หลายวันต่อมา สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงที่เคยพัดผ่านจวนแม่ทัพอย่างแผ่วเบา เริ่มก่อตัวเป็นรูปธรรมจับต้องได้มากขึ้น ณ เรือนจื่อเถิง
เฉียนก่วนเจียทำงานอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบตามคำสั่งของฮูหยิน ช่างไม้ ช่างปูน เข้ามาซ่อมแซมหลังคาและส่วนที่ชำรุดทรุดโทรมอย่างแข็งขัน เครื่องเรือนชุดใหม่ถูกลำเลียงเข้ามาแทนที่ของเก่า แม้มิได้หรูหราเทียบเท่าเรือนหลัก แต่โต๊ะ ตั่ง ตู้ ล้วนทำจากไม้เนื้อดี แข็งแรงทนทาน เตียงนอนถูกเปลี่ยนใหม่ พร้อมเครื่องนอนครบชุด ผ้าปูที่นอนทำจากผ้าฝ้ายเนื้อละเอียด ผ้านวมผืนหนาถูกพับวางไว้อย่างเรียบร้อย พร้อมสำหรับคิมหันต์ที่กำลังจะมาเยือน เตาผิงเล็กๆถูกติดตั้งในห้องนอนของเด็กทั้งสอง และถ่านไม้คุณภาพดีก็ถูกนำมาเก็บสำรองไว้มากกว่าเดิมหลายเท่า
จางมามาเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย นางทำงานในจวนนี้มานานพอที่จะรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเกิดขึ้นได้โดยง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันเป็นการปรนเปรอบุตรเลี้ยงที่นายหญิงคนปัจจุบันไม่เคยใส่ใจเหลียวแล ความเคลือบแคลงใจยังมีอยู่ แต่ความรู้สึกขอบคุณและความโล่งใจที่เด็กๆ ในความดูแลของนางจะได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ก็ค่อยๆเข้ามาแทนที่
จวินซิงเฉินยังคงมีท่าทีระแวดระวัง เขามองดูบ่าวไพร่ขนย้ายสิ่งของเข้าออกด้วยแววตาเรียบเฉย ไม่เอ่ยถามสิ่งใด แต่ก็สังเกตทุกรายละเอียดอย่างเงียบงัน ส่วนจวินเสวี่ยอันนั้นแตกต่างออกไป นางเดินวนเวียนอยู่รอบๆเครื่องเรือนใหม่ ลอบใช้ปลายนิ้วสัมผัสความเนียนเรียบของเนื้อไม้ แอบซุกหน้าเข้ากับผ้านวมผืนหนานุ่มด้วยดวงตาเป็นประกาย แม้จะยังคงหวาดกลัวต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อยู่ลึกๆ แต่ความสะดวกสบายและความอบอุ่นที่เพิ่มขึ้นก็เป็นสิ่งที่นางปฏิเสธไม่ได้
แน่นอนว่าไม่มีคำพูดหรือจดหมายใดๆจากเหออวี้หลันส่งมาพร้อมกับสิ่งของเหล่านี้ นางเพียงแต่สั่งการผ่านพ่อบ้าน แล้วปล่อยให้การกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น
ในขณะเดียวกันที่เรือนอวี้ฮั่น เหออวี้หลันไม่ได้หยุดนิ่งอยู่เพียงแค่การปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ นางหันมาให้ความสนใจในเรื่องที่นางละเลยไปอย่างน่าอภัยในอดีต นั่นคือการศึกษาของเด็กทั้งสอง
นางจำได้เลาๆว่าจวินซิงเฉินนั้นมีความเฉลียวฉลาดและความจำดีเลิศ หากได้รับการส่งเสริมอย่างถูกต้อง เขาย่อมมีอนาคตที่สดใส ส่วนจวินเสวี่ยอัน แม้จะขี้อายและหวาดกลัว แต่ก็มีแววความสนใจในเรื่องศิลปะอยู่บ้าง
"ชุนเถา" นางเรียกสาวใช้คนสนิทเข้ามา "ไปสืบดูให้ละเอียดหน่อยว่า ตอนนี้ผู้ใดเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้ซิงเฉิน? หลักสูตรที่สอนเป็นอย่างไรบ้าง? แล้วเสวี่ยอันเล่า ได้เรียนรู้อะไรนอกเหนือจากงานเย็บปักถักร้อยจากจางมามาบ้างหรือไม่?" นางกำชับ "ข้าต้องการให้แน่ใจว่าบุตรธิดาแห่งจวนแม่ทัพจวิน ได้รับการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
ชุนเถารับคำและออกไปสืบความอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็กลับมารายงานด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก "เรียนนายหญิงเจ้าคะ คุณชายน้อยมีอาจารย์สอนหนังสืออยู่ท่านหนึ่ง นามว่าอาจารย์หลิน แต่มาสอนไม่สม่ำเสมอนักเจ้าค่ะ ส่วนใหญ่จะสอนเพียงการอ่านเขียนขั้นพื้นฐานและตำราพื้นฐานง่ายๆ ส่วนคุณหนูน้อยนั้น... นอกจากจางมามาจะสอนให้อ่านออกเขียนได้บ้างเล็กน้อยกับสอนงานปักผ้าแล้ว ก็มิได้มีผู้ใดมาสอนสั่งสิ่งอื่นเป็นพิเศษเลยเจ้าค่ะ อุปกรณ์การเรียน เช่น พู่กัน กระดาษ หรือตำรา ก็มีอยู่อย่างจำกัด"
เหออวี้หลันขมวดคิ้วมุ่น หัวใจพลันหนักอึ้ง นี่คือผลพวงจากการละเลยของนางในอดีตอย่างแท้จริง นางปล่อยให้บุตรชายผู้มีแววเฉลียวฉลาดต้องเรียนรู้อย่างกระท่อนกระแท่น ปล่อยให้บุตรสาวผู้อ่อนหวานต้องเติบโตขึ้นโดยขาดการส่งเสริมพรสวรรค์ที่อาจมี
"ไม่ได้การ" นางกล่าวเสียงเรียบ แต่แฝงความไม่พอใจ "ชุนเถา เจ้าไปแจ้งเฉียนก่วนเจีย ให้จัดหาพู่กัน แท่นฝนหมึก กระดาษ และตำราเรียนที่จำเป็นสำหรับซิงเฉินให้พร้อมสรรพ บอกอาจารย์หลินด้วยว่า ข้าต้องการให้เขามาสอนอย่างสม่ำเสมอ หากมีปัญหาใด ให้มาแจ้งข้าโดยตรง" นางหยุดเล็กน้อย คิดต่อ "และให้ลองหาอาจารย์หญิงที่มีความสามารถด้านการวาดภาพ หรือดนตรี หรือการเขียนอักษรวิจิตร มาเป็นอาจารย์ให้เสวี่ยอันด้วย ค่อยๆเริ่มจากสิ่งที่นางสนใจก่อน ไม่ต้องเร่งรัด" นางย้ำอีกครั้ง "จัดการเรื่องนี้อย่างเงียบๆ อย่าให้เป็นที่เอิกเกริก"
ชุนเถารับคำสั่งด้วยความรู้สึกทึ่งระคนยินดี นายหญิงของนางกำลังใส่ใจอนาคตของสองพี่น้องอย่างแท้จริง!
หลายวันต่อมา ในยามบ่ายที่แสงแดดอ่อนละมุน เหออวี้หลันรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย จึงออกมาเดินเล่นในสวนดอกไม้ของจวน สวนแห่งนี้กว้างขวางและได้รับการดูแลอย่างดี มีดอกไม้นานาพันธุ์กำลังเบ่งบานส่งกลิ่นหอมอบอวล นางเดินทอดน่องไปเรื่อยๆปล่อยให้ความคิดล่องลอย จนกระทั่งมาถึงบริเวณใกล้ศาลาริมสระบัว สายตาของนางก็พลันเหลือบไปเห็นร่างเล็กๆสองร่างที่คุ้นเคย
จวินซิงเฉินและจวินเสวี่ยอันกำลังนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ริมสระ โดยมีจางมามานั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง จวินซิงเฉินกำลังอ่านหนังสือม้วนหนึ่งอย่างตั้งใจ ส่วนจวินเสวี่ยอันกำลังใช้กิ่งไม้เล็กๆวาดรูปเล่นบนพื้นดิน
เหออวี้หลันชะงักฝีเท้า หลบอยู่หลังพุ่มดอกโบตั๋นหนาทึบ นางเพียงแค่อยากมองดูพวกเขาเงียบๆจากระยะไกล หัวใจพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาอย่างประหลาดเมื่อเห็นภาพนั้น ภาพของความสงบสุขเล็กๆที่นางไม่เคยมีส่วนร่วม
ทันใดนั้น จวินเสวี่ยอันเงยหน้าขึ้น ดวงตากลมโตสบเข้ากับสายตาของนางที่มองอยู่พอดิบพอดี!
เหออวี้หลันใจหายวาบ เตรียมพร้อมรับมือกับปฏิกิริยาหวาดกลัวเช่นครั้งก่อน แต่ครั้งนี้เด็กน้อยเพียงแค่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ แววตาไม่ได้ฉายความตื่นกลัวรุนแรงเท่าเดิม มีเพียงความสับสนระคนสงสัย นางจ้องมองเหออวี้หลันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบก้มหน้าหลบ แล้วขยับเข้าไปนั่งชิดพี่ชายตามความเคยชิน
เหออวี้หลันนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้ขยับเข้าไปใกล้ นางเพียงแค่ผงกศีรษะให้เล็กน้อยอย่างแผ่วเบา แผ่วเบาจนแทบมองไม่เห็น... ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปเงียบๆ
นางไม่ได้รู้เลยว่า การกระทำอันเงียบงันนั้น อยู่ในสายตาของคนผู้หนึ่งมาโดยตลอด
จวินเหยียนซี ซึ่งกำลังเดินตรวจตราความเรียบร้อยในจวนผ่านมาทางนั้นพอดี เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากมุมหนึ่งของศาลา เขาเห็นภรรยาของตนหยุดยืนมองบุตรทั้งสองด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย เห็นนางผงกศีรษะเล็กน้อยก่อนจะจากไป และเห็นปฏิกิริยาของเสวี่ยอันที่เปลี่ยนไป ความกลัวที่ลดลง ความประหลาดใจที่เข้ามาแทนที่
แม่ทัพหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย แววตาคมกล้าฉายประกายครุ่นคิด เขายืนนิ่งอยู่ครู่ใหญ่หลังจากเหออวี้หลันเดินลับไปแล้ว สายตาจับจ้องไปยังบุตรทั้งสองด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน ก่อนจะหมุนกายเดินจากไปอีกทางหนึ่งเงียบๆเช่นกัน
เหออวี้หลันกลับมาถึงเรือนอวี้ฮั่น หัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ การสบตากับจวินเสวี่ยอันเมื่อครู่ แม้จะสั้นนัก แต่มันก็จุดประกายความหวังเล็กๆขึ้นในใจนาง บางทีกำแพงน้ำแข็งนั้นอาจจะไม่ได้หนาทึบจนเกินจะทลายลงได้...
การปรับปรุงเรือน การจัดการเรื่องการศึกษา ทุกอย่างกำลังดำเนินไป นางรู้ว่าหนทางยังอีกยาวไกล แต่ทุกย่างก้าวที่นางทำลงไป ล้วนเป็นไปเพื่ออนาคต... อนาคตที่นางหวังว่าจะสามารถเรียกคืนรอยยิ้มและความไว้วางใจจากเด็กทั้งสองได้อีกครั้ง
เมื่อเหมันต์อันยาวนานและเยือกเย็นได้โบกมืออำลาไปอย่างแท้จริง วสันตฤดูอันแสนสดใสก็หวนกลับมาเยือนจวนแม่ทัพจวินอีกครั้ง คราวนี้มิใช่เพียงธรรมชาติภายนอกที่ผลิบาน แต่หัวใจของผู้อยู่อาศัยภายในจวนแห่งนี้ก็คล้ายจะเบ่งบานไปด้วยไอรักและความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนการดูแลเอาใจใส่ของจวินเหยียนซีในช่วงที่เหออวี้หลันล้มป่วยลงนั้น เปรียบเสมือนหยาดน้ำทิพย์สุดท้ายที่หลอมละลายกำแพงน้ำแข็งในใจของคนทั้งสองจนหมดสิ้น ความเคลือบแคลงสงสัย ความไม่เข้าใจ และความห่างเหินที่เคยมี บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยความไว้วางใจ ความเข้าใจ และความรู้สึกผูกพันอันลึกซึ้งอย่างแท้จริงกิจวัตรประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด การร่วมโต๊ะเสวยกลายเป็นเรื่องปกติที่เต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและรอยยิ้ม การดื่มชายามค่ำคืนในศาลากลางสวนกลายเป็นช่วงเวลาของการแบ่งปันความคิดและความรู้สึกอย่างเปิดอกมากขึ้น พวกเขาเริ่มเรียนรู้ที่จะสื่อสารกันอย่างตรงไปตรงมา และรับฟังซึ่งกันและกันด้วยหัวใจที่เปิดกว้างจวินเหยียนซีดูจะผ่อนคลายและแสดงความรู้สึกออกมามากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน รอยยิ้มจางๆที่เคยหาได้ยากยิ่ง บัดนี้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคายนั้
ภายหลังจากค่ำคืนในการเผชิญหน้าอันตึงเครียดในโรงเก็บฟืนเก่า บรรยากาศภายในจวนแม่ทัพจวินก็คล้ายจะถูกแช่แข็งไว้ด้วยความเงียบงันอันน่าอึดอัดยิ่งกว่าเดิม แม้จวินเหยียนซีจะมิได้เอ่ยปากขับไล่ หรือแสดงท่าทีรังเกียจนางอย่างเปิดเผย แต่ความห่างเหินและสายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งและคำถามที่ไร้คำตอบของเขานั้น ก็เป็นดั่งกำแพงที่มองไม่เห็น แต่กลับสูงตระหง่านและเย็นเยียบยิ่งกว่าครั้งไหนๆเหออวี้หลันเข้าใจดีว่านางกำลังอยู่ในช่วงเวลาของการพิสูจน์ตนเองอีกครั้ง และครั้งนี้หนักหนากว่าเดิมหลายเท่านัก ความไว้วางใจที่เพิ่งจะเริ่มก่อตัวขึ้น บัดนี้ได้พังทลายลงไปแล้วด้วยความลับและการปิดบังของนางเอง คำพูดของเขาที่ว่า "ข้าจะตัดสินเจ้าจากการกระทำของเจ้าในปัจจุบันและอนาคต" คือโอกาสสุดท้ายที่นางได้รับ โอกาสสุดท้ายที่นางต้องรักษาไว้ให้จงได้นางทุ่มเทแรงกายแรงใจทั้งหมดให้กับการทำหน้าที่ของตนเองยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา นางตื่นแต่เช้าตรู่ เข้านอนดึกดื่น ตรวจตราดูแลทุกซอกทุกมุมของจวนด้วยความใส่ใจและความละเอียดลออที่ไม่เคยมีใครเทียบได้ ตั้งแต่การจัดสรรเสบียงในคลัง การดูแลความเป็นอยู่ของบ่าวไพร่ การบริหารจัดการงบประมาณ ไปจนถึง
เหมันต์ยังคงทอดเงาทาบทับจวนแม่ทัพจวิน อากาศเย็นเยียบจับขั้วหัวใจแต่กลับมิอาจเทียบเท่าความหนาวเหน็บที่เกาะกุมจิตใจของเหออวี้หลันได้เลยนับตั้งแต่การปรากฏตัวของชิวเยว่ในอดีตชาติ แม้นางจะพยายามรักษาความสงบ ทำหน้าที่ฮูหยินและมารดาเลี้ยงอย่างมิได้ขาดตกบกพร่อง แต่ความหวาดระแวงและความกลัวก็กัดกินใจนางอยู่ทุกขณะลมหายใจนางเฝ้าสังเกตการณ์ชิวเยว่ผู้นั้นอย่างลับๆมาตลอด แต่สตรีผู้นั้นก็ยังคงทำงานของตนไปอย่างเงียบๆ ขยันขันแข็ง ไม่แสดงพิรุธใดๆออกมา ความสงบเสงี่ยมนั้นเองที่ยิ่งทำให้นางหวาดผวา มันเหมือนความเงียบก่อนพายุจะโหมกระหน่ำ หรือเหมือนอสรพิษที่ซ่อนตัวนิ่งรอจังหวะที่จะฉกกัดความอดทนของเหออวี้หลันใกล้จะถึงขีดสุด นางไม่อาจทนใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ความหวาดกลัวเช่นนี้ได้อีกต่อไป นางต้องรู้ให้แน่ชัด... ว่าชิวเยว่ต้องการสิ่งใดกันแน่!จนกระทั่งวันหนึ่งขณะที่นางกำลังตรวจดูผ้าปูที่นอนที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆในห้องเก็บผ้าใกล้โรงซักล้าง สายตาของนางก็พลันสะดุดเข้ากับบางสิ่ง ปมเชือกสีแดงเส้นเล็กๆที่ถูกผูกซ่อนไว้ในเนื้อผ้าอย่างแนบเนียน เป็นปมแบบเดียวกันกับที่นางเคยใช้ผูกของเล่นชิ้นโปรดของเสวี่ยอัน แล้วโยนทิ้งไปด้วยคว
เหมันตฤดูยังคงดำเนินไปอย่างเนิบนาบ วันคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้าภายใต้ท้องฟ้าสีเทาหม่น เหออวี้หลันพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาความสงบเรียบร้อยและความเป็นปกติสุขภายในจวนแม่ทัพไว้ให้มั่นคงที่สุด แต่นางก็รู้ดีว่าภายใต้ความสงบนั้นมีพายุร้ายกำลังก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ... พายุที่มาจากอดีตของนางเองชิวเยว่ในชาติก่อนยังคงทำงานอยู่ในส่วนซักล้างและงานจิปาถะอื่นๆ อย่างขยันขันแข็งและดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัยใดๆ นางพูดน้อย ยิ้มยาก และมักจะก้มหน้าก้มตาทำงานของตนไปเงียบๆไม่สุงสิงกับผู้ใดเป็นพิเศษ แต่ยิ่งนางดูสงบเสงี่ยมมากเท่าใด เหออวี้หลันก็ยิ่งรู้สึกหวาดระแวงมากขึ้นเท่านั้น สัญชาตญาณบางอย่างร้องเตือนอยู่ภายในว่าสตรีผู้นี้มิได้มาที่นี่โดยบังเอิญอย่างแน่นอนความหวาดระแวงนั้นได้รับการยืนยันในเวลาต่อมา...วันหนึ่งหลี่มามา บ่าวอาวุโสผู้รับใช้ตระกูลจวินมานานได้เข้ามาพบเหออวี้หลันเป็นการส่วนตัวด้วยสีหน้าที่ดูครุ่นคิดเล็กน้อย "เรียนฮูหยินเจ้าคะ บ่าวมีเรื่องประหลาดใจเล็กน้อยจะเรียนให้ทราบ""เรื่องอันใดหรือหลี่มามา?" เหออวี้หลันถาม พยายามควบคุมไม่ให้หัวใจเต้นแรงจนผิดสังเกต"คือ... ชิวเยว่ คนงานใหม่ในโรงซักล้างน่ะเจ้า
เหมันตฤดูแผ่ปกคลุมจวนแม่ทัพจวินด้วยไอเย็นยะเยือก หิมะโปรยปรายลงมาเป็นครั้งคราว แต่งแต้มให้หลังคาและกิ่งก้านของต้นไม้กลายเป็นสีขาวโพลน ชีวิตภายในจวนดำเนินไปอย่างอบอุ่นและสงบสุขภายใต้การดูแลของเหออวี้หลันและจวินเหยียนซี ความสัมพันธ์ของทั้งสองแน่นแฟ้นขึ้นตามลำดับ ความรักและความเข้าใจค่อยๆถักทอสายใยอันมั่นคงขึ้นมาแทนที่ความเย็นชาในอดีต เด็กทั้งสองเติบโตขึ้นอย่างร่าเริงและมั่นคงภายใต้ร่มเงาแห่งความรักของครอบครัวทว่าความสงบสุขที่ดูเหมือนจะยั่งยืนนี้ กลับมีอันต้องสั่นคลอน... เมื่ออดีตที่ไม่คาดฝันได้หวนกลับมาทวงถามเนื่องด้วยขนาดของจวนที่กว้างขวางและจำนวนบ่าวไพร่ที่มีอยู่เดิมเริ่มไม่เพียงพอ ประกอบกับมีบ่าวบางส่วนลาออกหรือถึงวัยเกษียณ พ่อบ้านเฉียนจึงได้นำเสนอเรื่องการว่าจ้างบ่าวรับใช้ระดับล่างเพิ่มเติมสองสามตำแหน่ง เช่น คนงานในโรงซักล้าง หรือคนสวนชั้นผู้น้อย เขาได้คัดเลือกผู้ที่มีคุณสมบัติเบื้องต้นเหมาะสมมาหลายคน และนำรายชื่อพร้อมประวัติย่อมาให้เหออวี้หลันในฐานะฮูหยินเป็นผู้พิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในการบริหารจัดการจวนเหออวี้หลันรับรายชื่อมาตรวจดูอย่างละเอียดตามปกติ นาง
ค่ำคืนงานเลี้ยงรับรองมาถึง จวนแม่ทัพจวินสว่างไสวไปด้วยแสงไฟจากโคมไฟนับร้อยดวง บรรยากาศโอ่อ่าสง่างามสมเกียรติ แขกเหรื่อผู้ทรงเกียรติ ทั้งขุนนางผู้ใหญ่ นายทหารระดับสูง และฮูหยินต่างทยอยเดินทางมาถึงด้วยรถม้าคันหรูจวินเหยียนซีและเหออวี้หลันยืนรอต้อนรับแขกอยู่ที่โถงทางเข้าหลัก เคียงข้างกันอย่างสง่างาม เขาสวมชุดขุนนางเต็มยศสีน้ำเงินเข้มดูน่าเกรงขาม ส่วนนางอยู่ในชุดสีทองอ่อนอันงดงาม ขับเน้นความงามอันสุขุมและสูงศักดิ์ ทั้งสองเป็นดั่งหยกคู่งามที่เปล่งประกาย สร้างความประทับใจให้แก่ผู้มาเยือนตั้งแต่แรกเห็นเหออวี้หลันทำหน้าที่เจ้าบ้านได้อย่างไร้ที่ติ นางกล่าวต้อนรับแขกแต่ละคนด้วยรอยยิ้มอันอบอุ่นและเป็นมิตร สามารถจดจำชื่อและตำแหน่งของทุกคนได้อย่างแม่นยำ สนทนาด้วยถ้อยคำที่เหมาะสมและแสดงความใส่ใจทำให้นางได้รับคำชื่นชมในความอ่อนน้อมและความเฉลียวฉลาดจากเหล่าแขกเหรื่อ โดยเฉพาะบรรดาฮูหยินทั้งหลายที่เคยมีอคติต่อนางมาก่อนส่วนจวินเหยียนซีนั้นเขารับหน้าที่ดูแลต้อนรับแขกฝ่ายชาย สนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเหล่าขุนนางและนายทหารด้วยท่าทีที่สุขุมและน่าเชื่อถือ เขาสังเกตการณ์ปฏิกิริยาและท่าทีของแขกแต่ละคนอย่