"พ่อบ้านหม่า เดี๋ยวข้าจะเดินไปส่งพระชายาที่ตำหนักของนางก่อนแล้วจึงจะไปพบท่านอ๋อง เจ้าแจ้งท่านอ๋องด้วยแล้วกันว่าข้ากำลังจะไปหา หากท่านอ๋องไม่ถามก็ไม่ต้องพูดเรื่องของพระชายาจะดีกว่า"
"ขอรับท่านรองแม่ทัพ"
พ่อบ้านรับคำแล้วจึงเดินเบี่ยงออกไปอีกทางเพื่อแจ้งแก่ผู้เป็นนาย แม้ในใจจะรู้สึกสงสัยอยู่ไม่น้อยเลยก็ตาม
"เพ่ยเพ่ย เจ้าเดินไหวหรือไม่ อีกประเดี๋ยวก็ถึงตำหนักเจ้าแล้ว"
"ไหวเจ้าค่ะ ข้าไหว เพ่ยไม่ได้มาว"
หลิงฟงส่ายหน้าไปมา เจ้าก้อนซาลาเปาทำไมถึงได้เมาขนาดนี้กัน คงจะไม่เคยดื่มมาก่อนสิท่า กระดกจอกเหล้าตามพวกเขาเยี่ยงบุรุษ ไม่ประมาณตนเอาเสียเลย
"คุณหนูรีบเดินเถอะเจ้าค่ะ เกิดท่านอ๋องมาเห็นเข้า พวกเราจะลำบากนะเจ้าคะ"
ชิงชิงเอ่ยเร่งให้คุณหนูของนางให้ความร่วมมือ เพราะยามนี้นางทิ้งน้ำหนักทั้งตัวลงใส่คนช่วยพยุงทั้งสอง
"ใครกลัวเจ้าอ๋องบ้านั่นกันฮะ! ลองเข้ามาใกล้ข้าสิ ข้าจะแทงให้พลุนทั้งตัวไปเล้ยยย ฮ่าๆ "
เพ่ยเพ่ยทำไม้ทำมือเหมือนกำลังจ้วงแทงคนในกลางอากาศ
ไปหลิงฟงพอได้ยินเพ่ยเพ่ยเอ่ยถึงสหายของเขาเช่นนั้นก็หัวเราะขำขันไปกับท่าทางของนาง
ทำไมดูเหมือนนางจะไม่ลงรอยกับเหยาหมิงเท่าไหร่ มิใช่ว่านางชอบเหยาหมิงมากหรอกหรือ
หรือว่านางกำลังน้อยอกน้อยใจสหายของเขา ก็แน่ล่ะสิ ทำไมเขาจะไม่รู้เรื่องของสหายตน เหยาหมิงคงจะมัวแต่สนใจเหวินเอ๋อจนละเลยเพ่ยเพ่ย เขาเองก็รู้ว่าสหายของเขามิได้ยอมรับการสมรสพระราชทานครั้งนี้ตั้งแต่แรก
ทำอย่างไรดี อาการหนักเสียแล้วคุณหนู บอกให้ท่านรองแม่ทัพอุ้มเลยดีไหม ขืนชักช้าท่านอ๋องมาเห็นต้องเป็นเรื่องแน่
ชิงชิงยังไม่ทันได้เอ่ยคำใดกับท่านรองแม่ทัพ นางก็เห็นอ๋องหมิงเดินตรงเข้ามาทางนี้แล้ว
"หลิงฟง! เจ้ากลับมาเมืองหลวงตั้งหลายวันแล้วนี่ ทำไมถึงเพิ่งจะมีเวลามาหาข้ากัน มัวแต่ไปเกี้ยวสตรีอยู่ที่ไหนท่านรองแม่ทัพ"
อ๋องหมิงพูดเหน็บแนมไป๋หลิงฟงตามประสาสหายคุยหยอกล้อกัน เขายิ้มทักทายสหายก่อนที่สายตาของเขาจะเปลี่ยนไปจับจ้องอยู่ที่บุรุษร่างเล็กที่สหายของเขากำลังประคองอยู่
"แล้วนั่นเจ้าพาคนเมาที่ไหนเข้ามาในตำหนักของข้า"
เขาได้กลิ่นสุราอ่อนๆ มาจากชายร่างเล็กที่ยามนี้คอพับคออ่อนไปเสียแล้ว
หลิงฟงเอื้อมมือไปดันคางของเพ่ยเพ่ยให้เงยหน้าขึ้นให้สหายของเขามองเห็นได้ถนัดตายิ่งขึ้น
"จะใครเสียอีก ก็หวางเฟยของเจ้าอย่างไรล่ะ"
ยามนี้หน้าตาของอ๋องหมิงมืดคล้ำลง ประหนึ่งก้อนเมฆดำที่รวมตัวก่อนที่พายุลูกใหญ่จะมาเยือน
"เจ้าไปเจอนางที่ใดแล้วทำไมเจ้าถึงได้เป็นคนพานางกลับมาได้"
อ๋องหมิงเอ่ยถามอย่างสงสัย น้ำเสียงบ่งบอกว่าเขาเริ่มไม่สบอารมณ์เสียแล้ว
"ข้าเจอกับนางที่โรงเตี๊ยมมู่เหอ เจ้าคงจำไม่ได้ว่าหยางเฟยพี่ชายใหญ่ของนางเป็นสหายวัยเด็กของข้า พวกเขาไม่ได้พบเจอกันนานจึงอยู่พูดคุยสังสรรค์กันเล็กน้อย นางคงจะไม่เคยดื่มสุรามาก่อน ดื่มไปไม่กี่จอกก็คอพับไปเสียแล้ว"
หลิงฟงที่เห็นว่าอ๋องหมิงดูเริ่มจะไม่พอใจเพ่ยเพ่ย จึงรีบเอ่ยคำขึ้นปรามสหายของตนเอาไว้เสียก่อน
"เจ้าก็อย่าไปดุนางเลย เจ้าก็คงจะขลุกอยู่แต่กับเหวินเอ๋อสินะ นางถึงเบื่อจนต้องแอบออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกเช่นนี้ อยู่กับคนน่าเบื่ออย่างเจ้า ใครจะไปทนได้กันเล่า ข้าล่ะเห็นใจนางเสียจริง"
หลิงฟงล้อเลียนสหายของเขา
หึ…เบื่ออย่างนั้นหรือ
วันนี้เขาหงุดหงิดอยู่กับคำว่าเบื่อของนางทั้งวัน นี่เขาต้องได้ยินมันอีกแล้วอย่างนั้นหรือ
"นางก็รู้อยู่แล้วว่าหากแต่งเข้ามาตำหนักอ๋องหมิงก็ต้องทนทุกข์เช่นนี้ แต่ก็ยังอยากแต่งเข้ามาเองทั้งที่รู้ว่าข้าไม่เต็มใจ"
อ๋องหมิงเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา
เพ่ยเพ่ยมองหน้าเขาแล้วกะพริบตาปริบๆ
"หึ…แล้วทำไมข้าต้องแต่งงานกับอ๋องโหดไร้หัวใจอย่างเจ้าหมอนี่ด้วยเล่า นอกจากหน้าตาแล้วก็หามีดีอย่างอื่นไม่…ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!"
เพ่ยเพ่ยชี้หน้าอ๋องหมิงตามประสาคนเมาแล้วพูดไม่หยุด ชิงชิงเริ่มรู้สึกว่าหายนะครั้งใหญ่กำลังจะมาเยือนจึงรีบเอ่ยทักท้วงเจ้านายขึ้น
"พระชายาท่านเมามากแล้ว หม่อมฉันว่าทรงกลับตำหนักเถอะเพคะ"
"เมาอะไรกันชิงชิง ข้าไม่มาว"
เพ่ยเพ่ยหันไปสบตาหวานเยิ้มให้ชิงชิง แล้วเลยไปที่ไป๋หลิงฟง
"เจ้าอ๋องนั่นสู้พี่หลิงฟงก็ไม่ได้ งานดีแพ็คเกจพรีเมี่ยม ท่านมาเป็นสามีของข้าแทนเขาเถอะ"
เพ่ยเพ่ยเอานิ้วเรียวจิ้มลงไปบนแก้มของไป๋หลิงฟง ไป๋หลิงฟงถึงกับชะงักค้างไปกลางอากาศ ทำหน้าไม่ถูก
"หึ…ทำตัวไม่สมกับตำแหน่งชายาเอกเลยสักนิด ข้าควรไปขอให้เสด็จพี่ยกเลิกการสมรสบ้าบอนี่แล้วส่งเจ้าไปบวชชีสำนึกผิดในอารามบนเขาตลอดชั่วชีวิตเจ้าเสียดีหรือไม่ ไม่คิดเลยว่าจะมีสตรีหน้าหนาเช่นเจ้า เกี้ยวพาบุรุษอื่นต่อหน้าสวามีของตนได้อย่างไม่อายฟ้าดิน"
"หย่าเสียก็ดี ใครอยากแต่งงานกับเจ้านี่กันเล่า เหอะ!...อายฟ้าอายดินอะไร ทำไมข้าต้องอายด้วย เจ้าน่ะสิหน้าไม่อาย ข้าล่ะไม่เข้าใจเจ้าเลยหยางเพ่ยเพ่ยว่าเจ้าไปหลงรักผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไรกัน"
นางส่ายหน้าไปมาราวกับว่านางรู้สึกดังที่พูดจริงๆ
"เพล้ง!"
เสียงกระถางต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยพลังปราณของอ๋องหมิง ไป๋หลิงฟงที่สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่แผ่ออกมาจึงเอื้อมมือไปจับไหล่ของสหายของเขาเพื่อกดพลังปราณเอาไว้
"ใจเย็นก่อนเหยาหมิง เจ้าก็เห็นอยู่ว่านางเมา นางก็พูดไปเรื่อยเปื่อย"
หลิงฟงพยายามห้ามทัพระหว่างพวกเขาทั้งสอง
"แต่ข้าพูดจริงๆ นะเจ้าคะพี่หลิงฟง"
เพ่ยเพ่ยมองตาไป๋หลิงฟงทำตาปริบๆ นางพยักหน้าทำตาโต สีหน้าท่าทางจริงจังเป็นนัยว่านางนั้นคิดอย่างที่พูดจริง
"หยางเพ่ยเพ่ย! หากวันนี้ข้าไม่ได้สั่งสอนเจ้าอย่ามาเรียกข้าว่าอ๋องหมิง"
อ๋องหมิงตะโกนดังลั่นคำรามสุดเสียง ยามนี้เขาโกรธจริงๆ เสียแล้ว
"โอ้ย! แล้วเจ้าจะตะโกนหาอะไรฮะ ยืนอยู่ใกล้กันแค่นี้ หูข้าจะแตกแล้วเนี่ย"
เพ่ยเพ่ยบ่นออกมาด้วยความรำคาญอย่างถึงที่สุด
อ๋องหมิงได้ยินเช่นนั้นก็โมโหมากขึ้นกว่าเดิม ไป๋หลิงฟงเห็นท่าไม่ดีจึงรีบหาทางยับยั้ง
"ชิงชิง เจ้ารีบพาคุณหนูของเจ้าไปที่ตำหนักของนาง พานางไปพักผ่อน หาน้ำแกงสร่างเมาให้นางดื่มเสียหน่อย เผื่อจะอาการดีขึ้นบ้าง"
"เจ้าค่ะ" ชิงชิงรับคำแล้วรีบพยุงกึ่งลากเพ่ยเพ่ยออกไปอย่างไม่รีรอ นางอยากจะออกไปจากเหตุการณ์นี้ตั้งนานแล้ว
ยังไม่ทันจะลับสายตา เพ่ยเพ่ยก็หันหลังกลับมาสบตากับอ๋องหมิง นางเอานิ้วชี้กดลงบนยังใต้ตาของนางข้างหนึ่งแล้วดึงผิวหนังใต้ตานั้นลงพร้อมกับแลบลิ้นใส่คนตรงหน้า
"แบร่"
"หยางเพ่ยเพ่ย! มันจะมากเกินไปแล้ว ช่างบังอาจนักเจ้า...เจ้ามันสตรีร้ายกาจ!"
อ๋องหมิงชี้หน้าตวาดเสียงดังลั่นใส่นาง ชิงชิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบลากเพ่ยเพ่ยออกไปทันทีก่อนที่จะหลบออกไปไม่ได้อีก
"ฮ่าๆ " ไป๋หลิงฟงหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง
"ข้าว่านางก็น่ารักดีออก เจ้าไม่คิดเช่นนั้นรึเหยาหมิง"
"หึ! น่ารักอย่างนั้นรึ"
สตรีปากร้ายนี่ จะทดสอบความอดทนของข้างั้นรึ
ไม่เคยมีใครเก่งกล้าท้าทายเขาเช่นนี้มาก่อน นางที่อยากแต่งเข้ามาเป็นชายาเขาจนตัวสั่น เมื่อก่อนยามที่เจอหน้ากันก็มีแต่คอยส่งสายตามองเข้าด้วยความคลั่งไคล้จนทำให้เขานึกรำคาญ แต่วันนี้นางกลับมาชี้หน้าด่าเขา นางไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากที่ใด
หรือว่าพบเป้าหมายใหม่ก็เลยแสดงท่าทีรังเกียจข้าเช่นนี้ ช่างน่าโมโหนัก!
"เจ้ากลับไปซะหลิงฟง ข้าไม่มีอารมณ์จะพูดคุยกับเจ้าแล้ว วันหลังค่อยมาใหม่"
"เหลยคัง ส่งแขก!"
พูดจบอ๋องหมิงก็สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกไปทันทีด้วยความโมโหโดยไม่ได้หันหลังกลับไปมองไป๋หลิงฟงที่ยืนนิ่งด้วยความรู้สึกแปลกใจกับอาการที่เพื่อนของเขามีต่อชายา