แชร์

บทที่ 9 อย่าผลักไสข้า

ผู้เขียน: Luffy.g
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-10 23:45:51

บทที่ 9 อย่าผลักไสข้า

จนกระทั่งช่วงเย็นของวัน หานอี้หลงกลับมาจากการทำงานที่หนักอึ้ง แม้ใบหน้าจะฉายความเหนื่อยล้าอยู่ในที แต่เมื่อได้เห็นหยางชิวเหยาที่ยืนรอเขาอยู่ในจวน หานอี้หลงก็ยิ้มกว้างออกมาในทันที

ทั้งสองเดินกลับไปที่เรือนพัก ก่อนที่หานอี้หลงจะผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในชุดลำลอง โดยมีหยางชิวเหยาคอยปรนนิบัติหานอี้หลงตามหน้าที่เป็นอย่างดีอย่างเช่นที่เคยเป็นมา

“ข้าขอตัวไปจัดการเรื่องเอกสารเสียหน่อย งานราชการมากล้นจนข้ามิอาจอยู่ทานข้าวร่วมกับเจ้าได้...เจ้าอย่าได้นึกโกรธเคืองข้าเลยนะ” หานอี้หลงกล่าวอย่างขอตัวกลับไปทำงานที่ห้องอักษรสักชั่วครู่หนึ่ง ด้วยก่อนหน้านี้ที่สำนักโยธามีงานสร้างเขื่อนกั้นน้ำที่ฮ่องเต้ทรงมอบหมายมาให้ ทำให้หานอี้หลงนั้นยุ่งวุ่นวายกับเรื่องดังกล่าวจนแทบมิอาจมีเวลาได้พัก แต่เพราะเขาอยากเห็นหน้าหยางชิวเหยาเสียหน่อย สุดท้ายหานอี้หลงจึงกลับมาที่จวนพร้อมกองเอกสารที่มีติดตัวมาด้วย

“ท่านพี่...ท่านจะรับอาหารรองท้องเสียหน่อยหรือไม่เจ้าคะ” หยางชิวเหยาพูดพลาง สองมือก็ยังคงจัดการเสื้อผ้าของหานอี้หลงไปพลางอย่างใส่ใจ

“ตามใจเจ้าเถิด...”

หานอี้หลงตอบกลับพร้อมจ้องมองหยางชิวเหยาด้วยสายตารักใคร่และอ่อนโยนเฉกเช่นเคย สัมผัสของหญิงสาวตรงหน้าที่ได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินของเขาทำให้หัวใจของเขาไหววูบด้วยความปลื้มปริ่มยิ่งนัก

“เช่นนั้นอีกสักครู่ ข้าจะให้พ่อครัวเตรียมซุปร้อนๆ แล้วจะนำไปให้ท่านนะเจ้าคะ” หยางชิวเหยาพูดออกมาอย่างนึกอารมณ์ดี พลางคิดถึงแผนการที่นางได้ตระเตรียมเอาไว้สำหรับสกุลหาน

หานอี้หลงยกมือขึ้นลูบไล้ศีรษะของหยางชิวเหยาอย่างแผ่วเบา สัมผัสอันนุ่มนวลทำให้หยางชิวเหยาอดรู้สึกกระดากอายขึ้นมาในทันที

หานอี้หลงหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะหันหลังเดินออกไปยังห้องอักษร เขาอยากรีบเร่งจัดการงานเอกสารให้เสร็จโดยเร็ว เพื่อจะได้กลับมานอนกอดร่างบางให้หายคิดถึง

หานอี้หลงนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน เขากำลังพิจารณาเอกสารราชการอย่างเคร่งเครียด สายตาของเขาจับจ้องอยู่กับเอกสารในมือ แม้ภายนอกจะดูสงบนิ่งแต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความหนักอึ้งจากภาระหน้าที่ในราชสำนัก

ในขณะนั้นเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาก็ดังแว่วขึ้นมา หานอี้หลงเงยหน้าขึ้นมองอย่างนึกรู้ว่าเป็นหยางชิวเหยา เขายิ้มกว้างออกมาอย่างรู้สึกยินดียิ่งนัก สองมือวางพู่กันลงบนแป้นหมึก พร้อมลุกขึ้นเดินเข้าไปหาหยางชิวเหยาอย่างเอาใจใส่

“ท่านพี่...ข้านำซุปเห็ดหูหนูขาวมาให้ท่าน...ท่านรีบทานตอนกำลังร้อนจะได้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น” หยางชิวเหยายกถ้วยซุปไปวางตรงโต๊ะด้านข้าง ก่อนจะดึงแขนของหานอี้หลงลงนั่ง พร้อมยื่นถ้วยซุปให้เขาอย่างเอาใจ

หานอี้หลงยิ้มกว้างอย่างรู้สึกยินดี ก่อนจะชิมน้ำซุปไปจนเกือบครึ่งค่อนถ้วย เมื่อหานอี้หลงกินเสร็จแล้ว เขายังคงเห็นหยางชิวเหยายืนนิ่งอยู่เช่นเคย ท่าทางแปลกประหลาดและดูมีพิรุธ ทำให้หานอี้หลงรู้สึกสงสัยอยู่ในที

“เหยาเอ๋อร์...เจ้ามีสิ่งใดหรือ” หานอี้หลงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน

“ท่านพี่...ท่านดูเหนื่อยล้ายิ่งนัก ข้าพาสาวใช้คนใหม่มาคอยปรนนิบัติท่าน” หยางชิวเหยากล่าวพร้อมหันไปหาเสี่ยวเว่ย

เสี่ยวเว่ยรีบพาโม่ป่ายหรูเข้ามาด้านใน ก่อนที่โม่ป่ายหรูจะคุกเข่าลงตรงหน้าหานอี้หลงพร้อมคำนับ

“ข้าน้อยโม่ป่ายหรู คำนับนายท่านเจ้าค่ะ”

หานอี้หลงขมวดคิ้วแน่นอย่างรู้สึกแปลกใจ สายตาของเขาเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะจ้องหน้าหยางชิวเหยาอย่างต้องการคำตอบในที โดยไม่แม้แต่จะชายตาแลโม่ป่ายหรูที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

“เหยาเอ๋อร์... เจ้าคิดทำสิ่งใดกันแน่” น้ำเสียงของเขาเข้มขึ้น แต่ยังคงมีความอดกลั้น

“ท่านพี่...ข้าเห็นว่าแม่นางโม่นั้นดูดียิ่งนัก หากนางได้มีโอกาสปรนนิบัติท่านพี่ ต่อไปสกุลหานจะต้องมีทายาทสืบสกุลเป็นแน่”

คำพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นและจริงจังของหยางชิวเหยาทำเอาหานอี้หลงถึงกับกำหมัดแน่น “พวกเจ้าออกไปให้หมด” หานอี้หลงตวาดออกมาด้วยน้ำเสียงขึงขังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาสาวใช้ทั้งสองถึงกับลนลานรีบถอยห่างออกไป

“เหยาเอ๋อร์...นี่เจ้าคิดจะหาอนุมาให้ข้าหรือ” หานอี้หลงเดินเข้ามาประชิดหยางชิวเหยาอย่างนึกขุ่นเคือง สายตาทอประกายความผิดหวังเอาไว้อย่างมิอาจปิดบัง

“ท่านพี่...ข้าเพียงต้องการเห็นสกุลหานมีทายาทสืบสกุล”

“หากสกุลหานจำเป็นต้องมีทายาท บุตรผู้นั้นย่อยต้องเกิดจากเจ้าแต่เพียงผู้เดียว” น้ำเสียงหนักแน่นและจริงจังของหานอี้หลง ทำเอาหยางชิวเหยาถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

“ท่านพี่...ข้า...”

“เอาละ...เจ้าไม่ต้องพูดสิ่งใดอีก ชีวิตต้องการเพียงเจ้าเท่านั้น...” หานอี้หลงกล่าวออกมาอย่างตัดพ้อ ดวงตาของเขาทอประกายเจ็บปวดพร้อมจ้องมองไปที่หยางชิวเหยาอย่างต้องการคำตอบ

หยางชิวเหยาสะท้านกายเล็กน้อย ความรู้สึกอึดอัดในใจพลุ่งพล่านขึ้นมา “ท่านพี่จะมิคิดใหม่อีกสักหนหรือเจ้าคะ”

"เหยาเอ๋อร์....แม้เจ้าจะยังมิคิดเปิดใจรับข้า เช่นนั้นก็อย่าได้ผลักไสข้าออกไปเลย” หานอี้หลงกล่าวด้วยเสียงเว้าวอนราวกับกำลังร้องขอความเมตตาจากนาง

หยางชิวเหยากำหมัดแน่น นางรู้สึกสำนึกผิดอย่างรุนแรง หยางชิวเหยาจึงทำได้เพียงก้มหน้านิ่ง “ท่านพี่...ข้าขอโทษ”

หานอี้หลงไม่พูดสิ่งใดอีก เขาทำเพียงเดินไปตรงหน้าหยางชิวเหยา พร้อมดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด “เหยาเอ๋อร์...ข้ายินดีรอเจ้า...ต่อให้ข้ามิอาจมีผู้สืบสกุล ข้าก็มินึกเสียใจอันใด”

เสียงหัวใจของหยางชิวเหยากระตุกวาบขึ้นมา นางหลับตาพร้อมข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างเงียบงัน นางรู้ดีว่าความรักของหานอี้หลงนั้นบริสุทธิ์เพียงใด แต่ความรู้สึกผิดในใจยังคงเป็นกำแพงที่นางไม่อาจข้ามไปได้

“เช่นนั้นข้าไม่รบกวนท่านพี่แล้ว...ท่านก็อย่าทำงานจนดึกนักเล่า ข้าขอตัวกลับเรือนก่อนนะเจ้าคะ”

หยางชิวเหยาพูดจบก็หันหลังเดินจากไปในทันทีด้วยความรู้สึกทั้งอึดอัดและสับสนอยู่ในที หานอี้หลงได้แต่ยืนมองร่างบางไปจนลับสายตา ก่อนจะทอดถอนหายใจออกมา “ห้าปีแล้วที่สายตาของข้ามองเพียงแต่เจ้า...แล้วสายตาของเจ้าเล่ามีข้าอยู่บ้างหรือไม่”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 64 ข้าจะรอเจ้า

    บทที่ 64 ข้าจะรอเจ้าลมเย็นโบกสะบัดพัดผ่านยอดเขาส่งเสียงหวีดหวือประสานกับเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันคล้ายบทสวดที่ธรรมชาติคอยขับกล่อม อารามอันเงียบสงบตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนที่สูงชะลูดโอบล้อมรอบบริเวณอารามแห่งนี้ราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง แสงตะวันอ่อนของยามเช้าสาดส่องลอดผ่านหมอกบางๆ ที่ปกคลุม ไม้ระแนงเก่าแก่ของอารามส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้จันทน์ชวนให้รู้สึกสงบใจหยางชิวเหยาสวมอาภรณ์สีขาวอย่างเรียบง่าย ใบหน้าที่เคยเต็มไปด้วยความทุกข์ใจและหม่นหมองในวันวาน เวลานี้กลับดูสงบนิ่งอย่างผู้ที่ผ่านการขัดเกลาจากธรรมะและกาลเวลาจนจิตใจของนางสงบและเยือกเย็นลงดวงตาคู่งามของหยางชิวเหยาไม่เหลือร่องรอยของความเศร้าโศกอย่างที่เคยเป็นแต่กลับแฝงไปด้วยความสงบนิ่งและการปล่อยวางได้เป็นอย่างมากหลังจากที่หยางชิวเหยาเข้ามาถือศีลในอารามแห่งนี้ นับเป็นเวลากว่าสามปีเต็มที่นางมิเคยติดต่อกับผู้ใดอีกเลย นางละทิ้งโลกภายนอกไว้เบื้องหลังราวกับมันมิเคยเกิดขึ้นและมีอยู่จริง ในทุกวันนางจะใช้เวลาอยู่กับการถือศีล ท่องบทสวดมนต์ และทำจิตใจให้เบาบางลงเมื่อสามปีก่อนหลังจากที่หานอี้หลงถูกประหารชีวิตลง หยางชิวเหยาก็ได้แต่ทน

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 63 ประหารชีวิต

    บทที่ 63 ประหารชีวิตลมหนาวพัดโชยในช่วงเวลาเช้าจนชวนให้รู้สึกขนลุกชันขึ้นมา บรรยากาศภายในเมืองหลวงต่างอึมครึมและหนักอึ้งไปด้วยความตึงเครียดจากเหตุการณ์กบฏที่เกิดขึ้น หน้าประตูวังหลวงที่ใหญ่โตโอ่อ่าในวันนี้กลับคลาคล่ำไปด้วยฝูงชนที่ต่างมารอดูจุดจบของเหล่านักโทษกบฏเสียงฝีเท้าของเหล่าทหารที่เหยียบย่างไปตามพื้นอย่างหนักหน่วงและมั่นคง แสงแดดยามเช้าที่ตะวันเริ่มเคลื่อนคล้อยขึ้นลอยเหนือหัวขึ้นมาทุกทีทั่วทั้งเมืองหลวงต่างได้ยินข่าวเกี่ยวกับการประหารชีวิตของหานอี้หลงและคนสกุลเจียงทั้งครอบครัว ทุกคนต่างอยู่ในความตื่นตะลึงและใจหายขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้หานอี้หลงผู้ซึ่งเป็นบุรุษที่สง่างามน่าเคารพ บุรุษที่ต่างเป็นที่หมายปองของเหล่าหญิงสาวในเมืองหลวง บัดนี้กลับกลายเป็นนักโทษกบฏที่รอเวลาประหารชีวิตในขณะที่ท่านโหวเจียงเสิ่นเย่วผู้มีจิตใจเมตตาและเป็นที่เคารพยำเกรงของผู้คนทั่วทั้งเมืองหลวง บัดนี้ต่างมีจุดจบอันเลวร้ายไม่ต่างกันหานอี้หลงและเจียงเสิ่นเย่วถูกนำตัวมายังลานประหารที่หน้าวังหลวง หานอี้หลงนั่งคุกเข่าลงบนพื้นดินด้วยสีหน้าที่ยังคงราบเรียบและดูสงบนิ่ง ในขณะที่เจียงเสิ่นเย่วกลับมีท่าทางคอตกดั

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 62 คุมขัง

    บทที่ 62 คุมขังภายในคุกกรมอาญา ความมืดมิดและความเงียบสงัดทำให้บรรยากาศรอบตัวหานอี้หลงดูราวกับถูกกลืนกินด้วยความสิ้นหวัง ทุกอย่างรอบตัวเต็มไปด้วยความเย็นเยียบจนแทบจะสัมผัสได้ ราวกับอากาศในที่แห่งนี้ถูกผนึกด้วยความเจ็บปวด ความโหดร้าย และการทรมานทางจิตใจที่ไม่รู้จักจบสิ้นหานอี้หลงนั่งอยู่บนพื้นหินที่เย็นชืด ข้อมือถูกตรึงด้วยโซ่ที่มีความหนาและหนักหน่วง มือขวาของเขาถูกยึดแน่นจนไม่สามารถขยับได้อย่างอิสระ ดวงตาของเขาหม่นหมองไปด้วยความเศร้าโศกที่ไม่สามารถบรรยายออกมาได้ ทุกสิ่งในชีวิตของเขาดูเหมือนจะพังทลายลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิงหานอี้หลงไม่สามารถหนีจากโชคชะตาที่ถูกบีบบังคับมาได้ ในขณะที่รอคอยวันที่จะเป็นการประหารชีวิตของเขา ความคิดที่ทำให้หัวใจเขาเจ็บปวดและหนักอึ้งจนมิอาจปล่อยวางลงได้ยังคงมีเพียงเรื่องเดียวในชีวิตนั่นคือหยางชิวเหยา และเขาจะไม่มีโอกาสได้พบกับคนที่เขารักอีกต่อไปแล้วในขณะที่หานอี้หลงกำลังหลับตาและข่มกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวในใจอยู่นั้น พลันเสียงฝีเท้าหนึ่งก็ก้าวเข้ามาใกล้เขาขึ้นเรื่อยๆทันทีที่หานอี้หลงเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองคนตรงหน้าผ่านลูกกรงเหล็กแข็งนั้น ดวงตาของหานอี้หลงก็เบิก

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 61 แผนซ้อนแผน

    บทที่ 61 แผนซ้อนแผนสิ้นเสียงของหงจูเหลียง เหล่าทหารก็กรูกันเข้ามาด้านในห้อง พร้อมกับร่างใหญ่ที่สาวเท้าเข้ามาด้วยท่าทางหยิ่งทะนง ร่างของจางลู่เหวินปรากฏตัวขึ้นในความมืด เขาสวมชุดเกราะทหารที่ทำให้เขาดูสง่าผ่าเผยพร้อมใบหน้าราบเรียบแต่เย็นชายิ่งนักหานอี้หลงตกตะลึงเป็นอย่างมาก ภาพของจางลู่เหวินตรงหน้าราวกับสายฟ้าที่ฟาดเข้ามาตรงกลางหน้าผากของเขาเข้าอย่างจัง หานอี้หลงไม่คาดคิดเลยว่าในช่วงเวลาที่เขาคิดว่ากำลังจะชนะ จางลู่เหวินกลับมาปรากฏตัวในแบบที่ไม่คาดฝัน “จางลู่เหวิน...เจ้า...”“หานอี้หลง...เจ้าคงคิดสินะว่าแผนการของเจ้าฉลาดล้ำลึกจนมิมีผู้ใดเทียบ” จางลู่เหวินกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก “เจ้า...เจ้า...” หานอี้หลงพึมพำในลำคอด้วยความตกใจ รู้สึกเหมือนโลกทั้งใบกำลังถล่มลงมาจางลู่เหวินยิ้มเยาะออกมาอย่างเหนือกว่าด้วยความเย็นชา “หานอี้หลง ข้ารู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแผนการของเจ้า แต่เพื่อให้เจ้าตายใจ ข้ากับฝ่าบาทจึงเลือกที่จะเล่นงิ้วตามพวกเจ้าก็เพียงเท่านั้น”คำพูดของจางลู่เหวินทำให้หานอี้หลงรู้สึกเหมือนถูกฟันไปที่หัวใจ เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดที่แทรกซึมเข้ามาภายในร่างกาย “เจ้า... เจ้า...” หานอี

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 60 ก่อกบฏ

    บทที่ 60 ก่อกบฏทหารที่ยืนเฝ้ายามที่รอบบริเวณจวนสกุลจาง ทำให้หยางชิวเหยาอดนึกหวาดหวั่นและตกใจขึ้นมาไม่ได้ “ลู่เหวิน...นี่เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”จางลู่เหวินเดินเข้ามาสวมกอดหยางชิวเหยาเอาไว้อย่างต้องการปลอบขวัญ “ชิวเหยา...เจ้าอย่าได้เป็นกังวลไป อีกไม่นานทุกอย่างก็จะคลี่คลาย” จางลู่เหวินปลุกปลอบหยางชิวเหยาให้คลายความกังวลใจ“ท่านจะไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” หยางชิวเหยายังคงอดห่วงจางลู่เหวินไม่ได้“ข้ามีเจ้าอยู่เคียงข้าง...ข้าย่อมไม่กล้าเป็นอันใดเป็นอันขาด” จางลู่เหวินกล่าวตอบออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ท่านมิได้หลอกข้าใช่หรือไม่” หยางชิวเหยายังคงไม่แน่ใจกับคำกล่าวของจางลู่เหวินเสียทีเดียว“ข้ามิได้พักผ่อนเสียนาน...ถือโอกาสนี้นอนกกกอดเจ้าทั้งวันทั้งคืนดีหรือไม่” จางลู่เหวินพูดจากรุ้มกริ่มใส่หยางชิวเหยาอย่างอารมณ์ดี“ลู่เหวิน...ท่านนี่นะ...เรื่องราวหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้...ท่านยังมีแก่ใจมาพูดเล่นอยู่อีก” หยางชิวเหยาบ่นกระปอดกระแปดออกมาจางลู่เหวินหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างอารมณ์ดี หยางชิวเหยาเห็นเช่นนั้นก็ค่อยผ่อนคลายความวิตกกังวลที่มีลงไปเป็นอันมากในขณะเดียวกันที่จวนโหวก็เริ่มมีการเคลื่อ

  • ชะตารักพันธนาการ   บทที่ 59 มิอาจรั้งรอได้อีก

    บทที่ 59 มิอาจรั้งรอได้อีกช่วงสายวันต่อมาหานอี้หลงลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกปลอดโปร่ง ในยามค่ำคืนที่ผ่านมา ภาพความทรงจำที่เขามีทั้งสัมผัสอันเร่าร้อนและไออุ่นของหยางชิวเหยายังคงตราตรึงอยู่ในความนึกคิดของเขา จนหานอี้หลงอดยกยิ้มขึ้นมาอย่างลืมตัว หานอี้หลงพลิกกายหันไปดึงรั้งร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดราวกับคนละเมอ “เหยาเอ๋อร์...”ฉับพลันอ้อมแขนของหานอี้หลงก็ชะงักค้างเมื่อเพ่งสายตามองร่างบางตรงหน้า หญิงสาวในอ้อมกอดของเขามิใช่หยางชิวเหยาแต่กลับกลายเป็นเจียงอันเล่อหานอี้หลงหยัดกายขึ้นพร้อมกุมศีรษะด้วยความปวดหัวจากฤทธิ์สุราที่มี เจียงอันเล่อลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย เนื่องจากค่ำคืนที่ผ่านมาหานอี้หลงเคี่ยวกรำนางจนแทบมิได้พัก แต่เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหานอี้หลง เจียงอันเล่อก็ตาสว่างขึ้นมาในทันที“ท่านพี่...” เจียงอันเล่อเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เช่นใด” หานอี้หลงเบือนหน้าหนีร่างเปลือยเปล่าตรงหน้า“เมื่อคืนข้ากับท่านร่วมหอกันทั้งคืน...ท่านพี่จำมิได้หรือ” เจียงอันเล่อเอ่ยออกมาแม้ว่าจะรู้ดีว่าเมื่อคืนคนที่หานอี้หลงคิดว่าร่วมหลับนอนด้วยคือหยางชิวเหยา“เมื่อคืนข้าคงเมามากไปหน

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status