Share

บทที่ 3

Author: เย่ชิงขวง
นางเอ่ยเป็นจริงเป็นจัง แววตาใสซื่อบริสุทธิ์ ทว่ากลับทำเอากู้ชูหลันและอี๋เหนียงห้าโกรธจนสั่นไปทั้งตัว

"กู้ชูหน่วน เจ้าโกหก ตอนที่เจ้าบังคับให้ข้าดื่มเมามายพันกาล มิได้ท่าทางเช่นนี้เลย"

"น้องสาว ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอันใด ข้ารู้ว่าข้าผิด ไม่ควรจะไปสาย น้องสาวอย่าโกรธเลยได้หรือไม่"

กู้ชูหลันเสียสติ ความบริสุทธิ์ผุดผ่องของนางถูกอีกฝ่ายทำลาย แต่อีกฝ่ายกลับทำเป็นใสซื่อเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย ความโกรธเอาชนะกู้ชูหลัน นางตะกายตัวขึ้นมาหมายจะบีบลอคำของอีกฝ่าย ราวกับอยากจะบีบคอกู้ชูหน่วนให้ตายทั้งเป็น

"สามหาว"

เสียง "ปึง" ดังขึ้น อัครเสนาบดีกู้ตบโต๊ะ โมโหเลือดขึ้นหน้า

เว้นเสียแต่กู้ชูหน่วน ทุกคนต่างตื่นตกใจ

ส่วนอี๋เหนียงห้าก็กระชากกู้ชูหลันให้คุกเข่าลงเสียงดังโครม "นายท่านใจเย็นเจ้าค่ะ หลันเอ๋อร์ก็แค่คิดน้อยไปจึงได้ออกไปกับคุณหนูสาม เมามายพันกาลนั่น ต้องมีคนจงใจวางยาแน่"

ฮูหยินใหญ่และอี๋เหนียงสามรวมถึงคนอื่นๆ พากันแค่นหัวเราะ

มีคนจงใจวางยางั้นรึ? หมายถึงพวกนางอย่างนั้นหรือ?

อี๋เหนียงห้าเป็นที่โปรดปรานของอัครเสนาบดี ยามปกติแล้วมักจะอวดเบ่งวางอำนาจกับพวกนางอยู่บ่อยๆ ยามนี้กู้ชูหลันแปดเปื้อนมลทิน พวกนางเองก็อยากรู้นักว่าอี๋เหนียงห้าจะพลิกหน้ามือเป็นหลังมือได้อีกไหม

ที่โง่ที่สุดก็คือ กู้ชูหน่วนขี้ขลาดอย่างกับหนู อ่อนแอแต่กำเนิด เว้นเสียแต่ไปจุดธูปไหว้แม่ที่จากไปของนางแล้ว ก็ไม่เคยออกนอกจวนเลย ทั้งยังไม่ญาติสนิท จะไปรู้จักเมามายพันกาลได้อย่างไร? แถมจะไปหาซื้อเมามายพันกาลจากที่ไหน

หากกู้ชูหลันจะโยนความผิด ก็ควรหาเหตุผลที่ดีกว่านี้

เสียบริสุทธิ์แล้ว คนเรานั้นโง่ลงหรือไร?

อี๋เหนียงสามแสยะยิ้ม น้ำเสียงเย้ยหยัน "เฮ้อ ไม่รู้ว่าผู้ใดบอกท่านอัครเสนาบดีว่าคุณหนูสามหนีไปที่วัดร้างกับบ่าวไพร่ นอกจากจะทำร้ายผู้อื่นไม่สำเร็จแล้ว กลับกันเป็นตัวเองที่ซวย"

อี๋เหนียงห้าสีหน้าดูไม่ได้

เพราะนางต้องการให้ลูกสาวของตัวเองได้เป็นเจ๋ออ๋องเฟย จึงได้เล่นงานกู้ชูหน่วน นางไหนเลยจะคาดเดาได้ว่า คนที่นางคิดจะทำร้ายนั้น กลับกลายเป็นลูกสาวของนาง

คิดไม่ถึงเลยว่าความบริสุทธิ์ของลูกสาวตัวเองจะสูญสิ้น อี๋เหนียงห้าในใจโกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน แต่ใบหน้านั้นกลับสะอื้นไห้ น่าสงสารเหลือเกิน

"นายท่านเจ้าคะ หากข้าคิดจะทำร้ายคุณหนูสาม แล้วเหตุใดถึงได้โง่เง่าทำร้ายลูกสาวของตัวเองเล่า ต้องมีคนจงใจวางแผนทำร้ายพวกข้าแน่นอน"

"เป็นฝืมือนางสารเลวกู้ชูหน่วนนั่นแหละเจ้าค่ะ ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการให้ข้านะเจ้าคะ"

อี๋เหนียงห้ากระตุกชายผ้ากู้ชูหลัน ส่งสายตาบอกนางว่าอย่าพูดไม่เข้าเรื่องอีก

ทว่ากู้ชูหลันที่กำลังเลือดขึ้นหน้ามีหรือจะสงบนิ่งเหมือนดั่งเคยได้

"ท่านพ่อ ท่านต้องสั่งสอนนางสารเลวนี่ นางหน้าซื่อใจคด"

จวบจนยามนี้ ร่างกายท่อนล่างของนางยังคงปวดร้าวเหมือนถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ทั้งหมดต้องโทษกู้ชูหน่วน

"พอได้แล้ว ชูหน่วน เจ้าว่ามาซิว่าเรื่องมันเป็นเช่นไรกันแน่ เจ้าได้กรอกเมามายพันกาลใส่ปากน้องสาวเจ้าหรือไม่?"

กู้ชูหน่วนหัวเราะเสียงเย็น

คำก็สารเลว สองคำก็สารเลว หากนางสารเลวจริง แล้วตาเฒ่ากู้จะเรียกว่าอะไร?

พ่อชั่ว?

ถึงจะขยะแขยง แต่กู้ชูหน่วนก็ยังคงเอ่ยอย่างน่าสงสาร "หากน้องสาวบอกว่าใช่ เช่นนั้น...เช่นข้าเป็นคนทำก็ได้เจ้าค่ะ"

กู้ชูหลันหอบหายใจอกกระเพื่อม โมโหจนหัวใจจะวายตาย หากไม่ใช่เพราะอี๋เหนียงห้ารั้งนางไว้ ป่านนี้คงสะบัดหน้าเดินหนีไปแล้ว

"ต่อให้เป็นวันรำลึกของแม่เจ้าก็เถอะ เจ้าจะพาบ่าวไปด้วยสักสองสามคนก็ได้ กลางค่ำกลางคืนเช่นนั้น เด็กผู้หญิงออกไปทำอะไรข้างนอกตัวคนเดียว?"

"ลูกก็อยากจะพาคนไปด้วยสักสองสามคนอยู่หรอกเจ้าค่ะ แต่ว่า... แต่ว่าน้องห้าบอกว่า นางพาคนมาเยอะแล้ว ข้าไม่ต้องพามา ตอนนั้นที่น้องห้าพุดแบบนี้อยู่ มีคนอยู่เยอะแยะ หากไม่เชื่อท่านจะถามพวกเขาก็ได้เจ้าค่ะ"

อี๋เหนียงสามเล่นเล็บที่ทาสีของตัวเองอย่างเบื่อหน่าย เอ่ยพลางหัวเราะ "คุณหนูห้าพูดเช่นนั้นจริงๆ ทั้งยังให้คนขวางชิวเอ๋อร์เอาไว้ด้วย"

คุณหนูเจ็ดกู้ชูฉิงที่ยังไม่รู้ทิศด้วยซ้ำก็รีบสมทบ "ข้าก็เห็น"

อี๋เหนียงห้าร้อนรน ลางว่าวันนี้เรื่องคงจบไม่สวย

อัครเสนาบดีกู้ตวาดลั่น "ดึกดื่นปานนั้นเจ้าออกไปทำอะไร"

"นายท่าน..."

อี๋เหนียงห้าอยากอธิบาย แต่อัครเสนาบดีกู้เลือดขึ้นหน้า "หุบปากของเจ้าเสีย หากไม่ใช่เพราะเจ้าตามใจนางจนเคยตัว จะเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร ชูเอ๋อร์ เจ้าบอกมาซิ เหตุใดถึงไปที่วัดร้าง"

หลังจากอาละวาด กู้ชูหลันก็รู้แล้วว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดีต่อนางนัก หากท่านพ่อไม่เอ็นดูนางอีกต่อไป เช่นนั้นชีวิตนางคงจบเห่แล้ว

กู้ชูหลันปาดน้ำตา สะอื้นฟ้องอย่างน่าสงสาร "ลูกได้ยินว่าเมื่อวานเป็นวันรำลึกของท่านแม่ของท่านพี่ เดิมทีข้าอยากจะไปไหว้ศพกับท่านพี่ แต่ก็กลัวว่าท่านพี่จะไม่อยากให้ใครไปรบกวนท่านแม่นาง เพราะอย่างนั้นข้าถึงนัดพบนางที่วัดร้าง แล้วกลับบ้านพร้อมกัน ใครจะไปคิดว่า..."

ไม่มีผู้ใดเชื่อถ้อยคำเหล่านั้น

ชีวิตในจวนของกู้ชูหน่วนมิได้สุขสบายเลย หากนางเป็นห่วงกู้ชูหน่วนจริง ยามปกติคงไม่มีทางกลั่นแกล้งอีกฝ่ายเช่นนั้น

อัครเสนาบดีกู้จะไม่รู้ได้อย่างไรว่านางโกหก เพียงแค่เขาไม่อยากวุ่นวายเรื่องนี้แล้ว จึงโยนความผิดให้กู้ชูหน่วนทั้งหมด

"เป็นความผิดของเจ้าทั้งหมด หากเจ้าไม่คิดจะไปไหว้แม่เจ้าที่วัดอวิ๋นชิง เรื่องนี้คงไม่เกิดขึ้น วันหน้าหากจะไหว้ก็ไหว้ที่เรือน"

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น แผ่นหลังตั้งตรง ปากขยุบขยิบเอ่ยค่อนแคะเสียงแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"ท่านแม่ข้าบอกว่า นางอยู่ข้างล่างนั้นแสนเปล่าเปลี่ยว ยามตายก็อเนจอนาถ นางอยากจะมาหาท่านพ่อยิ่งนัก อยากเจออี๋เหนียงทุกคนด้วย"

"จะมาเจอพวกข้าทำไม?" อี๋เหนียงห้าสันหลังเย็นวาบ

"ท่านพ่อแต่งงานกับท่านแม่ข้าก่อน หลังจากนั้นก็เมตตารับพวกท่านเป็นอนุ แน่นอนว่าอยากรู้ว่าพวกท่านสุขสบายดีหรือไม่ รักกันดีหรือไม่"

ทุกคนหน้าถอดสี

เมื่อนึกถึงแววตาเคียดแค้นของแม่กู้ชูหน่วนก่อนตายก็แอบขนลุกเกลียว

สายตาแหลมคมของฮูหยินใหญ่ฉาบไปด้วยความสงสัย แววตาของกู้ชูหน่วนเมื่อครู่ไม่ได้ขี้ขลาดเหมือนแต่ก่อน กลับกันดูเย็นชา อวดดี หรือว่านางตาฝาดไปอย่างนั้นหรือ?

อัครเสนาบดีกู้เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ "เอาละ เรื่องนี้ก็จบเพียงเท่านี้ เรื่องที่หลันเอ๋อร์เสียบริสุทธิ์ ห้ามผู้ใดแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นก็รอดูว่าข้าจะสั่งสอนเจ้าอย่างไร"

"เจ้าค่ะ" อี๋เหนียงสามและคนอื่นๆ ขานตอบ

อัครเสนาบดีกู้ชี้ไปที่กู้ชูหลันอย่างขุ่นเคือง "ช่วงนี้เจ้าก็อยู่ที่เรือนไปก่อน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น"

"เจ้าค่ะ"

กู้ชูหลันน่าสงสารเหลือเกิน

นางเสียความบริสุทธิ์ไปโดยใช่เหตุ ทั้งยังถูกดุด่าว่ากล่าวอีก ส่วนตัวตนเรื่องกลับลอยตัวไร้ความผิด จะให้นางยอมได้อย่างไร

"อีกอย่าง ทำตัวให้ดีๆหน่อยหากข้ารู้ว่าเจ้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องของหลันเอ๋อร์ ข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"

กู้ชูหน่วนยิ้มเย็น

ใครจะปล่อยใครไปก็ยังไม่แน่

หลังจากอัครเสนาบดีกู้ออกไป อี๋เหนียงห้ากลัวว่าอัครเสนาบดีกู้จะไม่เอ็นดูกู้ชูหลันอีกต่อไป จึงรีบตามออกไป ไม่มีเวลาสนใจลูกสาวตัวเอง

ฮูหยินใหญ่ อี๋เหนียงสาม กู้ชูฉิงและคนอื่นๆ ต่างส่งยิ้มดูถูกเหยียดหยามให้กู้ชูหลัน

ณ ที่นั้นเหลือเพียงกู้ชูหน่วนและกู้ชูหลันแค่สองคน

สีหน้ากู้ชูหน่วนหยิ่งผยองอย่างเห็นได้ชัด ราวกับตนนั้นสูงส่งเหนือชั้น สายตามองต่ำ ไม่เหลือเค้าคนอ่อนแอเมื่อครู่

"เจ้า out แล้ว"

กู้ชูหลันมึนงง "หมายความว่าอย่างไร"

"แปลว่าเจ้าแพ้แล้ว" ความบริสุทธิ์ของหญิงสมัยโบราณนั้นสำคัญยิ่งกว่าชีวิต หากสิ้นความบริสุทธิ์แล้วก็ไม่ต่างอะไรจากแพ้ไม่ใช่หรือ?

ขณะที่กู้ชูหลันยังคงงงงวยว่านางหมายความว่าอย่างไร กู้ชูหน่วนก็ผิวปากเดินเริงร่าจากไป

แค้น

นางแค้นจนอกแทบระเบิดออกมา

กู้ชูหลันเขวี้ยงแจกันดอกไม้บนโต๊ะแตกกระจาย ร้องตะโกนลั่น "กู้ชูหน่วน สักวันหนึ่ง ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ กรี๊ด..."

ให้ตายสิ ยามอยู่ต่อหน้ากู้ชูหน่วนเมื่อครู่ จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนดั่งมดตัวกระจ้อยร่อย แต่อีกฝ่ายคือผู้กุมอำนาจชี้เป็นชี้ตาย เพียงพลิกฝ่ามือก็เรียกเมฆเรียกฝนได้

อีกฝ่ายเป็นแค่หญิงอัปลักษณ์ที่มีตำแหน่งคุณหนูสายตรงก็เท่านั้น ทั้งยังเป็นคนที่นางดูแคลนที่สุด เหตุในนางถึงได้รู้สึกประหลาดเช่นนั้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 566

    ลูกธนูทั้งสิบดอก ล้วนแต่พุ่งเข้ากลางเป้า ทุกคนต่างก็ตะลึงตาค้าง โดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและฮ่องเต้เย่ที่สติหลุด ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เอาแต่มองกู้ชูหน่วนสะบัดมือตนเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว "ธนูนี่จะหนักเกินไปหรือเปล่า ทำเอาข้าปวดแขนไปหมด องค์หญิงตังตัง ธนูสิบดอก ดูเหมือนจะเข้าเป้าทุกดอกเลย ด่านแรกข้าชนะแล้วสินะ" องค์หญิงตังตังพลันได้สติทันที "จะได้ใจไปใย ยังเหลือการแข่งอีกสองด่าน" "เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งโจทย์มาเลย รีบๆ แข่งให้จบ ข้าจะได้เลือกเครื่องประดับมาไว้ติดตัว" "ข้อที่สอง ยังคงเป็นธนูสิบลูก เพียงแค่เจ้ายิงให้เข้ากลางเป้าอีกครั้ง เจ้าก็จะชนะ แต่ว่า ครั้งนี้บนกระดานจะมีเหรึยญกษาปณ์ทองแดงแขวนเอาไว้ อีกทั้งเหรียญทั้งสิบจะส่ายไปมา หัวลูกศรของเจ้าต้องทะลุเหรียญกษาปณ์ทองแดง สุดท้ายพุ่งเข้ากลางเป้าพอดี" ซี้ดดด... ทั้งงานเดือดระอุ นี่จะยากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงตังตังหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นแบบโจ่งแจ้งชัดเจน และเกินว่าเหตุไปหน่อยกระมัง แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้เย่ก็ทนดูไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน "องค์หญิง เอาแต่พอดีเถอะ" "นางบอกเองว่าจะแข่งกับข้า ข้าไม่ได้ขอร้อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 565

    กู้ชูหน่วนเอ่ย "เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ องค์หญิงจะทำเช่นไร" "เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร" "องค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้า หรือหากข้าชนะเจ้าแล้ว ต้องให้เจ้าคลานเข่าร้องเสียงเช่นสุนัขเหมือนกันหรือ" ประโยคนี้ กำลังแอบแดกดันว่าองค์หญิงตังตังคิดเล็กคิดน้อย และใจแคบ องค์หญิงตังตังอาจจะไม่รู้ถึงนัยยะแฝงของประโยคที่นางพูด แต่ไทเฮาเข้าใจทุกอย่าง นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนกำแน่นจนเสียงดังแกรบโดยไม่รู้ตัว "เอาเช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าแพ้ ข้าจะขอของหนึ่งชิ้นจากในตำหนักองค์หญิงของเจ้า ถือเป็นรางวัลชนะเดิมพัน" "เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า" "องค์หญิงตื่นตระหนกขนาดนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะเอาชีวิตองค์หญิงกระมัง ข้าไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นหรอก ของที่ข้าต้องการง่ายนิดเดียว เจ้าให้ได้เป็นแน่" องค์หญิงตังตังตั้งใจฟัง นางหลงกลกู้ชูหน่วนมาหลายหนแล้ว หากไม่ระบุของชนะเดิมพันมาให้ชัดเจน นางไม่มีทางรับปากส่งๆ เด็ดขาด ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนมองที่ข้อมือและสร้อยคอที่ว่างเปล่าของตนเอง พลางเอ่ยด้วยความหมองหม่น "พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่สวมใส่สร้อยแหวนเงินทอง บนตัวข้ากลับว่างเปล่า ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 564

    กู้ชูหน่วนคว้ามือที่ฟาดลงมาของนางเอาไว้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "องค์หญิงตังตัง ลงมือทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เอาได้นะ" "บังอาจ เจ้ากล้าแช่งให้ข้าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หรือ" "หากเจ้าไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์คงจะอวยพรเจ้าเสียด้วยซ้ำ" "ตังตัง" ไทเฮาตะโกนเสียงขรึม ฝีปากของกู้ชูหน่วน นางได้เห็นมากับตาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คนทุกคนที่นี่รวมกัน ก็ไม่อาจสู้ฝีปากนั่นของนางได้ "ทำความเคารพเสด็จอาของเจ้าเสีย" "เสด็จแม่..." องค์หญิงตังตังอารมณ์พลันหมองหม่นลงไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้กลอุบาย นางไม่มีทางเสียเงินมากมายขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงไร้ประโยชน์มาจากลานประมูลเฟิงเซียงหรอก ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ นางไม่มีเงิน องค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกลานประมูลเฟิงเซียงจับตัว ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ หลังจากเกิดเรื่อง นางจะไปหาเรื่องลานประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างก็บอกให้นางอดนทน บอกว่าลานประมูลเฟิงเซียงมีอิทธิพลนัก ไม่จำเป็นอย่าไปมีเรื่องด้วย "รีบทำความเคารพสิ" ใบหน้าขององค์หญิงตังตังราวกับถูกย้อมด้วย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 563

    "กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจนัก" "ใครใช้ให้ข้าเป็นอาสะใภ้ของท่านล่ะ ใครใช้ให้ข้าเป็นชายาของเทพสงครามล่ะ ข้าถึงได้มีสิทธิ์ที่จะอวดี สามหาวอย่างไรเล่า หากท่านไม่พอใจ ก็ไปหาเย่จิ่งหานได้เลย" หากไม่ใช่เพราะฐานะของนาง ฮ่องเต้เย่อยากจะมอบผ้าขาว ให้นางปลิดชีพตนเองเสียงตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้น เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้ "เหมือนข้าจะคิดออกแล้ว เป็นองค์หญิงตังตัง ตอนเด็ก ที่สวมอยู่บนคอขององค์หญิงตังตังก็คือดวงตารูปหัวใจ สีแดงราวกับเลือด ใครหลายคนต่างก็หัวเราะเยาะนาง ต่อมาองค์หญิงตังตังกริ้วหนัก จึงไม่สวมสร้อยเส้นนั้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีก" "เช่นนั้น ความหมายของท่านคือ ดวงตารูปหัวใจอยู่ที่องค์หญิงตังตังหรือ" "โดยทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนิสัยขององค์หญิงตังตัง หากนางไม่ชอบสิ่งใด ก็จะโยนทิ้งไปทันที สร้อยเส้นนั้นไม่รู้ว่าถูกนางทิ้งไปหรือยัง" "วันนี้เป็นพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงตังตังใช่หรือไม่" "ใช่...ใช่น่ะสิ" "ไป พวกเราไปดูกัน" "เมื่อกี้เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าตามหาดวงตารูปหัวใจให้พบ เจ้าจะช่วยขับไล่กองทัพออกไปน่ะ" "ใช่น่ะสิ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 562

    "หรือเย่จิ่งหานต้องการจะเห็นข้าสิ้นแผ่นดินเช่นนั้นรึ เขาเองก็เป็นเสด็จอาแห่งแคว้นเย่" "นั่นสิ เพราะเขาคือเสด็จอาของแคว้นเย่ ฉะนั้นหลังจากที่แคว้นเย่สิ้นแผ่นดินแล้ว เขาก็จะปลุกระดมกองทัพอีกครั้ง ตีแคว้นหวาจนพ่ายแพ้ออกไป ถึงเวลานั้น หากเขาคิดจะนั่งบังลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม ผู้ใดก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ส่วนท่าน ก็จะกลายเป็นเด็กถูกทิ้งคนนั้นไป" ฮ่องเต้เย่มีคำพูดมากมายอยากจะตอกนางกลับไป ทว่ากลับคิดเหตุผลที่จะหยุดนางได้ไม่ออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉะนั้น ไม่สู้ท่านเลือกที่จะเชื่อข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องทำให้เย่จิ่งหานออกมาจัดการแคว้นหวาได้ ทำให้แคว้นเย่ของพวกเรามั่นคงปลอดภัย" "เย่จิ่งหานจะฟังเจ้าหรือ" "แน่นอน เชื่อว่าฝ่าบาทคงเคยได้ยินว่าท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงใด" "แต่เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย" เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ "ข้ากำลังตั้งท้องของเทพสงครามอยู่ไม่ใช่หรือ หลายวันก่อนข้าฝัน ฝันเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมาดลบันดาล บอกว่าเทพสงครามฆ่าคนมามากนัก พลังชั่วร้ายหนักหนาเกินไป ลูกจะ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 561

    กู้ชูหน่วนแคะหู พลางบ่นพึมพำอย่างเหลืออด "หนวกหู" "สามหาว ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ ประมุขผู้มีอำนาจสูงสุด เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ เข้ามา อ้ะ..." กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน "ฮ่องเต้ ข้าขอเตือนท่านว่า ก่อนจะตะโกนเรียกใคร คิดดูให้ดีๆ เสียก่อน ต่อให้ท่านเรียกเหล่าองครักษ์มาทั้งหมด ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเอกของเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าจัดการข้าหรือ" "เจ้า......" ฮ่องเต้หงุดหงิด นางผู้นี้ จงใจขู่เขาชัดๆ เพราะการตะโกนเสียงดังของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ตื่นตกใจ พากันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า "กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงตะโกนเรียกกระหม่อมเพราะ..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าแอบเหลือบมองกู้ชูหน่วนปราดหนึ่ง มือพลอยกำด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว "ข้าเรียกพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงองครักษ์แห่งราชสำนัก หูพวกเจ้าแต่ละคนเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยข้าได้อย่างไร" "พะยะค่ะๆๆ......" "ยังไม่รีบออกไปอีก" "พะยะค่ะ....." กลุ่มองครักษ์หลายคนเข้ามา แล้วออกไป เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status