หลี่เหิงตะลึงงัน "ท่านผู้อาวุโส ท่านไม่ได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่"ผู้อาวุโสเฉินสีหน้าอึมครึม "ทำไม เจ้าสงสัยในวิชาการแพทย์ของข้า หรือสงสัยในมนุษยธรรมของข้า""ข้า...ข้าไม่บังอาจ...แต่...""ข้าก็พอจะเข้าใจวิชาการแพทย์อยู่บ้าง ให้ข้าลองดูหน่อยเถิด" อาจารย์สาวอีกคนเดินออกมา นางเป็นอาจารย์สาวเพียงคนเดียวในสำนักบัณฑิต เดิมทีก็เป็นที่รู้จักได้เพราะวิชาการแพทย์ อีกทั้งนางยังเที่ยงตรงมาโดยตลอดได้นางเป็นผู้ตรวจชีพจร ทุกคนก็จะยิ่งมั่นใจมากขึ้นอาจารย์ซู่จับชีพจรของเยี่ยเฟิง ใบหน้าที่นิ่งสงบพลันเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน มองเยี่ยเฟิงที่หน้าขาวซีดด้วยประหลาดใจคาดไม่ถึงเช่นเดียวกับผู้อาวุโสเฉิน ดวงตาที่ดูตกตะลึงคู่นั้นปิดไว้ไม่อยู่ทุกคนพากันสงสัยก็แค่ตรวจชีพจรเองไม่ใช่หรือเหตุใดถึงได้มีท่าทีตกตะลึงถึงเพียงนี้ อีกอย่าง ดูเหมือนจะยังมีท่าทางเห็นใจ...อาจารย์ฉางกล่าวด้วยความร้อนรน "เป็นเช่นไร"อาจารย์ซู่พยายมาสงบจิตที่ฟุ้งซ่านของตนเอง แล้วเอ่ยช้าๆ "มือซ้ายของเยี่ยเฟิง ตั้งแต่นิ้วมือไปถึงข้อมือ เคยผ่านการถูกหักกระดูกมาไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียว มือซ้ายของเขาไร้เรี่ยวแรง ไม่สามารถใช้มีดได้ คนร้ายไม่มี
"แม่เจ้า ยัยขี้เหร่ เหตุใดพวกเจ้ายังอยู่ที่นี่ ใต้เท้าม่อส่งคนจำนวนมากไปที่เสี่ยวเหอชุน ข้าได้ยินมาว่าพวกเขาตั้งใจจะจับยายของเยี่ยเฟิงมาสอบสวนอย่างเข้มงวด" เซียวอวี่เชียนวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาสีหน้าของเยี่ยเฟิงพลันเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายสั่นเทาจนไม่อาจควบคุมได้ "เช่นนั้นท่านยายของข้าล่ะ ถูกจับแล้วหรือ""น่าจะ...ยังไม่...""ฟึบ..."พริบตาเดียว เยี่ยเฟิงหายวับราวกับสายลม อยู่ไกลออกไปหลายเมตรหากไม่ใช่เพราะยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตล้อมเขาไว้ เกรงว่าเขาคงจะหายไปจากสายตาตั้งนานแล้วผู้อาวุโสเฉินโบกมือ พลางเอ่ยปาก "ปล่อยเขาไปเถอะ"ทันทีที่ยอดฝีมือของสำนักบัณฑิตหลีกทาง เยี่ยเฟิงก็หายตัวไปทันทีอาจารย์ฉางไม่พอใจ เริ่มบ่นอุบๆ อิบๆกู้ชูหน่วนโบกมือเรียกเซียวอวี่เชียนด้วยหน้าตาเคร่งเครียด "เสี่ยวเชียนเชียน พวกเราก็ไปที่เสี่ยวเหอชุนดูหน่อยเถอะ"พูดจบ ไม่รอให้เหล่าอาจารย์ตอบตกลง พวกเขาก็วิ่งเหยาะๆ ออกไปจากสำนักบัณฑิตเรียบร้อยแล้ว"ไม่เคารพอาจารย์ ไม่เคารพอาจารย์เอาเสียเลย ท่านผู้อาวุโส นักเรียนที่ดื้อรั้นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องไล่ออก""ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ทุกคนแยกย้าย" ผู้อาวุ
ผิดกับความปลาบปลื้มดีใจของเหล่าชาวบ้าน เยี่ยเฟิงกลับมีสีหน้าเฉยชา ราวกับว่าทุกสิ่งที่พวกเขาพูดไม่เกี่ยวกับเขาเหล่าชาวบ้านมองเยี่ยเฟิงด้วยสายตาเลื่อมใสศรัทธา พลางพูดคุยกับเขาหลายประโยคทว่าหลานของหัวหน้าหมู่บ้านกลับขัดจังหวะความยินดีของพวกเขา"พี่เยี่ยเฟิง เหตุใดพวกเขาถึงบอกว่าพี่ฆ่าคนล่ะ"รอยยิ้มของหัวหน้าหมู่บ้านชะงักงัน แววตาที่ขุ่มมัวเริ่มเกิดความกังวล "นั่นสิ เหตุใดพวกเขาถึงบอกว่าเจ้าฆ่าคน เพราะคนเหล่านั้นเห็นว่าเจ้าไม่มีทางสู้ถึงได้โยนความผิดมาที่เจ้าหรือ""เยี่ยเฟิง เรื่องนี้พอจะมีหนทางอธิบายให้ชัดเจนไหม หากไม่มีหนทาง เช่นนั้นเจ้าก็รีบหนีไป อีกาทั้งใต้หล้าดำเหมือนกันหมด พวกข้าหลวงเหล่านั้นส่วนใหญ่ไม่ใช่คนดีอะไร ชอบรังแกชาวบ้านสามัญชนอย่างพวกเรา""สำนักบัณฑิตสอบสวนจนกระจ่างแล้ว คนร้ายไม่ใช่ข้า เชื่อว่าไม่นานข่าวก็น่าจะไปถึงราชสำนัก""จริงหรือ หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ดี เยี่ยเฟิง เจ้ารู้หรือไม่ สำนักบัณฑิตหลวงเป็นถึงสถานที่บรรดาผู้มีความสามารถล้วนแต่ใฝ่ฝั่น ขอเพียงแค่ออกมาจากที่นั่น ต่อไปจะต้องได้เป็นขุนนางใหญ่ เจ้ามีอนาคตที่ดี พวกข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเจ้าแล้ว"กู้ชูหน่วนแล
ณ จุดพักม้าราชทูตแคว้นจ้าวกู้ชูหน่วนกระโดดกำแพงข้ามไป ก่อนจะแอบเข้าไปในห้องนอนของอี้เฉินเฟยนางยืนกอดอกพิงประตูอยู่ด้านนอก ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้มเอื่อยเฉื่อย มองดูอี้เฉินเฟยที่กำลังอาบน้ำอยู่หมอกไอน้ำอบอวล สายตาที่คู่หนึ่งจ้องมองไปที่เขาโดยไม่ปิดบัง ยากที่อี้เฉินเฟยจะไม่รู้สึกตัว เขากำลังหันหลังให้กู้ชูหน่วน มุมปากยกยิ้มฝืดเฝื่อน"คุณหนูสาม เจ้าบุกเข้ามาถึงจุดพักม้ากลางดึกเช่นนี้ เพื่อมาดูข้าอาบน้ำหรอกหรือ""ภาพชายรูปงามอาบน้ำ คงจะเจริญตาน่าดู"อี้เฉินเฟยหน้าแดงก่ำทั้งร่างของเขาเปลือยเปล่า กู้ชูหน่วนยืนพิงประตูอยู่ด้านนอกด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นระเบียบครบถ้วน จ้องเขาตาไม่กระพริบ ช่างทำให้เขาอึดอัดยิ่งนักเขากระอักอระอ่วน "จะให้ข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้หรือไม่""เจ้าเปลี่ยนของเจ้าไป ข้าไม่ได้ขวางเจ้าเสียหน่อย""……"นางยืนจ้องเขาอยู่ตรงนั้น จะให้เขาเปลี่ยนได้อย่างไรระหว่างที่กำลังกลัดกลุ้ม กู้ชูหน่วนกลับหันหลังกลับไปทันควันหางตาอี้เฉินเฟยฉายแววประหลาดใจปราดหนึ่งหลายวันก่อน นางผู้นี้ยังมีท่าทีออกนอกหน้าชัดเจนขนาดนั้น วันนี้ได้โอกาสทั้งที เหตุใดนางถึงไม่เกี้ยวเขาสักหน
"ต่อให้ท่านต้องการให้ข้าไปเผ่าหมอกับท่าน อย่างไรก็ต้องให้เหตุผลกับข้าสักข้อไม่ใช่หรือ""ได้ยินมาว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงาม ข้าจะพาเจ้าไปเดินเล่น""……"ทิวทัศน์งดงาม ?เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคนบอกว่าเขาหมายวิญญาณทิวทัศน์งดงามสาเหตุที่เขาหมายวิญญาณมีชื่อเรียกเช่นนี้ ก็เพราะหลังจากที่เข้าไปในเขาลูกนั้นแล้ว สิ่งที่จะหลงเหลืออยู่มีเพียงแค่วิญญาณเท่านั้นนางผู้นี้ ไม่อยากให้เซียวอวี่เชียนไปผจญอันตรายกับนาง แต่ตัวเองก็ไม่รู้ทางไปเผ่าหมอ ทั้งยังไม่มีความมั่นใจที่จะบุกเข้าไปช่วยคนอื่น ถึงได้ลากเขามาด้วยยังมีหน้ามาหลอกเขาว่าที่นั่นทิวทัศน์งดงามอีกแม่นางผู้นี้ โหดร้ายยิ่งนัก ไม่กลัวว่าจะพาเขาไปตายบ้างเลยแม้จะเป็นเช่นนั้น อี้เฉินเฟยก็ยังคงหาม้าเร็วที่ดีที่สุดมาสองตัว แล้วพากู้ชูหน่วนมุ่งหน้าไปยังเขาหมายวิญญาณด้วยความเร็วแสงไม่นานนัก ทั้งสองก็ไปถึงที่ตีนเขาเมื่อยืนอยู่ตรงตีนเขา กู้ชูหน่วนรู้สึกเพียงแค่ลมหนาวชวนขนหัวลุกพัดผ่าน ภายในชั้นบรรยากาศมีกลิ่นคาวเลือดจางๆ ไม่รู้ว่าบนยอดเขาจะมีคนตายไปเท่าไหร่"หลังจากเข้าไปในเขาลูกนี้ ก็จะเป็นเขตกองธงหลัน"กู้ชูหน่วนเงยหน้า ที่นี่มียอดเขาสูงต
"ไปกัน ตามข้ามา"อี้เฉินเฟยยิ้มอ่อนโยน ก่อนจะกุมมือที่อ่อนนุ่มของนาง พานางมุ่งไปทางทิศใต้อย่างชำนาญทางกู้ชูหน่วนกวาดสายตามองดูฝ่ามือหนาใหญ่ของเขาผาดหนึ่ง นิ้วของเขาขาวเนียนเรียวยาว อีกทั้งยังอุ่นร้อน ถูกกุมไว้ด้วยฝ่ามือใหญ่ๆ ของเขา ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกนั้นมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ เป็นความเชื่อใจที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติกู้ชูหน่วนไม่ต่อต้านความรู้สึกนี้เขานำทางนางไปยังป้อมปราการเมืองทางทิศใต้บนป้อมปราการมีคนอยู่ประปราย ธงขนาดใหญ่ปักลายดอกกล้วยไม้แขวนอยู่ด้านบน อี้เฉินเฟยตีลูกสมุนที่อยู่รั้งท้ายแถวสองคนสลบ ก่อนจะถอดเสื้อผ้าเขาออก แม้แต่หน้ากากกระโหลกบนใบหน้าก็ถอดออกมาด้วย"ใส่ชุดของพวกเขา พวกเราจะแฝงตัวเข้าไป"กู้ชูหน่วนไม่กระมิดกระเมี้ยน เพียงแต่เปลี่ยนเสื้อผ้าตรงนั้นอย่างไม่เขินอายอี้เฉินเฟยหน้าร้อนผ่าว รีบหันไปอีกทาง สายตาเอ็นดูแฝงไว้ด้วยความระอา "คุณหนูสาม ชายหญิงไม่ใกล้ชิดกัน เจ้าทำแบบนี้จะดีหรือ"กู้ชูหน่วนกลอกตามองบนใส่ไปหนึ่งทีนางก็แค่ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออกก็เท่านั้น ด้านในยังมีเสื้อผ้าอยู่อีกหลายชิ้น มีสิ่งใดให้หลบๆ ซ่อนๆ"ข้าเสร็จแล้ว
"พวกเจ้าเร่งมือหน่อย เชลยกลุ่มนี้ถูกคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถัน หากมีสิ่งใดผิดพลาด ต่อให้พวกเจ้ามีร้อยหัว ก็ไม่พอให้กุดหรอกนะ""ได้ได้ได้" กู้ชูหน่วนพยักหน้าหงึกๆ ท่าทางนอบน้อม ก่อนจะตามอี้เฉินเฟยขึ้นกระเช้าลำที่หนึ่งไป สายตาเยือกเย็นพลันปรากฏออกมาในที่ที่ลับตาจากผู้อื่นแล้วหากนางทายไม่ผิด ฐานะของคนเหล่านี้คงจะใกล้เคียงกับเยี่ยเฟิง ล้วนแต่ถูกส่งไปบำเรอนายท่านหลันนึกถึงเรื่องที่เยี่ยเฟิงถูกนายท่านหลันขืนใจตั้งแต่ห้าขวบ ไฟโกรธของกู้ชูหน่วนก็ลุกโชนขึ้นมาเพราะสวมหน้ากากกระโหลก และใส่ชุดโครงกระดูก พวกเขาสองคนแฝงตัวอยู่ในกลุ่มจึงไม่เป็นที่สังเกตใดๆ ผ่านไปอย่างราบรื่นตลอดเพียงแต่เมื่อถึงเขาลูกที่ห้า พวกเขาก็ถูกกันเอาไว้นอกจากแสดงป้าย พวกเขายังต้องหยดเลือดของตนลงในถ้วยที่มีน้ำอยู่ครึ่งถ้วยสมุนเผ่าหมอด้านหน้าต่างก็กัดนิ้วของตัวเอง แล้วหยดเลือดลงไปในถ้วย หลังจากที่เลือดผสมเข้ากับน้ำใสในถ้วย กลิ่นคาวเลือดก็คุ้งไปทั่ว ตามมาด้วยควันดำลอยอบอวลอยู่รอบๆกู้ชูหน่วนเหร่มองอี้เฉินเฟย ส่งสายตาถามเขาว่า ยามนี้จะบุกเข้าไปหรือหาวิธีแฝงตัวเข้าไปอี้เฉินเฟยส่งสายตาบอกให้นางวางใจ ก่อนจะกัดนิ้วตัวเอง
"พวกเจ้า...พวกเจ้าจับตัวชาวบ้านมาเช่นนี้ ไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตาบ้างเลยหรือ"ได้ยินเช่นนั้น เหล่าลูกสมุนกองธงในกระเช้าต่างก็หัวเราะลั่น"กฎหมาย ? เจ้าพูดเรื่องกฎหมายกับข้าหรือ จักพรรดิเย่ยังทำอะไรพวกข้าไม่ได้ เจ้ากลับกล้าพูดเรื่องกฎหมายกับข้า เด็กน้อย เจ้าช่างใสซื่อยิ่งนัก เห็นทีพวกเจ้าจะยังไม่เข้าใจว่าตัวเองอยู่ที่ใด"เด็กหนุ่มถลึงตามองพวกเขาด้วยความโกรธผ่านเขาไปลูกแล้วลูกเล่า พวกเขาต่างก็รู้ดีว่า ยิ่งลึกเข้าไป โอกาสในการหนีรอดออกไปของพวกเขาก็ยิ่งน้อยลงไปด้วยในระหว่างที่ทุกคนกำลังสนใจอยู่ที่เด็กหนุ่มวัยสิบสามสิบสี่ปีผู้นั้น ทันใดนั้นเองเด็กหนุ่มอีกคนก็พุ่งเข้าไปกัดเข้าที่ต้นขาของผู้คุมอย่างแรงโดยไม่ให้ตั้งตัว ทำเอาต้นขาเขาเลือดอาบ"โอ๊ย...เจ็บนะโว้ย เจ้ารีบปล่อย ใครก็ได้ เตะมันออกไป"สมุนกองธงจำนวนไม่น้อยเข้ามาดึงเด็กหนุ่มหน้าตาดีผู้นั้น แต่ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน ไม่ว่าพวกเขาจึงดึงอย่างไร เขาก็ยังกัดแน่นไม่ยอมหลุด ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความเกลียดแค้น ราวกับอยากจะกัดขาผู้คุมให้ขาดเสียเดี๋ยวนั้น"ฉึก...""เฮือก..."ผู้คุมจ้าวใช้ดาบแทงเข้าไปที่ท้องของเขา เ
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ