ด้วยอารมณ์โกรธอ๋องหมิงเดินตรงดิ่งไปที่ห้องหนังสือและกระแทกปิดประตูเสียงดังลั่น พร้อมกับตะโกนสั่งองครักษ์คนสนิท
"อย่าให้ผู้ใดมารบกวน!"
เหลยคังที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูได้ยินเสียงดังโครมคราม เสียงของกระแทกบ้าง เสียงของแตกบ้างดังมาจากข้างในห้องอยู่เป็นระยะ
ท่านอ๋องคงจะระบายอารมณ์อยู่เป็นแน่ ไม่ได้เห็นท่านอ๋องอารมณ์รุนแรงเช่นนี้มานานแล้ว พระชายาทำไมถึงเปลี่ยนไปเป็นคนละคนได้ถึงเพียงนี้
อ๋องหมิงนั่งกอดอกทำหน้าเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงาน พยายามระงับอารมณ์ของตนเองไม่ให้เดือดดาลไปมากกว่านี้
ข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าดีหยางเพ่ยเพ่ย
เขาควรทำให้นางทุกข์ทรมานจนไม่สามารถทนอยู่ที่นี่ได้ หรือจะอ้างว่านางทำตัวไม่เหมาะสมแล้วขอให้เสด็จพี่ประทานหนังสือหย่าให้นางเสีย เขายอมแต่งงานกับนางตามราชโองการแล้วนี่ ก็มิใช่ว่าเสด็จพี่จะยกเลิกราชโองการไม่ได้ หากเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่านางประพฤติตัวไม่เหมาะสม
หึ...ไม่มีทาง ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าไปเสวยสุข สตรีร้ายกาจเช่นเจ้าควรได้รับบทเรียน ให้ทนทุกข์อยู่กับข้าเสียที่นี่ให้สาสมเสียก่อน เบื่องั้นรึ ดี! ให้นางทนเบื่ออยู่แต่ในตำหนักอ๋องจนกระอักเลือดตายไปเสีย
อ๋องหมิงโมโหจนไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้ เขาพยายามควบคุมอารมณ์อย่างถึงที่สุดเพื่อที่จะไม่ลงมือกับนางอย่างในคืนนั้นอีก
ความจริงแล้วเขาเองก็รู้สึกผิดกับการกระทำครั้งก่อนอยู่ลึกๆ เขาทำร้ายนางด้วยอารมณ์โมโหผสมกับฤทธิ์ของสุราที่เขาดื่มเข้าไปก่อนหน้า ถึงแม้เขาจะไม่ได้มีใจให้นาง แต่ก็ไม่ได้เกลียดนางถึงเพียงนั้น
แต่จะให้คนอย่างเขาไปขอโทษก็ไม่ใช่เรื่อง นางรนหาที่เอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาสั่งให้องครักษ์เงาคอยเฝ้าดูนางอยู่ตลอด ที่จริงแล้วเขาก็กลัวว่านางจะเป็นอะไรไป จึงได้ให้คนคอยติดตามดูอาการของนางอยู่ห่างๆ
พอเขาทราบว่านางเริ่มหายดีแล้วเขาจึงสั่งให้คนของเขาเลิกติดตามนาง แต่ใครจะรู้ว่าพอเขายกเลิกคำสั่ง นางก็ก่อเรื่องขึ้นมาทันที
เดิมทีเขาอยากให้ต่างคนต่างอยู่กันอย่างสงบและสันติ แต่เห็นทีตั้งแต่วันนี้เขาต้องทำให้นางหลาบจำเสียบ้าง นางเป็นใครถึงได้กล้ามาหยามเขาเช่นนี้
"ท่านอ๋อง แม่นางฝูให้มาเรียนถามว่าท่านจะไปรับสำรับเย็นกับนางหรือไม่พะยะค่ะ"
เหลยคังเอ่ยถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะอารมณ์โกรธเกรี้ยวของผู้เป็นนาย
ใช่แล้ว ไปหาเหวินเอ๋ออาจจะทำให้ข้าอารมณ์ดีขึ้นบ้าง
"ไปตอนนี้" พูดจบอ๋องหมิงก็เปิดประตูออกมาจากห้อง
"สั่งคนมาเก็บกวาดให้เรียบร้อย"
"พะยะค่ะ"
เมื่อเหลยคังมองเข้าไปในห้องหนังสือเขาถึงกับส่ายหน้าไปมา นึกสงสารคนเก็บกวาดยิ่งนัก
-โถงกลางตำหนักใหญ่-
"ศิษย์พี่มาแล้ว นั่งก่อนสิเจ้าคะ"
"อืม"
"ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่หลิงฟงมา แล้วเหตุใดพี่หลิงฟงกับพระชายาถึงได้กลับมาพร้อมกันได้ล่ะเจ้าคะ"
อู๋เหยาหมิง ยังคงโมโหอยู่แต่ก็ยังตอบกลับฝูเหวิน
"อืม หลิงฟงเพียงแค่มาส่งนาง นางออกไปพบกับพี่ชายของนางที่เป็นสหายกับหลิงฟง"
ฝูเหวินลอบมองดูอาการของอ๋องหมิง นางดูออกว่าเขากำลังอารมณ์ไม่ดี
"พระชายาก็มิไว้หน้าศิษย์พี่บ้างเลย ได้ข่าวว่าเมามายกลับมา ศิษย์พี่คงจะขุ่นเคืองใจเรื่องนี้ใช่หรือไม่เจ้าคะ"
"อืม ยังดีที่นางปลอมตัวเป็นบุรุษ มิเช่นนั้นคนคงได้เอาไปพูดกันสนุกว่าหมิงหวางเฟยเพิ่งจะแต่งเข้ามายังไม่ทันไรก็สวมหมวกเขียวให้ข้าเสียแล้ว"
นึกแล้วก็โมโห นางเป็นสตรีของเขาแม้ว่าจะแค่ในนามก็ตาม แต่นางก็มิควรจะใกล้ชิดบุรุษที่ไม่ใช่ญาติหรือสามีเช่นนี้ หลิงฟงก็อีกคน คงไม่ได้ชอบนางจิ้งจอกนี่เข้าหรอกนะ
อ๋องหมิงกระแทกตะเกียบลงบนโต๊ะเสียงดังสนั่น
"ศิษย์พี่อิ่มแล้วหรือเจ้าคะ ท่านทานไปแค่นิดเดียวเอง อาหารมิถูกปากหรือเจ้าคะ ให้ข้าสั่งคนครัวให้จัดสำรับใหม่ดีไหม"
"ไม่ต้องหรอก ข้ามิค่อยหิวเท่าไหร่ ยังมีงานค้างอยู่อีกมาก พรุ่งนี้ยังต้องเข้าเฝ้าเสด็จพี่แต่เช้า"
หน้าตาของอ๋องหมิงเริ่มแสดงออกถึงความเหนื่อยล้าอย่างมาก
"ศิษย์พี่อย่ากังวลไปเลยเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะไม่สบายเอาได้นะเจ้าคะ"
ฝูเหวินรินน้ำชาให้อ๋องหมิง และคอลอบมองดูสีหน้าท่าทางของเขาอยู่ตลอด นางต้องแน่ใจว่าเขาไม่ได้แสดงความไม่พอใจออกมาเพราะหึงหวงหยางเพ่ยเพ่ย
เมื่อรับสำรับเย็นเสร็จอ๋องหมิงก็กลับมาทำงานต่อที่ห้องหนังสือ
"ท่านอ๋อง องค์ไทเฮาทรงให้กงกงในวังมาแจ้งพระประสงค์ว่าหากพระชายาหายป่วยไข้แล้ว ให้ท่านอ๋องและพระชายาเข้าเฝ้าพร้อมกันในวันพรุ่งนี้พะยะค่ะ"
เหลยคังรีบเข้ามารายงาน
"อืม ส่งคนไปแจ้งนางด้วย"
"พะย่ะค่ะ" แม้จะรับคำแต่ในใจเหลยคังนั้นกลับวิตกแทนหยางเพ่ยเพ่ยอยู่ไม่น้อย
สภาพเช่นนั้น…พระชายาจะตื่นไหวงั้นรึ
อ๋องหมิงก้มหน้าก้มตากลับมาจัดการกับกองงานตรงหน้าต่อ กว่าจะเสร็จเรียบร้อยก็ล่วงเลยไปถึงปลายยามจื่อ*
"เหลยคัง เจ้าไปแจ้งพระชายาเรียบร้อยแล้วหรือยัง"
"กระหม่อมไปที่ตำหนักพระชายาแต่พระชายาทรงเข้าบรรทมไปตั้งแต่เมื่อเย็นแล้ว กระหม่อมจึงฝากเรื่องไว้กับสาวใช้ของพระชายาแทนพะยะค่ะ"
"จะได้เรื่องงั้นรึ เจ้าควรแจ้งนางให้นางรับทราบด้วยตัวเอง หากพรุ่งนี้นางไม่ตื่นข้าก็ต้องหาเหตุผลไปผัดผ่อนเสด็จแม่อีก"
"กระหม่อมจะกลับไปแจ้งพระชายาอีกครั้งพะยะค่ะ"
"ไม่ต้อง...ไปตำหนักพระชายา!"
อ๋องหมิงออกคำสั่งแล้วลุกขึ้นเดิมนำไปในทันที
ทำไมต้องไปแจ้งเองหรือท่านอ๋องจะหาเรื่องไปพบหน้าพระชายากันแน่
เหลยคังรับรู้ได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่าง ก่อนจะรีบเดินตามอ๋องหมิงไป
เมื่อไปถึงยังหน้าตำหนักจันทรา อู๋เหยาหมิงเอาแต่ยืนจ้องเข้าไปในตำหนักไม่ทำอะไรเสียทีจนเหลยคังต้องเอ่ยเตือน
"ให้กระหม่อมไปตามสาวใช้ให้มาปลุกพระชายาดีไหมพะยะค่ะ"
"ไม่ต้อง! ข้าจะเข้าไปเอง เจ้ารออยู่ข้างนอกนี่ก็พอ"
พูดจบเขาก็เปิดประตูก่อนจะเดินหายเข้าไปภายในตำหนักที่บัดนี้มืดสนิทเพราะคนในตำหนักเข้านอนกันไปหมดแล้ว
เฮ้อ! หากข้าไม่กล่าวกระตุ้น ท่านอ๋องคงจะยืนเฝ้าอยู่หน้าตำหนักจันทราทั้งคืนเป็นแน่
ท่านอ๋องของเขาทรงเป็นอะไรไปหรือว่ามีอะไรบางอย่างที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปกันแน่ หากเป็นเช่นนั้นได้ก็ย่อมดีแท้แน่นอน อย่างไรเขาก็อยากเห็นท่านอ๋องปรองดองกับพระชายามากกว่าทะเลาะกันดังเช่นเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา
อ๋องหมิงเดินเข้ามาหยุดยืนจ้องมองเพ่ยเพ่ยอยู่ข้างเตียงนอนของนาง ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงนั้นหลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวใดๆ ขาและแขนของนางก่ายไปบนหมอนข้างใบใหญ่ ผ้าห่มก็ร่นลงไปกองอยู่ปลายเท้า
หึ...ช่างดูไม่สมกับเป็นกุลสตรีเอาเสียเลย
อู๋เหยาหมิงเอื้อมมือไปกระตุกที่แขนเสื้อของนางเบาๆ แล้วเรียกนางให้ตื่น
"หยางเพ่ยเพ่ย"
แม้เขาจะเรียกนางเสียงค่อนข้างดังแต่กลับไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบกลับจากร่างเล็กที่นอนหลับใหลอยู่ เขาจึงออกแรงกระตุกไปที่ชายแขนเสื้อและเรียกนางเสียงดังขึ้นอีก
"หยางเพ่ยเพ่ย!"
เพ่ยเพ่ยพลิกหมุนตัวมาทางเขาแล้วฟาดแขนกลับมา แม้ว่าตายังคงปิดสนิทอยู่
"อะไร จะเรียกทำไมเนี่ย! "
"ตื่นแล้วลุกขึ้นมาคุยกับข้า!" เขากล่าวเสียงดังขึ้นอีก
เพ่ยเพ่ยค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาตามเสียงเรียกของเขา นางเห็นเพียงภาพเลือนรางในความมืด นางกำลังฝันถึงกงยูพระเอกในดวงใจของนางอยู่ ในความฝันเพ่ยเพ่ยสวมบทเป็นนางเอก
ด้วยความเมาและยังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นเพ่ยเพ่ยจึงคิดเอาว่าตนนั้นยังคงอยู่ในความฝันและตอนนี้ก็ฝันว่าอ้ปป้ากงยูมาอยู่ตรงหน้าแล้ว
"อ้ปป้ามาจริงๆ หรอเนี่ย ฝันดีชะมัด"
เพ่ยเพ่ยยกยิ้ม ส่งสายตาหวานเยิ้มให้อ๋องหมิง ก่อนจะลุกขึ้นใช้สองมือเล็กดึงสาบเสื้อของอ๋องหมิงให้โน้มตัวเข้ามาหา จนตอนนี้ใบหน้าของนางและเขาอยู่ห่างกันเพียงแค่คืบเดียวเท่านั้น
"อ้ปป้าจริงๆ ด้วย"
เพ่ยเพ่ยวางนิ้วเรียวยาวลงบนใบหน้าคม ก่อนจะลากนิ้วลูบไล้ไปบนแก้มเรื่อยมาจนมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากหนาของเขา
"อุ๊ย! นุ่มอ่ะ ได้จูบอ้ปป้าสักครั้ง เพ่ยเพ่ยสัญญาเลยว่าจะตั้งใจทำงาน"
อ๋องหมิงจ้องหน้าเพ่ยเพ่ยเขม็ง ตะลึงค้างกับการกระทำอันอุกอาจของนาง
ทำสายตาหวานหยาดเยิ้มราวกับจะยั่วยวนข้า
แต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่ นางกำลังคิดว่าเขาคือชายชื่อ 'อ้ปป้า' นั่นต่างหากเล่า
อ๋องหมิงเอื้อมมือมากำข้อมือของเพ่ยเพ่ยไว้เพื่อหยุดการกระทำนั้น เขาออกแรงกำมือเพ่ยเพ่ยแน่นจนนางรู้สึกเจ็บ
"โอ้ย! เจ็บนะ"
เมื่อความเจ็บเริ่มจู่โจม เพ่ยเพ่ยจึงค่อยๆ ได้สติ เธอลืมตาขึ้นในความมืดแล้วเพ่งมองบุรุษตรงหน้า ด้วยแสงรำไรจากโคมไฟบนโต๊ะกลางห้องจึงทำให้นางเห็นเขาได้ถนัดตายิ่งขึ้น
"มาได้ไงวะ?"
เพ่ยเพ่ยถึงกับสบถออกมาอย่างลืมตัว
"โอ้ย!…ท่านอ๋องหม่อมฉันเจ็บนะเพคะ ปล่อยหม่อมฉันนะ"
เพ่ยเพ่ยที่รู้ตัวแล้วพยายามอย่างสุดแรงที่จะดึงมือของตนให้หลุดพ้นจากมือแกร่งของเขา
"หึ! สตรีไร้ยางอาย กลางวันออกไปนั่งดื่มสุรากับบุรุษ เมามายจนต้องหอบหิ้วกันกลับมา แม้ยามหลับก็ยังพร่ำเพ้อถึงชายอื่น ต้องให้ข้าเตือนความจำหรือไม่ว่าเจ้าแต่งงานแล้วและเป็นถึงหมิงหวางเฟย"
"..."
"หากไม่คิดจะไว้หน้าข้าก็ควรไว้หน้าตระกูลหยางของเจ้าบ้าง"
อะไรของเขาวะ? มาถึงก็ด่าเอาๆ
นางกำลังฝันดีอยู่เลย ทำไมเขาต้องมาขัดจังหวะนางกับอ้ปป้าด้วยเนี่ย มาถึงก็ด่านางชุดใหญ่ไฟกะพริบขนาดนี้
เป็นอะไรมากป่ะเนี่ย
"ท่านพูดเรื่องอะไรของท่านกัน ท่านกำลังป่วยใช่หรือไม่เพคะ ปกติท่านอ๋องก็ไม่เคยสนใจไยดีสตรีอื่นนอกจากแม่นางฝูของท่านอยู่แล้วมิใช่หรือ แล้วท่านจะมายุ่งวุ่นวายอะไรกับข้ากันเล่า มิใช่ว่าท่านควรจะดีใจหรอกหรือที่ข้าไปสนใจชายอื่น"
อิตาอ๋อง แกต้องเป็นไบโพล่าแน่ๆ
ไม่ชอบนางแต่ตามเข้ามาด่าถึงห้อง ย่องเข้ามาเงียบๆ อย่างกับพวกแอบถ้ำมอง แล้วนี่อะไรกัน โมโหราวกับว่าหึงหวงอย่างนั้นแหละ ย้อนแย้งอย่างไรไม่รู้
"เจ้าอย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองจนเกินไปว่าที่ข้าโมโหเช่นนี้เพราะข้ามีใจต่อสตรีมากเล่ห์เช่นเจ้า ข้าเพียงไม่ชอบให้ใครมาหยามเกียรติของข้าก็เท่านั้น"
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามพร้อมกับออกแรงบีบข้อมือของนางแรงขึ้นอีก
"โอ้ย! หม่อมฉันเจ็บนะเพคะ"
เพ่ยเพ่ยร้องขึ้นอีกครั้ง เขาไม่เพียงไม่ปล่อยมือนางแต่กลับเพิ่มแรงบีบขึ้นเรื่อยๆ
อ๊ะ! อีตาอ๋องนี่ อารมณ์รุนแรงเกินไปแล้ว
"แล้วท่านอ๋องเข้ามาในห้องนอนของหม่อมฉันทำไมกันเล่า ดึกดื่นเช่นนี้หากว่าไม่ต้องการให้หม่อมฉันคิดเข้าข้างตัวเอง ท่านอ๋องก็ควรรีบนำพาตัวเองออกไปซะ"
"ข้าก็ไม่ได้อยากจะรั้งอยู่ที่นี่นานนักหรอก เหวินเอ๋อยังรอข้าอยู่ ข้าเพียงมาบอกเจ้าเท่านั้น เจ้าต้องเข้าวังไปพบเสด็จแม่กับข้าพรุ่งนี้เช้า เตรียมตัวให้พร้อมแล้วอย่าให้ข้าต้องรอ ทำตัวดีดีเวลาอยู่ต่อหน้าเสด็จแม่และเสด็จพี่ อย่าทำให้ข้าหมดความอดทนกับเจ้า"
พูดจบเขาก็ผลักนางออกอย่างแรงจนหลังของเพ่ยเพ่ยกระแทกกับเบาะนอน
"โอ้ย! ผลักมาได้" เพ่ยเพ่ยเม้มปากแน่น
"หม่อมฉันรับทราบเพคะ หากหมดธุระแล้วก็ เชิญ!...เพคะ!"
ไอ้เจ้าอ๋องซาดิสม์ ไอ้อ๋องไบโพล่า พูดอย่างกับว่าหึงหวงเรา ทำเป็นเอ่ยอ้างถึงแม่นางฝู ขี้อวดอ่ะ ใครเขาอยากรู้กัน
เพ่ยเพ่ยได้แต่ก่นด่าเขาในใจ สายตาก็จ้องตอบกลับอ๋องหมิงอย่างไม่เกรงกลัว
"แล้วอย่าให้ข้ารู้นะว่าเจ้าอ้ปป้านั่นมันเป็นผู้ใด"
พูดเสร็จเขาก็สะบัดแขนเสื้ออย่างแรงก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที
"เอ่อ ทำไมเขาถึงรู้จักอ้ปป้าได้ล่ะเนี้ย นี่มันเมืองจีนไม่ใช่หรอ จะเป็นไปได้ยังไง เอ๊ะ! หรือว่า..."
"เพ่ยเพ่ยเอ้ย! นี่แกละเมอเรียกอ้ปป้าอีกแล้วหรอวะเนี่ย"
เพ่ยเพ่ยได้แต่นึกตลกตัวเอง เวลานางดื่มเหล้าเมาทีไร นางจะต้องละเมอหาอ้ปป้าทุกครั้งไป เรื่องที่นางเมาแล้วชอบละเมอ เพื่อนๆ ของนางหลายคนต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นเรื่องจริง
อ๋องหมิงเมื่อเดินออกมาจากตำหนักจันทราแล้วจึงหันไปเอ่ยกับคนสนิทด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
"เหลยคัง!"
"พะยะค่ะ"
"เจ้าเคยได้ยินชื่อ 'อ้ปป้า' หรือไม่ ชื่อประหลาดนัก มันเป็นภาษาของแคว้นใด"
"กระหม่อมไม่เคยได้ยินชื่อแปลกเช่นนี้มาก่อนเลยพะยะค่ะ"
"ส่งคนไปสืบมาให้ข้า"
อ๋องหมิงสั่งเหลยคังเสียงเรียบ สีหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง