อวิ๋นซีเฉินรู้สึกคับแค้นใจเป็นอย่างยิ่ง เพราะนางคนเดียวที่ทำให้เขาต้องกลายเป็นคนเช่นนี้!!!"ต่ำช้า!!! ข้าเกลียดเจ้านัก ซี้ดดดด!!!"ปากก็ก่นด่านางอย่างไม่หยุดหย่อน มือหยาบกร้านก็สาวชักรูดลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างถี่ระรัว เขาส่งเสียงครวญครางด้วยความสุขสม ไม่นานนักน้ำกามสีขาวขุ่นก็ไหลล้นทะลักออกมาจนเลอะเทอะเต็มมือของเขาไปหมด อวิ๋นซีเฉินขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกบางสิ่งขึ้นมาได้ เหตุใดข้าจึงต้องทำเช่นนี้ด้วย!!! ในเมื่อนางคิดข่มเหงจิตใจข้า ข้าก็จะเอาคืนนางให้สาสม!!!เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงยกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก ก่อนจะยื่นมือไปที่หน้าต่างและสลัดคราบน้ำรักของเขาทิ้งออกไปเสีย ราชเลขาที่เดินผ่านมาพอดี จึงถูกน้ำกามของอวิ๋นซีเฉินกระเด็นเข้ามาโดนใบหน้าเข้าอย่างจัง"บัดซบ!!! ใครถุยโจ๊กเนื้ออีกแล้ว!!! ข้าจะทูลฟ้องต่อฝ่าบาท!!!"ด้านสวีเหลียนฮวาที่อยู่แต่ในตำหนักก็รู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก นางจึงออกมาเดินเล่นที่ริมสระน้ำเพื่อผ่อนคลายเล็กน้อย วันนี้อากาศค่อนข้างดียิ่งนัก นางจึงเดินเล่นได้อย่างไม่รู้สึกร้อนเท่าใดนัก ดวงตาคู่สวยกวาดมองไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะทอดสายตามองลงไปที่สระน้ำ
สวีเหลียนฮวาหลับตาลงและไม่สนใจอวิ๋นซีเฉินอีก แต่ทว่านางกลับรู้สึกหลับไม่สนิทเอาเสียเลย ใจของนางมันสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก อวิ๋นซีเฉินเองก็ข่มตาหลับไม่ลงเช่นกัน หลายต่อหลายคราที่เขาเหลือบมองนาง แต่ทว่านางกลับนอนหันหลังให้เขาอย่างไม่ใส่ใจ มือหนาใหญ่ค่อย ๆ ยื่นออกไปหวังจะจับร่างบางระหงที่นอนอยู่ข้างกาย แต่ทว่าเขากลับชักมือกลับมาที่เดิมเสียหลายครั้ง ความรู้สึกแปลกประหลาดนี้มันคือสิ่งใดกัน? มันแตกต่างจากความรู้สึกที่เขามีต่อสวีหลานฮวาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่านางไม่ใส่ใจเขา เขาเองก็คร้านที่จะหาเรื่องทะเลาะกับนางอีก จึงพยายามข่มตาหลับไปเสีย เวลาผ่านล่วงเลยไปหลายวัน จนถึงเวลาที่อวิ๋นซีเฉินต้องออกเดินทางไปล่าสัตว์ที่หางโจว เขาสั่งให้เหล่าทหารองครักษ์เตรียมตัวให้พร้อม อีกทั้งยังสั่งคนให้จัดเตรียมเสบียงอาหารไปให้ครบถ้วนอีกด้วยสวีเหลียนฮวาเปลี่ยนใจที่จะไม่ไปล่าสัตว์ในครั้งนี้ด้วย เพราะนางมิอยากพบเจออวิ๋นซีเฉินให้รำคาญใจ แต่ทว่านางอยากออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้าง จึงยอมติดตามเขาไปด้วย เขาเองก็หาทางบีบบังคับนางให้ตามเขาไปเช่นกัน"ฮองเฮาพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าให้พระองค์ประทับในรถม้าที่ทาง
สวีเหลียนฮวาลุกขึ้นมานั่งจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเองให้เข้าที่เข้าทาง ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความเขินอายอย่างที่สุด อวิ๋นซีเฉินที่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ใบหน้าหล่อเหลาฉาบไปด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่แสนสุข บัดซบ!!! ข้ายิ้มหรือ ข้าหยุดยิ้มไม่ได้ มันเป็นเพราะเหตุใดกัน!!! "อีกเดี๋ยวคงจะถึงหางโจวแล้ว เจ้าเตรียมตัวไว้ด้วยเล่า""เพคะ"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะนั่งพิงกายกับขอบหน้าต่างและผล็อยหลับไป อวิ๋นซีเฉินหรี่ตามองนางเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางหลับสนิทดีแล้ว เขาจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ช่วงล่างของตนเองออกเล็กน้อย เผยให้เห็นลำแท่งแก่นกายอวบยาวใหญ่ที่แสนเย้ายวนชวนมอง มือหนาใหญ่สาวชักลำแท่งเอ็นร้อนขึ้นลงอย่างรวดเร็วและถี่เร่า ต้องรีบทำให้เสร็จ ๆ ก่อนที่นางจะตื่นขึ้นมาเห็น!!!ด้านสวีเหลียนฮวานั้น แท้จริงแล้วนางมิได้หลับเลยด้วยซ้ำ ดวงตาคู่สวยแอบลืมตาขึ้นมาดูเขาครู่หนึ่ง อุ๊ย!!! ใหญ่เสียจริง เหตุใดเขาจึงไม่ยัดมันเข้ามาในกายนางกันเล่า หึ!!!เมืองหางโจว ขบวนล่าสัตว์เดินทางมาถึงหางโจวในช่วงบ่ายของวันนั้น อวิ๋นซีเฉินเดินลงจากรถม้าไปก่อน แล้วจึงหันกลับมายื่นมือหยาบกร้าน
อวิ๋นซีเฉินพาสวีเหลียนฮวากลับมาที่กระโจมอย่างรวดเร็ว ดวงตาคมฉายแววเย็นชาเล็กน้อย เขารับรู้ได้ถึงการหลบซ่อนตัวของใครบางคนที่น้ำตกแห่งนั้น แต่ยังไม่แน่ใจเท่าใดนักว่ามันคือใครกันแน่ "หานเยียน!!!""พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท!!!""สั่งการลงไปให้องครักษ์คุ้มกันโดยรอบอย่างแน่นหนา อย่าให้มีจุดบกพร่องแม้แต่น้อย พวกเราเดินทางออกมานอกเขตวังหลวงเช่นนี้ ย่อมมีอันตรายที่มองไม่เห็น ระวังไว้ก่อนย่อมดีกว่า""น้อมรับคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ"หานเยียนน้อมรับคำสั่งของเขาอย่างจงรักภักดี เขาคือรองแม่ทัพแห่งต้าเทียน อีกทั้งยังเป็นสหายสนิทกันอีกด้วย หานเยียนร่วมรบต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับอวิ๋นซีเฉินมาตั้งแต่เข้าร่วมกองทัพต่อสู้กับกบฏเมื่อหลายปีก่อน อีกทั้งยังใช้ชีวิตอยู่ในค่ายทหารร่วมกันตั้งแต่อายุสิบห้าปีสวีเหลียนฮวาในยามเมื่อสวมเสื้อผ้าอาภรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วนางก็ขมวดคิ้วมุ่น ตอนที่นางอาบน้ำอยู่ที่น้ำตก นางรู้สึกเหมือนมีคนแอบมองอยู่ ด้วยสัญชาตญาณที่ระแวดระวังของนางจึงทำให้นางหยุดอาบน้ำเสีย ก่อนจะนอนพิงโขดหินเพื่อฟังเสียงต่าง ๆ รอบกาย แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินกลับเข้ามาหานางเสียก่อน อวิ๋นซีเฉินเดินกลับเข้ามาในกระโจมก็เห็นว่านาง
อวิ๋นเสวี่ยเฟยออกคำสั่งออกไปด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม พร้อมกับใช้สายตาระแวดระวังมองไปโดยรอบ เหล่าองครักษ์ต่างรีบรุดหน้าเข้าประจำที่เพื่อคอยคุ้มกันอวิ๋นซีเฉินและสวีเหลียนฮวา ธนูพุ่งตรงมาเพียงดอกเดียว ก่อนจะเงียบหายไปอย่างไร้ร่องรอยอวิ๋นซีเฉินหันไปมองสวีเหลียนฮวาคราหนึ่ง ก็พบว่านางกำลังใช้สายตาสอดส่องมองไปโดยรอบ คิ้วสวยได้รูปขมวดมุ่น นางเอียงศีรษะฟังเสียงรอบด้านอย่างไม่ลดละ ทำให้เขาอดที่จะมองนางใหม่ไม่ได้ เมื่อครู่นางช่วยเขาเช่นนั้นหรือ? สวีเหลียนฮวากระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะยอบกายลงและแนบใบหน้าสวยลงกับพื้นดิน อวิ๋นซีเฉินและอวิ๋นเสวี่ยเฟยที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดที่จะเอ่ยถามนางขึ้นมาไม่ได้ "เจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?""ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันได้ยินเสียงฝีเท้าคนเพคะ ไม่น่าจะอยู่ไกลเท่าใดนัก ฟังจากเสียงฝีเท้าที่ได้ยินในตอนนี้ น่าจะมากันหลายร้อยคนเพคะ""เจ้ารู้ได้เช่นไร เพียงแค่ฟังจากพื้นดินน่ะหรือ?"สวีเหลียนฮวาไม่รู้ว่าจะอธิบายเช่นไรให้เขาเข้าใจดี หากจะบอกเขาว่านางมีประสาทสัมผัสทางหูที่ดีเยี่ยมมาตั้งแต่เกิด เขาจะยอมเชื่อนางหรือไม่?ตั้งแต่อายุห้าขวบพอนางจำความได้ ก็พบว่าตนเองมีประสาทสัมผัสทางหูที
อวิ๋นซีเฉินอุ้มร่างบางระหงของสวีเหลียนฮวาขึ้นมากอดเอาไว้แนบอก ก่อนจะพานางขึ้นมานั่งบนรถม้า และสั่งให้หานเยียนออกเดินทางกลับต้าเทียนอย่างเร่งด่วน อวิ๋นซีเฉินใช้มือสกัดจุดบนกายของนางเพื่อป้องกันมิให้พิษแทรกซึมไปทั่วร่างกายของสวีเหลียนฮวามากไปกว่านี้ ระยะทางจากหางโจวและต้าเทียนหลายร้อยลี้ แต่ทว่าหานเยียนกลับเร่งเดินทางอย่างไม่ยอมหยุดพักเลยแม้แต่น้อย ใช้เวลาร่วมหนึ่งวันเต็ม ๆ อวิ๋นซีเฉินก็พาสวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียน เขารีบสั่งการให้หมอหลวงเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน"ตามหมอหลวงมาให้หมด!!! ต้องช่วยชีวิตนางให้ได้ หากนางตาย ข้าจะฝังพวกเจ้าให้ตามไปรักษานางในปรโลก!!!"เหล่าหมอหลวงที่ได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหวาดกลัวเสียจนร่างกายสั่นเทิ้ม ไหนใครว่าฝ่าบาทมิทรงโปรดปรานฮองเฮาพระองค์นี้เท่าใดนักอย่างไรเล่า แต่เท่าที่พวกเขาเห็นในตอนนี้ช่างตรงกันข้ามยิ่งนัก อวิ๋นซีเฉินนั่งเฝ้ามองดูนางอย่างไม่คลาดสายตา ใบหน้าสวยมีเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นมาเต็มใบหน้าและร่างกายไปหมด มีบางคราที่นางรู้สึกตัวและกระอักเลือดออกมา ใจของเขาราวกับจะขาดออกเป็นเสี่ยง ๆเขาเพิ่งรู้วันนี้เอง ว่าการที่เห็นนางเจ็บทำให้ใจของเขาเจ็บมากกว
สวีเหลียนฮวาพักรักษาตัวจนอาการหายดี นางแข็งแรงเช่นเดิมแล้ว ระหว่างที่นางบาดเจ็บต้องนอนพักอยู่นั้น ก็มี ฉู่อีอี สนมขั้นผินที่นางเคยช่วยเหลือตอนที่ถูกจิ้งกุ้ยเฟยผลักตกน้ำในครานั้นมาคอยดูแลนาง เพราะได้ใกล้ชิดกันทุกวันจึงก่อเกิดเป็นความสนิทสนม สวีเหลียนฮวาจึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วฉู่อีอีมีอายุเพียงสิบห้าปีเท่านั้น นางเป็นบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาของตระกูลฉู่ ตระกูลบัณฑิตผู้มีชื่อเสียง บิดาของนางทำงานรับใช้วังหลวงมาหลายปี แต่เป็นเพียงขุนนางที่ไม่ได้มีอำนาจมากเท่าใดนัก ด้วยเพราะวังหลวงมีกฎให้แต่ละจวนต้องส่งสาวงามเข้ามาคัดเลือกเป็นนางสนม แต่เพราะพี่สาวของนางมีคนรักอยู่แล้ว บิดาจึงส่งนางมาแทน นางเป็นเพียงบุตรสาวของภรรยารองจะกล้ามีปากเสียงได้อย่างไรกัน ฉู่อีอีมีคนรักอยู่แล้ว นางเล่าให้สวีเหลียนฮวาฟังว่า คนรักของนางเป็นเพียงบุตรชายของพ่อค้าที่ทำการค้าเล็ก ๆ อยู่ในต้าเทียน เมื่อเขารู้ว่านางถูกรับตัวเข้ามาเป็นนางสนม ก็เสียใจเป็นอย่างมาก ได้ยินมาว่าจนป่านนี้ก็ยังมิยอมแต่งงานกับหญิงใดอีกเลย สวีเหลียนฮวายิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสารฉู่อีอีจับใจ เหมือนได้มองเห็นตนเองเมื่อครั้งที่ก้าวเข้ามาในวังหลวงใหม่
อวิ๋นซีเฉินนอนกอดสวีเหลียนฮวาเอาไว้ตลอดทั้งคืนจนถึงรุ่งเช้า สวีเหลียนฮวาที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา นางรู้สึกนอนไม่หลับเอาเสียเลย จิตใจของนางสับสนว้าวุ่นอย่างบอกไม่ถูก นางกังวลใจเรื่องของสวีหลานฮวา นางไม่อาจรู้ได้เลยว่ายามนี้แฝดน้องของนางนั้น จะเป็นตายร้ายดีเช่นไร หากวันหนึ่งสวีหลานฮวากลับมาทวงตำแหน่งฮองเฮากลับคืน นางเองจะทำเช่นไรดี นางไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน แม้ระยะหลังมานี้ อวิ๋นซีเฉินจะทำดีต่อนางมากขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ทว่าเขาอาจจะเห็นว่านางมีใบหน้าที่เหมือนกับสวีหลานฮวา จึงทำดีกับนางเพียงเท่านั้น นางพยายามข่มตาให้หลับ จวบจนรุ่งสางนางจึงผล็อยหลับไป ด้านสวีหลานฮวานั้น ยามนี้นางกำลังจับตามองเสิ่นเหยาอย่างเงียบ ๆ สามีของนางดูจะน่าสงสัยและทำตัวแปลกไปกว่าแต่ก่อนมากขึ้นทุกวัน แต่นางเองก็ไม่อาจรู้ได้ว่าเขาแปลกไปเช่นไร เสิ่นเหยาทิ้งตัวนั่งลงที่โต๊ะอ่านตำรา ดวงตาคมจ้องมองจดหมายฉบับหนึ่งในมือ ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างลำบากใจ ในขณะที่เขากำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างอยู่นั้น ก็ปรากฏเงาดำสายหนึ่งที่กระโดดเข้ามาทางหน้าต่าง เสิ่นเหยาไม่ได้มีท่าทีตกใจใดใดเลยแม้แต่น้อย เขาเงยหน้าไปมองชายชุดดำต
สวีเหลียนฮวากลับมาถึงต้าเทียนได้หลายวันแล้ว ยามนี้ท่านแม่ทัพใหญ่สวีที่รู้สึกผิดต่อบุตรสาวก็พยายามมาขอพบนางที่ตำหนักเฟิ่งหวง แต่สวีเหลียนฮวากลับไม่ยอมให้เขาเข้าพบเลยสักครั้งนางมิใช่สวีเหลียนฮวาคนเก่า และนางรู้ดีว่านี่คือความตั้งใจของสวีเหลียนฮวาที่ตายไปแล้ว บิดาผู้นี้ไม่เคยเห็นนางเป็นบุตรสาว เพราะนางอ่อนแอ และสู้สวีหลานฮวาไม่ได้ อีกทั้งตอนที่นางหนีไปจากต้าเทียน หลิงเจียวได้เล่าให้นางฟังว่า แม่ทัพใหญ่สวีโกรธนางมาก ถึงกับมาทูลต่อไท่ซังหวงว่านางคือความอับอายของตระกูลสวี ไท่ซังหวงที่ได้ยินเช่นนั้นจึงต่อว่าแม่ทัพใหญ่สวีไปเสียยกใหญ่ อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่า หากไม่เห็นนางเป็นบุตรสาว ก็ไม่เป็นไร พระองค์พึงใจสะใภ้ผู้นี้ ใครก็อย่าได้คิดมาต่อว่านางเป็นอันขาดเช่นนั้นนางเองก็จะไม่ขอพบเจอกับบิดาเช่นนี้อีก แม้จะไม่ได้เกลียด แต่การไม่พบกันย่อมจะเป็นเรื่องที่ดีเสียมากกว่าด้านจิ้งกุ้ยเฟยก็ได้ออกจากวังหลวงไปแต่งกับบัณฑิตตระกูลโจว ชีวิตของนางดูจะมีความสุขเป็นอย่างมาก มีหลายคราที่นางแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนสวีเหลียนฮวาถึงในวังหลวงอยู่หลายครั้ง อีกทั้งยังบอกอีกด้วยว่าสามียอดรักของนางนั้น 'ยาว' ถูกใจนางเพียงใ
ท้ายที่สุดสวีเหลียนฮวาก็ต้องปิดร้านบะหมี่ไปก่อน นางนั่งมองอวิ๋นซีเฉินที่เดินไปเก็บร้าน ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหานาง พร้อมกับจ้องมองนางด้วยแววตาที่ล้ำลึก สวีเหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้น จึงถลึงตามองเขาทันที "มองข้าทำไม?""เหลียนฮวา เจ้ายอมคืนดีกับข้าเถิดนะ""ไม่!!! เจ้ามันคนนิสัยไม่ดี ชอบข่มเหงจิตใจข้า!""ข้าจะไม่ทำอีกแล้ว ข้ายอมเจ้าแล้ว เอาเถิด ข้าจะรอจนกว่าเจ้าจะยอมใจอ่อนนะ""ไม่..."ยังไม่ทันที่สวีเหลียนฮวาจะเอ่ยสิ่งใดต่อ ดวงตาคู่สวยของนางก็เหลือบลงไปที่หว่างขาของอวิ๋นซีเฉิน คงเพราะเขาไม่ทันระวังตอนที่กระทืบชายผู้นั้น ทำให้เป้ากางเกงของเขาขาดออกเป็นวงกว้าง เผยให้เห็นลำแท่งเอ็นร้อนขนาดใหญ่ที่โผล่ออกมาท้าทายสายตาของนาง สวีเหลียนฮวาลอบกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ คล้าย ๆ กับว่ามันจะใหญ่ขึ้นใช่หรือไม่? นางไม่ได้กินมันมานานแล้วด้วย?ให้ตายเถอะ!!! นางคิดสิ่งใดอยู่กันแน่!!! "ข้าจะไปอาบน้ำแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะเดินหนีเขาไปอาบน้ำทันที ยามค่ำคืนมาเยือน เพราะที่นี่คือแคว้นที่อยู่ในป่า จึงค่อนข้างเงียบสงบ มีเพียงเสียงจากสัตว์ป่าดังแว่วมาในบางคราเท่านั้น เหล่าชาวบ้านต่างเข้านอนกันหมดแ
ผู้นำแคว้นม่อเป่ยรีบวิ่งหนีไปทันทีอย่างไม่รีรอ อวิ๋นซีเฉินจึงหันไปมองเสิ่นเหยาและหานเยียนเล็กน้อย "เรียบร้อยดีหรือไม่?""อาเฉิน ทางนั้นเรียบร้อยดี เจ้าจะกลับต้าเทียนเมื่อใด?""ยังไม่มีกำหนด เจ้ากลับไปกราบทูลเสด็จพ่อเสียก่อน ว่าข้าจะพาเหลียนฮวากลับไปด้วย""นางยังมิยอมกลับหรือ?""ยัง แต่อีกไม่นานหรอก""ตกลง ข้าจะกลับไปรายงานไท่ซังหวงที่ต้าเทียนเสียก่อน แล้วจะกลับมาหาเจ้าอีกครา ส่วนศพของอวิ๋นเสวี่ยเฟยข้าโยนทิ้งเป็นอาหารสัตว์ป่าไปแล้ว""อืม ดีมาก! นำศีรษะมันไปเสียบประจานที่หน้าประตูเมืองต้าเทียนด้วย ส่วนเจ้าเสิ่นเหยา ข้าขอบใจเจ้ามาก""กระหม่อมมิกล้ารับพ่ะย่ะค่ะ เป็นเพราะความเมตตาของฝ่าบาท กระหม่อมจึงสามารถล้างแค้นให้ตระกูลเสิ่นได้"เมื่อเอ่ยวาจากันจนเข้าใจแล้ว เสิ่นเหยาและหานเยียนจึงขอตัวลากลับทันที อวิ๋นซีเฉินมุ่งหน้ากลับมาที่บ้านของสวีเหลียนฮวา ก่อนจะเอ่ยเรียกนาง "เหลียนฮวา""มีอะไร?""ข้านำอาหารมาเผื่อเจ้าด้วย เจ้าออกมากินเสียหน่อยเถิด""ไม่ ข้าจะนอนแล้ว"สวีเหลียนฮวาเอ่ยปฏิเสธเพียงเท่านั้น ก่อนจะดับแสงเทียนในห้องลงทันที อวิ๋นซีเฉินก้มหน้างุดด้วยความเหนื่อยล้า เขาเอนกายพิงที่เสาไม้ตร
สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าหมดหน้าที่ของตนเองแล้ว จึงหันหลังเพื่อจะกลับไปที่แคว้นม่อเป่ยทันที "อาเฉิน""พวกเจ้าจัดการเก็บกวาดแคว้นฉินให้เรียบร้อย สังหารให้หมดสิ้น ส่วนชาวบ้านบริสุทธิ์ก็อย่าเข่นฆ่าให้พวกเขาหวาดกลัว""เจ้าจะไปที่ใด?""อาเยียน ข้าจะไปตามหัวใจของข้ากลับคืน"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะมุ่งหน้าติดตามสวีเหลียนฮวาไปทันที สวีเหลียนฮวาที่เห็นว่าเขาติดตามนางมาด้วยก็รีบเร่งฝีเท้าให้เร็วมากกว่าเดิม นางไม่อยากเจอหน้าเขาอีก แต่ทว่าอีกใจหนึ่งนางก็แอบดีใจที่เห็นว่าเขาปลอดภัยดี "เหลียนฮวา""ตามมาทำไมเพคะ?""เหลียนฮวา อยู่ที่นี่ข้ามิใช่ฝ่าบาท แต่ข้าเป็นอาเฉินของเจ้า""ของหม่อมฉันหรือ?""อย่าเอ่ยวาจาห่างเหินกับข้าเช่นนี้เลย""ไม่พอใจก็ไสหัวไปเสีย!!! ข้าขอให้เจ้ามาตามข้าหรืออย่างไรกัน!!!"สวีเหลียนฮวาเอ่ยเพียงเท่านั้นก่อนจะสะบัดหน้าหนีเขาและเดินจากไปทันที อวิ๋นซีเฉินเองก็ไม่ยอมลดละ เขายังคงตามนางจนเข้าสู่แคว้นม่อเป่ย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองดูแคว้นม่อเป่ยอย่างชัดเจน ที่นี่มีทั้งอากาศที่บริสุทธิ์ และอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติที่จรรโลงใจ เดินตามนางมาได้ครู่หนึ่ง ก่อนจะพบกับบ้
อวิ๋นซีเฉินส่งคนออกไปตามหาสวีเหลียนฮวาอย่างไม่ยอมลดละ แต่ก็ไร้ซึ่งวี่แววของนาง เขานึกโกรธเกลียดตนเองในใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คืนนั้นเขาคลาดสายตาจากนางและยังพูดจากระทบกระเทือนจิตใจของนางอีก ยามนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าหากไม่มีนางคอยอยู่ข้างกาย เขาเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เรื่องของหัวใจก็ช่างหนักหนาสาหัส เรื่องของฉินอ๋องก็ประเดประดังเข้ามาอย่างรวดเร็ว อวิ๋นเสวี่ยเฟยส่งคนมาสอดแนมที่ต้าเทียน และให้ลอบสังหารเสิ่นเหยาเสีย เสิ่นเหยาคือผู้ที่จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้ เนื่องจากมันล่วงรู้ความเป็นไปของแคว้นฉินเป็นอย่างดี อวิ๋นเสวี่ยเฟยรู้ว่าสวีเหลียนฮวาได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขายกยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปาก เช่นนี้ก็ดีแล้ว เขาจะได้สังหารอวิ๋นซีเฉินให้ตกตายไปเสีย และตามล่าหาตัวนางมาเป็นนางบำเรอของเขา เขาชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก นางทั้งงดงามและเก่งกาจกว่าสตรีใดในใต้หล้า หากเขาได้นางมาครอบครอง ย่อมต้องเป็นเรื่องดีแต่ทว่าหน่วยสอดแนมของอวิ๋นเสวี่ยเฟยก็ถูกอวิ๋นซีเฉินจับได้ในเวลาต่อมา และถูกเขาสังหารทิ้งทันที พร้อมกับส่งหัวของหน่วยสอดแนมผู้นั้นกลับไปให้อวิ๋นเสวี่ยเฟยที่แคว้นฉิน อวิ๋นเสวี่ยเฟยโกรธแค้นเป็นอย
ด้านเสิ่นเหยานั้น เขาต่อสู้กับฉินอ๋องอย่างเอาเป็นเอาตาย ด้วยเพราะเขาเก่งทั้งด้านบุ๋นและด้านบู๊ จึงสามารถรอดตายมาได้อย่างเหลือเชื่อ เขาพาร่างที่โชกเลือดโซซัดโซเซมาถึงต้าเทียนอย่างยากลำบาก เดิมทีเหล่าทหารที่เฝ้าเวรยามหน้าประตูไม่ยอมให้เขาเข้าไปในต้าเทียนได้ แต่ทว่าอวิ๋นซีเฉินและหานเยียนกลับมาถึงต้าเทียนพอดี จึงได้พบกับเสิ่นเหยา ก่อนจะพาเขาเข้ามารักษาตัวในวังหลวง สวีหลานฮวาที่ได้รู้ข่าวว่าเสิ่นเหยายังไม่ตาย นางจึงรีบวิ่งเข้ามาหาเขาที่ตำหนักมังกรสวรรค์ทันที ภาพที่นางเห็นคือเสิ่นเหยาบาดเจ็บสาหัส ร่างกายของเขาโชกไปด้วยเชือด สวีหลานฮวาทนไม่ไหวจนต้องปล่อยโฮออกมา "เสิ่นเหยา ท่านห้ามตายนะ ฮึก อย่าตายนะ""หลานฮวา""ข้าตั้งครรภ์ลูกของท่าน ข้าตั้งครรภ์แล้วเสิ่นเหยา"เสิ่นเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามเอื้อมมือไปจับใบหน้าของนางด้วยความยากลำบาก "หลาน ฮวา""ฮือออ ท่านต้องอยู่กับข้านะ!!!"อวิ๋นซีเฉินสั่งให้ตามหมอหลวงมารักษาเขาอย่างเร่งด่วน เสิ่นเหยาเจ็บหนักปางตาย แต่ยังดิ้นรนมาถึงต้าเทียนเพื่อพบกับคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินที่ได้เห็นเช่นนั้นก็อดชื่นชมไม่ได้ "เจ้าก็อยู่เฝ้าสามีเจ้
สวีเหลียนฮวาและสวีหลานฮวาเอ่ยเล่าเรื่องราวของกันและกันจนถึงรุ่งเช้า ทั้งสองพี่น้องต่างยิ้มแย้มแจ่มใส และดีใจที่ได้กลับมาพบกันอีกครา "ข้าขอให้สามีของเจ้าปลอดภัยนะหลานฮวา""เจ้าค่ะ ข้าก็ขอให้เป็นเช่นนั้น หากเขาตายจากข้าไป ชีวิตนี้ของข้าจะไม่ขอมีสามีอีก ข้าจะบวชชีอยู่ที่วัดบนเขาไปชั่วชีวิตเจ้าค่ะ"สองวันต่อมา อวิ๋นซีเฉินกับหานเยียน ออกเดินทางไปที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ในทันที ทางวังหลวงแห่งนี้นั้น เขาสั่งให้สวีเหลียนฮวาคอยรักษาการแทนเขาไปก่อนอวิ๋นซีเฉินควบม้าห้อตะบึงไปเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดพัก จนกระทั่งไปถึงที่แคว้นเยี่ยนและแคว้นเย่ว์ ซึ่งมีทางเชื่อมต่อกันได้ เย่ว์อ๋องและเยี่ยนอ๋องที่ทราบว่าฝ่าบาททรงเสด็จมา จึงรีบออกมาทำการต้อนรับอย่างเร่งด่วน "ถวายพระพรฝ่าบาท""ไม่ต้องมากพิธี ข้ามีเรื่องอยากจะปรึกษาพวกท่านเสียหน่อย""ทูลเชิญฝ่าบาทที่ตำหนักเยี่ยนอ๋องของกระหม่อมก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ""อืม"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปที่ตำหนักของเยี่ยนอ๋องทันที แคว้นเยี่ยนเป็นแคว้นที่อยู่ติดทะเลทราย จึงค่อนข้างแห้งแล้งไปบ้าง ต่างจากแคว้นเย่ว์ ที่อยู่ติดกับภูเขาจึงทำให้อากาศเย็นชื้นตลอด
อวิ๋นซีเฉินเดินเข้ามาในตำหนักเฟิ่งหวง ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่น เมื่อพบว่าภายในตำหนักช่างเงียบเชียบ ไร้เสียงหัวเราะกังวานสดใสของสวีเหลียนฮวาเหมือนเช่นทุกวัน เมื่อเดินเข้าไปก็พบกับนางที่กำลังนั่งอยู่ริมหน้าต่าง โดยมีเปาจื่อกอดเอาไว้แนบอก "เหลียนฮวา"สวีเหลียนฮวาที่ได้ยินเช่นนั้นก็รีบหันไปมองอวิ๋นซีเฉินทันที นางเก็บแววตาที่เศร้าโศกซ่อนเอาไว้ไม่ให้เขามองเห็น ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขาอย่างไม่รีบไม่ร้อน "หลานฮวาเล่าเพคะ?'"ถามทำไมกัน นางก็อยู่ในตำหนักที่ข้าจัดเอาไว้ให้สิ"อวิ๋นซีเฉินเอ่ยตอบด้วยความสงสัย จะทำหน้าเหมือนใกล้ตายเช่นนี้ไปทำไมกัน เขาไม่ได้ฆ่าน้องสาวของนางเสียหน่อย เพียงให้สวีหลานฮวาหลบซ่อนตัวอยู่ในวังหลวงรอจนสถานการณ์คลี่คลายก็เท่านั้น สวีเหลียนฮวาพยักหน้าเล็กน้อย ในใจนึกก่นด่าตนเองที่ไม่สมควรไปถามเขาเลยด้วยซ้ำ สวีหลานฮวาเป็นคนรักของเขา อวิ๋นซีเฉินย่อมไม่มีทางยอมปล่อยนางให้หนีไปอีกเป็นแน่ "ฝ่าบาทเพคะ?""หืม?""หม่อมฉันจะกลับไปอยู่ที่จวนตระกูลสวีเพคะ ฝ่าบาทจะได้ไม่ต้องทรงลำบากพระทัยอีก"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีเหลียนฮวาด้วยแววตาที่เย็นชา "นี่เจ้าเป็นอะไรไปอีก? เราเคยพูดคุยกันเรื่องนี้ไปแ
ภายในตำหนักมังกรสวรรค์ อวิ๋นซีเฉินจ้องมองสวีหลานฮวาอย่างไม่ละสายตา ตั้งแต่ได้พบนางอีกครา เขาก็เดินเข้าไปจับแขนของนางและพานางเข้ามาในตำหนักมังกรสวรรค์ โดยสั่งห้ามไม่ให้ผู้อื่นเข้ามา ไม่เว้นแม้แต่สวีเหลียนฮวา สวีหลานฮวาจ้องมองอวิ๋นซีเฉินด้วยแววตาที่ว่างเปล่า นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นใบหน้าของเขาชัดเจนเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียคนที่นางรักมีเพียงเสิ่นเหยาผู้เดียวเท่านั้น!"หลานฮวา""เพคะฝ่าบาท""เจ้าหนีข้าไปทำไมกัน?"อวิ๋นซีเฉินจ้องมองนางราวกับจะคาดคั้นเอาคำตอบ สวีหลานฮวาเม้มริมฝีปากเข้าหากันแน่น ดวงตาคู่สวยจ้องมองเขาอย่างไม่ลดละเช่นกัน เขารู้สึกว่าการได้เผชิญหน้ากับนางตรง ๆ เช่นนี้ ไม่ได้ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหวและโหยหานางมากเหมือนเช่นที่เขาคิดเอาไว้ เขาเพียงต้องการฟังคำตอบที่ยังคาใจจากนางก็เพียงเท่านั้น "ตอบข้า""หม่อมฉันมิได้รักฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันมีคนรักอยู่แล้ว ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย"อวิ๋นซีเฉินพยักหน้าเล็กน้อย นับว่านางยังกล้าเอ่ยความจริงไม่คิดปิดบังเขา เขาไม่ได้มีความรู้สึกโกรธแค้นนางเช่นในวันวาน กลับเป็นความรู้สึกอื่นที่เข้ามาแทนที่ แม้นางจะมีใบหน้าเดียวกันกับสวีเหลียนฮวา แต่นางมิ