คิดในใจว่า... เจ้าสุนัขแซ่ไป๋ผู้นี้จะมองอันใดนักหนา เอาสิอยากชักกระบี่ออกมาสังหารข้าก็ทำเลย เรื่องคิดฆ่าข้าเป็นงานถนัดของเจ้าไม่ใช่หรือโรงเตี๊ยมที่นางพักอยู่ห่างจากจวนสกุลไป๋ราวหนึ่งเค่อ[1]แต่รถม้าไม่ได้วิ่งทั้งยังเดินช้า ๆ จึงทำให้การเดินทางล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นจู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้นว่า“เหยียนเหยี
บทที่ 31 ใจเต้นแรงถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงจูบไม่ได้ล่วงเกินถึงร่างกาย ทว่าตัวนางที่อย่างไรก็เป็นภรรยาของเขามาเนิ่นนานเพียงนี้ก็บังเกิดอารมณ์วาบหวามถึงจะพยายามทำใจให้แข็งแต่สุดท้ายก็ตัวอ่อนปวกเปียกเป็นน้ำในท้ายที่สุดหึ...คนเห็นแก่ตัว ไม่รักแต่ไยจึงเอาแต่จูบเช่นนี้นางถูกเขาจูบจนปากชา ไม่อาจนับว่านานเท่
ลายมือในจดหมายนั้นอ่อนช้อยงดงามอย่างสตรี ไป๋จิ้งหานเพียงกวาดตามองก็รู้ทันทีว่าเป็นของ เสวียนซินแน่นอนเพราะเหยียนซือเหยียนไม่มีสหายผู้อื่นอยู่ที่นี่แล้วเสวียนหย่งและเสวียนซิน...ตระกูลพวกเขาเป็นคหบดีใหญ่ในเมืองหลวง คนแซ่เสวียนแม้ไม่ใช่ตระกูลขุนนาง แต่มีอำนาจทางการค้าเหนือกว่าตระกูลใด ๆ ในแผ่นดิน พวกเ
บทที่ 32 เขาก็ปกป้องข้าด้วยเรือนพฤกษาเหยียนซือเหยียนลงจากรถม้าจากนั้นจึงเดินตามไป๋จิ้งหานเข้าสู่เรือนพฤกษาอย่างเชื่องช้า นางตกลงกับไป๋จิ้งหานว่าจะมาคุกเข่ายกน้ำชาให้ฮูหยินชราและคืนดีกับอี้ชิงเสีย จากนั้นเขาก็จะให้อิสระกับนางทำทุกอย่างได้ตามใจ โดยเขาจะปกป้องนางเองหากว่านางถูกฮูหยินผู้เฒ่าตำหนิด้วย
ไป๋จิ้งหานมองมาที่อี้ชิง หญิงสาวคลายสีหน้าริษยาลงอย่างรวดเร็วเผยใบหน้างดงามเผยรอยยิ้มอ่อนโยนตอบรับคำของไป๋จิ้งหานที่หันมามองนาง“ท่านพี่ เป็นข้าที่ผิดเองที่ปกป้องเงินทองมากกว่าพี่สะใภ้ เป็นข้าที่ต้องเป็นฝ่ายขอโทษพี่สะใภ้”เหยียนซือเหยียนเบะปาก เบื่อหน่ายท่าทางอ่อนหวานเสแสร้งเป็นแม่ดอกบัวขาวของอี้ชิง
บทที่ 33 ยังไม่ไว้ใจเรือนสัตตบงกชเหยียนซือเหยียนเดินตามไป๋จิ้งหานเข้าสู่เรือนทั้งกวาดสายตาสำรวจรอบเรือนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเงียบสงบ เครื่องเรือนมีเพียงของจำเป็นไม่หรูหราฟุ่มเฟือยเหมือนจวนหลักจู่ ๆ นางก็เอ่ยถามเขา“ท่านไม่กลัวหรือ ที่ท่านย่าของท่านจะโกรธจนไม่ยกโทษให้ท่านที่พาข้ากลับมาที่นี่”ไป๋จ
เหยียนซือเหยียนชะงักเล็กน้อย นางไม่คิดว่าไป๋จิ้งหานจะใส่ใจถึงเพียงนี้“จริงหรือ ท่านใส่ใจข้าเช่นนี้จริง ๆ หรือ”“ก็แค่ขนมไม่กี่ชิ้นทำตกใจใหญ่โตไปได้”เหยียนซือเหยียนยังคงประหลาดใจทั้งมึนงง แน่ล่ะผู้ใดจะคาดคิดกันว่าตาเฒ่าน้ำแข็งตรงหน้าจะซื้อขนมทั้งยังเป็นของดีหายางให้นางเช่นนี้ จะไม่ให้นางตกใจได้อย่า
“อาเหวิน อายี รีบมาลองชิมของอร่อยนี่เร็วเข้า” นางร้องเรียกบ่าวทั้งสองที่กำลังจัดข้าวของให้พวกเขารีบมาหาด้วยสีหน้ากระตือรือร้นทั้งอาเหวินและเซียวยีรับคำแล้วรีบเข้ามานั่งตรงหน้า พวกเขาหยิบขนมขึ้นมากัดคำโต สีหน้าเต็มไปด้วยความพึงพอใจ“อร่อยจริง ๆ เจ้าค่ะ บ่าวไม่เคยกินขนมที่รสชาติกลมกล่อมเช่นนี้มาก่อนเ
ปีค.ศ.1970คุณนายสกุลฉางให้กำเนิดบุตรีคนแรก ผิวขาวราวหยกใบหน้าจิ้มลิ้ม ซินแสทำนายวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ทำให้กิจการค้าขายของบิดามารดาเจริญรุ่งเรืองในยามนั้นบิดาได้หมั้นหมายเด็กหญิงเอาไว้กับบุตรชายคนโตของเพื่อนรักแห่งสกุลต้วนต้วนชางหลางเด็กชายอายุราวหกขวบกำลังจ้องมองทารกตัวน้อยที่นอนอยู่ในเปลด้วยความสน
จูชางหลางอุ้มสตรีร่างผอมขึ้นมาวางนางเอาไว้บนตักของเขาโถมร่างกายก้มกอดนางแนบแน่นจนลึกสุดหัวใจ เส้นผมของนางกลายเป็นสีขาวโพลน รวมทั้งผมของเขาเช่นกัน ยามนี้เมื่อใกล้ชิดเส้นผมขาวของคนทั้งคู่กำลังเคลียคลอซึ่งกันและกันโดยไม่อาจแยกแยะว่าเป็นผมของผู้ใดกันแน่จูชางหลางเข้าใจชีวิต มิมีผู้ใดฝืนสังขารของร่างกาย
ตอนพิเศษ ตอนที่ 1ยี่สิบปีต่อมา“ท่านตา ท่านยายแย่แล้วขอรับ”จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้หนึ่งวิ่งเข้ามาบอกเขาในเรือนสมุนไพร จูชางหลางที่กำลังนั่งยอง ๆ พร้อมกับใช้พัดโหมไฟให้ลุกโชนเพื่อต้มสมุนไพรให้กับหยางอี้หงถึงกับมือสั่นระริกทำพัดที่อยู่ในมือหลุดลงทันใดเขาวิ่งไปที่เรือนของนางอย่างรวดเร็ว หลายปีมานี้หยางอี้
มู่เหยาทอดสายตามองแผ่นน้ำเบื้องหน้าที่คล้ายกำลังเต้นรำระริกไหวไปตามแสงจันทราแล้วยิ้มงดงาม“ท่านแม่ ขอให้ท่านคุ้มครองให้ข้ามีความสุขด้วยนะเจ้าคะ”เอ่ยคำนี้แล้วนางจึงโปรยดอกไม้ลงไปเบื้องล่าง ก่อนจะเดินกลับลงมายังหมู่บ้านก่อนจะถึงทางเข้าหมู่บ้านนั่นเอง จู่ ๆ มู่เหยาก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือของค
มู่เหยายิ้มไม่หุบ คำชมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเอาใจนี้ไม่น่าเชื่อว่าจะส่งผลต่อนางเพียงนี้ "หลานชายช่างปากหวานยิ่งนัก เช่นนี้สตรีใดได้พบคงไม่อาจถอนใจได้ ด้วยใบหน้างดงามเช่นนี้ต่อไปคงทำให้สตรีเสียใจอีกหลายคน"จูอี้หลางส่ายหน้า"ข้าไม่คิดหลอกสตรีใด จิตใจของข้าจะมอบให้กับสตรีที่ข้ารักเพียงผู้เดียวเช่นท่านพ่
เมื่ออยู่กันเพียงลำพังจูชางหลางจึงเอ่ยขึ้นว่า“เจ้าได้พบนางแล้วใช่หรือไม่”จูอี้หลางพยักหน้า“ท่านพ่อ เป็นท่านแม่จริงหรือ”จูชางหลางพยักหน้า“ที่นี่ไกลจากหน้าผาที่แม่เจ้าตกลงมายิ่งนัก พ่อไม่คิดว่านางจะรอดกระทั่งมีคนของหมู่บ้านนายพรานไปพบเข้าระหว่างที่นางลอยไปตามกระแสน้ำ ท่านแม่ของเจ้าลืมทุกเรื่องไปจ
จูอี้หลางขมวดคิ้ว เขาแน่ใจว่านางย่อมคือมารดาของเขา อยากจะบอกออกไปให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร ดูเหมือนว่าสตรีนางนั้นจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างจนหมดสิ้น จูอี้หลางถอนหายใจยาวเขาต้องสนิทกับเด็กคนนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อสืบถามเรื่องราวเอาไปบอกบิดา“แล้วพ่อแม่ของเจ้าเล่า”“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าหรือ
"ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ต้องรีบปล่อยเขาออกจากเขตหมู่บ้านตามกฎ มิใช่จับเขามามัดเอาไว้เช่นนี้ เห็นท่าแล้วเจ้าอยากได้ม้าของเขาใช่หรือไม่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตราประจำตัวม้าเป็นตราราชสำนัก เจ้ากำลังนำความเดือดร้อนมาให้คนในหมู่บ้านแล้ว”มู่เยี่ยนลืมคิดถึงเรื่องนี้ไป ดวงตากลมโตตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ท่านน้าของนางจ
จูอี้หลางเป็นองค์รัชทายาทผู้สูงศักดิ์ ตั้งแต่เกิดมาทุกคนล้วนนอบน้อมกับเขา นี่จึงเป็นครั้งแรกที่มีคนเรียกเขาว่าเจ้าหน้าขาว ทั้งยังกล้าจับเขามัดอย่างไม่กลัวเกรง ทว่าเห็นท่าทางน่ารักของเด็กหญิงผู้นี้แล้วเขากลับไม่นึกโกรธ ยังนึกชื่นชมในความกล้าหาญของนางด้วยซ้ำ“เช่นนั้นบอกข้ามาก่อนว่าข้าอยู่ที่ใด แล้วเจ