายอ่อนแอ อีกไม่นานนางคงจะไปสู่ปรโลกอย่างเป็นสุขพร้อมกับบุตรชายของเจ้า ฮ่าาๆๆๆ""นังคนสารเลว สุดท้ายเจ้าก็หลุดปากออกมาทั้งหมดว่าเจ้าเป็นคนทำ!!!""แล้วอย่างไรเล่า!! ข้าเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดด้วยตนเอง คนในตระกูลข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง"จ้าวจิ้งเทียนส่งเสียงเฮอะในลำคอ ใครเชื่อนางก็บ้าเต็มทนแล้ว เขามองนางด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะเอ่ยปากกับนาง"คนในตระกูลของเจ้าจะมีส่วนรู้เห็นในความเลวของเจ้าหรือไม่นั้น ข้าจะเป็นคนสืบหาเอง!!!"จางอิงอิงมองเหมยฮองเฮาก่อนจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก นางค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังของเหมยฮองเฮาด้วยฝีเท้าที่เบาเป็นอย่างยิ่ง ก่อนจะใช้เข็มเงินอาบยาพิษแทงเข้าไปที่ต้นคอของเหมยฮองเฮาฉึก!!!"อ๊าาาา"หลิวลี่เซียนอาศัยช่วงเวลาชุลมุนนี้ กระทุ้งศอกไปที่ปลายคางของเหมยฮองเฮาอย่างแรงจนนางมึนงง เซถลาใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความทรมาน"จับนางไว้!!!"เหล่าทหารจับ

  • ชะตาฟ้าลิขิตสวรรค์   บทที่ 45 ลอบฆ่า 1-2

    หลิวลี่เซียนยื่นมือไปทุบประตู หวังจะร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่ามันร้อนเสียจนนางต้องรีบชักมือกลับ ควันสีขาวภายในห้องยิ่งพวยพุ่งมากขึ้นจนนางรู้สึกจุกแน่นที่จมูกและเริ่มหายใจไม่ออก นางถอยหลังออกมาทรุดตัวลงนั่ง สติเริ่มรางเลือนลงไปทุกขณะ"ชิงชิง"หลิวลี่เซียนพยายามประคองสติและเงยหน้าไปมอง ร่างของนางถูกจ้าวจิ้งเทียนช้อนตัวอุ้มขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนที่เขาพานางพุ่งทะยานออกมาจากเรือนที่ไฟกำลังไหม้ลุกโหม"แค่ก แค่ก""เป็นอย่างไรบ้าง"หลิวลี่เซียนพยักหน้าน้อยๆ นางเองรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยที่ได้ออกมาจากควันสีขาวที่ลอยคลุ้งเช่นนั้น"ท่านมาได้อย่างไร""ข้ารู้สังหรณ์ในใจว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่ดีกับเจ้าก่อนถึงวันแต่งงานของเรา ข้าคาดเดาไว้ไม่ผิดเลย พวกมันลงมือรวดเร็วยิ่งนัก""ลี่เซียน เจ้าไม่เป็นอะไรนะ""ท่านพี่ ข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ซินฮวาเล่า""นางสำลักควันจนหมดสติ หมอหลวงกำลังดูอาการอยู่""เหตุใดไฟจึงไหม้ได้เจ้าคะ""คาดว่าเหมยฮองเฮาคงจะลงมือแล้ว สายสืบภายในของข้าที่แฝงอยู่ในตำหนักนางถูกนางสังหารจนสิ้นไปเสียแล้ว"หลิวลี่เซียนใจหล่นวูบ นางมองจ้าวฝูหมิงด้วยสายตาเป็นกังวล จ้าวฝูหมิงรับรู้ในความกังวลของน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status