สามวันต่อมา
เมื่อตามหาสวีหลานฮวาไม่พบ ท่านแม่ทัพสวีจึงจำต้องส่งสวีเหลียนฮวาเข้าพิธีอภิเษกในครั้งนี้ไปก่อน เพื่อแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นไป หากหาตัวสวีหลานฮวาเจอเมื่อใด ค่อยหาทางสลับตัวกับสวีเหลียนฮวาอีกคราก็ยังไม่สาย
สวีเหลียนฮวารู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก มือของนางสั่นเทา ใบหน้าซีดเซียวจนผู้เป็นบิดาถึงกับกังวลใจ
"สวีเหลียนฮวา เจ้าอดทนหน่อยเถิด พ่อจะตามหาสวีหลานฮวาให้พบโดยเร็ว"
"ท่านพ่อ ลูกกลัวเจ้าค่ะ!"
"โง่นัก!!! อย่าทำให้ฝ่าบาททรงจับได้เล่า!!!"
"เจ้าค่ะ"
สวีเหลียนฮวาเอ่ยตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ นางหันไปมองสวีฮูหยินผู้เป็นมารดาอีกคราด้วยแววตาที่หวาดหวั่น ก่อนจะหันหลังกลับมา มุ่งหน้าเดินตรงไปที่หน้าประตูจวน ซึ่งมีเกี้ยวจากวังหลวงมารอรับอยู่ก่อนแล้ว
ตลอดการเดินทางเข้าสู่วังหลวง จิตใจของสวีเหลียนฮวารู้สึกหนักอึ้งราวกับมีหินมากมายมาทับตรงหน้าอก นางหวาดกลัว กลัวว่าเขาจะจับได้ กลัวภัยอันตรายที่จะตามมา และเป็นห่วงสวีหลานฮวา มิรู้เลยว่านางจะเป็นเช่นไรในยามนี้!!!
นางเรียนรู้ข้อปฏิบัติและธรรมเนียมต่าง ๆ ในวังหลวงอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้จะจำได้ไม่หมดแต่นางก็ตั้งใจเรียนรู้เป็นอย่างมาก
อวิ๋นซีเฉินแม้จะอยากอภิเษกนางให้เร็วที่สุด แต่เขาก็ต้องยอมทำตามธรรมเนียมปฏิบัติที่มีมาช้านานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลายวันต่อมาพิธีอภิเษกสมรสก็ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ อวิ๋นซีเฉินรอคอยการมาถึงของฮองเฮายอดรักอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อเขาได้พบกับนางก็ยื่นมือหนาใหญ่ไปกอบกุมมือเรียวยาวของนางเอาไว้ ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่นไปด้วยดี จนกระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าห้องหอ
ตำหนักเฟิ่งหวง ถูกตั้งอยู่เบื้องหลังของตำหนักมังกรสวรรค์ มิห่างกันเท่าใดนัก ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงรักใคร่ฮองเฮาเป็นอย่างมาก จึงสั่งให้คนสร้างตำหนักเฟิ่งหวงให้อยู่ใกล้ ๆ กับตำหนักมังกรสวรรค์
สวีเหลียนฮวาจ้องมองไปโดยรอบด้วยท่าทีที่หวาดหวั่น ยามนี้นางกำลังนั่งอยู่บนเตียง สองมือเรียวสวยจับกันเอาไว้แน่น นางกลัวเหลือเกิน!!!
"ฝ่าบาทเสด็จ!!!"
เสียงของขันทีที่ด้านนอกทำให้สวีเหลียนฮวาสะดุ้งจนตัวโยน นางรีบยืนขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่าอวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามา
"หลานฮวา เจ้าชอบตำหนักนี้หรือไม่?"
"เอ่อ ชอบ...เพคะ"
สวีเหลียนฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก อวิ๋นซีเฉินเองมิได้สนใจอันใดมากนัก เขาหันไปพยักหน้าให้ราชเลขาคราหนึ่ง ไม่นานนักราชเลขาก็นำพิณ หมากรุก เข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวงทันที สวีเหลียนฮวาที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา
นางเล่นพิณไม่เป็น หมากรุกนางก็ไม่รู้เรื่อง จะทำเช่นไรดีเล่า!!!
"ฮองเฮาที่รัก ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเชี่ยวชาญทั้งการดีดพิณและเล่นหมากรุก ค่ำคืนนี้ช่างยาวนานยิ่งนัก เจ้าช่วยบรรเลงพิณให้ข้าฟังสักเพลงดีหรือไม่?"
สวีเหลียนฮวาใจเต้นโครมคราม มือไม้สั่นจนทำสิ่งใดไม่ถูก แต่นางก็ยังคงฝืนใจเดินไปที่หน้าพิณตัวนั้น ก่อนจะบรรเลงเพลงไปอย่างไร้ท่วงทำนอง เสียงพิณที่สวีเหลียนฮวาดีดนั้นฟังดูแล้วเหมือนมิใช่ทำนองเพลงเลยเสียด้วยซ้ำ
อวิ๋นซีเฉินที่ได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วมุ่น เขาจำได้ว่าเทศกาลซีซีคืนนั้นนางบรรเลงเพลงดอกเหมยบานได้อย่างไพเราะ แต่เหตุใดคืนนี้จึงเป็นเช่นนี้เล่า!
"พอเถิด เรามาเดินหมากรุกกันดีหรือไม่? เจ้าอาจจะตื่นเต้นไปบ้าง"
"เพคะ"
สวีเหลียนฮวาพยักหน้าโดยไม่สบตากับเขาเลยแม้แต่น้อย นางเดินเข้าไปนั่งตรงข้ามกับเขาก่อนจะเริ่มเดินหมากรุกไปทีละตัวทีละตัว
อวิ๋นซีเฉินจ้องมองมือเรียวสวยของนางด้วยแววตาเย็นเยียบ เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ!!!
"หลานฮวา"
ไม่มีเสียงตอบรับจากฮองเฮายอดรัก มีเพียงความเหม่อลอยจากสตรีตรงหน้า!!!
"เหลียนฮวา!!!"
"เพคะ!!!"
สวีเหลียนฮวาที่สะดุ้งตกใจเพราะถูกเขาตะคอก จึงทำให้นางลืมตัวเผลอตอบรับเสียงเรียกของเขาทันที!!!
"หลานฮวาอยู่ไหน?"
"ฝะ ฝ่าบาท!!! ตรัสสิ่งใดเพคะ หม่อมฉันไม่เข้าใจ!!!"
"หลานฮวาอยู่ไหน!!!"
โครม!!!
อวิ๋นซีเฉินยกโต๊ะเดินหมากรุกโยนทุ่มลงไปที่พื้นทันที สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจจนตัวสั่น ทำสิ่งใดมิถูก!!!
อวิ๋นซีเฉินจ้องมองใบหน้าซีดเซียวของสวีเหลียนฮวาด้วยความเกลียดชัง เขาเดินเข้าไปใกล้นาง ก่อนจะยื่นมือเข้าไปบีบคางของนางอย่างแรง จนคนตัวเล็กตรงหน้าใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
"เจ้าไม่ใช่หลานฮวา! แล้วเจ้ามาแต่งงานแทนนางทำไมกัน!!! นางอยู่ไหน!!!"
"หม่อมฉันไม่รู้เพคะ!!! ฮือออ น้องสาวของหม่อมฉันหนีไป ฮืออ!!!"
เมื่อรู้ว่าคงไม่สามารถปิดบังเขาได้แล้ว นางจึงจำต้องยอมสารภาพความจริงแก่เขา เผื่อว่าเขาจะเมตตานางบ้าง
"เจ้าก็เลยแต่งกับข้าแทนนาง ต่ำช้า!!! เจ้าคิดแย่งสามีน้องสาว!!! เจ้ากล้าหลอกลวงข้าหรือ!!!"
"ฮือออ ฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวแล้วเพคะ!!!"
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ตระกูลสวีกล้าทำกับเขาถึงเพียงนี้เชียวหรือ!!! สวีหลานฮวา เจ้ากล้าทำกับข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ!!!
ยิ่งได้มองสตรีตรงหน้าที่มีใบหน้าเหมือนกับสวีหลานฮวาที่เขาหลงรัก ความโกรธก็ยิ่งปะทุขึ้นมาในใจ อวิ๋นซีเฉินกระชากร่างของสวีเหลียนฮวาขึ้นมา ก่อนจะกดศีรษะของนางลงไปในอ่างน้ำอย่างอำมหิต สวีเหลียนฮวาพยายามต่อสู้ดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่ก็ไร้ผล
"ข้าจะสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำ!!! เจ้าจะต้องชดใช้แทนน้องสาวของเจ้า ตระกูลสวีจะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของเจ้า!!!"
"อื้ออ อั๊ก!!!"
เขามิเคยเจ็บแค้นใจเท่าวันนี้มาก่อนเลย เขาเป็นถึงฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ แต่กลับถูกสตรีที่เขาชื่นชอบมาเหยียบย่ำจิตใจของเขาถึงเพียงนี้
สวีเหลียนฮวาพยายามตะเกียกตะกายขัดขืนเพื่อเอาตัวรอด แต่แรงของนางมีเพียงน้อยนิด เมื่อหมดหนทางต่อสู้ นางจึงยอมพ่ายแพ้แต่โดยดี ไหน ๆ เขาก็คิดจะฆ่านางให้ตายคามืออยู่แล้ว เมื่อคิดได้เช่นนั้นสวีเหลียนฮวาจึงตัดสินใจกลั้นใจตายทั้งที่ศีรษะยังจมอยู่ในอ่างน้ำนั้นอย่างไร้ซึ่งความหวัง
"อาเฉิน!!! หยุดเดี๋ยวนี้!!!"
"เสด็จพ่อ!!! ตระกูลสวีบังอาจนัก พวกมันกล้าสลับตัวเจ้าสาวของลูก!!!"
อวิ๋นหลัวขมวดคิ้วมุ่น เขาเพิ่งทราบเรื่องจากท่านแม่ทัพสวีเมื่อครู่นี้ แม่ทัพสวีรู้สึกผิดจึงมาสารภาพความผิดกับเขาด้วยตนเอง เขาเองรู้นิสัยของอวิ๋นซีเฉินเป็นอย่างดี จึงคิดจะมาห้ามปราม แต่ทว่า...
"อาเฉิน!!! สวีเหลียนฮวานาง!!!"
ร่างของสวีเหลียนฮวาค่อย ๆ ร่วงหล่นลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ใบหน้าของนางซีดเผือดจนน่าหวาดกลัว
"ดูท่าคงจะตายแล้ว ตาย ๆ ไปเสียก็ดี!!!"
"แค่ก ๆ โอ๊ย!!! อะไรเนี่ย!!!"
แต่ทว่ายังไม่ทันที่อวิ๋นซีเฉินจะสั่งให้คนมาลากศพนางไปทิ้ง สวีเหลียนฮวาที่นอนอยู่บนพื้นก็ลืมตาขึ้นมาเสียก่อน
ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปโดยรอบด้วยความมึนงง พลางไอค่อกแค่กออกมาเสียงดัง
เรากำลังเดินกลับบ้านอยู่เลย!!! ทำไมตอนนี้มาโผล่อยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย!!!
หญิงสาวจ้องมองไปโดยรอบก่อนจะหันไปสบสายตากับอวิ๋นซีเฉินที่จ้องมองมาด้วยสายตาอำมหิต
ใครอีกล่ะเนี่ย? หาความหล่อไม่มีเลย!!!
แท้จริงแล้วนางคือสวีเหยาหญิงสาวจากชาติภพปัจจุบัน ผู้ที่มีความสามารถเป็นเลิศ นางมีอายุยี่สิบปี เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง สวีเหยาเป็นนักกีฬาของมหาวิทยาลัย นางเล่นกีฬาได้แทบจะทุกชนิด พ่อของนางเป็นถึงนายตำรวจฝีมือดี นางอาศัยอยู่กับพ่อเพียงแค่สองคนเพราะแม่เสียชีวิตไปตั้งแต่นางอายุสิบขวบ นางจึงซึมซับและเรียนรู้การป้องกันตัวและทักษะความว่องไวจากผู้เป็นพ่อมาได้แทบจะทุกอย่าง
สวีเหยาคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา นางจำได้ว่าถูกรถชนจนร่างกระเด็นลอยร่วงตกแม่น้ำ จากนั้นก็มาโผล่ที่นี่
นางก้มมองดูตนเองที่ยามนี้สวมเสื้อผ้าสวยงามราวกับสตรีโบราณในอดีต เมื่อหันกลับไปมองที่กระจกซึ่งวางอยู่ข้างเตียงนอน นางก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง
นี่ฉันอยู่ที่ไหน?
นี่ฉันตายแล้วเหรอ?
สวีเหยาครุ่นคิดไปมาเสียจนปวดหัวมึนงงไปหมด นางตายแล้วจริง ๆ!!! ดูสิ!!! สิ่งต่าง ๆ รอบตัวนางมันไม่เหมือนกับตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่
อนาคตกำลังจะไปได้ดี นางกำลังจะสอบเป็นตำรวจหญิงตามรอยของพ่อ แต่ทว่าเหตุใดจึงต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ด้วยเล่า!!!
ความทรงจำจากเจ้าของร่างเดิมถาโถมเข้ามาเสียจนนางรู้สึกปวดหัวไปหมด ทุกภาพความทรงจำปรากฏขึ้นเป็นฉาก ๆ ราวกับภาพวาด
ที่แท้ร่างนี้ก็สลับตัวกับน้องสาวมาแต่งงาน จนมาเจอกับฮ่องเต้ป่าเถื่อนนี่!!! เอาเถิด! ในเมื่อมาอยู่ในร่างของสาวน้อยนางนี้แล้ว คงต้องหาทางปรับตัวให้ได้เสียก่อน!!! ดีกว่าตายแล้วไม่ได้มีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตเช่นนี้อีก!!!
"ยังไม่ตายอีกหรือ!!! ตายยากตายเย็นเสียจริง!!!"
น้ำเสียงเย็นเยียบของอวิ๋นซีเฉินเอ่ยถามนางอย่างดูแคลน สวีเหลียนฮวาลอบเบ้ปากอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่รีบไม่ร้อนโดยที่ไม่มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
"ตายแล้วจะมายืนอยู่ตรงนี้หรือเพคะ ถามโง่ ๆ!!!"
"เหลียนฮวา!!! สตรีบัดซบ!!! เจ้ากล้าต่อว่าข้าหรือ!!! จับนางไปขังที่ตำหนักเย็นเสีย อย่าให้เห็นเดือนเห็นตะวัน!!!"
สวีเหลียนฮวาถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย เพิ่งมีโอกาสได้รอดชีวิต ก็มาเจอคนประเภทนี้เสียแล้ว!!!
"อาเฉิน!!! หยุดนะ!!! เจ้าห้ามขังนางเป็นอันขาด!!!"
"เสด็จพ่อ!!!"
"นางเป็นฮองเฮา เป็นลูกสะใภ้ของข้า!!! หากเจ้ากล้าทำนางอีก ก็อย่ามาเรียกข้าว่าพ่อ!!!"
"เสด็จพ่อ!!!"
อวิ๋นหลัวอดีตฮ่องเต้เอ่ยต่อว่าผู้เป็นพระโอรสก่อนจะเสด็จกลับตำหนักไป อวิ๋นซีเฉินหันไปมองสวีเหลียนฮวาตาขวาง นางเองก็ไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย ยามนี้นางรู้สึกหนาวขึ้นมาเสียแล้ว เส้นผมของนางเปียกชุ่มไปด้วยน้ำจนมันไหลราดรดเสื้อผ้าของนางจนเปียกโชกไปหมด
"อย่าคิดว่าเสด็จพ่อให้ท้ายเจ้าแล้วข้าจะทำอันใดเจ้าไม่ได้!!!"
สวีเหลียนฮวาทำราวกับอวิ๋นซีเฉินไม่มีตัวตน นางไม่ได้ใส่ใจเขาเลยแม้แต่น้อย
"เหลียนฮวา!!!"
เงียบยังคงไร้เสียงตอบรับ!!!
"เหลียนฮวา!!!"
"โอ๊ย!!! กระชากแขนหม่อมฉันทำไมเพคะ!!!"
"หันมา!!!"
อวิ๋นซีเฉินยื่นมือไปกระชากแขนทั้งสองของนางและออกแรงบีบมันอย่างแรงจนสวีเหลียนฮวาเซถลาเบ้หน้าด้วยความเจ็บปวด นางรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว จึงจ้องมองเขาอย่างเอาเรื่อง ก่อนจะยื่นมือเรียวสวยล้วงเข้าไปในอาภรณ์ช่วงล่างของเขาทันที แล้วจับแท่งเอ็นร้อนที่ยังไม่แข็งดีของเขาเอาไว้ แล้วออกแรงดึงมันอย่างแรง!!!
"โอ๊ะ!!! เหลียนฮวา!!!"
"หึ!!! พระองค์ทรงไม่ปล่อยแขนหม่อมฉัน หม่อมฉันจะดึงให้ท่อนเอ็นหลุดคามือเลยเพคะ!!!"
"โอ๊ย!!! ซี้ดดดด!!!"
สวีเหลียนฮวาจับท่อนเอ็นร้อนของอวิ๋นซีเฉินดึงและหมุนบิดไปมาอย่างสาแก่ใจ รู้สึกเหมือนแท่งแก่นกายในมือของนางขยายใหญ่คับพองมากยิ่งขึ้น จนนางตื่นตระหนก เคยเห็นแต่ในหนังติดเรต นางไม่เคยจับจริง ๆ เลยสักครั้ง!!! นี่เป็นครั้งแรก!!! คุณพ่อเคยสอนว่าจุดอ่อนของบุรุษอยู่ที่หว่างขา นางเข้าใจถูกใช่หรือไม่?
โอ๊ะ!!! มันขยายใหญ่ขึ้นมาอีกแล้ว!!!
"ซี้ดดด!!! ปล่อยข้า!!!"
"ปล่อยแขนหม่อมฉันก่อนสิเพคะ!!!"
"ไม่!!!"
"ถ้าอย่างนั้นหม่อมฉันก็จะดึงอยู่เช่นนี้ละเพคะ!!!"
มารดามันเถอะ!!! สตรีต่ำช้า!!! โอ๊ย!!! เหตุใดจึงเสียวเช่นนี้เล่า!!!
อวิ๋นซีเฉินทนมิไหวเสียแล้ว เขาจึงยอมปล่อยมือออกจากแขนของนางก่อน สวีเหลียนฮวาเองก็รีบชักมือกลับ ก่อนจะวิ่งตรงไปที่อ่างล้างหน้าและรีบล้างมือทันที
น่ารังเกียจที่สุด!!!
"อย่าคิดว่าได้จับของข้าแล้วข้าจะให้อภัยเจ้า!!! ไม่มีวัน"
"แล้วแต่เลยเพคะ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ก็เสด็จกลับไปเถอะเพคะ!!! อี๋!!!"
ยิ่งได้เห็นท่าทีรังเกียจของนางที่มีต่อเขา อวิ๋นซีเฉินก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เขายกเท้าขึ้นถีบโต๊ะจนล้มก่อนจะเดินออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองนางอีก
หลังจากที่อวิ๋นซีเฉินจากไปแล้ว สวีเหลียนฮวาก็เรียกคนให้มาช่วยนางเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ ชุดแต่งกายของสตรีโบราณช่างรุ่มร่ามและเดินเหินยากลำบากเสียจริง นางคงต้องพยายามปรับตัวให้เคยชินกับการแต่งกายเช่นนี้เสียแล้ว"ฮองเฮาเพคะ ทรงอยากบรรทมหรือไม่เพคะ?"สวีเหลียนฮวาหันไปมองนางกำนัลน้อยที่เดินเข้ามารินน้ำชาให้นางด้วยความคล่องแคล่ว ในความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมบอกกับนางว่า นางกำนัลผู้นี้คือสาวใช้คนสนิทของนาง นามว่า หลิงเจียว เป็นสาวใช้ที่ติดตามมารับใช้นางจากตระกูลสวีสวีเหลียนฮวานั่งครุ่นคิดถึงเรื่องราวต่าง ๆ ไปมาด้วยความว้าวุ่นใจ นางรู้สึกเสียดายช่วงเวลาที่ผ่านมายิ่งนัก นางเป็นถึงนักเรียนหัวกะทิ มีความสามารถที่เก่งรอบด้าน อีกทั้งยังเป็นที่ชื่นชอบของเพื่อนฝูงและกำลังจะเป็นว่าที่ตำรวจหญิงอนาคตไกลอีกด้วยแต่ต้องมาตกตายเพราะถูกรถชนเนี่ยนะ!!! เฮ้อ!!! สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งนางยิ่งนัก สวีเหลียนฮวาหันไปมองที่กระจกก่อนจะรู้สึกแปลกใจไม่น้อย สตรีนางนี้มีใบหน้าเหมือนกับนางไม่มีผิดเลย จะต่างกันก็เพียงแค่เจ้าของร่างนี้มีแววตาที่เศร้าหมองเหลือเกินชีวิตของสวีเหลียนฮวาช่างอาภัพยิ่งนัก นางไม่เก่งอะไรสักอย่าง อี
สวีเหลียนฮวาคร้านจะต่อปากต่อคำกับเขาแล้ว นางจึงเงียบเสีย อวิ๋นซีเฉินที่เห็นว่านางสงบปากสงบคำแต่โดยดีก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ดวงตาคมจ้องมองนางอย่างล้ำลึก ยามนี้ที่เขาได้เพ่งมองนางให้ชัดเจนกว่าคราแรก เขากลับพบว่านางมีใบหน้าเหมือนกับสวีหลานฮวาจนแทบแยกไม่ออก เขาเคยแอบเข้าไปในจวนตระกูลสวี จึงสามารถจดจำลักษณะท่าทางของสวีหลานฮวาได้อย่างแม่นยำ แต่ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่พวกนางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงนั่นก็คือสวีเหลียนฮวามีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตราวกับภูเขามากกว่าสวีหลานฮวาเสียอีก อวิ๋นซีเฉินลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่!!! บัดซบยิ่งนัก นางกำลังใช้นมยั่วยวนข้าห้ามหลงกลนางเป็นอันขาด!!!"พิธีเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าไสหัวกลับตำหนักไปเสีย!!!""รอฟังคำนี้มานานแล้วเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา"สวีเหลียนฮวารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ใครจะอยากอยู่ใกล้คนแบบนี้กัน น่าอึดอัดจะตายไป"ฮองเฮาเพคะ จะทรงเสด็จกลับตำหนักเลยหรือไม่เพคะ"หลิงเจียวเอ่ยถามสวีเหลียนฮวาพร้อมกับยื่นมือมาช่วยประคองนางให้เดินออกมาจากแท่นทำพิธีบูชาเทพสวรรค์ สวีเหลียนฮวาหันไปส่งยิ้มให้หลิงเจียวคราหนึ่ง หลิงเจียวที่ได้เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง!
แคว้นฉิน ในอีกด้านหนึ่งสวีหลานฮวากำลังควบม้าลัดเลาะมาตามชายแดนแคว้นฉินด้วยแววตาที่ครุ่นคิด นางหนีออกมาจากเมืองต้าเทียนได้หลายวันแล้ว เพราะไม่อยากจะอภิเษกสมรสกับฝ่าบาท นางไม่ได้รักเขา ไม่ได้รู้สึกยินดีที่จะได้เป็นฮองเฮาของเขาเลยแม้แต่น้อย นางรู้สึกผิดต่อสวีเหลียนฮวาเป็นอย่างมาก จะหาว่านางเห็นแก่ตัวก็คงไม่ผิดเท่าใดนัก แต่นางมิอาจทนยอมรับการแต่งงานในครั้งนี้ได้จริง ๆนางยังอยากท่องเที่ยวไปในโลกกว้าง ได้ศึกษาความเป็นอยู่ของผู้คน นั่นคือสิ่งที่นางต้องการ และอีกเรื่องหนึ่งก็คือ นางต้องการมาพบกับคนรักของนางสวีหลานฮวาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตอยู่ที่แคว้นฉินแห่งนี้ นางมีตั๋วเงินและของมีค่าติดตัวมามากมาย ที่นางเลือกแคว้นฉินก็เพราะที่นี่คือดินแดนของฉินอ๋อง อวิ๋นเสวี่ยเฟย ผู้เป็นเสด็จอาของฮ่องเต้อวิ๋นซีเฉิน เป็นแคว้นที่สงบสุขและปลอดภัยมากกว่าแคว้นอื่น ๆ แม้จะดูไม่ปลอดภัยไปสักนิดและเสี่ยงที่จะถูกค้นหาตัวจนเจอ แต่นางก็จะพยายามใช้ชีวิตอย่างเงียบสงบ และไม่ให้ไปสะดุดตาผู้ใดเข้า และเพราะคนรักของนางอยู่ที่แคว้นฉินแห่งนี้ ต่อให้เสี่ยงนางคงต้องทำใจยอมรับมัน"หลานฮวา!""เสิ่นเหยา!!!"สวีหลานฮวาหันไปมองตามเส
รุ่งเช้าของวันต่อมา สวีเหลียนฮวาลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับอาการปวดหนึบที่ศีรษะเป็นอย่างมาก นางคงดื่มเยอะไปสินะเมื่อคืนนี้ "ตื่นแล้วก็ปล่อยข้าเสียที!!!"สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเสียงของอวิ๋นซีเฉินก็รู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง นางรีบเงยหน้าไปมองทันที ก่อนจะพบว่าเป็นอวิ๋นซีเฉินจริง ๆ"ฝ่าบาท!!!""ปล่อยมือจากกายข้า!!!""เพคะ?""เจ้าจับสิ่งใดอยู่เล่าตอนนี้ แหกตาดูเสีย!!!"สวีเหลียนฮวารู้สึกว่ามือของนางจับบางสิ่งบางอย่างอยู่จริง ๆ จึงหันขวับไปมองทันที ก่อนจะต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ "อ๊าส์!!!""แหกปากทำไมกัน!!!"สวีเหลียนฮวารีบดีดตัวลุกหนีออกมาจากเขาทันที แต่ทว่าดวงตาคู่สวยกลับมิอาจหยุดมองลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ของเขาได้เลย อวิ๋นซีเฉินรีบสวมอาภรณ์ให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินเข้าไปกระชากตัวนางเข้ามาหาเขา เมื่อคืนเขาต้องอดทนอดกลั้นต่อความอยากขนาดไหน!!!สวีเหลียนฮวาพยายามผลักไสเขาออกไป ในใจนึกก่นด่าตนเองอยู่หลายครา "หึ!!! เสแสร้งเก่งเสียจริง เมื่อคืนยังออเซาะข้าอยู่เลย!""หม่อมฉันคงเมาเพคะ""เช่นนั้นหรือ? คนอย่างเจ้าน่ะมันเชื่อถือไม่ได้ แต่จะโทษเจ้าไปเสียทั้งหมดก็มิถูก ข้าเองก็หล่อเหลาเสียจนเจ้าอด
สวีเหลียนฮวาทั้งรู้สึกตื่นตระหนกและอับอายเป็นอย่างมาก นางไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว นางควรจะลุกขึ้นดีหรือไม่?แต่อีกใจหนึ่งก็อยากลอง!!!แต่เขานิสัยแย่เช่นนี้ นางทำใจร่วมรักกับเขาไม่ลงจริง ๆ แต่เขามีใบหน้าที่หล่อ นางควรให้อภัยเขาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ดีหรือไม่?อวิ๋นซีเฉินเริ่มทำสิ่งใดไม่ถูก มือไม้ของเขามันลนไปหมด มิรู้ว่าจะทำเช่นไรดี! จะดันเข้าไปให้สุดหรือหยุดแค่นี้ดีเล่า?ความรู้สึกบัดซบเช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นกับเขามาก่อนเลย สวีเหลียนฮวาใช้สองมือกำขอบสระเอาไว้แน่น นางทั้งเสียวทั้งเจ็บในคราเดียวกัน "ทูลฝ่าบาท/ฮองเฮาสุรามงคลมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!!!"สวีเหลียนฮวารีบรับสุรามาดื่มเข้าไปสองจอก ความร้อนหลั่งรินราดรดลงไปในลำคอบางระหงของนาง ขับให้ใบหน้าสวยแดงซ่าน สวีเหลียนฮวาส่ายหน้าไปมาพลางครุ่นคิด สุราช่างแรงเสียจริง!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นนางจึงตัดสินใจลุกขึ้นยืน ก่อนจะก้าวเดินออกจากสระ หลิวหมัวมัวและหลิงเจียวที่เห็นเช่นนั้นจึงรีบนำผ้ามาซับกายให้นางและช่วยนางสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว แม้จะนึกเสียดายไม่น้อย แต่ทว่ายามนี้มีทั้งขันทีและนางกำนัลเฝ้ามองอยู่มากมาย น่าอายจะตายไป!!!อวิ๋นซีเฉินกัดฟันกรอด สตรีต่ำช้
สวีเหลียนฮวาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่กังวานหวานใส ก่อนจะครอบริมฝีปากกลืนกินลำแท่งเอ็นร้อนของเขาจนมิดลำ นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่ระรัว อวิ๋นซีเฉินที่ถูกกระทำเช่นนั้นก็ส่งเสียงครวญครางดังลั่นตำหนักอย่างห้ามไม่อยู่ มือหนาใหญ่จับผ้าปูเตียงเอาไว้แน่น สวีเหลียนฮวาเองก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ท่อนเนื้อท่อนเอ็นของเขามันใหญ่คับปากนางเสียจริง อ๊อก อ๊อก "อ๊าส์!!! ข้าจะไม่ไหวแล้ว!!!"สวีเหลียนฮวายิ่งเร่งจังหวะให้ถี่เร่ามากยิ่งขึ้น นางขยับศีรษะขึ้นลงอย่างรวดเร็วและรุนแรง ร่างของอวิ๋นซีเฉินบิดเกร็งสั่นสะท้าน ก่อนจะปล่อยน้ำกามสีขาวขุ่นเข้าไปในโพรงปากสวยของนางจนมันเอ่อล้นทะลักออกมาตามริมฝีปากสวย "รสชาติดียิ่งนักเพคะ!"นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ชื่นชม ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาด้วยความหวานหยาดเยิ้มราวกับคนไร้สติ "ข้าจะกลับตำหนัก!!!'เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายรู้สึกอ่อนล้าไปหมด "ไม่ได้!!! หม่อมฉันยังไม่พอใจเพคะ!!!""อย่า!!! อ๊าส์! ซี้ดดด!!!"สวีเหลียนฮวาจับลำแท่งแก่นกายของเขามาจ่อที่ปากรูสวยของนาง แล้วจึงบดเบียดเข้าไปจนมิดลำ มีเสียงดังกึกคราหนึ่ง นางแทบจะน้ำตาไหลอาบแก้ม เจ็บ!!! นางใ
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างมาก ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันมีทั้งความสับสนและกังวลอยู่ในคราเดียวกัน เขามิได้ชื่นชอบสวีเหลียนฮวา แต่ทว่าเขาเองกลับไม่ได้โหยหาที่จะพบเจอกับสวีหลานฮวาเหมือนเช่นแต่ก่อน นี่มันเกิดสิ่งใดขึ้นกับเขากันแน่!!!อวิ๋นซีเฉินครุ่นคิดเท่าใดก็คิดไม่ออก เขาจึงจัดการเปลี่ยนฉลองพระองค์ใหม่และไปประชุมเช้าที่ท้องพระโรงทันที เหล่าขุนนางต่างตั้งหน้าตั้งตารอคอยเขาด้วยความร้อนรน แต่ไหนแต่ไรมาฮ่องเต้พระองค์นี้ก็ทรงชอบทำตามใจตนเองอีกทั้งเจ้าอารมณ์มาแต่ไหนแต่ไร "ฝ่าบาทเสด็จ!!!""ถวายพระพรฝ่าบาท!!!"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงที่บัลลังก์มังกรอย่างสง่างาม เขายื่นมือไปหยิบฎีกาบนโต๊ะมาอ่านอย่างไม่รีบไม่ร้อน ต้าเทียนในยามนี้ ไม่มีฎีการ้องเรียนเหล่าขุนนางจากราษฎรเท่าใดนัก ตั้งแต่เขาขึ้นครองบัลลังก์มังกร ก็ตัดรากถอนโคนเหล่าขุนนางที่คิดคดโกงกินบ้านเมืองออกไปหลายคน ต้าเทียนจึงอยู่อย่างสงบตั้งแต่เขาได้เป็นฮ่องเต้ "ทูลฝ่าบาท เหล่าขุนนางลงความเห็นกันว่า การล่าสัตว์ที่หางโจวในปีนี้ ควรจะเลื่อนออกไปก่อนดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?""เหตุใดจึงต้องเลื่อน?""ทูลฝ่าบา
อวิ๋นซีเฉินรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางคนเดียวที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนเช่นนี้!!!"ต่ำช้า!!! ข้าเกลียดเจ้านัก ซี้ดดดด!!!"ปากก็ก่นด่านางอย่างไม่หยุดหย่อน มือหยาบกร้านก็สาวชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่ระรัว เขาส่งเสียงครวญครางด้วยความสุขสม ไม่นานนักน้ำกามสีขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักออกมาจนเลอะเทอะเต็มมือของเขาไปหมด อวิ๋นซีเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เหตุใดข้าจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!!! ในเมื่อนางคิดข่มเหงจิตใจข้า ข้าก็จะเอาคืนนางให้สาสม!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปที่หน้าต่างและสลัดคราบน้ำรักของเขาทิ้งออกไปเสีย ราชเลขาที่เดินผ่านมาพอดี จึงถูกน้ำกามของอวิ๋นซีเฉินกระเด็นเข้ามาโดนใบหน้าเข้าอย่างจัง"บัดซบ!!! ใครถุยโจ๊กเนื้ออีกแล้ว!!! ข้าจะทูลฟ้องต่อฝ่าบาท!!!"ด้านสวีเหลียนฮวาที่อยู่แต่ในตำหนักก็รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก นางจึงออกมาเดินเล่นที่ริมสระน้ำเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อย วันนี้อากาศค่อนข้างดียิ่งนัก นางจึงเดินเล่นได้อย่างไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะทอดสายตามองลงไปที่สระน้ำ
สวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียนได้หลายวันแล้ว ยามนี้ท่านแม่ทัพใหญ่สวีที่รู้สึกผิดต่อบุตรสาวก็พยายามมาขอพบนางที่ตำหนักเฟิ่งหวง แต่สวีเหลียนฮวากลับไม่ยอมให้เขาเข้าพบเลยสักครั้งนางมิใช่สวีเหลียนฮวาคนเก่า และนางรู้ดีว่านี่คือความตั้งใจของสวีเหลียนฮวาที่ตายไปแล้ว บิดาผู้นี้ไม่เคยเห็นนางเป็นบุตรสาว เพราะนางอ่อนแอ และสู้สวีหลานฮวาไม่ได้ อีกทั้งตอนที่นางหนีไปจากต้าเทียน หลิงเจียวได้เล่าให้นางฟังว่า แม่ทัพใหญ่สวีโกรธนางมาก ถึงกับมาทูลต่อไท่ซังหวงว่านางคือความอับอายของตระกูลสวี ไท่ซังหวงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงต่อว่าแม่ทัพใหญ่สวีไปเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า หากไม่เห็นนางเป็นบุตรสาว ก็ไม่เป็นไร พระองค์พึงใจสะใภ้ผู้นี้ ใครก็อย่าได้คิดมาต่อว่านางเป็นอันขาดเช่นนั้นนางเองก็จะไม่ขอพบเจอกับบิดาเช่นนี้อีก แม้จะไม่ได้เกลียด แต่การไม่พบกันย่อมจะเป็นเรื่องที่ดีเสียมากกว่าด้านจิ้งกุ้ยเฟยก็ได้ออกจากวังหลวงไปแต่งกับบัณฑิตตระกูลโจว ชีวิตของนางดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก มีหลายคราที่นางแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนสวีเหลียนฮวาถึงในวังหลวงอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าสามียอดรักของนางนั้น 'ยาว' ถูกใจนางเพียงใ
ท้ายที่สุดสวีเหลียนฮวาก็ต้องปิดร้านบะหมี่ไปก่อน นางนั่งมองอวิ๋นซีเฉินที่เดินไปเก็บร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง พร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้น จึงถลึงตามองเขาทันที "มองข้าทำไม?""เหลียนฮวา เจ้ายอมคืนดีกับข้าเถิดนะ""ไม่!!! เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี ชอบข่มเหงจิตใจข้า!""ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้ายอมเจ้าแล้ว เอาเถิด ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมใจอ่อนนะ""ไม่..."ยังไม่ทันที่สวีเหลียนฮวาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ ดวงตาคู่สวยของนางก็เหลือบลงไปที่หว่างขาของอวิ๋นซีเฉิน คงเพราะเขาไม่ทันระวังตอนที่กระทืบชายผู้นั้น ทำให้เป้ากางเกงของเขาขาดออกเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาท้าทายสายตาของนาง สวีเหลียนฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คล้าย ๆ กับว่ามันจะใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่? นางไม่ได้กินมันมานานแล้วด้วย?ให้ตายเถอะ!!! นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!!! "ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหนีเขาไปอาบน้ำทันที ยามค่ำคืนมาเยือน เพราะที่นี่คือแคว้นที่อยู่ในป่า จึงค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงจากสัตว์ป่าดังแว่วมาในบางคราเท่านั้น เหล่าชาวบ้านต่างเข้านอนกันหมดแ
ผู้นำแคว้นม่อเป่ยรีบวิ่งหนีไปทันทีอย่างไม่รีรอ อวิ๋นซีเฉินจึงหันไปมองเสิ่นเหยาและหานเยียนเล็กน้อย "เรียบร้อยดีหรือไม่?""อาเฉิน ทางนั้นเรียบร้อยดี เจ้าจะกลับต้าเทียนเมื่อใด?""ยังไม่มีกำหนด เจ้ากลับไปกราบทูลเสด็จพ่อเสียก่อน ว่าข้าจะพาเหลียนฮวากลับไปด้วย""นางยังมิยอมกลับหรือ?""ยัง แต่อีกไม่นานหรอก""ตกลง ข้าจะกลับไปรายงานไท่ซังหวงที่ต้าเทียนเสียก่อน แล้วจะกลับมาหาเจ้าอีกครา ส่วนศพของอวิ๋นเสวี่ยเฟยข้าโยนทิ้งเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว""อืม ดีมาก! นำศีรษะมันไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองต้าเทียนด้วย ส่วนเจ้าเสิ่นเหยา ข้าขอบใจเจ้ามาก""กระหม่อมมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมจึงสามารถล้างแค้นให้ตระกูลเสิ่นได้"เมื่อเอ่ยวาจากันจนเข้าใจแล้ว เสิ่นเหยาและหานเยียนจึงขอตัวลากลับทันที อวิ๋นซีเฉินมุ่งหน้ากลับมาที่บ้านของสวีเหลียนฮวา ก่อนจะเอ่ยเรียกนาง "เหลียนฮวา""มีอะไร?""ข้านำอาหารมาเผื่อเจ้าด้วย เจ้าออกมากินเสียหน่อยเถิด""ไม่ ข้าจะนอนแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยปฏิเสธเพียงเท่านั้น ก่อนจะดับแสงเทียนในห้องลงทันที อวิ๋นซีเฉินก้มหน้างุดด้วยความเหนื่อยล้า เขาเอนกายพิงที่เสาไม้ตร
สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว จึงหันหลังเพื่อจะกลับไปที่แคว้นม่อเป่ยทันที "อาเฉิน""พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดแคว้นฉินให้เรียบร้อย สังหารให้หมดสิ้น ส่วนชาวบ้านบริสุทธิ์ก็อย่าเข่นฆ่าให้พวกเขาหวาดกลัว""เจ้าจะไปที่ใด?""อาเยียน ข้าจะไปตามหัวใจของข้ากลับคืน"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้าติดตามสวีเหลียนฮวาไปทันที สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าเขาติดตามนางมาด้วยก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากกว่าเดิม นางไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แต่ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็แอบดีใจที่เห็นว่าเขาปลอดภัยดี "เหลียนฮวา""ตามมาทำไมเพคะ?""เหลียนฮวา อยู่ที่นี่ข้ามิใช่ฝ่าบาท แต่ข้าเป็นอาเฉินของเจ้า""ของหม่อมฉันหรือ?""อย่าเอ่ยวาจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้เลย""ไม่พอใจก็ไสหัวไปเสีย!!! ข้าขอให้เจ้ามาตามข้าหรืออย่างไรกัน!!!"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขาและเดินจากไปทันที อวิ๋นซีเฉินเองก็ไม่ยอมลดละ เขายังคงตามนางจนเข้าสู่แคว้นม่อเป่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองดูแคว้นม่อเป่ยอย่างชัดเจน ที่นี่มีทั้งอากาศที่บริสุทธิ์ และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติที่จรรโลงใจ เดินตามนางมาได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบกับบ้
อวิ๋นซีเฉินส่งคนออกไปตามหาสวีเหลียนฮวาอย่างไม่ยอมลดละ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของนาง เขานึกโกรธเกลียดตนเองในใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คืนนั้นเขาคลาดสายตาจากนางและยังพูดจากระทบกระเทือนจิตใจของนางอีก ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าหากไม่มีนางคอยอยู่ข้างกาย เขาเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เรื่องของหัวใจก็ช่างหนักหนาสาหัส เรื่องของฉินอ๋องก็ประเดประดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเสวี่ยเฟยส่งคนมาสอดแนมที่ต้าเทียน และให้ลอบสังหารเสิ่นเหยาเสีย เสิ่นเหยาคือผู้ที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เนื่องจากมันล่วงรู้ความเป็นไปของแคว้นฉินเป็นอย่างดี อวิ๋นเสวี่ยเฟยรู้ว่าสวีเหลียนฮวาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้สังหารอวิ๋นซีเฉินให้ตกตายไปเสีย และตามล่าหาตัวนางมาเป็นนางบำเรอของเขา เขาชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก นางทั้งงดงามและเก่งกาจกว่าสตรีใดในใต้หล้า หากเขาได้นางมาครอบครอง ย่อมต้องเป็นเรื่องดีแต่ทว่าหน่วยสอดแนมของอวิ๋นเสวี่ยเฟยก็ถูกอวิ๋นซีเฉินจับได้ในเวลาต่อมา และถูกเขาสังหารทิ้งทันที พร้อมกับส่งหัวของหน่วยสอดแนมผู้นั้นกลับไปให้อวิ๋นเสวี่ยเฟยที่แคว้นฉิน อวิ๋นเสวี่ยเฟยโกรธแค้นเป็นอย
ด้านเสิ่นเหยานั้น เขาต่อสู้กับฉินอ๋องอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเพราะเขาเก่งทั้งด้านบุ๋นและด้านบู๊ จึงสามารถรอดตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เขาพาร่างที่โชกเลือดโซซัดโซเซมาถึงต้าเทียนอย่างยากลำบาก เดิมทีเหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามหน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไปในต้าเทียนได้ แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินและหานเยียนกลับมาถึงต้าเทียนพอดี จึงได้พบกับเสิ่นเหยา ก่อนจะพาเขาเข้ามารักษาตัวในวังหลวง สวีหลานฮวาที่ได้รู้ข่าวว่าเสิ่นเหยายังไม่ตาย นางจึงรีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที ภาพที่นางเห็นคือเสิ่นเหยาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเชือด สวีหลานฮวาทนไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา "เสิ่นเหยา ท่านห้ามตายนะ ฮึก อย่าตายนะ""หลานฮวา""ข้าตั้งครรภ์ลูกของท่าน ข้าตั้งครรภ์แล้วเสิ่นเหยา"เสิ่นเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนางด้วยความยากลำบาก "หลาน ฮวา""ฮือออ ท่านต้องอยู่กับข้านะ!!!"อวิ๋นซีเฉินสั่งให้ตามหมอหลวงมารักษาเขาอย่างเร่งด่วน เสิ่นเหยาเจ็บหนักปางตาย แต่ยังดิ้นรนมาถึงต้าเทียนเพื่อพบกับคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้ "เจ้าก็อยู่เฝ้าสามีเจ้
สวีเหลียนฮวาและสวีหลานฮวาเอ่ยเล่าเรื่องราวของกันและกันจนถึงรุ่งเช้า ทั้งสองพี่น้องต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครา "ข้าขอให้สามีของเจ้าปลอดภัยนะหลานฮวา""เจ้าค่ะ ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น หากเขาตายจากข้าไป ชีวิตนี้ของข้าจะไม่ขอมีสามีอีก ข้าจะบวชชีอยู่ที่วัดบนเขาไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ"สองวันต่อมา อวิ๋นซีเฉินกับหานเยียน ออกเดินทางไปที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ในทันที ทางวังหลวงแห่งนี้นั้น เขาสั่งให้สวีเหลียนฮวาคอยรักษาการแทนเขาไปก่อนอวิ๋นซีเฉินควบม้าห้อตะบึงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งไปถึงที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันได้ เย่ว์อ๋องและเยี่ยนอ๋องที่ทราบว่าฝ่าบาททรงเสด็จมา จึงรีบออกมาทำการต้อนรับอย่างเร่งด่วน "ถวายพระพรฝ่าบาท""ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกท่านเสียหน่อย""ทูลเชิญฝ่าบาทที่ตำหนักเยี่ยนอ๋องของกระหม่อมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ""อืม"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักของเยี่ยนอ๋องทันที แคว้นเยี่ยนเป็นแคว้นที่อยู่ติดทะเลทราย จึงค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง ต่างจากแคว้นเย่ว์ ที่อยู่ติดกับภูเขาจึงทำให้อากาศเย็นชื้นตลอด
อวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่าภายในตำหนักช่างเงียบเชียบ ไร้เสียงหัวเราะกังวานสดใสของสวีเหลียนฮวาเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับนางที่กำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง โดยมีเปาจื่อกอดเอาไว้แนบอก "เหลียนฮวา"สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองอวิ๋นซีเฉินทันที นางเก็บแววตาที่เศร้าโศกซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขามองเห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน "หลานฮวาเล่าเพคะ?'"ถามทำไมกัน นางก็อยู่ในตำหนักที่ข้าจัดเอาไว้ให้สิ"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยตอบด้วยความสงสัย จะทำหน้าเหมือนใกล้ตายเช่นนี้ไปทำไมกัน เขาไม่ได้ฆ่าน้องสาวของนางเสียหน่อย เพียงให้สวีหลานฮวาหลบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงรอจนสถานการณ์คลี่คลายก็เท่านั้น สวีเหลียนฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ในใจนึกก่นด่าตนเองที่ไม่สมควรไปถามเขาเลยด้วยซ้ำ สวีหลานฮวาเป็นคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยนางให้หนีไปอีกเป็นแน่ "ฝ่าบาทเพคะ?""หืม?""หม่อมฉันจะกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลสวีเพคะ ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องทรงลำบากพระทัยอีก"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีเหลียนฮวาด้วยแววตาที่เย็นชา "นี่เจ้าเป็นอะไรไปอีก? เราเคยพูดคุยกันเรื่องนี้ไปแ
ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีหลานฮวาอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ได้พบนางอีกครา เขาก็เดินเข้าไปจับแขนของนางและพานางเข้ามาในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่สวีเหลียนฮวา สวีหลานฮวาจ้องมองอวิ๋นซีเฉินด้วยแววตาที่ว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียคนที่นางรักมีเพียงเสิ่นเหยาผู้เดียวเท่านั้น!"หลานฮวา""เพคะฝ่าบาท""เจ้าหนีข้าไปทำไมกัน?"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองนางราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ สวีหลานฮวาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละเช่นกัน เขารู้สึกว่าการได้เผชิญหน้ากับนางตรง ๆ เช่นนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวและโหยหานางมากเหมือนเช่นที่เขาคิดเอาไว้ เขาเพียงต้องการฟังคำตอบที่ยังคาใจจากนางก็เพียงเท่านั้น "ตอบข้า""หม่อมฉันมิได้รักฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย นับว่านางยังกล้าเอ่ยความจริงไม่คิดปิดบังเขา เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแค้นนางเช่นในวันวาน กลับเป็นความรู้สึกอื่นที่เข้ามาแทนที่ แม้นางจะมีใบหน้าเดียวกันกับสวีเหลียนฮวา แต่นางมิ