อะไรนะ... ผู้อาวุโสสี่หน้าไร้เลือดฝาด กระอักเลือดออกมาอีกครั้ง "ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้" กู้ชูหน่วนรู้ สามารถทำให้ผู้อาวุโสสี่ตื่นตระหนกขนาดนี้ได้ เรื่องจะต้องเลยเถิดไปไกลกว่าที่นางจินตนาการเป็นแน่ นางขี่น้องเก้าไปด้วยความเร็วที่ไวกว่าคนทั่วไปมาก ภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ร้ายแรงจนทำให้นางใจสลายได้แล้ว ทว่าภาพตรงหน้า ทำให้หัวใจของกู้ชูหน่วนราวกับถูกมีดกรีดลึก ไม่ว่าอย่างไรนั่นก็คือนรกบนดินดีๆ นี่เอง เหล่าชาวบ้านชายดวงตาแดงก่ำ กลายเป็นปีศาจร้ายฆ่าคน พากันมุ่งหน้าไปยังเขาเสวี่ยเฟิง น่าเศร้าเพราะบนเขาเสวี่ยเฟิงล้วนแต่เป็นสตรีที่อ่อนแอ สตรีเหล่านี้ดูเหมือนกำลังทนกับความเจ็บปวดรุนแรงบางอย่างอยู่เช่นกัน ร่างขดเป็นวง ส่งเสียงร้องโหยหวนราวจะขาดใจ แม้จะอยู่แสนไกล นางก็ยังได้ยินเสียงกระดูกในร่างของสตรีเหล่านั้นหักทีละชิ้นๆ ไม่หยุด เมื่อชาวบ้านชายวิ่งมาถึงเขาเสวี่ยเฟิง ราวกับหมาป่าที่วิ่งเข้าคอกแกะ เจอผู้ใดก็ฆ่าทันที ผู้อาวุโสหกและผู้อาวุโสเจ็ดนำกลุ่มคนตามไปขัดขวางพวกเขา แต่ก็ยังคงขัดขวางชาวบ้านที่คุ้มคลั่งเหล่านั้นไม่อยู่ "น้องเก้า เร็วกว่านี้อีกหน่อย" "ฟ่อ ฟ่
กู้ชูหน่วนเอ่ยด้วยความร้อนรน "น้องเก้า เร็ว รีบไปที่นั่น" น้องเก้าส่งเสียงขานรับ แล้วมุ่งไปด้วยความไว มันรวดเร็ว แต่ผู้อาวุโสสามเร็วยิ่งกว่า ชาวบ้านนอกเผ่าถูกพลังฝ่ามือกระแทกคนละครั้ง จบชีวิตลงในทันที ฝ่ามือกระแทกออกไปอีกครั้ง ประตูเหล็กของชาวบ้านที่ถูกขังอยู่ถูกเขากระชากจนเปิดออก ประตูเหล็กเปิดออก เหล่าชาวบ้านที่ถูกคำสาปเลือดราวกับถูกฉีดสารกระตุ้น ดีดดิ้นรุนแรงยิ่งกว่าเดิม "ปึงปัง......" เหล่าชาวบ้านดิ้นจนโซ่ขาด แต่ละคนคล้ายกับปีศาจที่ปีนขึ้นมาจากนรกภูมิ เห็นคนก็ฆ่า เห็นกรงก็พุ่งเข้าชนทันที สถานการณ์เกินความควบคุมไปโดยสิ้นเชิง บนยอดเขาลูกนี้ราวกับนรกบนดิน ทุกที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่ากันและกัน ผู้อาวุโสสี่เห็นดังนั้น ดวงตาพลันเบิกโพลง เขาไม่มีเวลาสนใจอย่างอื่น ออกแรงดิ้นจนหลุดจากพันธนาการ แล้วสั่งให้คนเปิดประตูเหล็ก ก่อนจะทะยานออกไปขวางผู้อาวุโสสามที่ฆ่าคนเป็นผักปลา "ตู้มมม......" วิทยายุทธของผู้อาวุโสทั้งสองท่านล้วนแต่สูงส่ง ทุกครั้งที่ยกมือขึ้นมาแล้วทุบกำปั้นลงไป ล้วนแต่ทำให้หินดินทรายปลิวว่อนขึ้นมาด้วย วิทยายุทธของผู้อาวุโสสี่แต่เดิมก็ไม่ได้ด้อยไ
งูยักษ์เก้าหัวคล่องแคล่วว่องไว เพียงพริบตาเดียวก็มาถึงยอดเขานั้นแล้ว กู้ชูหน่วนมองลงไปด้านล่าง เห็นภาพที่ทั้งชีวิตนี้ไม่มีทางลืม ร่างของนางพลันชะงักงันอย่างแรง นั่นช่างเป็นโศกนาฏกรรมสุดอนาถของโลกมนุษย์ เหล่าชาวบ้านถูกขังอยู่ในกรงเหล็กยักษ์ มือเท้าถูกพันธนาการด้วยโซ่เหล็กเส้นโต อีกด้านของโซ่เหล็กถูกยึดด้วยหินก้อนใหญ่ พวกเขาแต่ละคน ร่างกายขดงอ ร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ส่งเสียงร้องออกมาราวกับหมาป่า แต่ละครั้งเหมือนจะขาดใจ ไม่รู้เป็นเพราะเจ็บเกินทนไหวหรืออย่างไร เหล่าชาวบ้านผมสยาย ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าที่เดิมสงบเสงี่ยมเผยให้เห็นความกระหายเลือดและฟูมฟายด้วยความเจ็บปวด พวกเขาดีดดิ้นไม่หยุด ไม่รู้ไปเอาแรงมาจากไหน โซ่เหล็กเส้นหนาขาดไปต่อหน้าต่อตาเพราะแรงดึงของพวกเขา "ปัง ปัง ปัง......" หลังจากที่โซ่ขาด พวกเขาใช้ร่างกายที่หุ้มด้วยเนื้อหนังของพวกเขากระแทกกรงเหล็ก กรงเหล็กแข็งแรงทนทาน พวกเขากระแทกจนเลือดสีแดงอาบลงมา แต่ก็ยังคงไร้ซึ่งความรู้สึก ราวกับเสียสติไปโดยสิ้นเชิง คิดเพียงแค่จะต้องหลุดออกไปให้ได้ ยังมีบางคนที่ถึงขั้นใช้กะโหลกกระแทกกับพื้นอย่างแรง หน้าผากถูกกระแทกจนเ
ที่ริมเขตข่ายอาคม กู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง เงยหน้ามองน้องเก้าที่กำลังวิ่งอุตลุด หาทางออกไม่หยุด นางถอนหายใจออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้างูโง่ตัวนี้ ยืนยันหนักแน่นว่าจำคำพูดของเหล่าผู้อาวุโสได้ ทั้งยังยืดอกรับประกันว่าจะต้องพานางออกไปได้อย่างแน่นอน ปรากฎว่า... ปรากฏว่านางไม่ควรเชื่อคำพูดของงูตัวนี้เลย เจ้านี่ พานางวนอยู่ในกลุ่มภูเขาเหล่านี้รอบแล้วรอบเล่า หมุนจนนางเวียนหัวตาลาย แต่ก็ยังออกไปจากข่ายอาคมไม่ได้ น่าสงสารที่สุดท้ายก็วนจนนางแยกไม่ออกแม้กระทั่งทิศเหนือใต้ออกตก ทำได้เพียงแค่นั่งรอมันหาทางอยู่ตรงนี้ "ฟ่อ ฟ่อ......" น้องเก้ายื่นหัวใหญ่ยักษ์ไปทางขวา กู้ชูหน่วนกลอกตาใส่มันไปทีหนึ่ง "หาต่อไป ข้าไม่อยากอ้อมเขากับเจ้าอีกแล้ว" "ฟ่อ ฟ่อ......" น้องเก้าส่งเสียงด้วยความน้อยอกน้อยใจ หุบเขาไป๋อวี้ใหญ่นัก ลักษณะรูปร่างของเขาแต่ละลูกก็ใกล้เคียงกัน แบบนี้กำลังรังแกงูอยู่ชัดๆ นายท่านควรจะให้พวกเขาเผาเขาให้เตียนไปเลย กู้ชูหน่วนพูดอย่างไม่สบอารมณ์ "ที่แห่งนี้มีเขาลูกใหญ่เป็นหลายหมื่นลูก เชื่อมต่อกันไปทีละลูก หากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็ไปเผาให้เตียนเองเล
คำพูดของเขาไร้ที่ติ แต่นางไม่เชื่อ ว่าผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่าอวี้จะไม่มีวิธีการจัดการกับเย่จิ่งหานเลยแม้แต่น้อย เผ่าอวี้ตัดขาดจากโลกภายนอกมาเป็นเวลาหลายปีขนาดนี้ได้ ไม่มีทางพึ่งพาการหลบๆ ซ่อนๆ แน่ "หัวหน้าเผ่า ท่านว่า ไม่เช่นนั้นท่าน..." "พอเถิด ข้าเข้าใจความหมายของท่าน เดิมทีวันนี้ข้าตั้งใจจะมาบอกลาพวกท่าน อีกเดี๋ยวก็จะไปจากเผ่าอวี้แล้ว" ผู้อาวุโสแต่ละคนต่างก็โล่งใจ แต่ก็อาลัยอาวรณ์ด้วยเช่นกัน "อาหน่วน หากเจ้าไม่คุ้นเคยกับการอยู่ด้านนอก ไม่เช่นนั้นอีกสักสองสามวันค่อยกลับมาอยู่เผ่าอวี้ต่ออีกสักหน่อย พวกข้ารอเจ้ามาตั้งนานกว่าเจ้าจะกลับมา นี่เพิ่งจะไม่กี่วันก็ต้องจากไปอีกแล้ว พวกข้าทำใจไม่ได้เลย เจ้าไม่มาดื่มเหล้า ไม่มีผู้ใดดื่มกับข้าเลย" ผู้อาวุโสหกมุ่ยปาก "เจ้าคิดว่าหัวหน้าเผ่าจะเอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ เช่นเจ้ารึ ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี" ผู้อาวุโสใหญ่ถลึงตาใส่ผู้อาวุโสหกอย่างไม่สบอารมณ์ไปทีหนึ่ง บอกเขาแล้วว่าไม่ต้องตามมา ก็รั้นจะตามมาให้ได้ สีหน้าของพวกเขาเช่นนี้ หัวหน้าเผ่าไม่สงสัยก็แปลกแล้ว "ข้ายังต้องออกไปตามหาแก้วมังกร ไม่สู้ไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ ส่วนพี่ใหญ่เฉ
"ข้าไม่จำเป็นต้องใช้หรอก ท่านให้ภรรยาของท่านเถอะ หากข้าจำไม่ผิด ภรรยาของท่านตั้งท้องได้เก้าเดือนแล้วใช่หรือไม่ นางใกล้จะคลอดแล้ว ท่านยังให้นางบำรุงนั่นบำรุงนี่อยู่ทุกวัน ถึงเวลาคลอดจะลำบากเอาได้ บำรุงแต่พอเหมาะดีกว่า" ได้ยินดังนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าลุงหนิวพลันชะงักงัน สีหน้าฝืดเฝื่อนเต็มไปด้วยความกังวลและโศกเศร้า "ดูเหมือนข้าจะพูดผิดไป ลุงหนิว ท่านกับป้าหนิวรักกันดีขนาดนั้น อ่อนโยนเอาใจใส่ต่อนางทุกเรื่อง ลูกของท่านจะต้องปลอดภัย เติบโตมาอย่างแข็งแรงเป็นแน่ คำพูดเมื่อครู่ ท่านอย่าใส่ใจเลย" ลุงหนิวฝืนยิ้ม รีบตอบกลับ "ไม่ๆๆๆ ไม่ได้เกี่ยวกับหัวหน้าเผ่าเลย หัวหน้าเผ่าพูดถูก ผู้อาวุโสไป๋เฉ่าก็เคยเตือนข้าหลายครั้งว่าอย่าบำรุงมากเกินไป ไม่เช่นนั้นต่อไปเด็กจะคลอดยาก ข้ารู้ว่าหัวหน้าเผ่าหวังดีกับข้า" "เช่นนั้นท่านกังวลสิ่งใดล่ะ" "ใกล้จะสิบห้าค่ำแล้ว ไม่รู้ว่า..." เมื่อพูดถึงสิบห้าค่ำ ร่างของลุงหนิวก็สั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุมได้ และไม่อยากจะพูดถึงมากนัก ด้วยความบังเอิญ ป้าหนิวเดินแบกท้องโตออกมาพอดี นางร้องตะโกน "ต้าหนิว เจ้าออกไปล่าสัตว์กลางดึกมาอีกแล้วใช่หรือไม่ ไม่เจอเจ้าทั้งคืนเล
เหล่าผู้อาวุโสล้วนแต่ไม่อยากออกไป ยังอยากคุยกับกู้ชูหน่วน ผู้อาวุโสใหญ่แค่ส่งสายตาเย็นเยียบไป พวกเขาจึงทำได้เพียงแค่ออกไปก่อน รักษาหัวหน้าเผ่า ก่อนจะไปรักษาอี้เฉินเฟยต่อ กำลังภายในของพวกเขาถูกใช้ไปมากมายเหลือเกิน ควรจะกลับไปพักผ่อนแล้วจริงๆ "หัวหน้าเผ่า ข้ารู้ว่าเจ้าผูกพันกับอี้เฉินเฟยมาตั้งแต่เด็ก แต่...เจ้าอย่าได้ร้อนใจไป ทุกคนในเผ่าอวี้จะช่วยกันตามหาแก้วมังกรอย่างสุดกำลัง เฉินเฟยเด็กคนนี้จิดใจดี เขาเองก็ไม่อยากให้เจ้ารู้สึกแย่" "ขอบคุณผู้อาวุโส ข้าเห็นท่านเองก็เหนื่อยมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ" "อืม" กู้ชูหน่วนนั่งอยู่ตรงหน้าเตียง ยื่นนิ้วขาวเรียวยาวออกไปลูบใบหน้าที่คมชัดหล่อเหลาดุจเทพที่ซีดขาวของเขา ในความทรงจำ ทุกครั้งที่อี้เฉินเฟยเห็นนางมักจะยิ้มด้วยความเอ็นดู และอบอุ่นอยู่เสมอ นางอยากจะให้อี้เฉินเฟยยังเป็นเหมือนก่อนหน้า ยิ้มให้นางด้วยความอบอุ่น เรียกนางว่าเด็กโง่ เรียกนางว่าอาหน่วน "พี่ใหญ่เฉินเฟย ข้ารู้สึกว่าไหล่ของข้าหนักมาก มีหลายเรื่องที่รอให้ทำ แต่ข้าคิดไม่ออกว่าต้องทำอะไรกันแน่ ยามนี้...ดูเหมือนข้าจะเริ่มเข้าใจแล้ว ที่จริงแล้วหนึ่งในภารกิจของข้าก
ภายในห้องนอนที่ประณีตสะอาดตา อี้เฉินเฟยใบหน้าขาวซีด ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทอย่างไร้เรี่ยวแรง ลมหายใจอ่อนโรยรา ผมขาวโพลนทั้งหัวของเขาทั้งสะดุดตาและทำให้คนรู้สึกปวดใจ ข้างกายอี้เฉินเฟยยังมีเหล่าผู้อาวุโสผมขาวอีกหลายท่าน เหล่าผู้อาวุโสไม่รู้ว่าใช้กำลังภายในไปมากเพียงใด ลมหายใจเหนื่อยหอบไม่มั่นคง สีหน้าดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย ทันทีที่กู้ชูหน่วนเข้าไปในห้อง ผู้อาวุโสทุกคนพากันทำความเคารพ โดยมีผู้อาวุโสใหญ่เป็นผู้นำ "คาราวะท่านหัวหน้าเผ่า ขอหัวหน้าเผ่าพบเจอแต่ความสุข" "พวกท่านรีบลุกขึ้นมาเถิด" กู้ชูหน่วนไม่ค่อยชิน ในสมองของนางมีความทรงจำเกี่ยวกับเผ่าอวี้อยู่ไม่มากนัก จู่ๆ ก็ถูกผู้อาวุโสมากมายขนาดนี้เรียกว่าหัวหน้าเผ่า นางเองก็รู้สึกแปลกๆ ตอนที่ยื่นมือออกไปประครองพวกเขา กู้ชูหน่วนเผลอจับชีพจรของผู้อาวุโสใหญ่โดยไม่ทันระวัง ผู้อาวุโสใหญ่มีกำลังภายในกล้าแกร่ง ไม่รู้ว่าวิทยายุทธไปถึงขั้นใด แต่ใช้พลังลมปราณไปมาก ยามนี้พลังลมปราณไม่มั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ชีพจรของเขายังคล้ายกับอี้เฉินเฟยนัก ดูเหมือนจะมีแรงกัดกร่อนบางอย่างค่อยกลืนกินพลังชีวิตของพวกเขาอยู่ตลอดเวลา แม้พลังชีวิ
ผู้อาวุโสทั้งสามท่านนิ่งเงียบไปชั่วขณะ พวกเขาหาข้ออ้างจะออกไปด้วยความลังเล กู้ชูหน่วนหยิบมีดสั้นออกมาจากแหวนปริภูมิ กดลงไปที่คอของตนเอง "วันนี้หากพวกท่านไม่บอกความจริงทั้งหมดกับข้าให้ชัดเจน ข้าจะตายตรงหน้าพวกท่านเดี๋ยวนี้" "อย่าอย่าอย่า...เจ้ารีบวางมีดลงเสีย หากเจ้าเป็นอะไรไป พวกเราจะอธิบายกับชาวเผ่าอวี้อีกเป็นหมื่นเป็นพันคนได้อย่างไร" "เช่นนั้นก็บอกมา หากพวกท่านรู้จักข้า ก็น่าจะรู้ว่าข้ามีความอดทนไม่มากนัก" กู้ชูหน่วนแน่วแน่หนักแน่น อีกทั้งยังไม่ยอมปล่อยมีดในมือ เพียงแค่นางออกแรงอีกเล็กน้อย คงได้ตายอยู่ที่นี่เป็นแน่ ผู้อาวุโสทุกคนต่างก็ร้อนรนกระวนกระวาย อยากจะไปแจ้งผู้อาวุโสใหญ่ แต่กู้ชูหน่วนก็ไม่ยอมปล่อยให้พวกเขาออกไป สุดท้ายก็เป็นผู้อาวุโสเจ็ดผู้มีนิสัยบุ่มบ่ามใจร้อนที่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว "ในเมื่อเจ้าอยากรู้ เช่นนั้นข้าจะบอกเจ้าก็ได้" "น้องเจ็ด..." "โธ่ นิสัยของหัวหน้าเผ่าก็ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ หากนางเป็นอะไรไป ต่อให้เจ้าปิดบังความลับมากเพียงใดแล้วจะประโยชน์รึ" "อาหน่วน เจ้าคือหัวหน้าเผ่าที่อายุน้อยที่สุดของเผ่าอวี้เรา วิทยายุทธขั้นเจ็ด เพื่อปกปิดสถานะของเจ