Share

บทที่ 15

last update Last Updated: 2024-11-27 20:35:33

เรื่องสุดท้ายคงหนีไม่พ้นแฝดสามตระกูลจ้าว หลังงานเลี้ยงเลิกราไปแล้วสมาชิกตระกูลจ้าวยังคงรวมตัวกันในห้องโถงของเรือนหลัก โดยมีฮูหยินผู้เฒ่านั่งเป็นประธานพิจารณาความผิดของสามแฝดรวมถึงบ่าวรับใช้ผู้มีหน้าที่ดูแลจ้าวลี่หมิง

ฮูหยินผู้เฒ่ายกชาขึ้นจิบ บรรยากาศคล้ายถูกแช่แข็ง ทุกคนพร้อมใจกันเงียบเสียง ภายในห้องเงียบฉี่ หากมีเข็มหล่นบนพื้นคงได้ยินกันทั่ว

เฉาม่านเหลือบตามองหลานสาวที่นั่งหน้าหงอยอยู่เบื้องหน้าตนแล้วถอนหายใจอย่างหนักอก ความซุกซนของหลานสาวทั้งสามคนเกือบก่อเรื่องใหญ่เข้าให้แล้ว

กึก!

มือบางที่มีริ้วรอยตามกาลเวลาวางถ้วยชากระทบโต๊ะเสียงดัง ทำเอาสามแฝดสะดุ้งโหยง รู้ว่าคราวนี้ท่านย่าโกรธแล้วจริงๆ

“รู้ความผิดของตนเองหรือไม่”

“ทราบเจ้าค่ะ”

จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน จ้าวลี่หลิน รวมถึงสาวใช้ที่นั่งคุกเข่าในห้องขานรับเสียงอ่อย ใบหน้าหงอยๆ ของทั้งสามแฝดยิ่งก้มต่ำ ไม่กล้าเงยหน้ามองท่านย่าเพราะมีความผิดติดตัว

“รู้แล้วก็ดี เสี่ยวจื่อโบยสาวใช้พวกนี้สามสิบไม้ เรียกพ่อค้าทาสมาเอาตัวไป ดูแลเด็กแค่ไม่กี่คนยังทำไม่ได้ จวนข้าไม่เลี้ยงตัวไร้ประโยชน์!”

“ขอรับฮูหยิน” จ้าวเสี่ยวจื่อพ่อบ้านผู้ดูแลจวนเรียกบ่าวชายมาลากตัวสาวใช้ของคุณชาย และคุณหนูทั้งสามออกไปรับโทษตามคำสั่ง จนเกิดเสียงร้องขอความเมตตาดังระงมไปทั่วห้องโถงหลัก

“ฮูหยินผู้เฒ่าเมตตาด้วยเถิดเจ้าค่ะ พวกบ่าวไม่กล้า... ไม่กล้าละเลยอีกแล้วเจ้าค่ะ”

“ขอฮูหยินผู้เฒ่าโปรดเมตตาด้วย”

จ้าวลี่หลินเห็นคนจะถูกลากไปลงโทษจริงๆ ก็ยิ่งรู้สึกผิด เพราะคนที่ทำผิดแท้จริงแล้วก็คือพวกนางเอง เด็กสาวจึงอดขอร้องแทนบ่าวรับใช้ไม่ได้ “ท่านย่าเจ้าขา ไม่ลงโทษสาวใช้พวกนี้ไม่ได้หรือเจ้าคะ เป็นลี่หลินเองที่ชวนทุกคนหนีออกไปเล่นข้างนอกด้วยกัน ไม่ใช่ความผิดของสาวใช้พวกนี้เสียหน่อย”

“ใช่ๆ ลี่จูไม่ดีเองที่ไม่ห้ามน้องๆ ท่านย่าเมตตาพวกนางเถิดนะเจ้าคะ”

“เมตตาพวกนางเถิดนะเจ้าคะท่านย่า” จ้าวลี่จินก็ขอร้องเช่นกัน ถึงแม้พวกนางจะซุกซนไปบ้างจนทำให้พี่สาวเหล่านี้ปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง แต่เพราะคุ้นเคยกันมานานจึงไม่อยากเห็นพวกนางถูกลงโทษเพราะตน

พอใบหน้าน่ารักทั้งสามถอดแบบกันมาเผยสีหน้าอ้อนวอนพร้อมกันเหมือนมีพลังทำลายล้างถึงสามเท่า ทำเอาเฉาม่านใจอ่อนยวบ แต่ก็ต้องแข็งใจอบรมหลานสาวต่อไป หากไม่สั่งสอนกันเสียตั้งแต่ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องใหญ่อะไรขึ้นมาอีก

“ความผิดของพวกเจ้าย่ายังไม่ได้ชำระความ กลับมาขอร้องแทนผู้อื่นเช่นนี้ นี่พวกเจ้าคิดแข็งข้อกับย่าอย่างนั้นหรือ”

“หลานไม่กล้าเจ้าค่ะ” ทั้งสามแฝดหดศีรษะพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ส่งสายตาเกี่ยงงอนกันไปมา แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากขอร้องท่านย่าอีก

เฉาม่านพึงพอใจกับปฏิกิริยาของหลานสาว ยังมีความยำเกรงผู้หลักผู้ใหญ่เช่นนี้นับว่าพอสั่งสอนได้

“เห็นแก่หลานสาวทั้งสามคนของข้าอุตส่าห์ขอร้องแทนพวกเจ้า ข้าจะลงโทษโบยเพียงสามสิบไม้ หวังว่าพวกเจ้าจะจดจำหน้าที่ของตนเองให้ขึ้นใจ ต่อไปก็ตั้งใจปรนนิบัติเหล่าคุณหนูคุณชายให้ดี หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีกข้าจะโบยให้ตายคาเรือน เอาตัวออกไป!”

“ขอรับ”

“ส่วนพวกเจ้าทั้งสามคน พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าการที่พวกเจ้าปล่อยน้องชายไว้คนเดียวเช่นนั้นเป็นเรื่องไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง เสี่ยวชียังเล็กถึงเพียงนั้น หากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น เช่น ศาลาแปดเหลี่ยมหลังนั้นกันลมหนาวไม่ได้จนทำให้เสี่ยวชีหนาวตาย หรือพวกเจ้าปิดกระจกไม่ดีแล้วเสี่ยวชีคลานออกมาตกน้ำตกท่าไปผู้ใดจะรู้เห็น พวกเจ้าเป็นพี่สาวกลับไม่คิดเผื่อน้องชายที่ยังเล็กห่วงแต่จะเล่นซน แล้วยังไม่บอกกล่าวกับใครว่าน้องอยู่ที่ไหน จนท่านพ่อของเจ้าต้องแอบโยกย้ายกำลังทหารออกตามหาไปทั่วเมืองหลวง หากเรื่องที่ท่านพ่อของเจ้าเคลื่อนย้ายกำลังพลโดยพลการทราบถึงพระเนตรพระกรรณขององค์ฮ่องเต้ รู้หรือไม่ว่าท่านพ่อเจ้าจะได้รับโทษเช่นไร ขั้นต่ำอาจถูกลดตำแหน่งหรือให้ออกจากราชการ หนักกว่านั้นอาจถึงขั้นถูกประหารชีวิตฐานก่อกบฏ แล้วจวนไท่เว่ยจะเป็นเช่นไร ไม่ใช่จะถูกประหารเก้าชั่วโคตรตายตกไปตามกันอย่างนั้นหรือ รู้แล้วหรือยังว่าความไม่รู้จักคิดของพวกเจ้าจะก่อให้เกิดหายนะใดตามมา!”

“หลานขออภัยเจ้าค่ะ”

“ท่านพ่อลูกขออภัยนะเจ้าคะ”

“เสี่ยวชีพี่ขอโทษ”

จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน และจ้าวลี่หลินร้องไห้สะอึกสะอื้น น้ำตาคลอหน่วย สำนึกเสียใจแล้วว่าการกระทำโดยไม่ยั้งคิดของพวกนางก่อเรื่องใดขึ้น

“ต่อไปยังจะกล้าทำเช่นนี้อีกหรือไม่”

“หลานไม่กล้าแล้วเจ้าค่ะ”

“ดี! รู้จักสำนึกผิดก็ยังพอให้อภัยกันได้ ถ้าอย่างนั้นย่าจะลงโทษพวกเจ้าให้คุกเข่าสำนึกตนที่ศาลบรรพชนหนึ่งคืน คัดกฎตระกูล ตำราสอนหญิง และจริยธรรมของผู้เป็นสตรีหนึ่งร้อยจบ พวกเจ้ายินยอมหรือไม่”

“หลานยินยอมเจ้าค่ะ”

“ต่อไปนี้ย่าหวังว่าพวกเจ้าจะไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะลงมือทำ เพราะการกระทำของพวกเจ้าล้วนส่งผลต่อความอยู่รอด เกียรติยศ และชื่อเสียงของจวนไท่เว่ยของเรา เอาล่ะวันนี้เหนื่อยกันมาทั้งวันแล้ว ทุกคนแยกย้ายกันกลับไปพักผ่อนเถอะ” เฉาม่านโบกมือไล่ทุกคน หญิงชราลุกขึ้นตามการประคองของบุตรชายและลูกสะใภ้กลับเรือนตน ปล่อยหลานสาวฝาแฝดทั้งสามคนให้เป็นหน้าที่ของจ้าวลี่จ้งไปจัดการ

“ไงล่ะ! คราวนี้คงอยู่กันอย่างสงบได้พักใหญ่แล้วสินะ เจ้าสามแสบ” จ้าวลี่จ้งเคาะหัวน้องสาวทั้งสามด้วยความเอ็นดู จ้าวลี่เจียยืนเงียบมาโดยตลอดเข้ามากอดปลอบน้องสาวทั้งสามคนด้วยความสงสาร ถึงแม้น้องๆ จะซนไปบ้าง ถูกท่านแม่ดุด่าทำโทษเป็นประจำ แต่กลับไม่เคยเห็นน้องสาวเสียอกเสียใจเท่าครั้งนี้

“เอาล่ะๆ หยุดร้องไห้กันได้แล้ว พี่รู้ว่าพวกเจ้าเสียใจ แต่ถือโอกาสตอนที่ท่านแม่ยังไม่กลับมารีบทานอะไรร้อนๆ กันก่อนเถอะ ใส่เสื้อคลุมหนาๆ ตอนไปที่ศาลบรรพชนจะได้ไม่หนาวมาก แล้วอย่าลืมพกซาลาเปาไส้เนื้อใส่อกเสื้อไปด้วยเผื่อหิวตอนกลางดึก ส่วนนี่เป็นเบาะรองเข่า ผูกเอาไว้ที่เข่าแบบนี้เวลาคุกเข่าจะได้ไม่เจ็บมาก” จ้าวลี่เจียเช็ดหน้าเช็ดตาให้น้องสาวทั้งสาม ก่อนจะโบกมือให้สาวใช้นำของที่เตรียมไว้มายื่นให้น้องสาว

“พี่สาม” จ้าวลี่จู จ้าวลี่จิน และจ้าวลี่หลินมองจ้าวลี่เจียด้วยความซาบซึ้งใจ พี่สามดีกับพวกนางเป็นที่สุดเสมอ

“เจ้าก็ดีแต่ให้ท้ายพวกนาง” จ้าวลี่จ้งต่อว่าน้องสาวคนที่สามแบบไม่จริงจังนัก

“ผู้ใดบอกให้พวกนางเกิดมาเป็นน้องสาวของข้ากันเล่า ท่านพี่เองก็เถอะ ก่อนหน้านี้ซุกซนยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ไม่ใช่ข้าผู้นี้หรือที่คอยขอร้องแทนท่าน”

“เรื่องมันผ่านมาแล้วก็อย่าไปพูดถึงเลยน่า” จ้าวลี่จ้งกระแอมไอ ไม่อยากให้จ้าวลี่เจียเอ่ยถึงอดีตลับดำมืดของตนออกมาให้ได้อายน้องสาวสามแฝด จึงเสไปเอ่ยเร่งรัดน้องสาวแทน “เอาล่ะ เสร็จแล้วใช่ไหม เราไปรอท่านแม่ด้านนอกกันเถอะ กลับมาท่านแม่จะได้ไม่โมโหหนักกว่าเดิม”

เรื่องราววุ่นวายในจวนไท่เว่ยของเจิ้งกั๋วกงก็จบลงด้วยประการฉะนี้

หลังจากเฉินซือหยางกลับวังก็ตรงดิ่งไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อที่ตำหนักหยางซินในทันที เฉินเทียนอี้เอนกายผ่อนคลายอิริยาบถบนเตียงตั่ง ในมือถือตำรากลยุทธ์การบริหารราชการแผ่นดิน โดยตำราเล่มนี้รวบรวมวิธีการบริหารแผ่นดินของฮ่องเต้องค์ก่อนๆ และถูกส่งต่อให้ฮ่องเต้องค์ต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการรวบรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง การถ่วงดุลอำนาจในราชสำนัก การใช้คนให้เหมาะกับหน้าที่การงาน รวมถึงเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ที่ฮ่องเต้แต่ละพระองค์เคยพบเจอ ตลอดจนการจัดการและการแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับราชกิจของบ้านเมือง เฉินเทียนอี้อ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ก็เห็นบุตรชายเข้ามาหา เขาจึงปิดหนังสือเอ่ยปากทักทาย

“กลับมาแล้วหรือ”

“พ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

“มานั่งนี่สิ”

เฉินซือหยางนั่งลงบนเตียงข้างเฉินเทียนอี้ตามรับสั่ง มือเล็กหยิบตำราที่เสด็จพ่อเพิ่งอ่านไปเมื่อสักครู่เปิดดูอย่างสนใจใคร่รู้

“ถ้าสนใจก็เอากลับไปศึกษาเถอะ แค่ระวังอย่าให้ผู้ใดพบเห็นเป็นพอ” เฉินเทียนอี้ลูบศีรษะบุตรชายเล่น รับสุธารสชาจากหวังกงกงมาจิบเล็กน้อย ค่อยซักถามถึงเรื่องที่มอบหมายให้ไปทำ

“ไปเยือนจวนไท่เว่ยคราวนี้ได้เรื่องหรือไม่”

“พ่ะย่ะค่ะ ทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เราวางไว้ จ้าวลี่หมิงหยิบปิ่นที่ลูกนำติดตัวไปไม่ยอมปล่อย และยังขอหยกพกของลูกไปด้วย คาดว่าอีกไม่นานข่าวลือเรื่อง ‘ของแทนใจ’ น่าจะแพร่สะพัดไปทั่วเมืองหลวง”

ปิ่นปักผม และหยกพกถูกแช่ในนมผสมเซียวเฉ่า[1] ทั้งคืน ก่อนจะเอาไปให้จ้าวลี่หมิงเลือก ซึ่งกลิ่นหอมของนมผสมเซียวเฉ่านี่เองที่ดึงดูดให้จ้าวลี่หมิงหยิบปิ่นขึ้นมาดูดอมไม่ยอมวางมือ ถึงแม้จะแอบเล่นเล่ห์กับเด็กน้อยไปบ้าง แต่พอนึกถึงท่าทางโง่งมของจ้าวลี่หมิงตอนแทะปิ่นอย่างเอร็ดอร่อยจนน้ำลายยืด เฉินซือหยางก็อดยิ้มอย่างเอื้อเอ็นดูเด็กน้อยไม่ได้ ดูท่าว่าแผนการกระจายข่าวลือต่อจากนี้ของเขาจะมีความจริงอยู่หลายส่วนเลยทีเดียว อย่างน้อยๆ เรื่องที่เขาพึงใจอีกฝ่ายก็เป็นความจริงล่ะนะ

เฉินเทียนอี้เห็นบุตรชายยิ้มน้อยยิ้มใหญ่คล้ายถูกอกถูกใจอะไรบางอย่าง พอลองนึกๆ ดูแล้ว บุตรชายคงชอบเพื่อนเล่นอย่างจ้าวลี่หมิงไม่น้อย มือหนาอดโยกหัวบุตรชายเล่นไม่ได้ “จัดการได้ดี อีกสามวันพ่อจะออกพระราชทานสมรสให้ จำไว้ว่าในระหว่างนี้อย่าให้เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นเด็ดขาด”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ”

เฉินซือหยางกลับตำหนักด้วยความเบิกบานใจผิดกับเฉินเทียนอี้ พอบุตรชายหายลับไปแล้ว องครักษ์ลับก็เข้ามารายงานเรื่องที่ฟางเซียนและองครักษ์เจาสืบมาได้ ใบหน้าปรากฏรอยเย็นชาถึงขีดสุด

“ดี! หลี่เหยียนเจี๋ยเจ้าดียิ่งนัก ถึงกับกล้าฝึกกองกำลังลับของตนเองแล้ว แบบนี้สิถึงจะทำให้ข้าไม่เบื่อหน่าย แผนการต่อไปคงไม่พ้นลักหงส์เปลี่ยนมังกรสินะ” เฉินเทียนอี้กล่าวเสียงเย็น “ไปแจ้งตำหนักคุนหนิง คืนนี้ข้าจะไประลึกความหลังกับฮองเฮาผู้เป็นที่รักเสียหน่อย”

“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ”

หวังกงกงถอยออกไปทำตามรับสั่ง เฉินเทียนอี้มองไปทางตำหนักคุนหนิงด้วยสายตามาดร้าย อยากได้องค์ชายนักใช่หรือไม่ ข้าจะช่วยสงเคราะห์พวกเจ้าเอง!

คืนนั้นเฉินเทียนอี้เสด็จไปประทับที่ตำหนักคุนหนิงอย่างเหนือความคาดหมายของใครหลายๆ คน ในระหว่างพูดคุยหยอกเย้าฉันสามีภรรยาอยู่นั้น ก็บังเอิญเหลือบไปเห็นหลี่ลู่เหม่ยและหลี่ลู่อิงที่ปรนนิบัติข้างกายฮองเฮา หลี่ลู่เหม่ยมีดวงพักตร์คมขำขาวผ่องเป็นที่ถูกตาต้องใจ จึงเรียกให้ถวายงานที่ห้องข้างในตำหนักคุนหนิง หลี่ลู่เหม่ยบรรจงแต่งเนื้อแต่งตัวมาเต็มที่เผยรอยยิ้มขัดเขินยินดีที่ตนเองได้รับเลือก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจปิดบังแววทะยานอยากในดวงตาของนางได้ หญิงสาวเดินตามหมัวมัว ก่อนไปยังไม่วายทิ้งสายตาให้เฉินเทียนอี้ ทำเอาหลี่ลู่เหลียนฮองเฮาโมโหจนลมจุกอก ได้แต่บิดผ้าเช็ดหน้าแค้นใจสุนัขป่าเลี้ยงไม่เชื่องอย่างลูกพี่ลูกน้องของตน บังอาจแย่งโอกาสอันหาได้อยากยิ่งนี้ไปจากตนหน้าด้านๆ

หลี่ลู่เหลียนคอแข็งกลับแสร้งวางเฉยพูดคุยสัพเพเหระกับเฉินเทียนอี้ต่อ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นสามีภรรยากัน แต่ตั้งแต่ได้รับการแต่งตั้งหลี่ลู่เหลียนก็ไม่เคยได้สัมผัสค่ำคืนวสันต์ร่วมกับเฉินเทียนอี้เลยสักครั้ง เขามาเพียงครู่แล้วก็ไปค้างที่ตำหนักอื่นปล่อยให้นางเปล่าเปลี่ยวเดียวดายราวกับแม่ม่ายสามีทิ้ง นางรู้ว่าตนเองอายุมากกว่าเฉินเทียนอี้หลายปีนัก แต่นังแพศยาหลานซือเยว่ก็ไม่ใช่ว่าอายุมากกว่าเขาเช่นกันหรือ เหตุใดเขาโปรดปรานนังแพศยานั้นจนกระทั่งตายไปแล้วยังหาตัวแทนมาปรนนิบัติ แต่กลับไม่คิดโปรดปรานนางบ้าง นางงดงามน้อยหน้านังแพศยาเหล่านั้นที่ใดกัน!

เฉินเทียนอี้มองท่าทางอัดอั้นตันใจของหลี่ลู่เหลียนด้วยท่าทีวางเฉย หลังจากพูดคุยกับอีกฝ่ายเพียงครู่ เฉินเทียนอี้ก็ผละจากไปไม่อยากจะเห็นหน้าคนตระกูลนี้ให้รกหูรกตา

ทันทีที่เฉินเทียนอี้เดินเข้าประตูห้องข้างมา กลิ่นธูปเสน่หาก็พุ่งเข้าปะทะหน้า กลิ่นกระตุ้นเร้าราคะรุนแรงคละคลุ้งไปทั่วห้อง ชายหนุ่มยิ้มเย็นโบกมือให้หวังกงกงปิดประตูให้เรียบร้อย แล้วสาวพระบาทตรงไปยังห้องด้านใน

“ฝ่าบาทเพคะ รีบๆ เข้ามาสิเพคะ หม่อมฉันร้อนเหลือเกิน” หลี่ลู่เหม่ยร่างกายเปลือยเปล่านอนบิดเร่าอยู่บนแท่นบรรทม เอ่ยเรียกเฉินเทียนอี้เสียงกระเส่า มือขาวเรียวลูบไล้ไปตามเรือนกายตัวเอง ยั่วเย้าให้ชายหนุ่มเข้ามาเสพสมอย่างลืมตัวลืมอาย กลิ่นธูปกระตุ้นเร้าให้สติของนางพร่าเลือนไปหมด ร่างกายร้อนเร่าอดรนทนไม่ไหวจนต้องลุกขึ้นมาโลมไล้ร่างกายกำยำล่ำสันของเฉินเทียนอี้เพื่อปลุกเร้าชายหนุ่มไปพร้อมๆ กัน

“หญิงสาวตระกูลหลี่เช่นพวกเจ้าช่างหน้าด้านไร้ยางอายกันหมดทุกคน” เฉินเทียนอี้ผลักเรือนร่างงดงามของหลี่ลู่เหม่ยออกด้วยความรังเกียจ จนร่างบางเซถลาล้มลงกระแทกเตียง ขณะกำลังมึนงงอยู่นั้น เปลวเทียนในห้องก็ดับลงพร้อมกับร่างสูงใหญ่กำยำที่โถมเข้าหา หลี่ลู่เหม่ยร้องครวญครางเสียงดังอย่างเจ็บปวดปนสุขซ่านเมื่อกายหนาโถมเข้าลึกสุดตัว

เฉินเทียนอี้มองเงาร่างสูงใหญ่ หนึ่งบอบบาง เสพสังวาสกันด้วยสีหน้าเรียบเฉย ชายหนุ่มนั่งเป็นประจักษ์พยานในการก่อกำเนิดองค์ชายของตระกูลหลี่อยู่ค่อนคืนค่อยเดินจากไปท่ามกลางความมืดยามราตรีเพียงลำพัง

[1] วานิลลา
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 244

    ‘เปิดตำหนักลับฉบับวายป่วง’ สำนักข่าวเถียนเถียนรายงานสดจากตำหนักจินหลวน นักข่าวนิรนาม : “มีคนบ่นว่าพระเอกเรื่องนี้ไม่เหมือนพระเอกจริงหรือไม่ขอรับ” สวีจิ้งเฟิ่ง : “ผู้ใดบอกให้นักเขียนผู้นั้นให้บทเด่นกับท่านพ่อมากเกินไปเล่า” สวีจิ้งเฟิ่งแบมืออย่างช่วยไม่ได้ นักเขียน : “C £ C

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 243

    "หยางหยาง! เจ้าไปไหน..." ไป่ชิงถงยังไม่ทันซักไซ้ไล่เลียง สวีจิ้งเฟิ่งก็ตรงดิ่งเข้าหาภรรยาด้วยความยินดี "ชีชี เจ้าอยู่นี่เอง ข้าตามหาเจ้าเสียทั่ว มากับข้าเร็วเข้า" สวีจิ้งเฟิ่งอุ้มสวีชิงเทียนให้ท่านย่า จูงมือภรรยาออกไปท่ามกลางเสียงโวยวายอย่างไม่รู้ต้นสายปลายเหตุของไป่ชิงถง "หยางหยางเจ้า

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 242

    "เจ้าชอบแบบนี้เองหรอกหรือ" สวีจิ้งเฟิ่งขยับกายเข้าออกเนิบช้า บดคว้านโพรงรักจนถ้วนทั่วสลับกับตอกตรึงหนักเน้นลึกจนถึงแก่น "เปล่านะ ไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อ...ย อ่ะ" ไป่ชิงถงส่ายหน้าไม่อยากจะยอมรับเลยว่าสวีจิ้งเฟิ่งทำแบบนี้เขายิ่งเสียวซ่านมากกว่าเดิมขึ้นไปอีก "งั้นหรือ แล้วแบบนี้เล่า" สวีจิ

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 241

    "อย่าว่าลูก! จ้ำม่ำแบบนี้สิดี กอดแล้วนุ่มนิ่มจะตาย แล้วที่ว่าไม่เหมือนเจ้า ไม่เหมือนตรงไหน ดูผมนี่สิ หน้าก็เหมือนกันแทบจะถอดเค้ามาจากเจ้า มีแค่ตาสีมรกตคู่นี้ที่เหมือนข้า" ไป่ชิงถงประท้วง มองสามีตาเขียว ลูกเหมือนสวีจิ้งเฟิ่งขนาดนี้ เขาไม่เห็นจะว่าอะไรเลย แค่ชอบกินเหมือนเขานิดหน่อยทำมาเป็นโวยวาย

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 240

    ด้วยความเพียรพยายามมุมานะอุตสาหะกกไข่แทนภรรยาของสองพ่อลูกแซ่สวี ในที่สุดไข่ใบน้อยก็เริ่มกะเทาะเปลือกออกมาแล้ว "อีกนิด ลูกทำได้ เจาะเปลือกบนหัวออกก่อนแบบนั้นแหละ" เสียงพ่อลูกแซ่สวีให้กำลังใจลูกน้อยดังขึ้นเป็นระยะ ไม่นานหงส์ทองตัวน้อยกับมังกรเหมันต์ก็โผล่ศีรษะเล็กๆ ออกมา ดวงตาใสแจ๋วสองคู่มองคนน

  • ชายาข้าน่ารักเกินใคร   บทที่ 239

    "ไม่ค่อยดี" สวีเฟยหลงมีสีหน้าวิตกอย่างเห็นได้ชัด "ข้าจะเข้าไปดูหน่อย" "หยางเอ๋อร์..." สวีเฟยหลงห้ามไม่ทัน ร่างสูงของบุตรชายหายเข้าไปในห้องเสียแล้ว "ท่านตาเสร็จหรือยัง ชีชีจะคลอดแล้วเหมือนกันนะ" "รอก่อน ข้าทำคลอดมารดาเจ้าอยู่ อย่ามาวุ่นวาย" หลินไท่หน้าซีด ถ่ายพลังให้หลินเส

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status