แชร์

บทที่ 5 เปลี่ยนตัวเองเป็นคนใหม่

ผู้เขียน: Lovedee
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-17 23:42:28

เมื่อท่านอ๋องหนุ่มตกใจตื่นขั้นมาในยามซื่อ(ก่อนสิบโมงเช้า ) เขาผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อในอ้อมกอดของเขามันว่างเปล่า เขาเหลียวมองไปรอบๆห้องนั้น มิมีวี่แววของนาง เหลียวมองบนพื้นห้องก็เห็นเพียงอาภรณ์ของเขาที่มันหล่นกราดเกลื่อนอยู่ทั่วไป แต่มิมีของนางเลยสักชิ้นเดียว

นางกลับไปแล้วเช่นนั้นหรือ มิได้ปลุกเขาขึ้นมาเรียกร้องความรับผิดชอบที่เขาได้ย่ำยีนางไปแล้ว นางไปง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ เขารีบลุกขึ้นคว้าเครื่องแต่งกายที่่มันหล่่นอยู่ไปตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบก้าวออกไปจากห้องนั้น เปิดประตูออกไปพบองครักษ์ของเขายืนอยู่ที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องนั้น “ นางล่ะ นางไปแล้วเช่นนั้นหรือ ” เขาเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรน “ 

องครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ นางไปแล้วพะยะคะ ไปตั้งแต่ชั่วยามก่อนแล้ว ”  เขาเอ่ยถามอีกว่า ” นางมิได้สั่งอะไรไว้เลยหรือ นางมีท่าทางเช่นใดบ้าง “ องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า ” นางมิได้พูดอะไรเลยพะยะคะ นางเดินไปเรียกสาวใช้ของนางแล้วก็เดินออกไปด้วยกัน มิได้โวยวายหรือร้องไห้แต่อย่างใดพะยะคะ "  ท่านอ๋องหนุ่มอึ้งงันไป นางมิได้โวยวายร้องไห้อยากจะให้เขารับผิดชอบนางเลยเช่นนั้นหรือ นางมิได้สนใจอะไรยอมกลับไปง่ายๆเช่นนั้นเลยหรือ แต่คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันที่นางมิได้โวยวายเรียกร้องสิ่งใดให้เขารับผิดชอบ เขาก็จะทำเป็นลืมเรื่องนี้ไปเลยเหมือนว่ามันไม่เคยอะไรเกิดขึ้น จากนั้นท่านอ๋องรุ่ยหยางก็เดินนำหน้าองครักษ์ทั้งสองออกจากโรงเตี้ยมแห่งนั้นไป 

เฟยฮวาเมื่อกลับเข้ามาในห้องของนางแล้ว นางบอกเผยอันให้ออกไปจากห้องของนางก่อน มีอะไรก็ไปทำเถิด นางจะขออยู่เพียงคนเดียวชั่วครู่ เมื่อเผยอันออกไปพ้นจากห้องแล้ว ทุกสิ่งรอบตัวของนางเงียบสงบลง น้ำตาเม็ดโตไหลรินลงมาช้าๆ แม้ปากบอกว่าทำใจได้แล้ว แต่ในอกของนางปวดแปลบยิ่งนัก เวลาที่นางหลงมัวเมากับชายผู้นั้น คิดว่าเขาคงจะเป็นคนดี เพราะเขามีใบหน้าที่หล่อเหลา ใบหน้าของเขามันขาวหมดจดผิวพรรณผ่องใส ตัดกับคิ้วเข้มนั้น ผิวพรรณของเขาก็เช่นเดียวกับชนชั้นสูงทั่วไป ที่มีผิวกายดังแตงร่มใบ ดั่งมิเคยต้องแสงแดดกระนั้น

นางเคยมองว่าเขางดงามดุจเทพเซียน หลงไหลใฝ่ฝันรูปกายของเขา คิดว่าจิตใจของเขาคงจะดีดังรูปกายที่นางเห็น แต่บัดนี้นางตาสว่างแล้ว รูปกายภายนอกที่เห็นนั้นมันเคลือบกายอสูรร้ายไว้ภายใน จิตใจของเขาดำดังเช่นอีกา เห็นชีวิตและความรักอันบริสุทธิ์ของผู้อื่นเป็นสิ่งตลกขบขัน นำมันมาล้อเลียนและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน ถึงกับนำชีวิตและความสาวของผู้อื่นมาพนันขันต่อกันราวกับสิ่งไร้ค่า นางคงจะน่ารังเกียจในสายตาของพวกเขาเหล่านั้นยิ่งนัก 

พวกเขามองนางต่ำต้อยด้อยค่ายิ่งกว่าหญิงนางโลมที่พวกเขาพูดถึง เขาเต็มใจที่จะเสพสุขกับหญิงนางโลมยิ่งกว่าจะต้องมาหลับหูหลับตาเสพสุขกับนางด้วยซ้ำ เขาคิดกันเช่นนั้น  น้ำตาของนางไหลรินลงมาไม่ขาดสาย ความรักครั้งแรกของนางจบลงอย่างเจ็บแสบที่สุด นางเสียสิ่งมีค่าของลูกผู้หญิงไปให้กับคนที่ไม่เห็นคุณค่าของมันเลยด้วยซ้ำ

นางร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมาอย่างหนัก ร้องจนน้ำตาแทบไม่ม่ีจะไหล นางกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด เสียงร้องของนางมันบาดลึกลงไปในจิตใจของนางเอง นางจะร้องไห้ให้กับความรักที่มอบให้ชายโฉดผู้นี้แค่เพียงครั้งนี้ ต่อไปนางจะมิยอมเสียน้ำตาให้ชายที่ไม่เห็นค่าของนางอีกต่อไป วันนั้นเฟยฮวาร้องไห้จนเหนื่อยและหลับไป นางนอนฝันร้ายแทบทั้งคืนในคืนนั้น ฝันเห็นชายผู้นั้นกลายเป็นอสูรร้ายวิ่งตามไล่ตะปบนาง นางก็วิ่งหนีอสูรร้ายผู้นั้นอย่างไม่คิดชีวิต จนตื่นขึ้นมาในวันรุ่งขึ้นด้วยความอ่อนเพลีย 

หลายวันผ่านมาเฟยฮวานั่งที่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งของนางจ้องมองไปยังสตรีในคันฉ่องบานใหญ่นั้น นางอ้วนใหญ่น่าเกลียดหนำซ้ำหน้าตาก็ดูจืดชืดเหลือแสนและการแต่งกายก็ดูไม่น่ามองเช่นคุณหนูที่นางเคยเห็นทั้งหลาย เช่นนี้เองมิน่าเล่าเหล่าองค์ชายเหล่านั้นจึงเรียกนางว่าหญิงขี้เหร่จนมิมีชายใดอยากได้ นางโลมยังดีกว่านางมากมาย พวกเขาแทบไม่เชื่อว่าอ๋องผู้นั้นจะยอมพานางขึ้นเตียงได้ (พวกเขาใช้คำว่าหลับหูหลับตาพานางขึ้นเตียง)

คำพูดขององค์ชายเหล่านั้นมันดังก้องอยู่ในโสตประสาทของนาง นางเพ่งมองตนเองอยู่นาน แล้วเรียกเผยอันเข้ามา “ เผยอันเจ้าพูดมาตามความจริงเจ้าคิดว่าข้านั้นมีรูปร่างหน้าตาเช่นไร ” เผยอันมองคุณหนูของนางแล้วเอ่ยว่า " คุณหนูตัวอ้วนใหญ่เจ้าคะและใบหน้าที่จริงแล้วผิวพรรณดีมาก แต่มิได้รับการเติมแต่งอย่างงดงามเช่นคุณหนูจวนอื่นที่ข้าเคยพบเห็นเจ้าคะและกายแต่งกายของคุณหนูจวนอื่นๆที่ข้าพบเห็นจะดูงดงามสมวัยกว่าคุณหนูเจ้าค่ะ “  เฟยฮวามองใบหน้าของเผยอัน นางเข้าใจแล้วว่าทำไมองค์ชายเหล่านั้นถึงเรียกนางว่าหญิงขี้เหร่   

หลังจากวันนั้นเฟยฮวาก็พยายามเดินออกกำลังกายทุกวันในตอนเช้าและตอนเย็นที่ในสวนของจวนเสนาบดีที่กว้างใหญ่นั้น นางว่าจ้างหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งนามว่าซิ่วหลัน หญิงผู้นี้เคยเป็นอดีตนางกำนัลในวังหลวงนางเคยดูแลพระสนมขององค์ฮ่องเต้ในเรื่องเกี่ยวกับความงามทั้งหลาย ทั้งดูแลผิวพรรณและเรือนร่างและประทินโฉมเหล่าพระสนมนั้นอยู่หลายปี จนนางลาออกมาแต่งงานกับคนรักของนางจึงได้ออกจากวังหลวงมาใช้ชีวิตกับสามีที่นอกวัง  สามีของนางเป็นพ่อค้ามีฐานะปานกลาง แต่นางก็ยังรับดูแลปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องผิวพรรณให้เหล่าฮูหยินและคุณหนูหลายๆจวนอยู่ นางมีความชำนาญในเรื่องเหล่านี้ เฟยฮวาจ้างให้นางมาดูแลเป็นพิเศษ ช่วยสอนในเรื่องการลดน้ำหนักและดูแลผิวหน้าและผิวกายของนางทั้งหมด และช่วยเลือกเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่เหมาะกับวัยของเฟยฮวาอีกด้วย 

หลายเดือนผ่านไปเฟยฮวามีรูปร่างที่ดีขึ้นมาก สมส่วนขึ้น อวบอิ่มเล็กน้อยมีน้ำมีนวลน่ารักน่าใคร่ และใบหน้าของนางที่ได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้นางแต่งเติมใบหน้าด้วยตนเองได้คล่องแคล่วยิ่งนัก นางไปซื้อหาเครื่องแต่งกายใหม่ทั้งหมดของเก่านำไปบริจาคให้ผู้อื่นจนหมด นางเลือกเครื่องประดับใหม่ๆที่มันดูน่ารักเหมาะกับวัยของนาง และซื้อหาเครื่องประทินผิวใหม่ๆ มาทั้งหมด นางเปลี่ยนตนเองใหม่ทุกอย่างจนแทบจะจำเค้าเดิมมิได้  

เมื่อภารกิจเปลี่ยนหญิงขี้เหร่เป็นโฉมงามเสร็จสิ้นซิ่วหลันก็ลากลับจวนของตนเองไป เพราะนางมาอยู่ประจำที่นี่เพื่อดูแลเฟยฮวาเป็นพิเศษด้วยค่าจ้างสูงลิ่ว เฟยฮวามิเสียดายเงินที่นางทุ่มเทเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อลบคำสบประมาทของบุรุษเหล่านั้นที่เปรียบเปรยนางว่าต่ำต้อยยิ่งกว่านางโลมด้วยซ้ำไป คำพูดเหล่านี้มันเจ็บแสบเหลือเกิน นางปวดแปลบกลางใจนางยิ่งนัก  เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนมานี้ตอนแรกเฟยฮวากังวลเป็นอย่างยิ่งที่นางได้ตกเป็นเครื่องเล่นของอ๋องผู้นั้น นางกลัวว่านางจะท้องขึ้นมา จะเป็นที่อับอายทำให้บิดาเสื่อมเสียชื่อเสียง พอผ่านพ้นมาได้นางดีใจยิ่งนัก จึงตั้งหน้าเปลี่ยนแปลงตนเองใหม่ นางจะเปลี่ยนกาดำที่ใครก็เยาะหยันให้เป็นหงส์สวยงามที่บุรุษใดก็หมายปองให้ได้ อยากจะเห็นหน้าบุรุษเหล่านั้นที่เยาะหยันนางว่าขี้เหร่เหลือแสน 

ฝ่ายท่านอ๋องรุ่ยหยางตอนแรกก็ดีใจที่ไม่ต้องรับผิดชอบหญิงขี้เหร่ที่ใครๆต่างก็มองนางเช่นนั้น รวมถึงเหล่าพี่น้องของเขาด้วย แต่ผ่านไปนานหลายเดือน เขาก็ยังพยายามมองหานางตามงานต่างๆ ที่บิดาของนางไปเสมอก็มิเห็นนางเลย เขาเคยลองเลียบเคียงถามถึงนางกับบิดาว่ามิเห็นพาบุตรสาวมาออกงานเลย บิดานางบอกว่าช่วงนี้นางเก็บตัวอยู่ในจวนมิค่อยอยากไปไหน  เลยมิค่อยได้ไปออกงานไหนในช่วงนี้  แม้อ๋องหนุ่มปากจะบอกว่ามิได้ชมชอบหญิงขี้เหร่เช่นนาง แต่เขาก็เผลอมองหานางอยู่บ่อยๆ โดยที่เขาก็มิรู้ตนว่าทำไมต้องทำเช่นนั้น 

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Kanokwan Mazuw
รออัปเดตนะคะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 25 ทุกอย่างล้วนลงตัว

    ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 24 เกลียดกันเช่นไร nc

    แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 22 ตกกะไดพลอยโจร nc

    หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 22 เรื่องมันเศร้า เอ้า..ชน nc

    เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 21 งานแต่งงานกับศาลาคนเศร้า

    งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ

  • ชายาขี้เหร่นี้เป็นของท่านนะเจ้าคะ    บทที่ 20 ฟางเหนียงย้ายออกไป

    องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status