เมื่อกลับถึงเรือนอวี้ฮั่นอันโอ่อ่า เหออวี้หลันทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้บุต่วนเนื้อดีอย่างอ่อนแรง ภาพดวงตาหวาดกลัวสุดขีดของจวินเสวี่ยอันยังคงติดตรึงอยู่ในมโนสำนึก ราวกับเหล็กเผาไฟที่นาบลงบนหัวใจ นางหลับตาลงช้าๆสูดลมหายใจลึกยาว พยายามข่มความรู้สึกท้อแท้ที่เริ่มก่อตัวขึ้น
นางทำพลาดไปเสียแล้ว การไปปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เด็กน้อยหวาดผวามากขึ้น
ความจริงข้อนี้ช่างบาดลึก บาดแผลที่มองไม่เห็นซึ่งนางได้สร้างไว้ในใจของเด็กทั้งสองนั้นลึกซึ้งและรักษายากเย็นกว่าบาดแผลทางกายนัก นางต้องอดทน ต้องใจเย็น ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไปยิ่งกว่านี้
"นายหญิง ดื่มชาร้อนๆสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ" ชุนเถาเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วางถ้วยชากระเบื้องเคลือบลายดอกโบตั๋นลงบนโต๊ะข้างกายนางอย่างแผ่วเบา แววตาฉายความกังวลระคนไม่แน่ใจ
เหออวี้หลันลืมตาขึ้น รับถ้วยชามาถือไว้ ไออุ่นจากถ้วยชาค่อยๆซึมซาบผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างกาย "ข้าไม่เป็นไรชุนเถา แค่ต้องใช้เวลา…" นางตอบเสียงเบา แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่
ชุนเถานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น "บ่าวว่า นายหญิงวันนี้ ดู... ดูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ดู... ใจดีขึ้น" แม้จะเป็นเพียงคำพูดเรียบง่าย แต่สำหรับเหออวี้หลันแล้ว มันคล้ายกับแสงเทียนริบหรี่ที่ส่องสว่างขึ้นในความมืดมิด
นางเงยหน้าขึ้นสบตาสาวใช้คนสนิท แย้มยิ้มบางๆ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้ย้อนกลับมา "ขอบใจเจ้ามาก ชุนเถา" อย่างน้อยก็ยังมีคนผู้หนึ่งที่สังเกตเห็นและอาจจะเชื่อมั่นในตัวนาง
ชุนเถาหน้าแดงระเรื่อ รีบก้มหน้าลงด้วยความเขินอายระคนยินดี นางรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในตัวนายหญิงจริงๆ แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็อดรู้สึกดีใจไม่ได้
ข่าวการไปเยือนเรือนจื่อเถิงของฮูหยิน พร้อมทั้งคำขอโทษอันน่าประหลาดใจ แพร่สะพัดไปในหมู่บ่าวไพร่อย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง แม้ส่วนใหญ่จะยังคงเคลือบแคลงสงสัย แต่ก็มีบางส่วนที่เริ่มมองเหออวี้หลันในแง่มุมที่ต่างออกไป บรรยากาศในจวนแม่ทัพที่เคยตึงเครียดและอบอวลไปด้วยความหวาดระแวงต่อนายหญิงคนใหม่ เริ่มมีกระแสลมของความเปลี่ยนแปลงอันแผ่วเบาพัดผ่านเข้ามา
เหออวี้หลันนั่งจิบชาเงียบๆ ความคิดแล่นวนไปถึงสภาพความเป็นอยู่ในเรือนจื่อเถิง ความเรียบง่ายจนเกือบจะเรียกได้ว่าซอมซ่อนั้น ช่างแตกต่างจากความหรูหราฟุ่มเฟือยในเรือนของนางราวฟ้ากับดิน
ไม่ได้การ... นางคิดในใจ ถึงแม้ว่าความสัมพันธ์ทางใจจะต้องใช้เวลา แต่ความเป็นอยู่ทางกายของพวกเขาต้องดีขึ้น อย่างน้อยก็ควรให้สมฐานะบุตรธิดาของแม่ทัพจวินเหยียนซี นี่คือสิ่งที่ข้าควรทำตั้งแต่แรก แต่กลับละเลยมาตลอด
เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น นางจึงหันไปสั่งชุนเถา "ไปเชิญเฉียนก่วนเจียมาพบข้า"
เฉียนก่วนเจีย หรือพ่อบ้านเฉียน เป็นบุรุษวัยกลางคน รูปร่างสันทัด ท่าทางสุขุมรอบคอบ เขาทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยและจัดการการเงินทั้งหมดของจวนแม่ทัพมานานหลายปี คุ้นเคยกับนิสัยเอาแต่ใจและเรียกร้องไม่หยุดหย่อนของนายหญิงคนปัจจุบันเป็นอย่างดี เมื่อได้รับคำสั่งเรียกพบ เขาก็มาถึงเรือนอวี้ฮั่นด้วยความรวดเร็ว แต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าคราวนี้จะมีเรื่องสิ้นเปลืองอันใดอีก
"คารวะฮูหยินขอรับ" เฉียนก่วนเจียประสานมือคำนับอย่างนอบน้อม
"ท่านก่วนเจีย ไม่ต้องมากพิธี" เหออวี้หลันวางถ้วยชาลง กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ชัดเจน "ข้าอยากจะถามท่านเรื่องเรือนจื่อเถิง สภาพเรือนตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง? หลังคา หน้าต่าง ยังคงดีอยู่หรือไม่? เครื่องเรือนเก่าเกินไปหรือเปล่า? แล้วเรื่องเครื่องนอนเล่า? ผ้าห่มหนาพอสำหรับฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงหรือไม่?"
คำถามชุดยาวเหยียดที่แสดงความใส่ใจในรายละเอียดเกี่ยวกับเรือนเล็กที่ถูกหลงลืมนั้น ทำให้เฉียนก่วนเจียถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขาเงยหน้าขึ้นมองนายหญิงอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเอ่ยถามถึงความเป็นอยู่ของบุตรเลี้ยงทั้งสอง!
"เอ่อ... เรือนจื่อเถิงนั้น แม้จะเก่าไปบ้าง แต่ก็ยังแข็งแรงดีขอรับ หลังคามีรอยรั่วซึมเล็กน้อยเมื่อฝนตกหนัก ส่วนเครื่องเรือนนั้นก็เป็นของเดิมที่ใช้กันมานานแล้วขอรับ สำหรับเครื่องนอน..." เขาลังเลเล็กน้อย "อาจจะต้องจัดหาผ้านวมผืนใหม่ที่หนาขึ้นสำหรับฤดูหนาวขอรับ"
"ดี" เหออวี้หลันพยักหน้า "เช่นนั้น รบกวนท่านก่วนเจียช่วยจัดการซ่อมแซมหลังคาให้เรียบร้อย จัดหาเครื่องเรือนชุดใหม่เข้าไปแทนที่ของเก่า เอาแบบที่เรียบง่ายแต่แข็งแรงทนทานก็พอ ไม่ต้องหรูหรามากนัก ส่วนเครื่องนอน ให้จัดหาชุดใหม่ทั้งหมด เลือกผ้าฝ้ายเนื้อดีที่สุด ผ้านวมต้องหนาและอุ่นเป็นพิเศษ จัดหาเตาผิงเล็กๆเพิ่มเข้าไปด้วย และจัดสรรถ่านไม้สำหรับฤดูหนาวให้เรือนนั้นมากกว่าเดิมสองส่วน" นางสั่งการอย่างละเอียดและเด็ดขาด "เรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมด ให้เบิกจากเงินส่วนตัวของข้าได้เลย ทำให้เร็วที่สุด แต่ไม่ต้องป่าวประกาศให้มากความ"
เฉียนก่วนเจียเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำสั่งสุดท้าย เบิกจากเงินส่วนตัว? นี่มันยิ่งกว่าประหลาด! แต่เขาก็เป็นคนฉลาดพอที่จะไม่เอ่ยถามสิ่งใด ได้แต่ก้มหน้ารับคำอย่างรวดเร็ว "ขอรับ! บ่าวจะรีบดำเนินการตามคำสั่งของฮูหยินทันที"
หลังจากเฉียนก่วนเจียออกไปแล้ว เหออวี้หลันก็รู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย อย่างน้อยนางก็ได้ทำในสิ่งที่ควรทำไปอีกอย่างหนึ่ง แม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่ก็หวังว่ามันจะช่วยให้ชีวิตของเด็กทั้งสองดีขึ้นบ้างไม่มากก็น้อย
เวลาผ่านไปจนกระทั่งพลบค่ำ บรรยากาศในจวนพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อขบวนของท่านแม่ทัพกลับมาถึง เหออวี้หลันซึ่งกำลังนั่งอ่านตำราแพทย์ที่นางให้ชุนเถาไปหามาเงยหน้าขึ้น มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเงาร่างสูงสง่าของจวินเหยียนซีก้าวลงจากรถม้าด้วยท่วงท่าองอาจ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายนั้นยังคงเรียบเฉยเย็นชาเช่นเคย
หัวใจของนางกระตุกวูบโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกซับซ้อนหลากหลายประดังเข้ามา ทั้งความรู้สึกผิด ความเสียดาย และความหวั่นไหวจางๆ ที่นางไม่เคยยอมรับในอดีต
นางรีบก้มหน้าลงมองตำราในมือดังเดิม ทำทีเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าของเขาที่ใกล้เข้ามา เขาไม่ได้ตรงไปยังห้องหนังสือหรือเรือนพักของตนเอง แต่กลับเดินเข้ามาในโถงกลางของเรือนอวี้ฮั่นแห่งนี้
เสียงฝีเท้าหยุดลง... นางรู้สึกได้ถึงสายตาคมกริบคู่หนึ่งที่จับจ้องมายังนาง บรรยากาศพลันหนักอึ้งขึ้นมาทันที
"วันนี้... ในจวนมีเรื่องใดหรือไม่?" น้ำเสียงทุ้มต่ำแต่เย็นเยียบเอ่ยถามขึ้น เรียบง่ายแต่แฝงนัยยะบางอย่าง
เหออวี้หลันค่อยๆเงยหน้าขึ้น สบตากับเขาตรงๆ "ไม่มีเรื่องใดเป็นพิเศษเจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ" นางตอบเสียงเรียบ พยายามควบคุมไม่ให้เสียงสั่น "เพียงแต่ข้าได้สั่งให้เฉียนก่วนเจียไปดูแลปรับปรุงเรือนจื่อเถิงเล็กน้อยเท่านั้น"
จวินเหยียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แววตาฉายประกายประหลาดใจแวบหนึ่ง แต่ก็เพียงชั่วครู่เท่านั้น เขามองนางนิ่งอยู่ครู่ใหญ่ สายตาคมกริบคู่นั้นราวกับจะมองทะลุเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของนาง ก่อนจะเบือนหน้าหนีไป "ตามใจเจ้า" เขากล่าวเพียงเท่านั้น แล้วหมุนกายเดินจากไปยังห้องหนังสือ ทิ้งไว้เพียงความเย็นชาและระยะห่างเช่นเดิม
เหออวี้หลันมองตามแผ่นหลังกว้างนั้นไปจนลับสายตา ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับเขาคงต้องใช้เวลามากกว่าการซ่อมแซมเรือนจื่อเถิงนัก แต่นางจะไม่ยอมแพ้... เพื่อเด็กทั้งสอง และเพื่อโอกาสครั้งที่สองที่นางได้รับมานี้
เมื่อกลับถึงเรือนอวี้ฮั่นอันโอ่อ่า เหออวี้หลันทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้บุต่วนเนื้อดีอย่างอ่อนแรง ภาพดวงตาหวาดกลัวสุดขีดของจวินเสวี่ยอันยังคงติดตรึงอยู่ในมโนสำนึก ราวกับเหล็กเผาไฟที่นาบลงบนหัวใจ นางหลับตาลงช้าๆสูดลมหายใจลึกยาว พยายามข่มความรู้สึกท้อแท้ที่เริ่มก่อตัวขึ้นนางทำพลาดไปเสียแล้ว การไปปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้ มีแต่จะทำให้เด็กน้อยหวาดผวามากขึ้นความจริงข้อนี้ช่างบาดลึก บาดแผลที่มองไม่เห็นซึ่งนางได้สร้างไว้ในใจของเด็กทั้งสองนั้นลึกซึ้งและรักษายากเย็นกว่าบาดแผลทางกายนัก นางต้องอดทน ต้องใจเย็น ต้องค่อยๆเป็น ค่อยๆไปยิ่งกว่านี้"นายหญิง ดื่มชาร้อนๆสักหน่อยเถิดเจ้าค่ะ" ชุนเถาเดินเข้ามาอย่างเงียบเชียบ วางถ้วยชากระเบื้องเคลือบลายดอกโบตั๋นลงบนโต๊ะข้างกายนางอย่างแผ่วเบา แววตาฉายความกังวลระคนไม่แน่ใจเหออวี้หลันลืมตาขึ้น รับถ้วยชามาถือไว้ ไออุ่นจากถ้วยชาค่อยๆซึมซาบผ่านฝ่ามือเข้าสู่ร่างกาย "ข้าไม่เป็นไรชุนเถา แค่ต้องใช้เวลา…" นางตอบเสียงเบา แต่แฝงไว้ด้วยความแน่วแน่ชุนเถานิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าเอ่ยขึ้น "บ่าวว่า นายหญิงวันนี้ ดู... ดูเปลี่ยนไปนะเจ้าคะ ดู... ใจดีขึ้น" แม้จะเป็นเพีย
ณ เรือนจื่อเถิง อันเป็นที่พำนักของสองคุณชายน้อยและคุณหนูน้อยแห่งจวนแม่ทัพ บรรยากาศยามเช้าแตกต่างจากเรือนอวี้ฮั่นโดยสิ้นเชิง แม้จะสะอาดสะอ้าน แต่ก็ขาดความหรูหราและกลิ่นอายของความมั่งคั่งไปหลายส่วน ลานเล็กๆหน้าเรือนมีต้นจื่อเถิงเลื้อยพันซุ้มไม้อยู่ต้นหนึ่ง แม้ยังไม่ถึงฤดูผลิดอก แต่กิ่งก้านที่แผ่ขยายก็ให้ร่มเงาและความสงบอย่างประหลาดจางมามา บ่าวอาวุโสผู้มีใบหน้าใจดีแต่แฝงแววเหนื่อยล้า กำลังจัดสำรับอาหารเช้าให้เด็กทั้งสองด้วยความเคยชิน โจ๊กขาวสองถ้วย หมั่นโถวสี่ลูก และผักดองหนึ่งจานเล็กเพียงเท่านั้น แต่แล้วนางก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นบ่าวจากครัวหลักสองนางยกถาดอาหารขนาดใหญ่ตามหลังชุนเถาเข้ามา"นี่มัน..." จางมามาเบิกตากว้าง มองอาหารเลิศรสที่ถูกจัดวางลงบนโต๊ะแทนที่สำรับเดิม ซุปไก่ตุ๋นยาจีนส่งกลิ่นหอมกรุ่น ไข่ตุ๋นเนื้อเนียนสีเหลืองอ่อน ปลานึ่งซีอิ๊วหน้าตาน่าทาน อาหารเหล่านี้ ปกติแล้วมีแต่ท่านแม่ทัพและฮูหยินเท่านั้นที่จะได้ลิ้มรส"ฮูหยินสั่งมาให้คุณชายน้อยกับคุณหนูน้อยเป็นพิเศษเจ้าค่ะ" ชุนเถากล่าวด้วยรอยยิ้มบางๆ พยายามเก็บซ่อนความประหลาดใจของตนเองไว้ "บอกว่าอากาศเริ่มเย็นแล้ว ให้บำรุงร่างกายเสี
ภายหลังจากชุนเถาออกไปแล้ว เหออวี้หลันยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง ปล่อยให้ความคิดและความรู้สึกหลากหลายไหลเวียนอยู่ในห้วงคำนึง แสงอรุณยามเช้าทาบทอเข้ามาในห้อง สาดส่องให้เห็นรายละเอียดอันวิจิตรบรรจงของเครื่องเรือนและของประดับตกแต่ง ทุกชิ้นล้วนสะท้อนถึงฐานะอันสูงส่งของจวนแม่ทัพและรสนิยมอันหรูหราของนางในอดีตไม่นานนัก ชุนเถาก็นำอ่างน้ำล้างหน้าและเครื่องประทินโฉมเข้ามา นางลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เดินไปยังหน้าคันฉ่องทองเหลือง มองเงาสะท้อนของสตรีงดงามแรกรุ่น... ใบหน้านี้ยังอ่อนเยาว์นัก ดวงตายังไม่กร้านโลกเช่นในชาติก่อน ผิวพรรณยังผุดผ่องไร้ริ้วรอยแห่งกาลเวลา แต่กระนั้น แววตาที่มองตอบกลับมากลับแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้าและความเศร้าสร้อยที่เกินกว่าวัยจะพึงมีสิบกว่าปี... ความทุกข์ทรมาน ความโดดเดี่ยว และความสำนึกผิดที่แสนยาวนาน มันได้กัดกร่อนจิตวิญญาณนางไปมากเพียงใดหนอ?นางหลับตาลง สูดหายใจลึก ขับไล่ความอ่อนแอในใจออกไป เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แววตาคู่นั้นก็กลับมาฉายประกายมุ่งมั่นดังเดิม"ชุนเถา ช่วยข้าแต่งตัว"สาวใช้คนสนิทขานรับอย่างนอบน้อม นางช่วยเหออวี้หลันเลือกอาภรณ์ เป็นชุดกระโปรงยาวสีเขียวหยกเนื้อดี
ความรู้สึกตัวค่อยๆหวนคืนสู่ร่างที่เคยเหน็บหนาวและว่างเปล่า ราวกับฟื้นจากฝันร้ายที่ยาวนาน เปลือกตาหนักอึ้งค่อยๆปรือเปิดขึ้น แสงสว่างนวลตาที่ลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้เหออวี้หลันต้องหยีตาลงเล็กน้อย กลิ่นหอมอ่อนๆของกำยานชั้นดีลอยอวลอยู่ในอากาศ กลิ่นที่นางห่างหายไปนานเหลือเกินนี่ข้า... ยังไม่ตาย?ความคิดแรกผุดขึ้นในห้วงคำนึง ความทรงจำสุดท้ายคือความเยียบเย็นจับขั้วหัวใจในเรือนพักท้ายจวนอันผุพัง เสียงลมหวีดหวิวคล้ายเสียงคร่ำครวญของวิญญาณโดดเดี่ยว และภาพเลือนรางของเงาร่างสูงสง่าที่หันหลังให้... เงาของบุรุษที่นางเคยเรียกว่าสามีนางพยายามยันกายลุกขึ้น ความเจ็บปวดรวดร้าวที่ควรจะกัดกินทุกอณูในร่างกลับเลือนหายไปสิ้น มีเพียงความอ่อนเพลียเล็กน้อยเท่านั้น นางกวาดสายตามองไปรอบกายอย่างเชื่องช้า แล้วหัวใจก็พลันกระตุกวูบ!นี่มัน... เรือนอวี้ฮั่น! เรือนนอนของนางในจวนแม่ทัพจวินเหยียนซี!ฉากกั้นปักลายหงส์คู่มังกรทองที่นางเคยสั่งให้คนยกออกไปเพราะเห็นว่ามันบดบังทิวทัศน์ โต๊ะเครื่องแป้งไม้จันทน์หอมสลักลายบุปผาที่นางเคยปัดเครื่องประทินโฉมลงแตกกระจายด้วยโทสะ แจกันกระเบื้องเคลือบสีน้ำทะเลที่นางเคยใช้ขว้างปาใส่บ