"ท่านแม่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ปิดบังท่าน"
เพื่อไม่ให้มารดาต้องเลือกคนผิด ความลับที่นางย้อนเวลากลับชาติมาคงจำเป็นต้องอธิบายกับอีกฝ่ายให้ชัดเจน เพียงแต่แค่เริ่มเอ่ยมาหนึ่งประโยค ยันมิทันขยายความอวี้หรุนที่ออกไปสืบความเรื่องป้ายวิญญาณบรรพชนตระกูลเสวี่ยก็กลับมาขัดจังหวะเสียก่อน
"เรียนฮูหยิน คุณหนู เรื่องป้ายวิญญาณบรรพชนตระกูลเสวี่ย บ่าวตรวจสอบได้ความแล้วเจ้าค่ะ"
คิ้วเรียวของเมิ่งหว่านชิงขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย จากสถานที่ตั้งในโฉนด เดินทางไปกลับจากวังรุ่ยอ๋องถึงเรือนหลังนั้นคำนวณแล้วต่อให้ใช้มาเร็วก็กินเวลาร่วมครึ่งชั่วยาม อวี้หรุนรับคำจากนางไปไม่ถึงสองเค่อก็กลับมาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย
"เหตุใดเจ้าจึงตรวจสอบได้เร็วนัก"
"เรียนคุณหนูตามตรง ความจริงแล้วบ่าวไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเอง"
"ไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเอง? หมายความว่าอย่างไร"
"เป็นรุ่ยอ๋องที่ส่งคนไปสืบความก่อนหน้าบ่าวเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวเดินออกจากประตูวังยังไม่ถึงสามตรอก คนของท่านอ๋องเข้ามารายงาน"
ที่แท้เป็นการจัดการของรุ่ยอ๋องนั่นเอง มิ
"ใต้เท้าอวี้อยู่ที่นี่แล้ว ใต้เท้าเสวี่ยอยากยื่นฟ้องร้องคงไม่ต้องลำบากไปถึงที่ว่าการ"น้ำเสียงทุ้มต่ำดังมาจากด้านหลัง เมิ่งหว่านชิงพลันเสียวสันหลังขึ้นมา ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าลานหน้าวังรุ่ยอ๋องแม้แต่รถม้าของขุนนางขั้นสองก็ยังไม่กล้าผ่าน ทว่าเมื่อครู่นางกลับทำสร้างเรื่องวุ่นวาย ทั้งยังทุบตีคน ไม่รู้ว่าครั้งนี้จะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองจนถึงขั้นขับไล่นางกับมารดาออกจากวังของเขาหรือไม่หยางเทียนอี้มองดูแผ่นหลังเล็กที่ยืนนิ่งอยู่ที่ลานด้านหน้าแล้วขมวดคิ้วหนา พลางตวัดสายตามองทหารเฝ้าประตูทั้งสี่คนแล้วขบกรามแน่นชิงชิงของเขาถูกคนมารังแกถึงหน้าบ้านคนพวกนี้กลับทำเพียงยืนดูไม่ช่วยเหลือนาง คิดแล้วช่างน่าโมโหนัก!!มือหนากำเข้าหากันแน่น ก่อนจะเอ่ยเสียงลอดไรฟันอย่างข่มกลั้น"พวกไร้ประโยชน์!"ซางชุนเห็นสายตาคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองจ้องมองไปยังทหารเฝ้าประตูทั้งสี่คน ก็รีบสั่งการให้ทหารติดตามพาคนไปลงโทษในทันทีเมิ่งหว่านชิงกำมือเล็กเกร็งสะท้าน สองเท้าที่เมื่อครู่คล่องแคล่วตอนนี้คล้ายหนักอึ้งแม้แต่ขยับก็ยังไม่กล้า เสวี่ยเกา
"ท่านแม่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ปิดบังท่าน"เพื่อไม่ให้มารดาต้องเลือกคนผิด ความลับที่นางย้อนเวลากลับชาติมาคงจำเป็นต้องอธิบายกับอีกฝ่ายให้ชัดเจน เพียงแต่แค่เริ่มเอ่ยมาหนึ่งประโยค ยันมิทันขยายความอวี้หรุนที่ออกไปสืบความเรื่องป้ายวิญญาณบรรพชนตระกูลเสวี่ยก็กลับมาขัดจังหวะเสียก่อน"เรียนฮูหยิน คุณหนู เรื่องป้ายวิญญาณบรรพชนตระกูลเสวี่ย บ่าวตรวจสอบได้ความแล้วเจ้าค่ะ"คิ้วเรียวของเมิ่งหว่านชิงขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย จากสถานที่ตั้งในโฉนด เดินทางไปกลับจากวังรุ่ยอ๋องถึงเรือนหลังนั้นคำนวณแล้วต่อให้ใช้มาเร็วก็กินเวลาร่วมครึ่งชั่วยาม อวี้หรุนรับคำจากนางไปไม่ถึงสองเค่อก็กลับมาแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างเรียบร้อย"เหตุใดเจ้าจึงตรวจสอบได้เร็วนัก""เรียนคุณหนูตามตรง ความจริงแล้วบ่าวไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเอง""ไม่ได้ตรวจสอบด้วยตนเอง? หมายความว่าอย่างไร""เป็นรุ่ยอ๋องที่ส่งคนไปสืบความก่อนหน้าบ่าวเจ้าค่ะ เมื่อครู่บ่าวเดินออกจากประตูวังยังไม่ถึงสามตรอก คนของท่านอ๋องเข้ามารายงาน"ที่แท้เป็นการจัดการของรุ่ยอ๋องนั่นเอง มิ
เมื่อเห็นว่าบุตรีหวาดระแวงการกระทำของกู้อิงโม่ เสวี่ยชิงเยี่ยนจึงใช้ฝ่ามือข้างหนึ่งวางลงบนใบหน้าของหญิงสาว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน"ชิงเอ๋อร์ แม่รู้ว่าก่อนหน้านี้แม่ทำให้เจ้ากังวลใจอยู่ไม่น้อย แต่เจ้าไม่ต้องห่วงต่อไปแม่จะไม่เป็นภาระของเจ้าอีกแล้ว"เพราะตัวนางอ่อนแอจนเกินไป ที่ผ่านมาจึงไม่อาจปกป้องบุตรสาว อีกทั้งหลายครั้งยังคอยสร้างเรื่องให้อีกฝ่ายต้องเหน็ดเหนื่อย ถึงแม้ตอนนี้นางจะยังไม่ใช่สตรีที่แข็งแกร่ง แต่ก็จะไม่ทำให้ลูกสาวคนนี้ต้องลำบากอีกแล้วกล่าวจบเสวี่ยชิงเยี่ยนก็ถอดสร้อยจี้หยกออกจากคอ แล้ววางลงบนฝ่ามือเล็ก"ท่านแม่นี่เป็นจี้หยกประจำตัวผู้นำตระกูลเมิ่งมิใช่หรือเจ้าคะ""อีกไม่กี่วันแม่ก็จะแต่งงานเป็นภรรยาของผู้อื่นแล้ว จี้หยกนี้จึงไม่อาจสวมใส่ได้อีก ฐานะผู้นำตระกูลเมิ่งคงต้องส่งต่อให้เจ้าแล้ว"แม้จะเป็นเรื่องที่ยากจะทำใจแต่ในเมื่อนางเลือกเดิน
เช้าวันต่อมาเรื่องที่จวนตระกูลเสวี่ยถูกไฟไหม้ เผาจนไม่เหลือแม้แต่เสาเรือนก็ถูกผู้คนพูดถึงในวงกว้าง แม้แต่บรรดาสาวใช้บ่าวไพร่ในวังรุ่ยอ๋องที่มักสงบปากสงบคำและรู้มารยาทก็ยังพูดถึงเรื่องนี้ ทำให้เสวี่ยชิงเยี่ยนที่ต่อให้ไม่ได้ออกจากวังอ๋องไปที่ใดก็ยังรับรู้เรื่องราวโดยละเอียด เมิ่งหว่านชิงมองแววตาเศร้าหมอง และท่าทางกังวลใจ ของมารดาแล้วก็อดที่จะถอนหายใจยาวไม่ได้ พาลให้นึกตำหนิคนต้นเรื่องที่จงใจทำเรื่องนี้แม้ว่าเรื่องที่รุ่ยอ๋องลงมือครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่ตัวของเมิ่งหว่านชิงเองก็ปรารถนา แต่หากคนต่ำทรามเช่นเสวี่ยเกาเยี่ยนใช้เรื่องนี้มาเรียกร้องความสงสารจากมารดาของนาง ความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาก็จะกลายเป็นเรื่องที่สูญเปล่าในทันที"ท่านแม่"เสวี่ยชิงเยี่ยนยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะหันมายิ้มกว้างให้กับบุตรสาว"ชิงเอ๋อร์ เจ้าตื่นแล้วหรือ""เจ้าค่ะ ข้ายังลองเข้าครัวทำของว่างมาให้ท่านกินด้วย"
"ในเมื่อเป็นความต้องการของลูกสาว ในฐานะบิดาข้าย่อมต้องทำตาม สามหนังสือหกพิธีการ ข้ารับรองว่าจะไม่ตกหล่นแม้แต่สิ่งเดียว"กู้อิงโม่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่น สบแววตาเรียวของเด็กสาวด้วยท่าทางจริงจัง เมิ่งหว่านชิงเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนี้ก็ลอบผ่อนลมหายใจยาวอย่างโล่งอก"เช่นนั้นวันนี้ไม่รบกวนท่านอารองกู้ ข้ากับมารดาขอตัวก่อน"ในเมื่อต้องการให้เขาตบแต่งมารดาตามขั้นตอนพิธีการแต่งงาน จวนตระกูลกู้ในตอนนี้พวกนางก็ยิ่งไม่สมควรเข้าไป หากแต่ตอนที่คิดจะเดินหนีกู้อิงโม่กลับขยับตัวมาขวางทาง เมิ่งหว่านชิงจึงช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยแววตาแข็งกร้าวในทันที"ท่านอารองกู้ทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?""ข้าเพียงหวังดีเท่านั้น หากวันนี้เจ้าพามารดาแยกตัวไปจากข้า พรุ่งนี้เกรงว่าข้าคงต้องเรียกนางว่า... พี่สะใภ้"เมิ่งหว่านชิงขบกรามแน่น หากแต่เมื่อขบคิดตามคำของกู้อิงโม่ ด้วยนิสัยไม่ยอมรามือข
"ท่านอารองกู้ ไม่ทราบว่าพวกเรากำลังจะไปที่ไหนหรือเจ้าคะ""จวนตระกูลกู้!"ได้ยินคำตอบของกู้อิงโม่ ก้นที่เพิ่งจะนั่งลงบนรถม้าของเมิ่งหว่านชิงก็รู้สึกร้อนผ่าว มือเล็กกำเข้าหากันแน่น ที่ผ่านมานางใช้วิธีการมากมายเพื่อปกป้องมารดาจากจวนตระกูลกู้ แต่คาดไม่ถึงว่าโชคชะตาร้ายนี้กลับถูกตัวแปรที่ไร้ความสำคัญในชาติก่อนอย่างกู้อิงโม่เข้ามาทำให้วุ่นวาย"คุณชายรองกู้ ข้าคิดว่าระหว่างเรามีเรื่องต้องคุยกันสักหน่อย รบกวนหยุดรถม้าด้วย""หยุดรถ"เมื่อเสวี่ยชิงเยี่ยนเอ่ยความต้องการของตนเอง กู้อิงโม่ก็ตอบสนองในทันที หลังเขาพูดจบรถม้าก็หยุดลง เสวี่ยชิงเยี่ยนหันมาสบตากับบุตรสาว ใช้แววตาสื่อสารบอกความในให้อีกฝ่ายวางใจ ก่อนจะก้าวลงจากรถม้า"หากท่านกล้าทำร้ายท่านแม่ของข้า ต่อให้ข้าตายกลายเป็นผีก็จะไม่มีวันปล่อยท่าน""ในฐานะว่าที่บิดาของเจ้า ข้าย่อมไม่ยอมให้ลู