ログインบ้านเหลียนซานมิอนุญาตให้บ่าวชายเข้าไปยุ่มย่ามพื้นที่ด้านในยามค่ำคืนเพื่อความปลอดภัยของคุณหนูเถียนเถียน จึงมีเพียงจางฉวนและบ่าวหญิงช่วยกันประคับประคองร่างที่ยังมิได้สติกลับเข้าบ้านไป ส่วนหยางซือถงเร่งออกไปนำม้าที่ถูกทิ้งไว้ด้านนอกเข้ามาเก็บไว้ในบ้าน ก่อนจะก่นด่าลูกชายคนเดียวไปตามเรื่อง
“อา” จางฉวนเสนอตัวคอยเฝ้าคนเมา ทว่ากลับถูกปฏิเสธ
“จางฉวนพาท่านพ่อไปพักผ่อนก่อนเถอะ แล้วก็อย่าลืมดูท่านแม่ด้วยว่าดื่มยาแล้วหรือยัง” เถียนเถียนอธิบายต่อไปคุณชายบาดเจ็บศีรษะแตก เพราะหกล้มเมื่อครู่ที่ผ่านมา คงกระทำการหักหาญน้ำใจใครมิได้ บ่าวของนางจึงยอมจากไป
“เจ้าลูกคนนี้ไม่ไหว กลับบ้านทั้งก็เมาแอ๋ไม่เป็นผู้เป็นคน นอกจากเรื่องรบราฆ่าฟันสู้ศึกเก่งกาจแล้ว หามีเรื่องอันใดทำให้ข้าชื่นใจได้ไม่ แล้วนี่เถียนเถียนมั่นใจแล้วหรือว่าจะมิให้มันนอนในห้องรับแขก” ท่านพ่อสามีเอ่ยถามสาวงาม
“ห้องนี้เดิมทีก็เป็นห้องของท่านพี่ เถียนเถียนต่างหากที่สมควรย้ายไปนอนห้องอื่น”
“แต่เจ้าก็นอนอยู่ในห้องนี้มาตั้งห้าปีแล้ว ให้เปลี่ยนที่กะทันหันก็คงนอนมิหลับ” ผู้อาวุโสของบ้านถอนหายใจ
หลังจากพูดจาเกลี้ยกล่อมกันอยู่นาน พ่อสามีก็ยอมกลับไปพักผ่อน บ่าวใบ้ใช้ภาษามือถามซ้ำว่าต้องการให้อยู่ด้วยหรือไม่ ทว่านายสาวกลับยืนยันว่ามิต้อง เจ้าของร่างกำยำจึงจากไปอย่างไม่เต็มใจนัก เถียนเถียนทราบดีว่าจางฉวนมิค่อยถูกชะตากับสามีของนาง ทว่าถามหาเหตุผลอย่างไรเขาก็มิยอมตอบ
หากให้เดาก็คงเป็นเรื่องที่ท่านพี่ทอดทิ้งนานห้าปีนั่นกระมัง
ร่างของบุรุษที่อยู่บนเตียงส่งกลิ่นสุราคละคลุ้งทั่วห้องนอน เถียนเถียนจำต้องขยับตัวเข้าไปใกล้ ก่อนจะถอดรองเท้าของเขาออกอย่างระมัดระวัง บริเวณศีรษะแตกเล็กน้อยเท่านั้น นางจึงค่อย ๆ ทำแผล กลัวเหลือเกินว่าเขาจะตื่น กลัวเหลือเกินว่าเขาจะตกใจ กลัวเหลือเกินว่าเขาจะขับไล่ภรรยาหน้าตาอัปลักษณ์ไปให้พ้นหน้า
มือเรียวขยับทำความสะอาดใบหน้าของหยางเหวินเย่ ทว่ายังมิทันจะได้ทายา ก็พบว่าดวงตาเรียวยาวกำลังจ้องมองดวงหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมสีขาว เขาคว้าข้อมือนางไว้เสียเต็มแรง ทำเอาเรือนร่างบอบบางพลิ้วไหวตามแรงกระชาก ทว่ากลับนางทำเพียงขมวดคิ้วน้อย ๆ เท่านั้น
“ข้ากำลังทำแผล ท่านพี่อย่าเพิ่งขยับตัวเลยนะเจ้าคะ” เสียงหวานออดอ้อนทำให้มือหนาคลายตัวลง ก่อนจะกวาดตามองโดยรอบ
“เจ้าเป็นใคร เหตุใดจึงมาอยู่ในห้องนอนของข้า”
“เถียนเถียนคือภรรยาของท่านพี่” ดวงตาของนางสุกสกาวราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า แสงตะเกียงริบหรี่และฤทธิ์สุราทำให้คนมองไร้ซึ่งเรี่ยวแรงตอบโต้ ปล่อยให้นางทำแผลและเช็ดหน้าเช็ดตาตามใจชอบ
หยางเหวินเย่กลับมาถึงเทียนโจวได้สักสองชั่วยามแล้ว ทว่ากลับนั่งดื่มอยู่ที่โรงสุรา พลางทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อห้าปีก่อน เขานึกขำตัวเองที่รู้สึกเจ็บปวดกับความรักในอดีตน้อยกว่าที่คิดเอาไว้มาก ยามนั้นจำได้ว่าเสียใจจนแทบจะไม่เป็นผู้เป็นคน ถึงขั้นอาละวาดทำลายข้าวของพังยับเยิน หากองค์ชายรัชทายาทมิร้องห้าม อาการของเขาคงจะหนักหนามากกว่าการทำลายข้าวของ
อาจถึงขั้นเอาชีวิตบุรุษที่บังอาจแย่งชิงนางอันเป็นที่รักไป
หยางเหวินเย่ออกจากเมืองเทียนโจวนานถึงห้าปี เหล่าคุณชายในเมืองที่มานั่งร่ำสุรา ต่างก็พากันแวะเข้ามาทักทายตามประสาบุรุษมนุษยสัมพันธ์ดี ทีแรกเขาก็ตั้งใจว่าจะย้ายโต๊ะหนี ทว่าคำของคุณชายที่เปียกปอนไปทั้งตัวกลับรั้งเอาไว้
‘คุณหนูเถียนเถียนงามมาก ข้าเคยใช้บันไดพาดกำแพงรั้วบ้านเหลียนซาน เกือบจะได้เห็นหน้านางใกล้ ๆ อยู่แล้ว แต่ไอ้ใบ้นั้นกลับผลักบันไดของข้าล้ม หน้าของข้าเกือบจะเสียโฉม’
‘น้องสาวข้าเป็นลูกค้าของนาง กล่าวว่าดวงหน้างามประหลาดยิ่งนัก โดยเฉพาะดวงตา มองแล้วราวกับถูกสะกด คิดจะเอ่ยปากสอบถามหรือทำอันใด กลับลืมเลือนไปเพราะดวงตาคู่นั้น’
‘ข้าไม่เชื่อ ทั่วทั้งเมืองเทียนโจว ไม่น่ามีสตรีใดงามเท่าแม่นางซูหนี่ว์’
ผู้ลอบฟังบทสนทนารีบเรียกเสี่ยวเอ้อมาคิดเงิน เพราะมิต้องการได้ยินชื่อของอดีตคนรักให้ระคายหู และนั่นก็สมควรแก่เวลาพอดี เพราะหากช้ากว่านี้ เขาก็คงจะขี่ม้ากลับบ้านสกุลหยางมิได้แล้ว หยางเหวินเย่ตระหนักดีว่าตนนั้นเมามายและมีกลิ่นสุราตลอดร่าง จึงมิกล้าร้องเรียกคนในบ้าน เขาตัดสินใจปีนข้ามรั้วเข้าสวนเพื่อมิต้องฟังคำก่นด่าของบิดา
หยางเหวินเย่ได้ยินเสียงเพลงกล่อมเด็กไพเราะน่าฟัง เนื้อหาค่อนข้างธรรมดา ทว่าก็กินใจคนจากบ้านไปนานอย่างมาก
ลูกสาวของแม่ อย่างอแงทำหน้าเศร้า
บ้านหลังนี้ มิใช่บ้านของเจ้าแล้ว
ลูกสาวของแม่ อย่างอแงทำหน้าเศร้า
เกี้ยวเจ้าสาว จะพาเจ้าไปแล้ว
เสียงหวานใสจากในสวนเรียกสติของคนเมาให้ฟื้นคืนมาสักหกส่วน คืนเดือนมืดทำให้หยางเหวินเย่มองเห็นอันใดมิค่อยชัด ทว่าก็ชัดมากพอที่จะมั่นใจได้ว่า นางสวรรค์ที่เขาเคยฝันหาได้ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว ความงามของนางล่อหลอกทำให้เขาขาดสติ เหวี่ยงตัวลงจากกำแพงสูง โดยมิกลัวว่าต้องเจ็บตัวเพราะพื้นที่มองไม่เห็น
หยางเหวินเย่รอดจากการกระโดด ทว่ามิรอดจากก้อนหินประดับสวน เขาชนมันและล้มหัวฟาดพื้นเสียเต็มแรง พอได้สติและเริ่มจะขยับตัวไหว นางสวรรค์ก็หายไปเสียแล้ว
เรื่องนี้จะโทษใครมิได้ นอกจากความประมาทของตนเองและสุราเกาเหลียงราคาถูก
คลับคล้ายคลับคลาว่าบ่าวสามคนช่วยประคองกลับเข้าห้องนอน เสียงก่นด่าของท่านพ่อทำให้เขามิอยากจะได้สติ พอเหลือเพียงความเงียบกับกลิ่นหอมที่ทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน หยางเหวินเย่จึงทราบทันทีว่ามิได้อยู่ตามลำพัง เขารู้สึกเสียวแปลบยามรองเท้าถูกถอดออกไป ชัดแล้วว่ามิได้บาดเจ็บเพียงแค่บริเวณศีรษะ
พอเจ้าของกลิ่นหอมเคลื่อนตัวมาสัมผัสกับใบหน้า หยางเหวินเย่จึงรีบขัดขวางตามสัญชาตญาณ
‘เถียนเถียนคือภรรยาของท่านพี่’
ที่แท้ก็คือสาวน้อยที่เขามิยอมร่วมหอด้วยเมื่อห้าปีก่อน
นางสวมผ้าคลุมปิดบังใบหน้า นางคือภรรยาอัปลักษณ์ของเขามิผิดแน่!
“ทำแผลเรียบร้อยแล้ว ท่านพี่อยากจะอาบน้ำไหมเจ้าคะ”
แสงตะเกียงบอกชัดว่านางกำลังยิ้มกว้าง แม้มิได้เห็นหน้า ทว่าดวงตากลมโตของเถียนเถียนสื่อออกมาเช่นนั้น
“ค่อยอาบพรุ่งนี้ นี่เจ้านอนห้องนี้มาตลอดเลยหรือ”
“พรุ่งนี้เถียนเถียนจะย้ายห้อง วันนี้คงต้องรบกวนท่านพี่อีกสักคืน” กล่าวจบนางก็จัดการปูผ้าห่มสำหรับหน้าหนาวลงบนพื้น ลักษณะท่าทางคล่องแคล่วมากกว่าห้าปีก่อนอยู่หลายส่วน
ภาพความทรงจำในวันเข้าหอกระจ่างชัดจนทำให้หยางเหวินเย่ตื่นเต็มตา คราวนั้นเขาเสียใจจนกระทำตัวไร้มารยาท โยนข้าวของบังคับให้สาวน้อยวัยเพียงสิบสี่ปีต้องนอนกับพื้น ทั้งยังกล่าวหาว่านางอัปลักษณ์ด้วยอีกข้อ
ต่อให้มันเป็นเรื่องจริง แต่เขาก็ควรมีมารยาทมากพอที่จะไม่ตอกย้ำนางมิใช่หรือ
ระหว่างเดินทางกลับสู่เมืองเทียนโจว หยางเหวินเย่ภาวนามิให้ภรรยาจดจำเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนเข้าหอได้ ทว่าเถียนเถียนกลับยังสวมผ้าคลุมตามที่เขาออกคำสั่งไว้เมื่อห้าปีก่อน
‘เถียนเถียน จากนี้ไปจงปิดบังใบหน้าอัปลักษณ์ทุกครั้งที่ข้าอยู่ด้วย เข้าใจหรือไม่’
นั่นก็แน่ชัดแล้วว่านางมิได้ลืม...
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (2)“งาม! ท่านลุงไม่หน้าผีแล้ว ท่านลุงงาม!”เสวียนหนิงอันผละออกจากมารดา รีบตรงเข้ากอดท่านลุงคนงามที่ย่อตัวรับนางเข้าสู่อ้อมกอดทันที“หนิงเอ๋อร์ เรียกท่านลุงได้อย่างไร ต้องเรียกท่านพ่อจึงจะถูก”คนที่เพิ่งมาใหม่กล่าวพลางหัวเราะอย่างขบขัน ทำให้เจ้าซาลาเปาน้อยต้องรีบตะโกนแจ้งอย่างมีความสุขว่านางมีเพื่อนเล่นใหม่แล้ว“ท่านลุง หนิงเอ๋อร์มีท่านลุงคนงามมาเล่นเป็นเพื่อนอีกคนแล้ว”เจ้าซาลาเปาน้อยเอ่ยอย่างฉะฉาน เข้าใจว่าบิดาคือเพื่อนเล่นคนใหม่ ทั้งยังหน้าตางดงามคล้ายท่านลุงหลี่จินหมิงเป็นอย่างมาก“หนิงเอ๋อร์ ข้ามิใช่ท่านลุง แต่เป็นท่านพ่อ ส่วนท่านลุงหลี่เองก็เช่นกัน เขามิใช่ท่านลุงของเจ้า ทว่าเป็นท่านอา จงเรียกว่าท่านอาหลี่”“แต่ท่านพ่อเจ้าคะ หนิงเอ๋อร์อยากเรียกท่านลุงว่าท่านลุง”“นั่นแปลว่าหนิงเอ๋อร์เห็นว่าลุงแก่กว่าท่านพ่อใช่หรือไม่”หลี่จินหมิงแกล้งถามอย่างน้อยใจ เจ้าตัวเล็กเห็นดังนั้นก็รีบดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนของบิดา รีบปลอบใจท่านลุงรูปงามทันที“เรียกท่านอาก็ได้เจ้าค่ะ ไม่ต้องเสียใจนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันกอดขาออดอ้อนอย่างน่ารักจนหลี่จินหมิงเผลอต
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 37 ต้องเรียกท่านพ่อ (1)เสียงหัวเราะของเจ้าก้อนแป้งดังลั่นเรือนตั้งแต่ยามเช้า เรียกรอยยิ้มของเสวียนซือชิงและสองสาวใช้ได้เป็นอย่างดี วันนี้อากาศอบอุ่นขึ้นบ้างแล้ว คุณหนูตัวเล็กที่หมายใจว่าจะออกไปวิ่งเล่นให้ทั่วจึงอารมณ์ดี มารดาให้กินดื่มอันใดก็มิเอ่ยถ้อยคำต่อรอง ต้องอาบน้ำขัดผิวแสบตัวอย่างไรก็ไม่โอดครวญเลยสักคำเสวียนหนิงอันพร้อมออกไปเล่นนอกเรือนอย่างมาก ทว่ามารดาของนางกลับมิอยากก้าวออกไปเลยแม้แต่น้อยนางยังไม่พร้อมที่จะเจอ...ท่านพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องเรียกเขาอย่างไร ควรเรียกท่านพี่อย่างที่เคยเรียกยามเขาหลอกนางว่าเป็นคุณชายเฉินหยาง เรียกท่านอ๋องแทนตำแหน่ง หรือว่าเรียกคุณชายเฉินเพราะเขาคงมิอยากเปิดเผยตัวเอง“เสี่ยวอัน อาเหยาอยู่ที่นี่หรือไม่”เกือบเจ็ดวันแล้วที่เสวียนซือชิงมิได้ออกนอกเรือนเพื่อตรวจสอบดูการย้อมสีเส้นด้าย มิใช่ว่าไว้ใจในฝีมือของลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะนางไม่ไว้ใจความคิดและการกระทำของตนเองต่างหาก“อยู่เจ้าค่ะ กำลังเก็บด้ายที่เพิ่งแห้ง อีกไม่นานก็คงเสร็จงานแล้วเจ้าค่ะ”“เขากลับไปเมื่อไหร่ก็ให้รีบมาแจ้ง ข้าจะได้พาหนิงเอ๋อร์ออกไปเดินเล่นในสวน ห
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (2)“เอาเถิด เห็นแก่ที่เจ้าช่วยดูแลลูกเมียข้านานหลายปี เรื่องที่ไม่พูดก่อนหน้านี้ก็ให้ถือว่าหายกันไป”“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อเล่า”“เดิมทีคิดให้เวลานางได้ทำใจ แต่พอมีหนิงเอ๋อร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแล้ว ข้าย่อมรอต่อไปไม่ได้อีก”“ท่านควรใจเย็นให้มาก ตรองดูทุกอย่างให้ดี”“จินหมิง เจ้าซาลาเปาน้อยเรียกข้าว่าลุงหน้าผี ข้าทนฟังคำคำนี้มิได้ จริง ๆ” หลี่จินหมิงถึงกับลอบกลอกตา เขาทราบดีตวนอ๋องเฉินฟาหยางภูมิใจความงามของตนอย่างมาก พอถูกบุตรสาวเรียกด้วยถ้อยคำไม่น่าฟัง คนหลงตัวเองเช่นนั้นย่อมทนมิได้แน่แค่มิโพล่งไปว่าตนคือใครตั้งแต่ทีแรกก็นับว่าอดทนได้เก่งอย่างมากแล้ว‘… พี่ทำตามคำสั่งของเจ้าแล้วว่าให้ทำงานหนักนานสามเดือน หากวันใดใจอ่อนลงบ้างแล้ว โปรดอ่านจดหมายที่พี่ส่งไปก่อนหน้านั้นได้หรือไม่’เสวียนซือชิงทำอย่างไรก็มิสามารถลืมเลือนประโยคสำคัญนี้ได้ คำสั่งอันใดหรือที่ภรรยาของอาเหยากล่าวไว้ เหตุใดจึงใกล้เคียงกับยามที่นางคุยเล่นกับบุรุษผู้นั้นนักเล่า‘…ให้ทำงานบ้านแทนเสี่ยวผิงเสี่ยวอันสักสามเดือนดีไหมเจ้าคะ’นางเคยตอบเช่นนั้นยามเขาหลอกถาม ว่าหากทำตัวไม่ดีเช่นตวน
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 36 ท่านพี่ (1)หากผู้ใดได้ยินประโยคที่ลูกจ้างคนใหม่กล่าวต่อคุณชายสกุลหลี่คงยิ้มอย่างพึงพอใจ ว่าวาจาของเขาไพเราะอ่อนหวานมากมารยาท น้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟังจนทำให้ลืมเลือนไปว่าใบหน้านั้นซ่อนอยู่ใต้ผ้าพันแผล ทั้งดวงตาข้างหนึ่งยังมืดบอดไม่น่าชมทว่าหลี่จินหมิงทราบดีที่สุดว่าตนกำลังตกอยู่ในห้วงแห่งความเป็นความตาย เป็นที่ทราบโดยทั่วกันว่าเฉินฟาหยางมิได้พูดจาเช่นนี้ตั้งแต่ได้รับตำแหน่ง ตวนอ๋อง ยิ่งรั้งตำแหน่งแม่ทัพคนสำคัญด้วยแล้ว ยิ่งมิต้องกล่าวคำหวานเอาใจผู้ใดอีก เว้นเพียงยามอยากได้สตรีที่มีรูปโฉมงดงามมาอุ่นเตียง แต่อย่างไรเสียคำพูดเหล่านั้นก็มิได้จริงใจ กล่าวออกไปเพียงเพราะต้องการผลประโยชน์ตอบแทนล้วน ๆวันนี้ตวนอ๋องกล่าววาจาน่าฟังหลายคำ หลี่จินหมิงจึงเดาได้ว่ามิใช่เรื่องดี‘หากคุณชายหลี่เสร็จธุระแล้ว ผู้น้อยขอรบกวนเวลาอันมีค่า สนทนาเรื่องสำคัญสักหน่อยจะได้หรือไม่’อันตรายอย่างมาก...เกริ่นมาเช่นนี้อันตรายจริง ๆคุณชายสกุลหลี่ทำอันใดมิได้นอกจากพยักหน้ารับคำ ตอบไปว่าเสร็จธุระแล้วจะรีบไปหา ทว่าถ่วงเวลาอยู่ได้ไม่นานก็เปลี่ยนใจ เพราะคิดได้ว่ายิ่งพบหน้ากันช้าเท่าไหร่ โทสะ
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (2)“อาเหยา...”ทว่าเสวียนซือชิงยังมิทันได้เอ่ยอันใดต่อ เจ้าก้อนกลมเล็กก็วิ่งผ่านหน้าไปอย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสี่ยวอันที่วิ่งตามมาติด ๆ แจ้งต่อนายหญิงด้วยประโยคที่ทำให้ลูกจ้างคนใหม่หนาวเหน็บราวกับถูกน้ำเย็นจัดราดกลางศีรษะตน“คุณหนูบอกว่าเบื่อบ้าน อยากเจอท่านลุงเจ้าค่ะ!”“หนิงเอ๋อร์! อากาศยังหนาวอยู่ ลูกกลับเข้าบ้านเดี๋ยวนี้!”เสวียนซือชิงวางพู่กันในมือ ก้าวยาว ๆ ตามเจ้าก้อนแป้งที่วิ่งตรงไปยังเรือนใหญ่ แต่หากนางหันหลังกลับไปดูสักหน่อยก็จะพบว่าอาเหยาอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกกว้างคล้ายคนเสียสติไปแล้วตวนอ๋องเฉินฟาหยางรู้สึกคล้ายเสียสติไปแล้วจริง ๆ!ลูกของข้ายังมีชีวิตอยู่...เฉินฟาหยางมิอยากเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นความจริง เจ้าก้อนกลมเคลื่อนไหวรวดเร็วอย่างมาก เพียงครู่เดียวก็วิ่งผ่านสวนที่กั้นกลางระหว่างเรือนเล็กกับบ้านใหญ่ หลุดรอดจากสายตาของเสวียนซือชิงและเสี่ยวอัน แต่เขาตัวสูงกว่าพวกนางมาก จึงมองเห็นว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้มิไกลนักเสวียนซือชิงและเสี่ยวอันแยกไปหาอีกทางแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ย่องไปหาเจ้าก้อนกลมที่ซ่อนตัวอยู่ พอเข้าไปใกล้จึงพบว
พระชายาตำหนักร้างรัก บทที่ 35 เจ้าซาลาเปาน้อย (1)หลังจากสนทนากับอาเหยาจนความทรงจำในอดีตปรากฏชัด ย้ำเตือนให้นางคิดถึงความรักครั้งแรก เสวียนซือชิงก็มิได้ออกนอกเรือนอีก มิใช่ว่านางกลัวที่จะพูดคุยลูกจ้างคนใหม่ แต่เป็นเพราะต้องเร่งปักผ้าให้ทันตามคำสั่งของลูกค้าที่พี่ชายบุญธรรมรับงานมาให้อีกที“เสี่ยวผิง ฝากผ้าพวกนี้ให้คุณชายหลี่ อย่าลืมบอกให้เขาแวะมาสักหน่อย ข้างในบ้านวุ่นวายอีกแล้ว”เสวียนซือชิงมิลืมกล่าวต่อเสี่ยวอันด้วยว่าให้เข้าไปดูแลเรื่องในบ้าน เพราะนางต้องตรวจดูด้ายที่ตากไว้ครู่ใหญ่จึงจะกลับเข้าไปทำหน้าที่ของตนได้ ทว่าเพียงแวบแรกที่เห็นลูกจ้างที่กำลังยืนกวาดลานบ้าน นางก็พลันนิ่วหน้า ขยี้ตาแรง ๆ ครั้งหนึ่งก็ตระหนักได้ว่าตนมิได้ตาฝาดไปอาเหยาคล้ายมิใช่บุรุษผู้อาภัพดังเดิม“อาเหยา มิใช่ว่าวันนี้คือวันหยุดของเจ้าหรอกหรือ”สิ่งที่ทำให้เสวียนซือชิงประหลาดใจมิใช่เรื่องลูกจ้างคนใหม่ยืนกวาดบ้านในวันหยุดงานของตน ทว่าเป็นเสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ต่างหากเล่าเสื้อผ้าของอาเหยาสีสันเรียบง่ายไม่ฉูดฉาด แต่มองไกล ๆ ก็ยังรู้ว่าเป็นผ้าเนื้อดี ราคาแพงอย่างมาก นอกจากนั้นเขายังมิได้เดินกะเผลกหรือห่อไหล่อย่าง







