Share

บทที่ 2

Author: เย่ชิงขวง
หากไม่ใช่เพราะเจ้านายของพวกเขาโดนยาพิษ แถมยังติดกับดักที่คนอื่นวางไว้ คงไม่มีทางยอมให้นางยำยีเช่นนี้

พวกเขาอยากจะช่วยเจ้านาย แต่จนปัญญาเพราะโดนยาพิษเช่นกัน ใจอยากช่วยแต่ไร้กำลัง

อีกฟากหนึ่งของทุ่งหญ้า ร่างทั้งร่างของเย่จิ่งหานไร้เรี่ยวแรง ไม่อาจขยับเขยื้อน ทำได้เพียงถลึงตาจ้องกู้ชูหน่วน

"เจ้าลองแตะต้องข้าแม้แต่ปลายก้อยสิ"

"แตะแค่ปลายก้อยจะพอได้อย่างไร อย่างน้อยก็ต้องแตะทั้งตัว"

บางทีอาจเป็นเพราะดวงตาคู่นั้นของเขาเดือดพล่านมากเกินไป กู้ชูหน่วนถึงได้รู้สึกผิดขึ้นมา จึงรีบกดจุดเขาเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน

"แค่ยืมร่างกายหรอกน่า เจ้าเองก็ไม่สึกหรอเสียหน่อย"

นางพูดอย่างไม่กระดากอาย แต่กลับทำเอาเย่จิ่งหานโมโหจนแทบลมจับ

ค่ำคืนต้องอันงดงาม

เย่จิ่งหานโกรธจนเส้นเอ็นปูดโปน

โธ่เว้ย เทพสงครามผู้ใหญ่อย่างเขา กลับถูกหญิงที่ไหนก็ไม่รู้ข่มเหงเสียได้

แต่ที่แค้นที่สุดก็คือ ตัวนางเองเสร็จสมแล้ว แต่ "น้องชาย" ของเขาไม่พอใจเป็นที่สุด ไฟราคะถูกนางโหมกระพือจนกระสับกระส่ายไปทั้งตัว แต่หญิงผู้นี้กลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย

กู้ชูหน่วนเหนื่อยอ่อนจนสั่นเครือไปทั้งร่าง

นางฉีกเสื้อตัวหนึ่งแล้วคลุมท่อนบนของเย่จิ่งหานเอาไว้ มองดูเย่จิ่งหานอดกลั้นไฟโกรธเอาไว้ ส่ายหน้าพลางวิจารณ์ "ลีลาแย่มาก ต้องปรับปรุง"

"แม่นี่ ข้าจะถลกหนังเจ้า หักกระดูกเจ้า กินเนื้อเจ้า ไม่เหลือศพให้เจ้าฝัง"

เสียงคำรามเดือดดาล สัตว์ป่าตกใจวิ่งหนี ชายชุดดำตัวสั่นระริก เจ้านายของพวกโมโหเข้าใจแล้วจริงๆ

กู้ชูหน่วนเกาใบหูที่สะเทือนจนอื้ออึง ในใจพลันหวาดกลัว

ผู้ชายคนนี้ มาดดีมีสง่าราศี ดูแล้วไม่ใช่คนธรรมดา นี่เธอคงไม่ได้เจอขอโหดเข้าให้หรอกนะ

ช่างเถอะ ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว สู้หาทางหนีดีกว่า

นางตั้งท่าเตรียมพร้อมเผ่นหนี ทว่าเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็วนกลับมา ใช้เลือดบนร่างของเย่จิ่งหาน ขีดเขียนอะไรบางอย่างบนเสื้อผืนสะอาด ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้โยนเสื้อลงตรงหน้าเขา

"เจ้าโดนยาพิษ ทำตามวิธีนี้ ถึงไม่อาจถอนพิษได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยยามอาการกำเริบทุกเดือนก็ไม่ต้องทรมานขนาดนี้ ข้าให้สูตรยาเจ้าแล้ว พวกเราไม่ติดค้างกัน วันหน้าอย่ามาทวงหนี้ข้าละ ต่อให้เจ้ามาทวง แม้ข้าจะยืนตรงหน้าเจ้า เจ้าคงมองไม่ออกว่าข้าหน้าตาเป็นอย่างไร"

สายตาพร่ามัว...

ทอดมองแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างลิงโลด

ทุกคนตาพร่าจริงๆ

ชายชุดดำทั้งสองก้มหัวมุดต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ แทบไม่กล้ามองสีหน้าของเจ้านายตัวเอง

เย่จิ่งหานอ่านสูตรยา มุมปากกระตุก ดูเหมือนว่าไฟโกรธกำลังจะมอดไหม้เขาจนเป็๋นจุน

"หึ... หญิงผู้นี้ ความแค้นของพวกเราใหญ่หลวงนัก"

กู้ชูหน่วนเดินโงเงนเกือบจะล้มลงกับพื้น คงเป็นเพราะวิ่งอย่างบ้าคลั่ง วิ่งมานานระยะหนึ่งถึงได้หยุดพักโกยลมหายใจที่ริมลำธารสายหนึ่ง

ความทรงจำผุดขึ้นมาในหัว กู้ชูหน่วนถอนหายใจเงียบๆ

เธอถูกคนที่ไว้ใจที่สุดหักหลังระหว่างทำภารกิจ เสียชีวิตจากเหตุระเบิด ทว่าศพและวิญญาณกลับข้ามกาลเวลามาอยู่ในร่างของกู้ชูหน่วนที่ชื่อแซ่เดียวกัน

กู้ชูหน่วน คุณหนูสามแห่งจวนอัครเสนาบดี แม้จะเป็นลูกสายตรง ทว่าตั้งแต่เล็กกลับไม่เคยเป็นที่รัก

ว่ากันว่าท่านแม่ของนางเป็นน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน เพราะท่านแม่รักท่านพ่อ ฮ่องเต้พระองค์ก่อนจึงประกาศราชโองการสองฉบับ ฉบับแรกพระราชทานสมรสให้กับท่านพ่อและท่านแม่ อีกฉบับหนึ่งสั่งให้คนรักคู่หมั้นคู่หมายของท่านพ่อปลิดชีวิตตัวเอง

ท่านพ่อโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดของท่านแม่ หลังจากแต่งงานก็รับอนุภรรยามากมาย เฉยชากับท่านแม่ จนท้ายที่สุดท่านแม่จึงได้ตรอมใจตาย

ส่วนนางนั้นก็ได้กลายเป็นเหยื่อที่ถูกทุกคนหัวเราะเยาะและรังแก ยามอยู่ในจวนศักดิ์ของนางนั้นเทียบไม่ได้กับสาวใช้คนหนึ่งด้วยซ้ำ

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ตอนนางเพิ่งจะคลอดออกมา ฮ่องเต้พระองค์ก่อนก็จองตัวนางให้เจ๋ออ๋องเสียแล้ว กลายเป็นเจ๋ออ๋องเฟยที่ถูกเลือกเป็นการภายใน

เพื่อที่จะได้แต่งงานกับเจ๋ออ๋อง เหล่าพี่สาวน้องสาวสายรองของนางต่างวางแผนร้ายให้นางแปดเปื้อนเพราะคนนอก หมายจะทำลายชื่อเสียงของนาง

เจ้าของร่างเดิมตายเพราะอะไร ความทรงจำในสมองเธอไม่ครบถ้วนสักเท่าไร รู้แต่เพียงว่าวิญญาณของเธอมาอยู่ในร่างนี้แล้ว

กู้ชูหน่วนกลอกตามองบน บ่นออกมาอย่างอดไม่ได้

ฮ่องเต้พระองค์ก่อนว่างจนไม่มีอะไรทำหรือยังไงนะ ว่างจนมาจับคู่ให้คนอื่นแบบนี้

เห็นว่ากันว่ากู้ชูหน่วนเป็นหญิงอัปลักษณ์ เธอก็อยากจะเห็นสักหน่อยว่าตัวเองขี้เหร่แค่ไหนกันเชียว

ผ้าคลุมหน้าถูกแหวกออก มองภาพสะท้อนบนธารน้ำใส กู้ชูหน่วนแทบจะอ้วกออกมา

"เชี่ย ขี้เหร่เกินไปไหมเนี่ย"

ทุกอนูใบหน้าของเธอมีแต่สิว เหมือนกับทิวเขาอย่างไรอย่างนั้น แทบจะไม่มีตรงไหนดูได้เลย น่าเกลียดน่ากลัว

อาจเป็นเพราะหน้าตาขี้เหร่เกินไป เจ้าของร่างเดิมถึงได้ทาแป้งหนาเตอะ ทาจนขาววอกไปทั้งหน้า

กู้ชูหน่วนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก

หน้าตาแบบนี้ ใครจะเป็นมิตรกับนาง

กู้ชูหน่วนลูบใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่ของตัวเอง มุมปากบางพลันยกยิ้มร้ายกาจทั้งยังบ้าคลั่งออกมา

ที่แท้เป็นเพราะโดนวางยาพิษนี่เอง หึ...

รังแกนาง เหยียดหยามนาง ทำร้ายร่างกายนาง ทำร้ายจิตใจนาง นางจะเอาคืนเป็นร้อยเป็นพันเท่า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป กู้ชุนหน่วนจะไม่ใช่กู้ชูหน่วนที่ยอมใครรังแกได้ตามใจอีกต่อไป

เมื่อกลับมาถึงจวนก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงแล้ว

บรรยากาศในจวนอัครเสนาบดีอันกว้างใหญ่แปลกประหลาด ปกคลุมไปด้วยความเคร่งเครียด เหล่าบ่าวรับใช้ที่ชอบมาหาเรื่องนางอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันกลับคร้านจะสนใจนาง

ชิวเอ๋อร์ สาวใช้คนสนิทของนางวิ่งกระวีกระวาดเข้ามา ร่างทั้งร่างสั่นเครือ "คุณหนูเจ้าคะ เหตุใดถึงเพิ่งกลับมา นายท่านรอคุณหนูที่โถงหลักเจ้าค่ะ"

"อ๋อ เข้าใจแล้ว" กู้ชูหน่วนโยนดอกหญ้าที่คาบอยู่ในปากทิ้ง อ้าปากหาววอด เดินเอื่อยเฉื่อยไปยังโถงหลัก

ชิวเอ๋อร์รีบขวางนางเอาไว้ ร้อนรนจนขอบตาแดงก่ำ "คุณหนูเจ้าคะ นายท่านโมโหมาก คุณหนูห้าบอกว่าคุณหนูวางแผนทำร้ายนาง นายท่านโกรธสุดขีด คงไม่ปล่อยคุณหนูไปง่ายๆ แน่นอน พวกเรารีบคิดหาวิธีกันดีกว่าเจ้าค่ะ"

ชิวเอ๋อร์คือสาวใช้ข้างกายของนาง ติดตามนางมาตั้งแต่เด็ก ทั้งสองคนพึ่งพากันและกันในจวนแห่งนี้ เรียกได้ว่าคือคนที่ใกล้ชิดที่สุดในจวนของเจ้าของร่างเดิม

กู้ชูหน่วนหัวเราะเสียงเย็น เอ่ยเสียงเย่อหยิ่ง "ใครจะปล่อยใครกันแน่ก็ยังไม่รู้"

ชิวเอ๋อร์ชะงักไป

คุณหนูของนางผีเข้าหรือไร? เหตุใดถึงได้บ้าดีเดือนเช่นนี้

เดิมตั้งใจว่าจะเตือนคุณหนูไว้ก่อนสักหน่อย แต่พอเห็นกู้ชูหน่วนเดินเข้าไปในโถง ชิวเอ๋อร์จึงจำต้องรีบตามไป

ยามกู้ชูหน่วนเข้ามา กลางโถงก็มีคนยืนเต็มไปหมด

คนที่อยู่หน้าสุดคือท่านพ่อของนาง อัครเสนาบดีกู้ ยามนี้สีหน้าเขาถมึงทึง จ้องนางอย่างไม่สบอารมณ์

ข้างกายอัครเสนาบดีกู้ยังมี ฮูหยินใหญ่ อี๋เหนียงสาม อี๋เหนียงห้า รวมถึงบรรดาพี่สาวน้องสาวจากทั้งสายหลักและสายรอง พร้อมหน้าพร้อมตา

กู้ชูหลันที่คุกเข่าอยู่บนพื้นเห็นนางเขาก็พลันเดือดขึ้นมา กล่าวโทษในทันที "ท่านพ่อ นางเจ้าค่ะ นางคือคนวางแผนทำร้ายข้า นางหลอกล่อให้ข้าไปที่วัดร้างนั่น"

กู้ชูหน่วนหน้าเจื่อน ราวกับกระต่ายขาวตัวน้อยที่ตื่นกลัว นางเอ่ยเสียงลนลาน "น้องสาว ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดเรื่องอะไร เมื่อวานมิใช่เจ้าหรอกหรือที่บอกให้เข้าไปที่วัดร้าง? หรือว่าเจ้าโกรธที่ข้าไม่ได้ไป?"

"เมื่อวานเป็นวันครบรอบวันตายของท่านแม่ข้า หลายวันก่อนท่านแม่เข้าฝันข้า บอกว่านางอยากเจอข้า ข้าจึงไปไหว้แม่ข้าที่วัดอวิ๋นชิงก่อนหน้านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าพอข้าไปที่วัดร้าง รอแล้วรอเล่าเจ้าก็ยังไม่มา ข้าถึงได้กลับเสียก่อน น้องสาว เจ้าอย่าได้โกรธพี่เลย วันหน้าพี่จะไม่สายอีกแล้ว"

กู้ชูหลันเดือดพล่านจนใบหน้าเหยเก

นางแพศยานี่ โกหกหน้าด้านๆ เป็นกับเขาตั้งแต่เมื่อใด?

"เจ้าต่างหากที่วางแผนทำร้ายข้า เจ้าเป็นกรอกเมามายพันกาลให้ข้ากิน"

กู้ชูหน่วนมองทุกคนอย่างมึนงง เอ่ยเสียงพึมพำ "เมามายพันกาลคือสิ่งใดหรือเจ้าคะ?"

กู้ชูหลันใบ้กิน มุมปากขยับแต่ไม่รู้จะตอบโต้เช่นไร

เมามายพันกาลนั้นมิได้หาซื้อได้ง่ายๆ หากตามจะตามสืบสาวก็เป็นเรื่องวุ่นวายอยู่เหมือนกัน

อาจเป็นเพราะเห็นสีหน้าไม่สู้ดีนักของกู้ชูหลัน กู้ชูหน่วนจึงรีบเอ่ยสมทบอีกประโยค "อ๋อ...ใช่แล้ว ข้าเป็นคนกรอกเมามายพันกาลใส่ปากน้องสาวเอง ข้าเองก็ดื่มเช่นกัน รสชาติดียิ่งนัก ท่านพ่อลองดื่มไหมเจ้าคะ ข้าจะเตรียมให้ท่านสักจอก"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 566

    ลูกธนูทั้งสิบดอก ล้วนแต่พุ่งเข้ากลางเป้า ทุกคนต่างก็ตะลึงตาค้าง โดยเฉพาะองค์หญิงตังตังและฮ่องเต้เย่ที่สติหลุด ทำอะไรไม่ถูกอยู่พักใหญ่ เอาแต่มองกู้ชูหน่วนสะบัดมือตนเองแล้วพึมพำอะไรบางอย่างคนเดียว "ธนูนี่จะหนักเกินไปหรือเปล่า ทำเอาข้าปวดแขนไปหมด องค์หญิงตังตัง ธนูสิบดอก ดูเหมือนจะเข้าเป้าทุกดอกเลย ด่านแรกข้าชนะแล้วสินะ" องค์หญิงตังตังพลันได้สติทันที "จะได้ใจไปใย ยังเหลือการแข่งอีกสองด่าน" "เช่นนั้นเจ้าก็ตั้งโจทย์มาเลย รีบๆ แข่งให้จบ ข้าจะได้เลือกเครื่องประดับมาไว้ติดตัว" "ข้อที่สอง ยังคงเป็นธนูสิบลูก เพียงแค่เจ้ายิงให้เข้ากลางเป้าอีกครั้ง เจ้าก็จะชนะ แต่ว่า ครั้งนี้บนกระดานจะมีเหรึยญกษาปณ์ทองแดงแขวนเอาไว้ อีกทั้งเหรียญทั้งสิบจะส่ายไปมา หัวลูกศรของเจ้าต้องทะลุเหรียญกษาปณ์ทองแดง สุดท้ายพุ่งเข้ากลางเป้าพอดี" ซี้ดดด... ทั้งงานเดือดระอุ นี่จะยากเกินไปหรือเปล่า องค์หญิงตังตังหาเรื่องกลั่นแกล้งผู้อื่นแบบโจ่งแจ้งชัดเจน และเกินว่าเหตุไปหน่อยกระมัง แม้แต่ไทเฮาและฮ่องเต้เย่ก็ทนดูไม่ได้จนต้องเอ่ยเตือน "องค์หญิง เอาแต่พอดีเถอะ" "นางบอกเองว่าจะแข่งกับข้า ข้าไม่ได้ขอร้อ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 565

    กู้ชูหน่วนเอ่ย "เช่นนั้นหากข้าชนะล่ะ องค์หญิงจะทำเช่นไร" "เช่นนั้นเจ้าต้องการให้ข้าทำอย่างไร" "องค์หญิงเอ่ยเช่นนี้ อย่างไรข้าก็เป็นอาสะใภ้ของเจ้า หรือหากข้าชนะเจ้าแล้ว ต้องให้เจ้าคลานเข่าร้องเสียงเช่นสุนัขเหมือนกันหรือ" ประโยคนี้ กำลังแอบแดกดันว่าองค์หญิงตังตังคิดเล็กคิดน้อย และใจแคบ องค์หญิงตังตังอาจจะไม่รู้ถึงนัยยะแฝงของประโยคที่นางพูด แต่ไทเฮาเข้าใจทุกอย่าง นิ้วที่เห็นข้อต่อชัดเจนกำแน่นจนเสียงดังแกรบโดยไม่รู้ตัว "เอาเช่นนี้แล้วกัน หากเจ้าแพ้ ข้าจะขอของหนึ่งชิ้นจากในตำหนักองค์หญิงของเจ้า ถือเป็นรางวัลชนะเดิมพัน" "เจ้าต้องการสิ่งใดจากข้า" "องค์หญิงตื่นตระหนกขนาดนี้ คงไม่ได้คิดว่าข้าจะเอาชีวิตองค์หญิงกระมัง ข้าไม่ได้ไร้สาระขนาดนั้นหรอก ของที่ข้าต้องการง่ายนิดเดียว เจ้าให้ได้เป็นแน่" องค์หญิงตังตังตั้งใจฟัง นางหลงกลกู้ชูหน่วนมาหลายหนแล้ว หากไม่ระบุของชนะเดิมพันมาให้ชัดเจน นางไม่มีทางรับปากส่งๆ เด็ดขาด ทว่ากลับเห็นกู้ชูหน่วนมองที่ข้อมือและสร้อยคอที่ว่างเปล่าของตนเอง พลางเอ่ยด้วยความหมองหม่น "พวกท่านแต่ละคนล้วนแต่สวมใส่สร้อยแหวนเงินทอง บนตัวข้ากลับว่างเปล่า ไ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 564

    กู้ชูหน่วนคว้ามือที่ฟาดลงมาของนางเอาไว้ เหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม "องค์หญิงตังตัง ลงมือทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ เอาได้นะ" "บังอาจ เจ้ากล้าแช่งให้ข้าถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หรือ" "หากเจ้าไม่ทำร้ายผู้ใหญ่ จะถูกฟ้าผ่าได้อย่างไร สวรรค์คงจะอวยพรเจ้าเสียด้วยซ้ำ" "ตังตัง" ไทเฮาตะโกนเสียงขรึม ฝีปากของกู้ชูหน่วน นางได้เห็นมากับตาตั้งแต่แรกแล้ว ต่อให้คนทุกคนที่นี่รวมกัน ก็ไม่อาจสู้ฝีปากนั่นของนางได้ "ทำความเคารพเสด็จอาของเจ้าเสีย" "เสด็จแม่..." องค์หญิงตังตังอารมณ์พลันหมองหม่นลงไปในพริบตา หากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนใช้กลอุบาย นางไม่มีทางเสียเงินมากมายขนาดนั้นประมูลคัมภีร์ซือจิงไร้ประโยชน์มาจากลานประมูลเฟิงเซียงหรอก ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือ นางไม่มีเงิน องค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ กลับถูกลานประมูลเฟิงเซียงจับตัว ช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก ที่น่าหงุดหงิดยิ่งกว่าคือ หลังจากเกิดเรื่อง นางจะไปหาเรื่องลานประมูลเฟิงเซียง แต่เสด็จแม่และเสด็จพี่ต่างก็บอกให้นางอดนทน บอกว่าลานประมูลเฟิงเซียงมีอิทธิพลนัก ไม่จำเป็นอย่าไปมีเรื่องด้วย "รีบทำความเคารพสิ" ใบหน้าขององค์หญิงตังตังราวกับถูกย้อมด้วย

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 563

    "กู้ชูหน่วน เจ้าบังอาจนัก" "ใครใช้ให้ข้าเป็นอาสะใภ้ของท่านล่ะ ใครใช้ให้ข้าเป็นชายาของเทพสงครามล่ะ ข้าถึงได้มีสิทธิ์ที่จะอวดี สามหาวอย่างไรเล่า หากท่านไม่พอใจ ก็ไปหาเย่จิ่งหานได้เลย" หากไม่ใช่เพราะฐานะของนาง ฮ่องเต้เย่อยากจะมอบผ้าขาว ให้นางปลิดชีพตนเองเสียงตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ทันใดนั้น เขาก็พลันนึกขึ้นมาได้ "เหมือนข้าจะคิดออกแล้ว เป็นองค์หญิงตังตัง ตอนเด็ก ที่สวมอยู่บนคอขององค์หญิงตังตังก็คือดวงตารูปหัวใจ สีแดงราวกับเลือด ใครหลายคนต่างก็หัวเราะเยาะนาง ต่อมาองค์หญิงตังตังกริ้วหนัก จึงไม่สวมสร้อยเส้นนั้นอีกเลย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่เคยได้เห็นอีก" "เช่นนั้น ความหมายของท่านคือ ดวงตารูปหัวใจอยู่ที่องค์หญิงตังตังหรือ" "โดยทั่วไปควรจะเป็นเช่นนั้น แต่ด้วยนิสัยขององค์หญิงตังตัง หากนางไม่ชอบสิ่งใด ก็จะโยนทิ้งไปทันที สร้อยเส้นนั้นไม่รู้ว่าถูกนางทิ้งไปหรือยัง" "วันนี้เป็นพิธีปฏิญาณตนเป็นผู้ใหญ่ขององค์หญิงตังตังใช่หรือไม่" "ใช่...ใช่น่ะสิ" "ไป พวกเราไปดูกัน" "เมื่อกี้เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือ ขอเพียงแค่ช่วยเจ้าตามหาดวงตารูปหัวใจให้พบ เจ้าจะช่วยขับไล่กองทัพออกไปน่ะ" "ใช่น่ะสิ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 562

    "หรือเย่จิ่งหานต้องการจะเห็นข้าสิ้นแผ่นดินเช่นนั้นรึ เขาเองก็เป็นเสด็จอาแห่งแคว้นเย่" "นั่นสิ เพราะเขาคือเสด็จอาของแคว้นเย่ ฉะนั้นหลังจากที่แคว้นเย่สิ้นแผ่นดินแล้ว เขาก็จะปลุกระดมกองทัพอีกครั้ง ตีแคว้นหวาจนพ่ายแพ้ออกไป ถึงเวลานั้น หากเขาคิดจะนั่งบังลังก์ฮ่องเต้ ก็เป็นเรื่องที่ถูกหลักธรรมนองคลองธรรม ผู้ใดก็ไม่กล้าฝ่าฝืน ส่วนท่าน ก็จะกลายเป็นเด็กถูกทิ้งคนนั้นไป" ฮ่องเต้เย่มีคำพูดมากมายอยากจะตอกนางกลับไป ทว่ากลับคิดเหตุผลที่จะหยุดนางได้ไม่ออก กู้ชูหน่วนพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง "ฉะนั้น ไม่สู้ท่านเลือกที่จะเชื่อข้า ข้ารับประกันว่าจะต้องทำให้เย่จิ่งหานออกมาจัดการแคว้นหวาได้ ทำให้แคว้นเย่ของพวกเรามั่นคงปลอดภัย" "เย่จิ่งหานจะฟังเจ้าหรือ" "แน่นอน เชื่อว่าฝ่าบาทคงเคยได้ยินว่าท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงใด" "แต่เหตุใดเจ้าต้องช่วยข้าด้วย" เขารู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล แต่คิดไปคิดมา ก็คิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องใดกันแน่ "ข้ากำลังตั้งท้องของเทพสงครามอยู่ไม่ใช่หรือ หลายวันก่อนข้าฝัน ฝันเห็นว่าเจ้าแม่กวนอิมมาดลบันดาล บอกว่าเทพสงครามฆ่าคนมามากนัก พลังชั่วร้ายหนักหนาเกินไป ลูกจะ

  • ชายาหมอเทวดาตัวแสบ: ดื้อรักท่านอ๋องเทพสงคราม   บทที่ 561

    กู้ชูหน่วนแคะหู พลางบ่นพึมพำอย่างเหลืออด "หนวกหู" "สามหาว ข้าคือฮ่องเต้แห่งแคว้นเย่ ประมุขผู้มีอำนาจสูงสุด เจ้าบังอาจกล้าไม่เคารพข้าเช่นนี้ ใครก็ได้ เข้ามา อ้ะ..." กู้ชูหน่วนสองมือกอดอก ท่าทางสบายๆ ไม่ทุกข์ร้อน "ฮ่องเต้ ข้าขอเตือนท่านว่า ก่อนจะตะโกนเรียกใคร คิดดูให้ดีๆ เสียก่อน ต่อให้ท่านเรียกเหล่าองครักษ์มาทั้งหมด ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเอกของเทพสงคราม พวกเขาจะกล้าจัดการข้าหรือ" "เจ้า......" ฮ่องเต้หงุดหงิด นางผู้นี้ จงใจขู่เขาชัดๆ เพราะการตะโกนเสียงดังของเขา ทำให้เหล่าองครักษ์ตื่นตกใจ พากันเข้ามาคุกเข่าตรงหน้า "กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์อายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี ไม่ทราบว่าฝ่าบาททรงตะโกนเรียกกระหม่อมเพราะ..." องครักษ์ผู้เป็นหัวหน้าแอบเหลือบมองกู้ชูหน่วนปราดหนึ่ง มือพลอยกำด้ามดาบโดยไม่รู้ตัว "ข้าเรียกพวกเจ้าเสียเมื่อไหร่ เป็นถึงองครักษ์แห่งราชสำนัก หูพวกเจ้าแต่ละคนเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะวางใจให้พวกเจ้าคุ้มกันความปลอดภัยข้าได้อย่างไร" "พะยะค่ะๆๆ......" "ยังไม่รีบออกไปอีก" "พะยะค่ะ....." กลุ่มองครักษ์หลายคนเข้ามา แล้วออกไป เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status