เยี่ยเฟิงไม่แม้แต่จะสะทกสะท้าน ดวงตาคู่นั้นสงบนิ่งจนมองไม่ออกซึ่งความรู้สึกใดๆ ของเขาเลย"ข้ามีหน้าที่เพียงยกอาหารมาวาง หาใช่สหายสุรา""เหลวไหล เจ้ายังอยากทำงานนี้อยู่หรือไม่ วันนี้หากเจ้าไม่ดื่มกับคุณหนูท่านนี้ ต่อไปหออวิ๋นจุ้ยก็ไม่ต้อนรับเจ้าอีก"เจ้าของร้านเริ่มร้อนรนแค่ดื่มเหล้าด้วยไม่กี่แก้วก็ได้เงินมาถึงพันตำลึง เรื่องดีเช่นนี้จะหาได้จากที่ใดอีกสีหน้าของเยี่ยเฟิงยังคงเฉยชาดังเดิม แต่ทว่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้แขนเสื้อของเขากำกำปั้นแน่น แสดงออกถึงความไม่สงบภายในใจชิวเอ๋อร์ออกแรงดึงแขนเสื้อกู้ชูหน่วนสุดกำลัง พลางพูดเสียงแผ่วเบาด้วยความร้อนใจ "คุณหนู ท่านเป็นหญิง มีอย่างที่ไหนที่หญิงสาวสั่งบุรุษให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วย เกิดเรื่องนี้แพร่ออกไป ท่านจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด""หน้าของข้าก็แขวนอยู่บ้านหน้าข้าตลอดไม่ใช่หรือไง อีกอย่าง ต่อให้ไม่มีเรื่องนี้ ชื่อเสียงข้าก็ไม่ได้ดีเด่ไปสักเท่าใด""คุณหนู..."คุณหนูเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตาย ทั้งยังผิดใจกับคุณหนูห้า อี๋เหนียงห้า หรือแม้กระทั่งกับฮูหยินใหญ่เดิมทีนางก็กระวนกระวายมากแล้ว กลับถึงจวนไม่รู้จะต้องรับโทษหนักเพียงใด ยามนี้ยังสั่งให้ชายหนุ่
"เอ๊ะ เสี่ยวเชียนเชียนหึงหรอกเหรอ มามามา คุณหนูอย่างข้าจะทะนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีเอง"เซียวอวี่เชียนปัดมือกู้ชูหน่วนออกอย่างไม่เกรงใจ หันไปตวาดใส่เยี่ยเฟิงด้วยความโมโห "อย่างไรเจ้าก็เป็นบัณฑิตผู้มีวิชาความรู้ มาดื่มเหล้าเป็นเพื่อนสตรีมันใช่เรื่องที่ไหน ยังไม่รีบไปอีก"เยี่ยเฟิงมากล้นด้วยสติปัญญา เป็นเพียงบริกรธรรมดา ถูกเซียวอวี่เชียนดุด่าดูถูกเช่นนี้ ผู้คนต่างก็เชื่อว่าเยี่ยเฟิงจะต้องอาละวาดเป็นแน่ คิดไม่ถึงว่าเขาเพียงแค่ลุกขึ้น แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าคาราวะเขาด้วยความสุภาพนอบน้อม แล้วถึงจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงแค่แผ่นหลังที่ดูอาจหาญมาดมั่น"เอ้า อย่าเพิ่งไปสิ ข้ายังไม่ได้ดื่มกับเจ้าดีๆ เลย""ยัยขี้เหร่ เจ้ายังเป็นหญิงอยู่หรือไม่""เสี่ยวเชียนเชียน ข้าว่าเจ้าชักจะไม่น่ารักขึ้นทุกทีแล้ว"เซียวอวี่เชียนพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดแรงเกิด จะได้ไม่ทำนางโกรธจนอกแตกตายไปเสียก่อนหลังจากที่ผ่านเรื่องของซ่างกวานฉู่และเยี่ยเฟิงมา เขาก็เข้าใจสักทีว่าหญิงผู้นี้บ้ากามเห็นผู้ใดหน้าตาดีหน่อยไม่ได้ เกิดอาการอยากจะห่อกลับบ้านอยู่ร่ำไป"คุณหนู ท่านไปหยามเกียรติบัณฑิตเยี่ยทำไมเจ้าคะ"
"นายท่าน เห็นแล้วใช่หรือไม่ คุณหนูสามหยิ่งผยองอวดดี ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง นางไม่เพียงแต่ไม่เห็นอี๋เหนียงอย่างข้าอยู่ในสายตา แม้แต่ท่านก็ไม่อยู่ในสายตานาง"อี๋เหนียงห้ากล่าวฟ้องด้วยความสะอึกสะอื้น ราวกับว่ากู้ชูหน่วนทำความผิดร้ายแรงเกินกว่าจะอภัยได้ก็ไม่ปานอัครเสนาบดีกู้เดิมทีก็อดกลั้นโทสะไว้เต็มอก เวลานี้เห็นลูกสาวที่ขี้ขลาดและอ่อนแอมาโดยตลอดกล้าเพิกเฉยมองข้ามเขา ความโกรธก็เพิ่มเป็นทวีคูณอย่างห้ามไม่อยู่กู้ชูหลันยิ้มได้ใจ ยิ่งอัครเสนาบดีกู้โกรธมากเท่าใดก็ยิ่งดี จะได้ช่วยนางระบายความคับแค้นนี้ได้ด้วยทุกคนในจวนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องของตน จึงไม่มีผู้ใดเป็นเดือดเป็นร้อน รอแต่จะดูเรื่องสนุก"กู้ชูหน่วน เจ้ายังเห็นพ่ออย่างข้าอยู่ในสายตาอยู่หรือไม่"อี๋เหนียงห้าบอกว่านางเฆี่ยนเซี่ยอวี่จนตายอย่างไร้เหตุผล ทั้งยังทุบนางไปหลายที เขาไม่เชื่อหลันเอ๋อร์บอกว่านางไม่เพียงแค่ชกอาจารย์ ทั้งยังตบหน้าองค์หญิงอีกหลายที เขาก็ไม่อยากจะเชื่อยามนี้...บุตรสาวคนที่สามที่อยู่ตรงหน้า หาได้มีท่าทางอ่อนแอบอบบาง ไม่สู้คนอย่างเดิมแล้วเวลานี้นางดูสะดุดตาไม่เหมือนผู้ใด แผ่รังสีความอวดดีโอหังไม่ไว้หน้าใครท
"นายท่านได้โปรดเมตตา ท่านจะตีฆ่าตายก็ได้ แต่คุณหนูร่างกายบอบบาง ไม่อาจทนไม้กระบองห้าสิบทีได้ นางจะทนไม่ไหว"กู้ชูหน่วนดึงชิวเอ๋อร์ขึ้นมา พูดด้วยความโกรธเกรี้ยว "ไม่ได้เรื่อง ทำขายขี้หน้าคุณหนูของเจ้าหมด ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือไง นอกจากข้า เจ้าไม่จำเป็นต้องคุกเข่าให้คนอื่น""คุณหนู..."ชิวเอ๋อร์น้ำตาไหล เวลานี้แล้ว เหตุใดคุณหนูยังสติเลอะเลือนอยู่อีก"ยังจะนิ่งอยู่ทำไม จัดการ"อัครเสนาบดีกู้เดือดดาล เขาไม่เชื่อว่าวันนี้เขาจะจัดการลูกสาวตัวเองไม่ได้บนใบหน้าของกู้ชูหลันและคนอื่นๆ สะท้อนให้เห็นสีหน้ามีความสุขบนความทุกข์ผู้อื่น รอดูกู้ชูหน่วนโดนโบยจนต้องร้องขอชีวิตเหล่าบ่าวรับใช้เข้าไปด้วยความดุดันขึงขัง กู้ชูหน่วนหยิบป้ายอาญาสิทธิ์สีทองป้ายหนึ่งออกมาจากในอ้อมอกอย่างใจเย็น ด้านบนมีตัวอักษรคำว่าอาญาสิทธิ์ตัวโตเขียนเอาไว้ทันทีที่เห็นป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนั้น เหล่าบ่าวรับใช้ก็พากันชะงักงันอัครเสนาบดีกู้หน้าพลันเปลี่ยนสีทันทีป้ายอาญาสิทธิ์นั่นเป็นป้ายอาญาสิทธิ์ที่อดีตฮ่องเต้ทรงพระราชทานให้องค์หญิงเจาหลิงไม่ใช่หรอกหรืออดีตฮ่องเต้ทรงรักใคร่เอ็นดูองค์หญิงเจาหลิงเป็นที่สุด จนอยากจะส่ง
กู้ชูหน่วนกลับไม่ได้ให้พวกเขาลุกขึ้นในทันที ทว่าเพียงแต่เล่นป้ายอาญาสิทธิ์ด้วยท่าทางเบื่อหน่าย ปากก็พลอยพึมพำบางอย่าง "ป้ายอาญาสิทธิ์นี่สนุกเสียจริง ต่อไปข้าคงต้องเอาออกมาแสดงทุกวันเสียแล้ว"ทุกคนแทบจะกระอักเลือดเอาออกมาแสดงทุกวันเช่นนั้นหรือนางยังพูดออกมาได้อีกผู้ใดเขาหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ออกมาใช้เรื่อยเปื่อยกันกู้ชูหลัน อี๋เหนียงห้า และคนอื่นๆ พากันกัดฟันกรอดมีคนตั้งหลายคนคุกเข่าอยู่ตรงนั้น กู้ชูหน่วนตาบอดหรือเป็นใบ้ไปแล้วกันแน่ ยังไม่รีบสั่งให้พวกนางลุกขึ้นอีกรอไปอีกสักพัก กู้ชูหน่วนก็ยังไม่มีท่าทีใดๆ กู้ชูฉิงทนไม่ไหวแล้ว นางพูดด้วยความเดือดดาล "เจ้าจะปล่อยให้พวกเราคุกเข่าไปถึงเมื่อใดกันแน่""ทำไมเหรอ เจ้าไม่เต็มใจจะคุกเข่าให้อดีตฮ่องเต้หรือไง เช่นนั้นพวกเราไปหาฮ่องเต้กันดีไหม ให้ฮ่องเต้พระราชทานสิทธิ์เฉพาะแก่เจ้า""กู้ชูหน่วน เจ้าแกล้งกันใช่ไหม""แปลกเสียจริง ข้าแกล้งอะไรเจ้า คนที่ให้พวกเจ้าคุกเข่าคืออดีตฮ่องเต้ ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย"กระอักเลือด...อดีตฮ่องเต้สิ้นพระชนม์ไปตั้งหลายปีแล้ว เขาจะสั่งให้พวกนางคุกเข่าได้เยี่ยงไรหากไม่ใช่เพราะกู้ชูหน่วนจิ้งจอกเจ้าเล่ห์แอบอ้
กู้ชูหน่วนยิ้มเยาะ "หนึ่งล้านตำลึงนั่นเป็นเงินที่ข้าชนะมาด้วยความสามารถของข้าเอง เหตุใดต้องให้ท่าน""เหลวไหล เห็นๆ กันอยู่ว่าเจ้าใช้อุบาย" กู้ชูหลันเกรี้ยวกราด ถ้าหากไม่ได้สองแสนตำลึงเงินคืนมา นางก็ไม่อยากอยู่ต่อไปแล้ว"อ่อ...ข้าใช้อุบายอะไรหรือ หรือข้าบังคับให้เจ้าพนันกับข้า หรือข้าสมคบกับอาจารย์ซ่างกวาน ให้อาจารย์ซ่างกวานช่วยข้าทุจริตเช่นนั้นหรือ"กู้ชูหลันอึกอักอยู่นาน พูดอะไรไม่ออกสักคำอาจารย์ซ่างกวานเป็นผู้ใดเขาเป็นถึงหนึ่งในสี่อัจฉริยะของแผ่นดิน เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรม ซื่อตรงไม่คดโกง ทั้งยังเป็นคนโปรดที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้ จะช่วยนักเรียนทุจริตได้อย่างไรอี๋เหนียงห้าเห็นท่าไม่ดีก็รีบเบี่ยงเบนประเด็นทันที "แม้เงินพวกนั้นจะเป็นเงินที่เจ้าชนะเดินพันมา แต่อย่างไรเจ้าก็เป็นคนของจวนอัครเสนาบดี ที่นี่เลี้ยงดูเจ้ามาตลอดหลายปี เจ้าก็ควรจะตอบแทนอะไรบ้างไม่ใช่หรือ"กู้ชูหลันพลันได้สติ รีบพยักหน้าหงึกๆ "ใช่ เป็นเช่นนี้แหละ"กู้ชูหน่วนกำมือขวา เก็บป้ายอาญาสิทธิ์ไปด้วยท่าทางองอาจ ก่อนจะก้าวเข้าไปประชิดอี๋เหนียงห้าพลางพูดอย่างโอหัง"ตอบแทน ? หากไม่ใช่เพราะแม่ข้า เขาจะได้เป็นอัครเสนาบดี
ตึง...คนในจวนอัครเสนาบดีกู้แทบจะล้มทั้งยืน ทุกสายตามองไปที่กู้ชูหน่วนราวกับเห็นผีผู้ดูแลบ้านวิ่งเข้ามาจากด้านนอกด้วยความกระสับกระส่าย กระซิบข้างหูอัครเสนาบดีกู้สองสามประโยคอัครเสนาบดีกู้เกือบจะเป็นล้มลมพับนังลูกสาวไม่รักดีคนนี้ยกเงินล้านกว่าตำลึงให้คนอื่นไปง่ายๆ เสียได้ นางรู้หรือไม่ว่าเงินล้านกว่าตำลึงมีความหมายเพียงใดนั่นทำให้ตระกูลที่กำลังจะล้มละลายปีนกลับไปยังจุดสูงสุดอีกครั้งได้เลยกู้ชูหลันแหกปากลั่นด้วยความเดือดดาล "แล้วเงินสองแสนตำลึงของข้าล่ะ กู้ชูหน่วน เจ้าเอาเงินสองแสนตำลึงของข้าคืนมาเดี๋ยวนี้""ทำไม เจ้าก็จะเบี้ยวหนี้ด้วยหรือ หลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษรข้าก็ยังเก็บเอาไว้นะ หากเดิมพันไม่ไหว ต่อไปก็ไม่ต้องเดิมพัน ขี้แพ้ ถุยถุยถุย ดูไม่ได้""นั่นเป็นเงินที่ท่านตาทิ้งไว้ให้ข้า เจ้าจะต้องคืนมาให้ข้า""ได้สิ เจ้าไปฟ้องร้องได้เลย ขอเพียงเจ้าชนะความ ข้าก็จะคืนให้เจ้าทันที""ท่านพ่อ..."กู้ชูหลันมองไปทางอัครเสนาบดีกู้ด้วยท่าทางน้อยอกน้อยใจ สายตาน่าสงสารที่เอ่อล้นไปด้วยน้ำใสๆ คู่นั้น ราวกับกำลังฟ้องว่ากู้ชูหน่วนทำผิดมหันต์เกินกว่าจะอภัยตั้งแต่กลับมาจากวัดร้าง กู้ชู
โธ่เว้ยในสุดยอด36กลยุทธ รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน เผ่นดีกว่าระหว่างที่นางกำลังคิดจะหนี คำพูดที่ดังขึ้นอย่างไม่ให้สุ้มให้เสียงของเย่จิ่งหานทำให้นางไร้หนทางจะหลีกหนี"คุณหนูสาม ไม่เจอกันหลายวัน สบายดีหรือ"ได้ยินประโยคนี้ กู้ชูหน่วนก็รู้สึกชาวูบวาบไปถึงหนังหัวหมอนี่คงไม่ใช่ว่าจำนางได้แล้วหรอกนะนึกถึงครั้งแรกที่เจอกัน นางขืนใจเขาครั้งที่สอง นางล้มทับเขา แล้วยังลูบคลำเขาอีก หากถูกจำได้ขึ้นมาจริงๆ ไม่ต้องโดนสับเป็นชิ้นกันเลยหรือร่างนี้ของนาง นอกจากคล่องแคล่วว่องไวแล้ว ก็ไม่มีกำลังภายในอะไรเลยสักนิดส่วนชายผู้นี้ ไม่ต้องพูดถึงผู้ใต้บัญชาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญมือฉมัง ลำพังแค่ฝีมือการต่อสู้ของเขาผู้เดียวก็ลึกล้ำเกินกว่าจะล่วงรู้ได้หากต้องประจันกันซึ่งๆ หน้า นางมีแต่จะเสียเปรียบคิดได้ดังนี้ กู้ชูหน่วนจึงจงใจทำตัวสั่นหงึกๆ แสร้งตกใจกลัวจนฟันขบกันเสียงดัง แม้แต่ประโยคที่สมบูรณ์ประโยคเดียวก็พูดไม่ออก"ท่าน...ท่านก็คือเทพสงคราม...หานอ๋อง...พวก...พวกเราเคยเจอกันหรือ"คนในจวนอัครเสนาบดีพากันกระอักเลือดกู้ชูหน่วนเป็นพวกเก่งแต่กับผู้ที่อ่อนแอกว่าเช่นนั้นหรือท่าทางอวดดีจองหองเมื่อค
“เจ้าจงไปตายเสียเถิด” ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาของเยี่ยเฟิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขาดึงดาบออกมาอย่างแรง เลือดสีแดงสดของนายท่านหลันพุ่งทะลักไปทั่ว สาดกระเซ็นมาบนใบหน้าขาวซีดของเยี่ยเฟิง ทำให้สายตาของเขาเลือนลาง ทว่าวินานี้ เยี่ยเฟิงกลับเห็นชัดแจ้งกว่าผู้ใด ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้นคู่นั้นสะท้อนสีหน้าตกตะลึงของนายท่านหลัน “เจ้ากล้าฆ่าข้าเลยรึ...เจ้าคือผู้ที่ฆ่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต เหตุใดถึงกล้าฆ่าข้าได้ เฮือก...” สิ่งที่ตอบแทนนายท่านหลันกลับมาคือการแทงด้วยกระบี่เข้าไปอีกครั้งอย่างไร้เยื่อใยจากเยี่ยเฟิง นายท่านหลันถูกแทงติดกันสองครั้ง ร่างกายเจ็บปวดราวกับใจจะขาด แต่เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย เพียงแค่จ้องมองเยี่ยเฟิงด้วยความโกรธแค้น จากความรู้สึกเหลือเชื่อในตอนแรก กลายเป็นปวดร้าว ไปจนถึงโกรธเกลียด เยี่ยเฟิงแสยะหัวเราะเบาๆ “ข้าคือผู้ที่เจ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กจนโต ? เลี้ยงดูงั้นรึ เหอะ...เลี้ยงดูที่เจ้าหมายถึงคือทรมานข้าทุกวันทุกเวลา หน้าหนาวปล่อยให้ข้านอนเปลือยกาย หิวโหยอยู่บนพื้นหิมะ หน้าร้อนแขวนข้าไว้ใต้แสงอาทิตย์ไม่ให้กินดื่มเป็นเวลาหลายวัน ทั้งยังลงโทษอย่างหน
นายท่านหลันที่เดิมก็กระสับกระส่ายจนทำอะไรไม่ถูก เพราะการเข้ามามีส่วนร่วมของกู้ชูหน่วน ทำให้มีบาดแผลเพิ่มขึ้นอีกหลายแผล "ฟึบ..." อาวุธลับของกู้ชูหน่วนเชื่องช้า ทว่าพุ่งออกมากลางอากาศแล้วความเร็วกับเพิ่มกะทันหัน พริบตาเดียวเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว อาวุธพุ่งเข้าที่หน้าอกของนายท่านหลัน ฝังลึกในร่างกาย เขาอยากจะตอบโต้ ทว่ากลับถูกต้อนจนจนมุม ไม่มีช่องว่างให้โจมตีกลับได้เลยแม้แต่น้อย ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย นายท่านหลันรู้สึกสิ้นหวังยิ่งกว่าเดิม หวังแค่ว่านายท่านหมู่ตานและคนอื่นๆ จะรีบมาถึงโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นชีวิตของเขาคงต้องจบลงตรงนี้แล้ว กู้ชูหน่วนและอี้เฉินเฟยยิ่งร้อนรน ลำพังเพียงแค่เขาคนใดคนหนึ่งต่างก็ไม่อาจสังหารนายท่านหลันได้ ยามนี้วิทยายุทธของกู้ชูหน่วนแข็งแกร่งไม่พอ อี้เฉินเฟยทั้งเจ็บสาหัสและป่วยหนัก เว้นเสียแต่พวกเขาร่วมมือกัน แต่บาดแผลของอี้เฉินเฟยรุนแรงเกินไป อาจต้านทานไม่ไหวได้ทุกเมื่อ หากเขาทนไม่ไหว เช่นนั้นสถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะพลิกผันทันที เสียงขลุ่ยเปลี่ยนไป ราวกับกลองรบคำราม กึกก้องหนักแน่น ดาบที่พุ่งใส่นายท่านหล
ใบหูของกู้ชูหน่วนพลันกระดิก นางรับรู้ได้ถึงไอสังหารของนายท่านหลันแล้ว เพียงแต่ความเร็วของนางยังไม่เปลี่ยน ยังคงรวบรวมกำลังภายในทั้งหมดกระแทกใส่นายท่านเถาฮวา สองนายท่านแห่งกองธงร่วมมือกันโจมตี นางถูกหนีบอยู่ตรงกลาง ไม่มีหนทางจะชนะได้เลย หากเป็นเช่นนี้ ไม่สู้จัดการไปทีละคน สังหารนายท่านเถาฮวาก่อน ค่อยหันไปจัดการนายท่านหลัน ขณะเดียวกัน นางเองก็เชื่อ เชื่อว่าอี้เฉินเฟยไม่มีทางปล่อยให้นางตายอย่างทุกข์ทรมานด้วยน้ำมือของนายท่านหลัน "เฮือก..." นายท่านเถาฮวาไม่มีที่ให้หลบได้อีก ถูกพลังจากฝ่ามือของกู้ชูหน่วนโจมตี ร่างกายราวกับว่าวที่สายขาด กระเด็ดกลับไป สุดท้ายชนเข้ากับหินก้อนโตอย่างแรง เลือดอาบหินก้อนนั้นจนชุ่ม ความเร็วของกู้ชูหน่วนยังไม่เปลี่ยน ถีบลูกเตะออกไปทำให้นายท่านเถาฮวาพลัดตกหน้าผาร่วงไปยังทะเลโลหิตด้านล่าง ความแข็งแกร่งของนางอยู่เพียงแค่ขั้นหนึ่งชั้นกลาง แต่พละกำลังที่นางระเบิดออกมากลับแกร่งกว่าขั้นสอง นายท่านเถาฮวาผู้น่าสงสารจึงต้องตายไปเพราะกู้ชูหน่วนที่วิทยายุทธด้อยกว่าเขามาก ขณะเดียวกัน กระบวนท่าไม้ตายของนายท่านหลันก็พุ่งเข้ามาถึง อี้เฉินเฟยยกมือขวาขึ้นมา
"ในเมื่อเจ้าพูดยากขนาดนี้ เช่นนั้นก็คงต้องทำลายแก้วมังกรทิ้งเสีย ถึงอย่างไรหากต้องตาย มีแก้วมังกรฝังไปด้วยกันก็ไม่เลว" กู้ชูหน่วนพูดพลางเล็งอาวุธลับไปที่ดอกกุหลาบอีกครั้ง นายท่านหลันหน้าถอดสีอย่างรุนแรง นางผู้นี้ไม่เคยทำอย่างที่คนปกติเขาทำกันเลย หากนางยิงแก้วมังกรบนดอกกุหลาบร่วงลงทะเลโลหิตจริง เช่นนั้นก็จะกลายเป็นความสูญเสียที่ไม่อาจย้อนกลับคืนมาได้อีก แม้อี้เฉินเฟยจะรู้ว่ากู้ชูหน่วนไม่มีทางทำให้แก้วมังกรร่วงหล่นทะเลโลหิตไปจริงๆ แต่เห็นแล้วก็ยังรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนอยู่ดี "ผลไม้สีแดงเพลิงของที่นี่มีฤทธิ์ในการรักษาอาการบาดเจ็บ เพียงแค่กินเข้าไปไม่กี่ลูก ก็จะสามารถฟื้นฟูได้ ซึ่งก็คือผลไม้ในมือเจ้าเมื่อครู่นั่นแหละ" "เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าผลไม้นี่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้" "กู้ชูหน่วน ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าถามให้มากนัก" เขาจะบอกกู้ชูหน่วนได้อย่างไรว่า เขาไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน เพราะความหิว จึงเด็ดผลไม้มากิน คิดไม่ถึงว่าวิทยายุทธจะได้รับการฟื้นฟูกลับมาแบบงงๆ กู้ชูหน่วนคลี่ยิ้มมีเลศนัยให้เขา เช็ดผลไม้ในมือ ก่อนจะยื่นให้อี้เฉินเฟยพลางจ้องมองนายท่านหลันด้วยท่าทีระวังตั
ไม่ไกลออกไป มีเสียงอาวุธกระทบดังขึ้นมาไม่หยุด หลังจากนั้นก็มีเสียงหินแตกกระจายและระเบิดในที่สุด กู้ชูหน่วนถือผลไม้สีแดงเพลิงที่เพิ่งเด็ดออกมาจากต้นเอาไว้ในมือ พลางฟังเสียงความเคลื่อนไหวอย่างละเอียด "มีเสียงกางและหุบพัด ทั้งยังมีเสียงอาวุธลับกลีบดอกไม้อีกบางส่วน น่าหลันหลิงรั่วกำลังต่อสู้กับนายท่านหมู่ตานเผ่าหมอ น่าแปลก คนเผ่าหมอบาดเจ็บหนักไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงได้มีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ น่าหลันหลิงรั่วอาจจะสู้พวกเขาไม่ได้" กู้ชูหน่วนพึมพำคนเดียว นางอยากไปดูด้วยตัวเอง ทว่าอี้เฉินเฟยยังอาการสาหัสขนาดนั้น หากฝืนประครองเขาไป มีแต่จะทำให้อาการเขาแย่กว่าเดิม แต่น่าหลันหลิงรั่วหากไม่ใช่เพราะช่วยนาง ก็คงไม่ต้องตกลงมายังที่แห่งนี้ แม้อี้เฉินเฟยจะบาดเจ็บสาหัสทั้งยังป่วยหนัก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะฟังอะไรไม่ออกเลย สามารถใช้พลังกระแทกหินก้อนโตให้แตกได้เป็นก้อนๆ ต่อให้พละกำลังยังไม่ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมด แต่เกรงว่าจะกลับมาถึงเจ็ดแปดส่วนแล้ว นายท่านหมู่ตานและนายท่านเถาฮวาล้อมโจมตีน่าหลันหลิงรั่ว กลัวแต่ว่าน่าหลันหลิงรั่วจะสู้พวกเขาไม่ไหว อี้เฉินเฟยเอ่ยอย่างเบาแรง "คนที่เจ้
กู้ชูหน่วนฟังด้วยความมึนงง ในเมื่อเกิดมาสูงศักดิ์ เหตุใดถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยเช่นนั้น "เป็นหน้าที่แบบใดกันแน่" "หน้าที่ที่หนักมาก หนักอึ้งเสียจนหายใจไม่ออก" "เช่นนั้นตอนนี้นางอยู่ที่ใด" "ข้าก็ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ใดแล้ว แต่ข้าเชื่อ ว่าอีกไม่นานนางจะกลับมา แค่กแค่ก..." ไม่รู้เพราะพูดมากเกินไปหรือไม่ อี้เฉินเฟยไอออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง พลังชีวิตในร่างหายไปอย่างรวดเร็ว กู้ชูหน่วนเริ่มร้อนใจ คำถามมากมายที่กระจุกอยู่ภายในใจไม่อาจถามได้อีกต่อไป ทำได้เพียงแค่เอ่ยออกไป "ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย พักผ่อนเถอะ" "อาหน่วน...หากวันใดที่ข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างดี" "ท่านพูดเหลวไหลอะไร ท่านดูสิ ข้าพบแก้วมังกรเขียวแล้ว พวกท่านหาพบสี่ลูกแล้วไม่ใช่หรือ บวกกับลูกนี้ก็เป็นห้า ขอแค่หาเพิ่มอีกสองลูก อาการป่วยของท่านก็จะรักษาหายแล้ว" กู้ชูหน่วนหยิบแก้วมังกรขนาดเท่าไข่นกพิราบออกมา ดวงตาใสเป็นประกายฉายแววยิ้ม ดวงตาของอี้เฉินเฟยกำลังยิ้ม ทว่าในใจกลับขมขื่น แก้วมังกรลูกเดียว ต้องใช้ความพยายามของคนตั้งกี่รุ่น ถึงจะเจอเบาะแส หาง่ายเช่นนั้นเสียเมื่อไหร่ แก้วมังกรลู
ก้นหลุมดำ ลมพัดจนพวกเขาวิงเวียนศีรษะ กลิ้งตุปัดตุเป๋ สุดท้ายก็ถูกทุ่มลงไปบนพื้นอย่างแรง กู้ชูหน่วนเกือบจะเป็นลมสลบไป โชคดีที่พื้นอ่อนนุ่ม ไม่เช่นนั้นนางคงต้องตายไปแล้ว ทันใดนั้น นางรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ทันทีที่ลืมตาขึ้นมากลับพบว่าไม่ได้อยู่บนพื้นที่อ่อนนุ่ม แต่ล้มลงบนร่างของชายหนุ่มผมขาวชุดขาวคนหนึ่ง กู้ชูหน่วนรู้สึกบีบคั้นหัวใจ รีบประครองเขาขึ้นมา "พี่ใหญ่อี้เฟย ท่านตื่นขึ้นมาสิ..." กู้ชูหน่วนเอื้อมมือออกไป กลับสัมผัสโดนของเหนียวข้นบางอย่าง เมื่อจ้องมองดูดีๆ จะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากเลือด มุมปากของอี้เฉินเฟยมีเลือดซึม บนร่างโดนหินมีคมบาดจนเป็นแผลทั้งตัว ชุดสีขาวดุจหิมะถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงสด พื้นที่มืดดำ ใบหน้าของเขาซีดขาว ไร้ซึ่งเลือดฝาด เพียงแต่บนใบหน้าที่อ่อนโยนยังคงคลี่ยิ้มปลอบโยน เอ่ยอย่างอ่อนแรง "เจ้าไม่เป็นไรก็พอ" กู้ชูหน่วนขอบตาแดงก่ำในชั่วพริบตา "ท่านมันโง่เสียจริง เหตุใดถึงดีกับข้าขนาดนี้ ข้ามีอะไรควรค่าให้ท่านช่วยเหลือด้วยชีวิตเช่นนี้" "เพราะ...เจ้าคือน้องสาวของข้า..." "ท่านเจ็บหนักมาก อย่าเพิ่งพูดเลย ข้าจะช่วยท่านรักษาอาการบาดเจ็บ" "ไม่...ไม่
มือของกู้ชูหน่วนกำอาวุธลับไว้แน่น มือข้างหนึ่งรวบรวมกำลังภายในทั้งร่างให้ขึ้นไปถึงขั้นสูงสุด พร้อมจะรับท่าไม้ตายของพวกเขาทุกเมื่อ น่าหลันหลิงรั่วเองก็ยืนอยู่ข้างกายกู้ชูหน่วนในทันที พร้อมจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับนาง แต่พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่า ท่าไม้ตายเหล่านั้นยังไม่ทันมาถึงตัวนาง ก็ถูกใครบางคนสลายไปเสียก่อน มีคนอีกกลุ่มอยู่ในสระโลหิต คนกลุ่มนั้นมีผ้าคลุมสีขาว แขนเสื้อปักตัวอักษร "อวี้" คนเหล่านี้มีทั้งวัยชราและหนุ่มสาว พละกำลังกำลังแข็งแกร่ง เผ่าเทียนเฝินและเผ่าหมอร่วมมือกันก็ยังไม่อาจทำให้พวกเขาเสียเปรียบได้ "เผ่าอวี้...หายสาบสูญไปหลายพันปี ในที่สุดพวกเจ้าก็โผล่มาแล้ว" คนเผ่าเทียนเฝินต่างก็ตกตะลึง จ้องมองไปที่พวกเขาอย่างไม่ประสงค์ดี บรรยากาศมาคุขึ้นเรื่อยๆ เห็นได้ชัดเลยว่าเป็นศัตรูคู่แค้นกันมานาน ต่างก็เกิดอาการฉุนเฉียวกันอย่างแรง "ทุกชีวิตที่สูญเสียไปเป็นพันปี วันนี้ถึงเวลาสะสางกันแล้ว" ผู้เฒ่าผมขาวคนหนึ่งของเผ่าอวี้กัดฟันกรอด เค้นออกมาหนึ่งประโยค ดวงตาของเขาแดงก่ำ อยากจะฆ่าคนเผ่าเทียนเฝินให้เกลี้ยงเสียเดี๋ยวนั้น กู้ชูหน่วนหันไปทางน่าหลันหลิงรั่ว "เผ่าอ
ผู้อาวุโสระดับสูงแข็งแกร่งนัก ผู้อาวุโสฮวาต้านไว้ไม่อยู่ ถูกโต้กลับจนเจ็บหนัก ทันทีที่พัดสีดำของน่าหลันหลิงรั่วพลิกกลับ อาวุธลับนับสิบออกมาพร้อมกัน ทว่าถูกผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าเทียนเฝินต้านไว้จนกระเด็นออกไปหมด แม้แต่อาวุธลับของกู้ชูหน่วนก็กระเด็นออกไปพร้อมกัน “ฟิ้ว...” ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงเคลื่อนไหวเช่นไร แต่เขาไปถึงด้านบนเสาดอกบัวเรียบร้อยแล้ว เขาผลึกกำลังภายในไว้ในมือ สลายพลังคุ้มกันรอบเสาดอกบัว น่าหลันหลิงรั่วเห็นเช่นนั้น พัดในมือราวกับมีจิตวิญญาณ คนและพัดประสานเป็นหนึ่งเดียว พุ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็ว "ปัง ปัง ปัง......" เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนต่อสู้กันไปหลายกระบวนท่า ท่วงท่าของพวกเขาเร็วเกินไป ทำให้กู้ชูหน่วนไม่รู้ว่าพวกเขาใช้กระบวนท่าอะไรบ้าง เห็นเพียงแค่ผู้อาวุโสระดับสูงกดน่าหลันหลิงรัวเสียอยู่หมัดอย่างรางๆ "ปัง......" หลังจากที่กระแทกฝ่ามือเข้าด้วยกัน ทั้งสองคนแยกออกจากกัน น่าหลันหลิงรั่วเจ็บหนัก เลือดไหลออกทางมุมปาก เขาเลียเลือดที่มุมปากด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ คิดจะบุกเข้าไปอีกครั้ง ทว่ากู้ชูหน่วนขวางเขาเอาไว้ "ตาแก่วิทยายุทธแข็งแกร่งมาก ขืนฝืนบุ