ログイン“อย่าไปสนใจไอ้ลูกไม่รักดีนั่นเลย”
“ท่านพ่ออย่าได้มีโทสะเลยนะเจ้าคะ เถียนเถียนไม่อยากให้ท่านพ่อล้มป่วย”
“จะไม่ให้มีโทสะได้อย่างไร หากวันนั้นเจ้าโง่นั่นยอมเปิดผ้าคลุม มองหน้าเจ้าสักหน่อยก็หมดปัญหาแล้ว”
“ข้ากลับมองเป็นเรื่องดี หากท่านพี่เห็นหน้าข้าก็อาจจะตกใจจนเป็นลมเอาได้” นางหัวเราะน้อย ๆ มิได้เดือดดาลกับความจริงที่ว่าสามีได้หายหน้าไปนานกว่าห้าปีแล้ว
“เจ้านี่นะ ร่าเริงเอาใจทุกคนจนลืมความสุขของตัวเอง”
“ท่านพ่ออย่าได้กังวล ทุกวันนี้ข้ามีความสุขดีแล้ว”
เถียนเถียนประคองผู้อาวุโสจนถึงห้องพัก แล้วจึงกลับมานั่งทอดอารมณ์อยู่ในสวนตามเดิม
หลังจากสูญเสียท่านพ่อ เถียนเถียนก็มิได้ร้องไห้ให้กับเรื่องใดอีก จำได้เพียงว่าตนเองซ่อนตัวอยู่กระโจมของท่านแม่ทัพตามคำสั่งของพ่อสามีในปัจจุบัน โดยมีจางฉวนคอยทำมือไม้ปลอบใจไปตามเรื่อง นางทราบดีว่าดวงหน้าของตนแปลกประหลาด ทั้งดวงตายังดึงดูดความสนใจ ไม่เหมือนกับสตรีรุ่นราวคราวเดียวกัน และเมื่อบิดาสั่งว่าให้หลบซ่อนจากบุรุษให้ดี นางจึงทำตามอย่างเคร่งครัด
นางมิกล้าแม้แต่จะร้องไห้ เพราะนั่นอาจจะดึงความสนใจและนำมาซึ่งปัญหา แม้จะปลอดภัยดีในกระโจมที่พัก แต่ก็ยังคงปิดปากเงียบสนิท คลุมหน้าคลุมตา และพูดน้อยยิ่งกว่าจางฉวนที่เป็นใบ้เสียอีก
เถียนเถียนจำคำของบิดาว่าจะต้องแต่งกับผู้มีอำนาจจึงจะอยู่รอดปลอดภัย หากแต่งให้กับคนธรรมดาก็อาจจะถูกกลั่นแกล้ง
หวังเฉินกง ย้ำต่อบุตรสาวอยู่เสมอว่า หากเขามิรอดจากสงคราม ก็ให้รีบนำจดหมายไปขอพบท่านลุงหยางซือถง เพื่อป้องกันมิให้นางถูกส่งตัวต่อไปเรื่อย ๆ และหากมีใครก็ตามที่ยินดีจะให้ความช่วยเหลืออุปถัมภ์ดูแล นางก็ควรจะสำนึกบุญคุณให้มาก และถ้าเขามิได้ข่มเหงหรือกระทำเรื่องที่ขัดต่อความต้องการ เถียนเถียนก็ควรจะตอบแทนให้ดี
รองแม่ทัพหวังออกคำสั่งต่อบุตรสาวก่อนจากกันว่าไม่อนุญาตให้อ่อนแอ นางจึงร้องไห้ยามทราบข่าวของบิดาแค่เพียงคืนเดียว และหลังจากนั้นก็ไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น เถียนเถียนย้ำเตือนตัวเองเสมอว่าเป็นถึงบุตรีของรองแม่ทัพ น้ำตาของนางมีค่าเสียยิ่งกว่าไข่มุก หากไม่จำเป็น ก็ไม่ควรอ่อนแอให้ใครเห็น
เรื่องบุญคุณต้องทดแทนนั่นก็เช่นกัน...
ต่อให้ท่านพี่เหวินเย่จะเจ้าชู้ เลือดร้อน ชอบความรุนแรงอย่างที่ผู้คนกล่าวหา ทว่าเขาก็มิได้ฝืนใจนางในคืนเข้าหอ ทั้งยังร้องขอมิให้เปิดเผยดวงหน้ายั่วยวนให้เกิดกิเลส เถียนเถียนต้องขอบคุณสวรรค์ที่ประทานสามีผู้ประเสริฐให้กับนาง ถึงแม้ท่านพี่จะยืนหนักแน่นว่าจะไม่มีวันมอบความรักให้ เพราะใจมีเจ้าของแล้ว
ทว่านางก็เต็มใจที่จะมอบความรักเป็นการตอบแทน
“วาดรูปเจ้าเพลิน ฟ้ามืดเสียแล้ว” คุณหนูเถียนเถียนยืนยันว่าจะจัดการเก็บพู่กันและกระดาษด้วยตนเอง และออกคำสั่งให้จางฉวนที่นั่งนิ่งตัวแข็ง ไม่ได้ขยับนานเกือบสองชั่วยามไปพักผ่อน บ่าวใบ้ไม่ขัดนายสาวเลยสักคำ เพราะหลังของมันแข็งจนแทบจะก้มหรือเงยไม่ได้แล้ว
สะใภ้สกุลหยางเก็บล้างข้าวของอย่างใจเย็น พู่กันของนางนั้นมิใช่ของราคาถูก รีบร้อนเกินไปจะทำให้พังก่อนเวลาอันควร หากดูแลอย่างระมัดระวังก็จะยืดอายุการใช้งานได้อีกนานโข นางพึมพำร้องเพลงกล่อมเด็กที่เคยได้ยินมารดาร้องให้ฟัง ทว่าเสียงหล่นของวัตถุขนาดใหญ่ทำให้หัวใจดวงน้อยกระตุกวาบ
กลิ่นเหล้าโชยหึ่งออกมาจากภูเขาเดินได้ที่ตกลงมาจากกำแพงสูงของบ้านเหลียนซาน เพียงชั่วอึดใจเดียวร่างนั้นก็พลันยืดตัวขึ้นสูง มันย่างสามขุมตรงมายังเถียนเถียน แสงสว่างโพล้เพล้รำไรบอกว่านั่นคือร่างของบุรุษที่สูงกว่าท่านพ่อสามีอย่างต่ำก็หนึ่งศอก เถียนเถียนถอยหลังสองก้าว กลัวเหลือเกินว่าภัยร้ายจะเกิดในบ้านของตน
ตุ้บ!
เจ้าของร่างสูงล้มลงกับพื้นเพราะสะดุดเข้ากับก้อนหินประดับสวนขนาดใหญ่ และเพียงชั่วพริบตาเดียว บ่าวใบ้จางฉวนก็ปรากฏตัวตรงหน้า ยืนกางกั้นระหว่างนางกับผู้บุกรุก!
ร่างที่นอนกองอยู่กับพื้นส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ เพราะรู้สึกคล้ายกับว่ามีบางส่วนในร่างกายแตกหัก คืนเดือนมืดทำให้ท้องฟ้าสว่างมิมากพอ และทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
เถียนเถียนกำลังตั้งท่าว่าจะตะโกนขอความช่วยเหลือจากคนในบ้าน ทว่าแสงตะเกียงของบ่าวใบ้กลับทำให้นางต้องยกแขนขึ้นป้องกันใบหน้า ก่อนจะวิ่งหนีออกห่างจากบุรุษผู้นั้น
“อา อา” จางฉวนตามมาติด ๆ ทำมือสอบถามว่าเหตุใดจึงไม่ตะโกนขอความช่วยเหลือ
“กลับมาแล้ว...”
“อา อ้า!” จางฉวนเอ่ยถามอย่างร้อนรน
“ท่านพี่...ท่านพี่กลับมาแล้ว!”
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (2)“งาม! ท่านลุงไม่หน้าผีแล้ว ท่านลุงงาม!”เสวียนหนิงอันผละออกจากมารดา รีบตรงเข้ากอดท่านลุงคนงามที่ย่อตัวรับนางเข้าสู่อ้อมกอดทันที“หนิงเอ๋อร์ เรียกท่านลุงได้อย่างไร ต้องเรียกท่านพ่อจึงจะถูก”คนที่เพิ่งมาใหม่กล่าวพลางหัวเราะอย่างขบขัน ทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยต้องรีบตะโกนแจ้งอย่างมีความสุขว่านางมีเพื่อนเล่นใหม่แล้ว“ท่านลุง หนิงเอ๋อร์มีท่านลุงคนงามมาเล่นเป็นเพื่อนอีกคนแล้ว”เจ้าซาลาเปาน้อยเอ่ยอย่างฉะฉาน เข้าใจว่าบิดาคือเพื่อนเล่นคนใหม่ ทั้งยังหน้าตางดงามคล้ายท่านลุงหลี่จินหมิงเป็นอย่างมาก“หนิงเอ๋อร์ ข้ามิใช่ท่านลุง แต่เป็นท่านพ่อ ส่วนท่านลุงหลี่เองก็เช่นกัน เขามิใช่ท่านลุงของเจ้า ทว่าเป็นท่านอา จงเรียกว่าท่านอาหลี่”“แต่ท่านพ่อเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์อยากเรียกท่านลุงว่าท่านลุง”“นั่นแปลว่าหนิงเอ๋อร์เห็นว่าลุงแก่กว่าท่านพ่อใช่หรือไม่”หลี่จินหมิงแกล้งถามอย่างน้อยใจ เจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นก็รีบดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของบิดา รีบปลอบใจท่านลุงรูปงามทันที“เรียกท่านอาก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องเสียใจนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันกอดขาออดอ้อนอย่างน่ารักจนหลี่จินหมิงเผลอต
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (1)เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน ห
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (2)“เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าช่วยดูแลลูกเมียข้านานหลายปี เรื่องที่ไม่พูดก่อนหน้านี้ก็ให้ถือว่าหายกันไป”“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า”“เดิมทีคิดให้เวลานางได้ทำใจ แต่พอมีหนิงเอ๋อร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าย่อมรอต่อไปไม่ได้อีก”“ท่านควรใจเย็นให้มาก ตรองดูทุกอย่างให้ดี”“จินหมิง เจ้าซาลาเปาน้อยเรียกข้าว่าลุงหน้าผี ข้าทนฟังคำคำนี้มิได้ จริง ๆ” หลี่จินหมิงถึงกับลอบกลอกตา เขาทราบดีตวนอ๋องเฉินฟาหยางภูมิใจความงามของตนอย่างมาก พอถูกบุตรสาวเรียกด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง คนหลงตัวเองเช่นนั้นย่อมทนมิได้แน่แค่มิโพล่งไปว่าตนคือใครตั้งแต่ทีแรกก็นับว่าอดทนได้เก่งอย่างมากแล้ว‘… พี่ทำตามคำสั่งของเจ้าแล้วว่าให้ทำงานหนักนานสามเดือน หากวันใดใจอ่อนลงบ้างแล้ว โปรดอ่านจดหมายที่พี่ส่งไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่’เสวียนซือชิงทำอย่างไรก็มิสามารถลืมเลือนประโยคสำคัญนี้ได้ คำสั่งอันใดหรือที่ภรรยาของอาเหยากล่าวไว้ เหตุใดจึงใกล้เคียงกับยามที่นางคุยเล่นกับบุรุษผู้นั้นนักเล่า‘…ให้ทำงานบ้านแทนเสี่ยวผิงเสี่ยวอันสักสามเดือนดีไหมเจ้าคะ’นางเคยตอบเช่นนั้นยามเขาหลอกถาม ว่าหากทำตัวไม่ดีเช่นตวน
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (1)หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะ
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (2)“อาเหยา...”ทว่าเสวียนซือชิงยังมิทันได้เอ่ยอันใดต่อ เจ้าก้อนกลมเล็กก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสี่ยวอันที่วิ่งตามมาติด ๆ แจ้งต่อนายหญิงด้วยประโยคที่ทำให้ลูกจ้างคนใหม่หนาวเหน็บราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดกลางศีรษะตน“คุณหนูบอกว่าเบื่อบ้าน อยากเจอท่านลุงเจ้าค่ะ!”“หนิงเอ๋อร์! อากาศยังหนาวอยู่ ลูกกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!”เสวียนซือชิงวางพู่กันในมือ ก้าวยาว ๆ ตามเจ้าก้อนแป้งที่วิ่งตรงไปยังเรือนใหญ่ แต่หากนางหันหลังกลับไปดูสักหน่อยก็จะพบว่าอาเหยาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างคล้ายคนเสียสติไปแล้วตวนอ๋องเฉินฟาหยางรู้สึกคล้ายเสียสติไปแล้วจริง ๆ!ลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่...เฉินฟาหยางมิอยากเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง เจ้าก้อนกลมเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมาก เพียงครู่เดียวก็วิ่งผ่านสวนที่กั้นกลางระหว่างเรือนเล็กกับบ้านใหญ่ หลุดรอดจากสายตาของเสวียนซือชิงและเสี่ยวอัน แต่เขาตัวสูงกว่าพวกนางมาก จึงมองเห็นว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้มิไกลนักเสวียนซือชิงและเสี่ยวอันแยกไปหาอีกทางแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ย่องไปหาเจ้าก้อนกลมที่ซ่อนตัวอยู่ พอเข้าไปใกล้จึงพบว
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (1)หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่าง







