เมิ่งหว่านชิงพามารดานั่งรถม้าเดินทางไปวังรุ่ยอ๋อง ทว่าเมื่อมาถึงทหารยามที่ประตูหน้ากลับออกมาขัดขวาง ไม่ให้แม้แต่เท้าของนางก้าวลงจากรถม้า
“ขออภัยคุณหนู ไม่ทราบว่ามีเทียบเชิญหรือไม่”
แม้ว่าท่าทีจะขึงขัง แต่คำพูดยังมีความนอบน้อมอยู่ถึงสามส่วน เมิ่งหว่านชิงแต่แรกก็ไม่ได้ตั้งใจมาสร้างความยากลำบากให้ผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่คิดทำเรื่องให้วุ่นวายตอบกลับทหารยามหน้าประตูด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ข้าไม่มีเทียบเชิญ แต่มีสิ่งนี้ไม่ทราบว่าสามารถใช้แทนกันได้หรือไม่”
พูดจบเมิ่งหว่านชิงก็หยิบป้ายประจำตัวของรุ่ยอ๋องออกมาแสดง บรรดาทหารยามหน้าประตูรีบถอยหลังทรุดตัวลงคุกเข่า ประสานมือแสดงความเคารพในทันที
“ไม่ต้องวุ่นวาย หลบทางให้ข้าก็พอ”
“ขออภัยคุณหนู แต่ว่าตอนนี้ท่านอ๋องไม่อยู่ที่วังขอรับ”
“ข้าแค่ผ่านทางมาขอแวะดื
“ข้าอยากให้ท่านลุงซ่งช่วยตรวจสอบผงกำยานนี้ที ว่าทำจากสิ่งใดบ้าง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”ซ่งเว่ยหรานเปิดผ้าเช็ดหน้าในมือออก ทว่าเพียงได้กลิ่นบางๆ คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันแน่น เดิมทีคิดว่าอาการของเด็กสาวเป็นเพียงการกลั่นแกล้งกันเล็กน้อยของสตรีหลังบ้าน ไม่คิดเลยว่าจะเป็นการวางแผนฆ่าอย่างร้ายกาจและแยบยล“นี่เป็นพิษสามราตรีปลิดวิญญาณ ผู้ที่ถูกพิษหากรักษาไม่ทัน ในสามราตรีก็จะหมดลมหายใจลง ทั้งยังไร้กลิ่น ไร้อาการ จึงยากจะตรวจสอบเจอ คุณหนูคนที่ลงมือช่างโหดเหี้ยมนัก ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้ท่านเพิ่ม”หลังจากได้ฟังคำอธิบายถึงสิ่งที่ผสมอยู่ในกำยาน เมิ่งหว่านชิงก็ขบกราม กำมือแน่น ด้วยความคับแค้นใจ ไม่คิดว่าชาตินี้จ้าวซูซินจะใช้วิธีการที่โหดร้ายมากกว่าเดิม หรือเพราะนางไม่ใช่ลูกพลับนิ่มเหมือนในอดีต อีกฝ่ายจึงใช้ยาแรงหมายเอาชีวิตในคราเดียวเช่นนี้“ครั้งนี้นับว่าโชคดีที่ท่านหาต
ใช้เวลาเพียงสองเค่อมู่ชิงก็กระตุกบังเหียนบังคับรถม้าให้หยุดลง เสวี่ยชิงเยี่ยนค่อยๆ ก้าวลงด้วยความระมัดระวัง แต่เพราะรถม้าของรุ่ยอ๋องซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์มีความสูงกว่ารถม้าปกติของชนชั้นสามัญ จึงทำให้เวลาที่นางก้าวขาลงเพื่อเหยียบพื้นเกิดเสียการทรงตัว โชคดีที่มู่ชิงเป็นองครักษ์มือเท้าว่องไวจึงเข้ารับคนได้ทัน ทำให้เสวี่ยชิงเยี่ยนไม่ล้มลงกับพื้นจนเสียกิริยากลายเป็นที่ขบขันของผู้อื่นเพียงแต่ความใกล้ชิดอันบริสุทธิ์นี้กลับกลายเป็นเรื่องให้ผู้คนรอบตัวติฉินนินทาพวกเขาแทน"ขอบคุณท่านมู่""ข้าน้อยเสียมารยาท ขอฮูหยินโปรดอภัย""ท่านช่วยท่านแม่ของข้า จะเป็นการเสียมารยาทได้เช่นไร อีกอย่างท่านเป็นคนของวังรุ่ยอ๋อง หากมีใครกล้าตำหนินินทาว่าท่านไร้มารยาท นั่นก็เท่ากับตำหนิรุ่ยอ๋องด้วย"เพราะเห็นสายตาของผู้คนรอบข้างมองมาที่มารดาและองครักษ์มู่ชิงด้วยแววตาเย้ยหยันดูแคลน บางคนยังถึงขั้นซุบซิบนินทากันซึ่งหน้า เมิ่งหว่านชิงจึงจงใจเอ่ยเสียงดัง ราวกับกำลังประกาศให้ทุกคนรับรู้ว่า หากมีผู้ใดกล้าพูดเรื่องนี้ก็เท่ากับกำลังลบหลู่รุ่ยอ๋อง อำนาจของขาทองคำนี้หากนางไม่นำมาใช้ก็จะสูญเปล่ากล่าวจบเมิ่งหว่านชิงก็กวาดสายตามอ
บทที่ 5.1โต้กลับแผนร้ายหยางเทียนอี้มองกล่องไม้ตรงหน้าแล้วขมวดคิ้วหนาด้วยความสงสัย เมื่อครู่ซางชุนคนสนิทของเขาบอกว่าสิ่งนี้เป็นของที่เด็กสาวตระกูลเมิ่งส่งมาให้ แน่นอนว่าหญิงสาวนางเดียวที่กล้าส่งของให้เขาโดยตรงเช่นนี้ย่อมเป็นเมิ่งหว่านชิง ดังนั้นในใจของเขาจึงมีความอยากรู้เป็นพิเศษ โดยไม่มีความหวาดระแวงเลยแม้แต่น้อยก็รีบเปิดกล่องไม้ออกดู"นี่คือรากบัวแดง!! ท่านอ๋องเช่นนี้พิษเหมันต์ของพระองค์ก็จะรักษาได้แล้ว เพียงแต่เหตุใดคุณหนูเมิ่งถึงได้ส่งรากบัวแดงมาให้ หรือว่านางจะรู้เรื่องที่พระองค์ถูกพิษ"รุ่ยอ๋องนึกถึงเมื่อคราวที่เขาถูกวางแผนลอบสังหารที่เขาหนิงซาน ในตอนนั้นซ่งเว่ยหรานเป็นคนรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ด้วยฝีมือการแพทย์ของอีกฝ่ายแน่นอนว่าต้องตรวจพบพิษที่ซ่อนอยู่ในตัวเขา เพียงแต่ที่เขาคาดไม่ถึงก็คือเมิ่งหว่านชิงจะใส่ใจถึงขนาดตามหารากบัวแดงนี้มาให้เขา "พวกเราใช้เวลาตามหารากบัวแดงนี้มา สามปีก็ไม่พบแม้แต่เบาะแสเพียงเล็กน้อย ไม่คิดว่านางจะใช้เวลาเพียงไม่กี่เดือนก็ตามหาได้ ช่างเป็นสตรีที่ไม่อาจดูแคลนจริงๆ"หยางเทียนอี้เอ่ยชมเชยความสามารถของเด็กสาวพรางยกมุมปากขึ้
“ใครมันบังอาจมาก่อกวนที่ร้านผ้าซือโฉว เด็กๆ ไปจับตัวมา หากไม่ยินยอมมาดีๆ ก็ลากมา!”เสียงของชายวัยกลางคนที่เดินออกมาจากร้านผ้าซือโฉวตะโกนสั่งการ พริบตาชายฉกรรจ์ร่วมสิบคนก็กรูกันเข้ามาล้อมเมิ่งหว่านชิง ริมฝีปากบางยกขึ้น ความจริงแล้วด้วยกำลังคนเพียงเท่านี้นางสามารถจัดการได้ไม่ยากเย็น แต่ในเวลานี้ตัวนางเป็นเพียงเด็กหญิงยังไม่ได้ปักปิ่น ทำตัวโดดเด่นเกินไปคงไม่ดีนัก ดังนั้นจึงใช้ไม้ตายหยิบป้ายประจำตัวของรุ่ยอ๋องออกมา“ใครกล้าแตะต้องข้าก็ลองดู!!”ผู้ดูแลเห็นป้ายในมือเด็กหญิงก็ย่อตัวลงคุกเข่า ท่าทางเปลี่ยนจากดำเป็นขาวในทันที“เป็นพวกข้าน้อยมีตาแต่ไร้แวว ล่วงเกินคุณหนูกับนายหญิงแล้ว”เมิ่งหว่านชิงมองดูแล้วเหยียดยิ้มดูแคลน ยามมีอำนาจทุกสิ่งก็คล้ายง่ายดายไปหมด ชนิดที่ไม่ต้องเปลืองแรงเป่าฝุ่นกันเลยทีเดียว“วันนี้คนของท่านทำให้ข้ากับท่านแม่แล้วก็คนติดตามของพวกเราตกใจมาก ตอนนี้จะเลือกผ้าสักคนละชิ้นสองชิ้นก็ยังยากจะตัดสินใจ”“คุณหนูไม่ต้องกังวล ข้าจะให้คนคัดเลือกผ้าที่ดีที่สุดมาให้พวกท่านดู ถูกใจผืนไหนก็รับไปได้เลย ไม่ต้องจ่านเงินสักอีแปะเดียวขอรับ”“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร หากพี่ชายรุ่ยอ๋องรู้เข้าคง
ทางด้านจ้าวซูซินหลังจากเชิญหมอมาแล้วรู้ว่าเสวี่ยซูเหวินถูกพิษชนิดเดียวกับที่ตนเองใส่ในขนมของเมิ่งหว่านชิงก็ขบกรามแน่น ทว่าจะไปกล่าวโทษคนถึงเรือนก็ไม่อาจจะทำได้“ชัดเจนว่าเป็นท่านอากับน้องสาวที่วางยาข้า ทำไมท่านแม่กับท่านพ่อยังไม่จัดการพวกมันให้ข้า”“หุบปาก!”จ้าวซูซินหันไปตวาดลูกชายที่โวยวายทั้งที่ร่างกายยังอิดโรย ก่อนจะขบกรามเอ่ยด้วยสีหน้าคับแค้นใจ“หากไม่เพราะท่านรองพิธีการกู้แจ้งชัดเจนว่าต้องการเสวี่ยชิงเยี่ยนไปเป็นอนุภรรยาข้ามีหรือจะยอมทนมาหลายเดือนเช่นนี้”“แต่ข้าไม่ทน! หากครั้งนี้ท่านไม่จัดการแก้แค้นน้องสาวปีศาจนั่นให้ข้า ข้าไปจัดการเอง”จ้าวซูซินเห็นท่าทางอาละวาดไม่ยอมถอยของลูกชายก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด สุดท้ายก็แสร้งจำใจรับปากเพื่อให้อีกฝ่ายสงบ ไม่มาสร้างเรื่องจนแผนของนางพัง
"หากเป็นเช่นที่ท่านป้าสะใภ้บอกอย่างนั้นข้าก็ต้องเป็นหลานยายของท่านป้าใช่หรือไม่"จ้าวซูซินถูกเด็กสาวยอกย้อนกลับก็โมโหจนเกือบเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่ แต่เมื่อคิดถึงผลประโยชน์ที่จะได้จากตระกูลกู้และผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นกับสองแม่ลูกคู่นี้ ใบหน้าที่บึ้งตึงก็แปรเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างสดใสและอ่อนโยน"ชิงเอ๋อร์เป็นเด็กช่างเจรจายิ่งนัก แต่เอาเถิดวันนี้ข้ามาหาเจ้า ก็เพราะมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้ง"พูดจบจ้าวซูซินก็ยื่นเทียบเชิญไปร่วมงานปักปิ่นของคุณหนูตระกูลกู้ให้แก่เสวี่ยชิงเยี่ยน หัวใจของเมิ่งหว่านชิงพลันสั่นสะท้านนึกย้อนไปถึงวันวานในอดีตหลังจากที่เสวี่ยเกาเยี่ยนและจ้าวซูซินหลอกเอาสมบัติเดิมของเสวี่ยชิงเยี่ยนไปจนหมดแล้ว ก็มอบเทียบเชิญกล่าวชวนมารดาของนางไปงานปักปิ่นของคุณหนูตระกูลกู้ ในตอนนั้นเมิ่งหว่านชิงอยู่ดีๆ ก็ล้มป่วยจนไม่สามารถติดตามมารดาไปร่วมงานได้ ไม่คาดคิดว่าในวันต่อมาก็ได้รับข่าวว่ามารดาจะแต่งไปเป็นอนุของกู้เฉินโม่