แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ประดับดิน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-19 14:39:58

“นะ...นางแต่งงานแล้ว..หรือว่า” เกาเวินเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก จางเคอหันมามองสหายขมวดคิ้วเล็กน้อยที่สหายไม่รู้เรื่องราว

“นางคือคุณหนูเจ็ดจวนเสนาบดีหวัง”

เกาเวินเบิกตากว้างอ้าปากค้างก่อนจะเอ่ย “นับว่านางงามสมควรรำลือ... มิน่าคุณชายรองกัวฉู่เหอจึงได้หลงใหล แต่เพราะนางเป็นบุตรสาวอนุจึงยังไม่ตบแต่ง”

จางเคอมองไปยังหญิงสาวแล้วพูดต่อ

“ข้าก็ไม่คาดคิดว่า สตรีเช่นนางจะยินยอมแต่งให้บุตรชายตระกูลชาวนา...” แผนการนี้กลับใช้ได้ผล

เกาเวินมองตามเห็นหวังชิงหว่านยกหอกขึ้น ด้านปลายแหลมมีปลาตัวใหญ่ดิ้นอยู่ เขาคลี่ยิ้มมุมปากเอ่ย “แต่ดูนางจะปรับตัวได้ดี...รูปร่างอรชนบอบบางเช่นนั้น กลับจวงแทงไม่พลาดสักครั้ง”

“นั่นสิ!! ข้ากลับรู้สึกว่าไม่รู้จักคุณหนูเจ็ดผู้นี้”

เกาเวินหัวเราะฝืด “ทุกคนล้วนดิ้นรน ไม่แน่ว่าอยู่ตระกูลจวนนางอาจจะลำบากกว่านี้”

ในขณะนั้นพวกเขาก็เห็นกลุ่มคนทหารม้ากำลังมาทางนี้ จึงหยุดวาจาแล้วก็กระโดดเข้าไปขวาง

หวังชิงหว่านรู้สึกว่าสายตาที่จ้องมองหายไปแล้ว จึงชำเลืองมองเห็นเพียงปลายอาภรณ์สีดำ

นางดึงสายตากลับลอบถอนหายใจพลางคิด

“คนที่นี่คงมีกำลังภายในที่สามารถเหาะเหินอากาศได้ ข้าจะทำอย่างไรจึงจะได้ฝึกวรยุทธ์”

จังหวะนั้นลี่อินก็ตะโกนขึ้น

“พี่สะใภ้! ปลาสุกแล้วเจ้าค่ะ...”

ชิงหว่านพลันคิดได้ยกมุมปาก

ข้าจะเป็นฮูหยินธรรมดา ๆ จะมีวรยุทธ์ไปทำไมกัน

นางขึ้นจากน้ำเดินกลับไปนั่งข้างเซียวอี้หยาง ชายหนุ่มยื่นถุงน้ำดื่มให้พลางพูด

“ลำบากน้องหญิงแล้ว”

“พี่สะใภ้..นี่ของท่าน....” ลู่อันยื่นไม้เสียบปลาตัวใหญ่ให้ชิงหว่าน

นางยิ้มรับแล้วพูดขึ้น “ที่บ้านที่ปลาเหลือเยอะหรือไม่ พวกเราแบ่งตะกร้ามาใส่ปลาดีไม่”

ลี่อินยิ้มจืดตอบ “ที่บ้านไม่มีปลาหรอกเจ้าคะ”

ดวงตาชิงหว่านเป็นประกายเอ่ย “เช่นนั้น...ข้าจะจับปลาเพิ่ม...อืมปลาสดมากๆ เสียดายพวกเราไม่พกเกลือมาด้วย...งั้น..เย็นนี้ข้าอยากจะกินต้มแกงปลา”

ลู่อันเบิกตากว้างขึ้น “ข้าก็อยากกินขอรับ!!...ไม่ได้กินน้ำแกงปลามาแล้ว”

เซียวอี้หยางส่งสายตาเขม็งมองน้องชายแล้วพูดขึ้น “จะให้เจ้าต้องเหนื่อยอีกทำไม...เอาไว้ข้าจะไปซื้อที่ตลาดมาให้เจ้าเอง”

ลี่อินได้ยินก็พูดน้ำเสียงแผ่วเบา “พี่ชายเบี้ยหวัดของท่านเดือนนี้...ในส่วนของค่าอาหารหมดแล้วเจ้าค่ะ”

เซียวอี้หยางรู้สึกอับอายขึ้นมากล่าว “ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันก็จะสิ้นเดือนแล้ว ไว้ข้าได้เบี้ยหวัดข้าจะเอามาให้เจ้าทั้งหมด”

หวังชิงหว่านรับรู้ว่าครอบครัวสกุลเซียวยากจน แต่เหมือนว่าจะอยากจนกว่าที่นางคิดไว้มาก นางจึงเอ่ยถามขึ้น “เบี้ยหวัดของท่านพี่ ไม่ใช่ต้องมอบให้ท่านแม่จัดการหรือเจ้าคะ”

เซียวอี้หยางรีบตอบ “แม้จะมอบให้ท่านแม่ แต่เงินก้อนนั้นใช้เพียงในเรือนข้าเท่านั้น”

หวังชิงหว่านขมวดคิ้วเอ่ย “แม้กระทั่งค่าอาหารของลี่อินกับลู่อันก็ไม่ได้มาจากเบี้ยหวัดของท่านหรือเจ้าค่ะ”

เซียวอี้หยางพูดต่อ “แม้อย่างอื่นจะไม่สะดวกสบายนัก แต่เรื่องอาหารการกิน ข้ารับรองว่าจะไม่บกพร่องต่อเจ้า”

ชิงหว่านมองดูรูปร่างสามีแล้วปรายตามองดูเด็กทั้งสองจึงได้ตระหนักบางอย่าง นางเข้าใจผิดว่าเบี้ยหวัดขุนนางของสามีคงใช้เลี้ยงคนทั้งตระกูล จึงพูดขึ้น

“พวกเจ้าคงไม่ได้ทานเนื้อมานานแล้วใช่หรือไม่” ลี่อินและลู่อันพยักหน้าเบา ๆ หวังชิงหว่านคลี่ยิ้มเอ่ยน้ำเสียงหนักแน่น

“ต่อไปมีข้าอยู่ พวกเจ้าต้องได้กินเนื้อทุกมื้อ”

เซียวอี้หยางตกใจรีบกล่าว “น้องหญิง แต่ว่า เบี้ยหวัดข้าคงไม่พอ...ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีสินเดิมแต่หากกินอย่างสิ้นเปลื้องสักวันย่อมหมดไป...เจ้าไม่ต้องเกรงว่าผู้อื่นจะตำหนิเรื่องนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ” เซียวอี้หยางพูดเสร็จเด็กทั้งสองก็พยักหน้าสนับสนุน

ชิงหว่านจึงยิ้มละมุนเอ่ย “ข้าไม่ได้คิดจะใช้สินเดิม ในเมื่อข้าหาปลาได้ พวกเราก็เอาปลาไปขายแลกเป็นเงินซื้อเนื้อมาทานได้...อืม ปลาขนาดเท่านี้ขายได้เท่าไร”

ลู่อันรีบตอบ “5 -10 อีแปะขอรับ”

ลี่อินรีบอธิบายต่อ “หมู 1 ชั่งราคา 20 อีแปะเจ้าคะ”

หวังชิงหว่านยิ้มพูด “ถ้าอย่างนั้นเราก็หาให้ได้สัก สิบกว่าตัว คงได้เนื้อไว้ทานหลายวันแล้ว”

พอได้ยินว่าจะเอาปลาไปขาย ลู่อันก็หันไปมองปลาที่เตรียมเผาอย่างเสียดาย ชิงหว่านจึงพูดขึ้น “พวกนี้พวกเรากินให้ท้องอิ่ม ปลาในแม่น้ำมีมาก เราไม่ต้องกลัวว่าต้องอด”

ลี่อินและลู่อันพยักหน้าพร้อมกัน “เจ้าค่ะ/ขอรับ”

ทุกอย่างล้วนดี แต่เซียวอี้หยางรู้สึกว่าบางอย่างไม่ถูกต้องเขาต้องเป็นคนหาเลี้ยงภรรยาไม่ใช่หรือกำลังจะเอ่ยบางอย่าง

แต่ชิงหว่านได้ชิงพูดขึ้น “พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกันช่วยกันทำมาหากินท่านพี่คงไม่ตำหนิและไม่ห้ามใช่หรือไม่”

เซียวอี้หยางอึ้งและจนวาจาอยู่ครู่หนึ่ง เขาขบคิดบางอย่างก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงอบอุ่น “ขอเพียงน้องหญิงพอใจข้าก็ยินดี”

ชิงหว่านยิ้มกว้างดุจแสงตะวันเจิดจรัส “ท่านรีบกินปลาเถอะเจ้าค่ะ เย็นแล้วจะไม่อร่อย”

หลังจากทานเสร็จเซียวอี้หยางนำฟื้นในตะกร้าของลี่อินใส่ให้ลู่อันตอนนี้ก็เหลือเพียงตะกร้าของเขาที่ยังไม่เต็ม

ชายหนุ่มเอ่ยบอกลู่อัน “เจ้าไปช่วยพี่สะใภ้จับปลา ส่วนฟืนที่เหลือข้าจะจัดการเอง”

ลู่อันหันไปมองลี่อินกับชิงหว่านแล้วพูดขึ้น

“ใช้ข้าช่วยพี่ดีกว่า” อี้หยางหันไปมองก็พยักหน้าเห็นด้วย เมื่อช่วยกันตัด ในเวลาไม่ถึงเค่อตะกร้าก็เริ่มเต็ม เซียวอี้หยางเห็นว่าพอแล้วจึงเอ่ยขึ้น “พอแค่นี้เถอะ...เจ้าเดินนำไปก่อนข้ามีเข้าไปทำธุระในป่าสักครู่”

ลู่อันพยักหน้าเข้าใจความนัยจึงเดินออกมา

แววตาของเซียวอี้หยางวูบไหวเล็กน้อยก่อนหายเข้าไปในพุ่มไม้ใหญ่ ผ่านไปครู่ใหญ่เขาจึงได้ออกมา ขณะก้าวเดินได้ยินเสียงร้องเชียร์ของลี่อินก็ยกปากยิ้ม

พอเข้าไปใกล้เห็นปลาเต็มตะกร้าก็เบิกตากว้างอย่างตกใจ

“นี่!! ทำไมเยอะขนาดนี้”

ชิงหว่านตอบตาใส “ก็ลี่อินบอกว่า ปลาพวกนี้ไม่เพียงแค่ขายได้ยังสามารถนำไปแลกไข่ แลกไก่ แลกเป็ดกับชาวบ้านได้ด้วยข้าเลยหาให้มากหน่อยเผื่ออีกหลาย ๆ มื้อ”

ที่เอ่ยถามหาใช่สงสัยว่าทำไมต้องหาเยอะ เซียวอี้หยางย่อมหมายถึงทำไมหาได้มากมายขนาดนี้ เห็นแววตาประกายของภรรยาเขาก็ยากจะเอ่ยถามอีก จึงพูดขึ้น

“เช่นนั้น พวกเราก็กลับกันเถอะ...จะได้ถึงบ้านไวขึ้น”

แม้ว่าปลาจะน้ำหนักมากแต่ลี่อินก็แบกขึ้นหลังด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ขาที่ก้าวเดินก็ดูมั่นคงกว่าเดิมนางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส

“กลับไปถึงบ้านข้าจะรีบเอาปลาไปขายที่ตลาดนะเจ้าคะ”

ชิงหว่านพยักหน้า “ต้องลำบากเจ้าแล้ว”

ลู่อันรีบเอ่ย “ข้าจะเอาไปแลกไข่ แลกไก่ นะขอรับ”

“ต้องรบกวนเจ้าแล้ว” ชิงหว่านเอ่ยตอบอย่างอ่อนโยน

เซียวอี้หยางไม่สามารถเอ่ยฉอเลาะเอาใจแบบน้องได้ เขาทำตัวไม่ถูกชั่วขณะ ยังไม่ทันได้ตัดสินใจก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนหนึ่ง

“ต้องรบกวนท่านพี่เอาปลาบางส่วนไปแบ่งให้ครอบครัวท่านป้า ท่านลุงที่มาเมื่อเช้าด้วยนะเจ้าค่ะ”

อี้หยางตกใจคล้ายถูกจับความคิดได้รีบกล่าว

“ได้ ๆ เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง”

คล้อยหลังครอบครัวสกุลเซียวที่กำลังเดินทางออกจากเขา มีบุรุษชุดดำคู่หนึ่งจับจ้องมองตาม

เกาเวินเหยียดยิ้มมุมปาก

“นับวันอี้หยางยิ่งทำท่าเงอะงะได้แนบเนียน”

จางเคอหัวเราะเสียงต่ำ แววตาลุ่มลึกกล่าว

“ข้ากลับคิดว่าครั้งนี้มิใช่การเสแสร้ง”

เกาเวินผงกศีรษะเห็นด้วย

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 7

    ในเรือนสกุลเซียวมีเพียงฮูหยินผู้เฒ่าที่อยู่ในเรือน ส่วนบิดาและมารดายังไม่กลับจากทำนา ทั้งลี่อิน ลู่อันและเซียวอี้หยางก็มีหน้าที่ของตนเอง เหลือเพียงหวังชิงหว่านที่นั่งพักเอื่อยเฉื่อยอยู่ในที่นั่งหน้าเรือน นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางคิดในใจ “สวรรค์ตอนนี้ข้าเริ่มจับปลาขายแล้วนะ...จากนี้ก็คงจะเป็นปลูก

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-19
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 8

    ลี่อินลากรถลากตามหลังหวังชิงหว่านที่คล้ายกำลังมองหาบางอย่าง นางจึงเอ่ยถาม “พวกเราจะไปไหนต่อหรือเปล่าเจ้าคะ” “ข้าจำเป็นต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ ไปดูร้านผ้าตรงหน้าเถอะ” เอ่ยเสร็จนางก็เดินนำหน้าไปร้านแพรพรรณ หลงจู้เห็นคนเดินเข้ามาก็รีบออกมาต้อนรับ แต่ก็ต้องชะงักในความงามของหวังชิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 9

    คนในสกุลเซียวจะรีบทานข้าวเย็นและเข้านอนแต่หัวค่ำ เพื่อจะได้ตื่นเช้าไปทำนาแตกต่างจากเซียวอี้หยางที่บางวันจะมีสังสรรค์ข้างนอก บางคืนก็จะอ่านหนังสือจนดึก พวกเขาเลยแยกสำรับมาที่เรือนเซียวอี้หยางต่างหากและเซียวฮูหยินก็ไม่เคยจะลืมแยกอาหารดีๆ ไว้สำหรับลูกชายเป็นพิเศษ เรือนหลักสกุลเซียว ในมื้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 10

    ใบหน้าอี้หยางยังคงประดับรอยยิ้มกล่าว “เมื่อก่อน...ท่านแม่ก็ทำขนมหาบเร่ขาย ล้วนเป็นเงินก้อนนั้นที่ส่งข้าเล่าเรียนจนสอบได้เป็นขุนนาง จึงได้หยุดขายไป”หวังชิงหว่านพยักหน้าเข้าใจบางอย่างแล้วเอ่ยถาม “แล้วทำไมถึงได้หยุดขายเล่า” “ท่านแม่อ้างว่าสุขภาพไม่ดีแล้ว”หวังชิงหว่าน กะพริบตานัยน์ตากระจ่างวูบไห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-20
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 11

    หวังชิงหว่านนึกว่าเซียวอี้หยางจะหมดแรง ใกล้รุ่งเขาได้สติก็เสียบดันเข้ามาจากข้างหลัง ความใหญ่และยังเข้ามากระทันหันทำให้นางกระตุ้นเฮือกร้องอ๊ะขึ้น ความเสียวซ่าแล่นปราดขึ้นมาทำให้ชายหนุ่มไม่สนใจอันใด เขาเริ่มขยับบดเบียดส่วนนั้นก็เปียกแฉะอย่างเร็วเอวของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นดุดัน ความซาบซ่านทำให้หวังช

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-22
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 12

    ตอนที่ 12 เป็นข้าที่ผิด เซียวฮูหยินเห็นอี้หยางยกถ้วยออกมาล้างก็เอ่ยขึ้น “แม่สั่งให้ลี่อินกับลู่อันไปรอพวกเจ้าที่เนินเขาแล้ว” เซียวอี้หยางก้มกล่าวขอบคุณอย่างเขินอายพูดขึ้น “ข้าจะพาชิงหว่านไปซื้อทาสสักสองคน ท่านแม่มีสิ่งใดจะกำชับหรือไม่” “ซื้อทาส?” เซียวฮูหยินเอ่ยเสีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-26
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 13

    ตอนที่ 13 ไม่เคยโชคดีสักครั้ง ตอนนี้ใกล้จะเที่ยงแล้ว หวังชิงหว่านเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางส่งสายตาขุ่นเคืองมาเซียวอี้หยาง ทว่าชายหนุ่มหาได้สำนึกผิดกล่าว “เจ้าไม่ต้องร้อนใจ ลี่อินกับลู่อัน รู้ว่าพวกเราไปทำธุระ” หวังชิงหว่านดึงสายตากลับ จะกล่าวโทษอีกฝ่ายทั้งหมดไม่ได้ ความจริงนางคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-26
  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 14

    ตอนที่ 14 แรงได้อีก ได้กินข้าวมื้อเย็นร่วมกันหวังชิงหว่านก็รู้สึกคุ้นเคยกับครอบครัวเซียวมากขึ้น แววตาผู้อาวุโสที่เคยมองนางอย่างด้วยความหวาดระแวงก็ดูเหมือนจะแฝงความเมตตาขึ้นมาหลายส่วน หลังมื้อเย็นเซียวอี้หยางจูงมือนางกลับเรือนแล้วพูดขึ้น “พรุ่งนี้ข้าจะพาเจ้ากลับไปเยี่ยมบ้านแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01

บทล่าสุด

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 141

    “งดงามยิ่งนัก” จางซูอินพูดขึ้น “ในทุกปี…ฤดูหนาวเราจะมาที่นี่ดีหรือไม่” “ฮืม…” จางซูอินซบลงอกของชายหนุ่มด้วยท่าทางอ่อนคลาย แสดงความรักความสุขล้นออกมา เฉิงอ๋องโอบกอดหญิงสาวด้วยความอ่อนโยนก่อนใบหน้าก้มลงไป จางซูอินปิดเปลือกตาลง เคลิบเคลิ้มไปกับจูบอันอ่อนโยนของชา

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 140

    เมื่อม่านราตรีโรยตัวลงมา เฉิงอ๋องก็ยังอดใจไม่ไหวไปเยือนห้องพักของจางซูอิน เมื่อบ่าวไพร่ปิดประตูออกจากห้อง เขาจึงปรากฏกาย แม้เฉิงอ๋องจะมาอย่างไร้สุ่มเสียงแต่คล้ายจางซูอินจะรู้ตัวอยู่ก่อนแล้ว นางชำเลืองมองชายหนุ่ม ใบหน้าระบายยิ้มบาง ๆ “ข้าเพียงอยากเจอหน้าเจ้าก่อนนอน” เ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 139

    หญิงสาวปรายตามองดูในตะกร้าจึงพูดขึ้น “ข้าซื้อทั้งหมดนี่ ท่านคิดราคามาได้เลย” พ่อค้าเห็นจางซูอินรับทั้งหมดก็ยิ้มหน้าบานดีใจ แต่สักพักใบหน้าชายหนุ่มกลับจืดขึ้นแล้วพูดว่า “คุณหนู ปลาพวกนี้รสชาติทานลำบากอยู่บ้าง ท่านจะลองซื้อไปทำทานดูสักตัวสองตัวก่อนดีหรือไม่” จาง

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 138

    ผู้ที่ตื่นเต้นในการเดินทางครั้งนี้มากกว่าผู้ใดก็คือ เฉิงอ๋องเทพแห่งสงครามของแคว้นต้าเว่ย หลังจากนี้ทุกวันคืนเขาจะได้อยู่ร่วมกับซูซู เขาสั่งให้จงถังจัดเตรียมทุกอย่างด้วยตนเอง จนเมื่อถึงออกเดินทาง รถม้าหรูหราคันใหญ่มาจอดรอรับจางซูอินหน้าสกุลจางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 137

    ตอนที่ 50 โกรธเป็นโง่ โมโหเป็นบ้า หลังราชโองการออกมา ผู้ที่ได้รับคำสั่งก็ต่างเตรียมตัวออกเดินทาง บรรยาศครื้นเครงต่างจากตำหนักบูรพาที่แม้กระทั่งเงาของก้อนเฆมก็ดูอึ้มครึมมากกว่าปกติ พระชายาเสิ่นจือ บีบผ้าในมือปิดจนเป็นเกลียวนางกัดริมฝีปากจนแทบจะเป็นแผล องค์รัชทายาทไม่ได้รับราชโ

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 136

    หลังจากมื้อเที่ยงต้าเหยาก็เข้าวังทันที เมื่อไปถึงนางก็ไปคารวะพระสนมลู่ผินก่อน “พระมารดา ข้าคิดถึงท่านจังเลย” พระสนมลู่ลูบศรีษะต้าเหยาเบา ๆ พลางเอ่ยถามไถ่ เห็นสีหน้าแววตาของต้าเหยาเปล่งประกายเต็มไปด้วยความสุข ก็วางใจอย่างอบอุ่น หลังจากพูดคุยกัน ต้าเหยาก็บอกเล่าว่านางจะมา

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 135

    ยามเช้าในต้นฤดูหนาวแสงแดดยังคงเจิดจ้า ฤดูการเปลี่ยนแปลงผู้คนก็ต้องการปรับเปลี่ยนการดำรงชีวิต เสียงพูดคุยหัวเราะดังแว่วมาจากในครัว จางซูอินเอียงหูฟังอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะลุกล้างหน้าล้างตา เมื่อคืนเฉิงอ๋องอ้อยอิ่งอยู่ห้องนางไม่ยามจากไปทำให้นางนอนไม่เต็มอิ่มเท่าไรนัก หญิงสาวเลือกช

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 134

    จางซูอินล้างหน้าเปลี่ยนอาภรณ์เมื่อเดินออกมาจากฉากกั้นก็เห็นร่างสูงโปรงอันคุ้นเคยนั่งอยู่บนโต๊ะน้ำชาด้วยท่าทางสบาย “ท่าน..เหตุใดมาอยู่ที่นี่” เฉิงอ๋องยิ้มให้หญิงสาวอย่างอ่อนโยน เขาลุกขึ้นพลางเอาเสื้อคลุมขนสัตว์ห่อหุ้มกายของหญิงสาวพร้อมอธิบายอย่างใจเย็น “เจ้าเคยขอให้ข้าพาไป

  • ชาตินี้ ขอใช้ชีวิตในแบบง่าย ๆ    บทที่ 133

    สวี่ซื่อจัดการให้สาวใช้ไปตั้งแผงขายขนมส่วนตนเองก็ยังคงไปทำงานที่ร้านลู่เหยาเช่นเดิม จางซูอินก็ไม่ได้ห้ามปรามหรือให้แม้กระทั่งแสดงความคิดเห็น นางเพียงเฝ้ามองและคอยสนับสนุนเพียงเท่านั้น อากาศเริ่มเย็น หิมะเริ่มโปรยปราย จางเจินก็ถึงคราวยามออกเรือน แม้สกุลจางจะเป็นเพียงชาว

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status