"ท่านอ๋อง มีอารมณ์สุนทรีย์ร่ายรำกระบี่ในยามว่าง"ตงเกาผู้มีท่าทีองอาจก้าวขาออกมาจากพุ่มไม้"ตงเกา มาได้อย่างไรหายไปนานเหลือเกินจนข้าคิดว่า ตงเกาหลงเพลินจนลืมวังหลวง"สีหน้าแสดงความดีใจและตื่นเต้นที่อยู่ๆ สหายและองครักษ์ที่รู้ใจที่สุดกลับมา"ท่านอ๋องไม่มาก็คงไม่ได้ ตงเกาหายไปเสียขวบปี ได้ยินข่าวดีเรื่องท่านอ๋องแต่งชายารองคนใหม่ อยากจะแวะมาดูว่าท่านอ๋องมีความสุขเพียงใด"ชายารองอีกแล้ว ชายารองทำไมต้องให้คิดถึงนางทำไมใครๆ ก็ต้องพูดถึงนาง ให้เขาหงุดหงิดด้วย"อย่าเอ่ยถึงนางจะได้ไหม"ตงเกาเลิกคิ้ว"อย่าบอกนะว่า มีปัญหากลับชายารองทั้งๆ ที่เพิ่งจะแต่งกัน""เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่""เรื่องใดกัน หากเป็นเริ่องที่ใครๆ ต่างก็พูดถึง ชายา...อัปลักษณ์ของท่านอ๋องตงเกาไม่เห็นว่าจะต้องรู้ ในเมื่อ ...ไหนๆ ก็แต่งกันแล้ว จะงดงามหรือไม่ก็เป็นชายาอยู่ดีจะทิ้งขว้างเพราะหน้าตาไม่งดงามก็ใช่ที่"ตงเกากลับคิดต่างจากเขา"หากเจ้าพบนางจะรู้ว่านาง ..เอ่อ...ข้าไม่รู้สิข้า เจ้าคิดว่าข้าควรทำตัวเช่นไรกับชายารองผู้นั้นดี” ตงเกาอมยิ้ม พยัคฆ์ร้ายกลายเป็นแมวน้อยแสนเชื่องไปเสียแล้ว“ข้าน้อยชักอยากจะเห็นนายหญิ
ตงเกายิ้มมุมปากเอ่ยทักทายปาหวางอ๋อง ที่หน้าประตูจวน“ฮะฮ้าไม่น่าเชื่อตงเกาผู้นี้หวนคืนจวนอ๋อง ข้ารึอุตส่าห์ดีใจเข้าออกจวนอ๋องง่ายดาย ไร้คนคอยขวาง แต่จะว่าไปก็คันไม้คันมือตงเกาไม่อยู่องครักษ์ในจวนเฉิงอู๋อ๋องล้วนด้อยฝีมือ”“จะประลองกำลังดูสักตั้งดีไหมท่านอ๋อง”ยิ้มยียวนเช่นกัน“ไม่สิไม่ใช่วันนี้ วันนี้ข้าตั้งใจนำของสำคัญมาคืนชายารองของเฉิงอู๋อ๋อง หากประมือกับตงเกาเกรงว่าอาภรณ์สะอาดสะอ้านกับมวยผมที่เกล้ารวบมาเสียหล่อเหลาจะดูไม่ได้ทำให้ชายารองของเฉิงอู๋อ๋องไม่ประทับใจข้า คราแรกพบ” หวงเฉิงอู๋ที่ผ่านมาได้ยินพอดีขมวดคิ้ว“ของสำคัญใดกัน”แบมือออกไปตรงหน้าปาหวางอ๋องตั้งใจรับเอาสิ่งของแทนอ้ายฉิง ปาหวางอ๋องที่ยังเอามือไพล่หลังไว้ไม่สะทกสะท้าน ตงเกาเริ่มเห็นเค้าลางบางอย่างนี่เองกระมั้ง กลิ่นไหน้ำส้มแตกจึงส่งกลิ่นอบอวลไปทั่ว“ข้า จะมอบให้กับมือของแม่นางอ้ายฉิงเท่านั้น”“ข้าเป็นสามีนาง”“สามี...ที่ไม่ปกป้อง แล้วยังสั่งลงทัณฑ์นางอย่างไม่มีเหตุผล กับข้าที่ปกป้องนางเฉิงอู๋อ๋องท่านคิดว่านางจะอยากรับของสำคัญนี้จากมือใครมากกว่ากัน ท่านรับมันไป ดีไม่ดีก็ไม่ยอมเอาไปคืนนางแล้วอาจใส่ความว่านางกับข้ามีความสั
ก่อนหน้านั้น“ฝ่าบาท อ้ายหลิว สงสารนางยิ่งนักเรื่องเล่าลือเรื่องนางอัปลักษณ์อีกทั้งยังกล่าวหาว่านางมีมนตร์ดำจนทำให้เกรงขามไปทั่วเช่นไร ชีวิตนางจึงจะพบกับความสุข”“แต่งกับเฉิงอู๋อ๋องก็ใช่จะมีความสุขเขามีชายาเอกอีกทั้งเฉิงอู๋อ๋องยิ่งใหญ่ทะนงตนเป็นถึงอ่องไร้พ่ายอย่างไรจึงจะยอมแต่งกับหญิงอัปลักษณ์”“ฝ่าบาทแค่เพียงฝ่าบาทเด็ดขาดกับเฉิงอู๋อ่องเสียบ้าง นานวันยิ่งตามใจเขาจนป่านนี้เขากลับวางตัวยิ่งใหญ่เกินใคร ข้ากลัวเหลือเกินว่าไม่นานเข้าเฉิงอู๋อ๋องจะ คิดการใหญ่”หวงฉีจิ้งยิ้ม“หากจะมีใครสักคนที่คิดการใหญ่ย่อมไม่ใช่หวงเฉิงอู๋ ข้าวางใจเขาเกินใคร”อ้ายหลิวไม่พอใจยิ่งนักแต่ทว่าไม่กล้าต่อคำแม้จะไม่พอใจไปถึงหวงเฉิงอู๋ด้วยก็ไม่อาจแสดงออกไปทางเดียวที่ทำเพียงศรหนึ่งดอกได้กระต่ายป่าสองตัวนั่นคือให้เฉิงอู๋อ๋องแต่งกับอ้ายฉิงเสียอ้างว่าสงสารนาง จะได้ลดความโอหังของเฉิงอู๋อ๋องลงเสียบ้าง“เช่นนั้นก็ต้องแต่งนางให้กับเฉิงอู๋อ่องเสีย จวนอ๋องอย่างไรก็ดีกว่าจวนขุนนาง”“ฮองเฮาเจ้าช่างใสใจหลานสาวยิ่งนัก ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้าเมตตานางยิ่งเหว่ยจื่อหยวนหลายปีมานี้ หนักใจกับนางไม่น้อย กลัวว่าจะหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ฮองเฮายอ
ก่อนหน้านั้น“หวงฉีจิ้ง ยังไร้ฮองเฮาอ้ายหลิวเจ้าคิดว่า ตำแหน่งฮองเฮาควรจะเป็นใครกัน”อ้ายหลิวในวัยสาวยิ้มหวานหยด“ท่านพ่อ ท่านคงไม่อยากส่งเสริมลูกอนุเท่ากับอ้ายหลิว แม้จะรู้ว่าฝ่าบาทชื่นชมอ้ายจิงแต่นางแค่เพียงลูกอนุเป็นฮองเฮาเช่นไรจะเหมาะสม”ประวัติศาตร์มักจะซ้ำรอยเดิมเสมอ หญิงอัปลักษณ์เป็นชายารอง แต่หญิงงามเช่นจิวอัน เฉิงอู๋อ๋องกลับมองข้ามทั้งๆ ที่จิวอันมองเฉิงอู๋อ๋องด้วยฐานะอื่นไม่ใช่ฐานะท่านอาเสมอมา"ข้าส่งเสริมเจ้า จิวอันบางครั้งเราไม่จำเป็นต้องเผยตัวตนต่อหน้าผู้อื่น""เสด็จแม่ลูกเพียงแค่สงสารท่านอากับอ้ายฉิงไม่อยากให้นางต้องรับมือกับชายาเอกฟางหลินเพียงลำพัง ลูกกับนางอย่างไรเสียก็เป็นเหมือนพี่น้องอีกอย่างท่านอาก็รังเกียจนาง น่าสงสารยิ่งนัก"อ้ายหลิวยิ้ม"ดีเจ้าวางตัวเช่นนี้ แม่จึงส่งเสริมเจ้าเตรียมตัดชุดแดงไว้ได้อีกไม่นาน ข้าจะนำเรื่องนี้กราบทูลฝ่าบาท"จิวอันกอดแขนมารดาอย่างเอาใจ เดิมเห็นฟางหลินที่ร้ายกาจ มาบัดนี้อ้ายฉิงที่ไร้พิษสงหากร่วมมือกันกำจัดฟางหลิน ส่วนอ้ายฉิงคงไม่มีปากเสียงอะไรจวนเฉิงอู๋อ๋องประตูห้องเปิดออกด้วยแรงมือของเฉิงอู๋อ๋องร่างสูงเกือบถึงขอบประตูก้าวเข้ามาตามด้ว
สอดมืออุ่นดึงรั้งเส้นผมที่ท้ายท้อยของ เจิ้งอ้ายฉิงให้เงยหน้าขึ้นกดริมฝีปากลงบนปากบาง ไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรหม ปาหวางอ๋องไม่แม้แต่จะหันมามองก้าวเดินจากไปด้วยหัวใจที่กระตุกสั่น อ้ายฉิงทั้งดันทั้งผลักแต่กลับถูกกอดรัดไม่ยอมปล่อยริมฝีปากถูกบดเบียดเร่าร้อนรุนแรง เนิ่นนานไม่เปิดโอกาสให้ได้โมโหทั้งๆ ที่เหมือนถูกรังแกกับจูบรุนแรงนั้น แต่ผ่านไปไม่นานกลับเป็นรสจูบที่หวานในตอนท้ายจนร่างบางอ่อนระทวย เฉิงอู๋อ๋องถอนริมฝีปากออกช้าๆ ไม่วายขบเม้มริมฝีปากอย่างแสนเสียดาย“ใบหน้าอัปลักษณ์แต่รสจูบหวานยิ่งนัก”แลบลิ้นเลียริมฝีปากเหมือนกับเสียดายรสจูบเมื่อครู่“เพลี๊ยะ” มือบางสะบัดเข้าใส่ใบหน้าหล่อเหลาเต็มแรงด้วยความรู้สึกทั้งอายทั้งโกรธที่ เฉิงอู๋อ๋องล่วงเกินต่อหน้าคนอื่น แล้วยังพูดจาถากถางให้เจ็บใจ“อายหรือ สามีภรรยาจะต้องอายใคร หรือว่ากลัวว่าปาหวางอ๋องจะถอดใจ รู้ไว้ด้วยต่อไปข้าจะทำยิ่งกว่านี้ หากปาหวางอ๋องยังมาที่นี่ อีกอย่างเจ้าปาหยางอ๋องนั่นจะได้เลิกคาดหวังในตัวเจ้าเสียที เห็นหรือไม่ว่าข้าเหนือกว่าเขาจะอุ่นเตียงหรือจะกอดจูบเจ้าเมื่อไหร่ก็ได้”“ข้าจะหย่ากับท่านเสีย”ดวงตาคมลุกโชนเหมือนเปลวไฟลากร่างบาง
ก่อนหน้านั้น“ในวันที่ดอกไม้เบ่งบานนางจึงจะพบความสุข”“ท่านเซียน ทำไม นางจะต้องรอให้ถึงเวลานั้น เพียงแค่เปิดเผยใบหน้าของนางเสียก็พร้อมที่จะมีบุรุษมากมายยอมสยบให้นางด้วยใบหน้างดงามของนางหากใครได้พบเห็นเกรงว่าไม่อาจไม่รัก”“นางเพียงแค่ต้องการพิสูจน์ รอคอยใครสักคนที่ไม่ได้รักนางเพียงรูปโฉม ด้วยนางงดงามเพียงนี้ จะหาคนที่หลงรูปนางนั้นไม่ยากแต่คนที่พร้อมจะปกป้องนางไม่ว่านางจะอัปลักษณ์เพียงใด นั่นย่อมหาได้ไม่ง่ายนัก”ป้าเป่ยพยักหน้าขึ้นลงเช้าสดใส“เหว่ยจื่อหยวนถวายพระพรฝ่าบาท ฝ่าบาทให้ตามเหว่ยจื่อหยวน”“จื่อหยวน ดีเลยข้ามีเรื่องกลัดกลุ้มยิ่งนัก”“จื่อหยวนมานี่หวังว่าจะช่วยบรรเทาความกลัดกลุ้ม”“หลายคืนมานี้ ข้าไม่เคยหลับตาลง ยามหลับตาลงครั้งใดเห็นแต่ใบหน้าของอ้ายจิงวนเวียนล่องลอยจนต้องสะดุ้งตื่นลืมตา”“ฝ่าบาทนางตายไปแล้ว ฝ่าบาทควรเลิกโทษตัวเองเสียที”“ข้า เป็นคนเดียวที่ควรจะอยู่ข้างกายนางในวันนั้น แต่ข้ากลับไม่ได้เห็นแม้ใบหน้านางในวาระสุดท้าย”“อ้ายจิงยังภักดีต่อฝ่าบาทเสมอมา แต่ไหนแต่ไรฝ่าบาทไม่เคยสนใจเรื่องนี้ มาเวลานี้เช่นไรจึงหวนย้อนกลับไปคิดถึงนาง”“เมื่อวาน เจิ้งอ้ายฉิงมาที่นี่ ใบหน้าขอ
จวนปาหวางอ๋อง“ปาหวางอ๋องถวายพระพรฮองเฮา”“ได้ความว่าอย่างไรปาหวางอ๋อง”“หาของสำคัญในจวนอ๋องเฉิงอู๋ยากยิ่ง อีกทั้งเฉิงอู๋อ๋องรัดกุมรอบคอบไม่ทิ้งหลักฐานร่องรอย”“หึหึ สมกับเป็นเฉิงอู๋อ๋อง เดิมข้าตั้งใจจะเล่นงานเขา หลายปีที่เลี้ยงดูกันมาคาดหวังว่าเขาจะเห็นข้าเหมือนมารดา แต่สองสามปีให้หลังกับรู้สึกว่าเขาตีตัวออกห่าง คนของบิดาข้าที่ถูกส่งไปสอดแนมก็ถูกเฉิงอู๋อ๋องฆ่าตายโทษฐานยักยอกเงินเบี้ยหวัดของเหล่าทหารชั้นต่ำ ความจริงหากเขาจะเห็นแก่ข้า หลับหูหลับตาไปเสียบ้างก็ไม่ทำให้เดือดร้อนแต่นี่แม้จะรู้ว่าเป็นคนของท่านพ่อบิดาข้าเขากลับไม่ละเว้น”“ฮองเฮาเฉิงอู๋อ๋องฉลาดหลักแหลม เดิมเป็นเขาที่ฝ่าบาทวางใจ ในเมื่อฮองเฮาเองเคยสนับสนุนเขามาก่อน เช่นไรจึงไม่พูดเรื่องนี้กับฝ่าบาทคนอกตัญญูไม่เหมาะจะส่งเสริม ฝ่าบาทอาจเปลี่ยนด้วยแต่ไหนแต่ไรมาฝ่าบาทเชื่อในคำพูดของฮองเฮามาตลอด”“ข้าได้ยินว่าหลายวันมานี้ ปาหวางอ๋องแวะเวียน พบหน้าชายาอัปลักษณ์ของเฉิงอู๋อ๋องอย่าบอกนะว่าที่พูดแบบนี้จงใจยืมมือข้ากำจัดเฉิงอู๋อ๋อง”“ข้า ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกพิเศษกับเจิ้งอ้ายฉิงทั้งๆ ที่นางมีใบหน้าอัปลักษณ์หรืออาจเป็น
“เมื่อไหร่จะเปิดเผยใบหน้าได้เสียที”บ่นพึมพำเบาๆ วางแผ่นหนังสำหรับแปลงโฉมลงข้างหมอน เอนกายลงบนแท่นนอนทิ้งตัวลงนอนนานเท่าไหร่ไม่รู้ได้ ตงเกาเองก็ยังเอนกายพิงต้นไม้ใหญ่ คอยอารักขา“ตุ๊บ”ตงเกาผงกศีรษะมองไปยังต้นเสียงร่างของใครบางคน กำลังจะเร้นกายเข้าไปในห้องของเจิ้งอ้ายฉิงกระบี่ในมือถูกนำมากำไว้ในท่าเตรียมพร้อมพุ่งตัวตามเข้าไปด้านใน ชักกระบี่ออกจากฝักอย่างรวดเร็ว เห็นเพียงเงาตะคุ่มพุ่งตรงไปยังแท่นนอน รื้อค้นบางอย่าง“เจ้าเป็นใคร” คนผู้นั้นยกกระบี่ขึ้นมากางกั้นไว้ที่ตรงหน้าเสียงคมกระบี่ปะทะกันดังลั่น อ้ายฉิงผุดลุกขึ้นด้วยความตกใจ“มีคนร้าย มีคนร้าย”ตงเกาส่งเสียงตะโกนให้องครักษ์ของจวนอ๋องเตรียมรับมือ ตั้งใจจะตามคนร้ายไปทว่ากลับเป็นห่วงอ้ายฉิงกลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บ สะบัดมือให้เปลวไฟในห้องสว่างไสว เจิ้งอ้ายฉิงคว้ามือไปข้างกายตั้งใจหยิบแผ่นหนังแปลงโฉม ทว่าข้างหมอนกับว่างเปล่า ไม่ทันแล้วตงเกายืนจ้องใบหน้างดงามตะลึงตาค้าง ทั้งตกใจและประหลาดใจที่เห็นใบหน้าของอ้ายฉิง“พระ พระชายาทะทะ..ท่าน”ละล่ำละลัก มือไม่พันกันวุ่นวายด้วยหญิงงามปรากฏกายตรงหน้าใครบ้างที่พบหน้าเจิ้งอ้ายฉิงแล้วจะไม่สะทกสะท้าน
“นี่ๆๆๆ เจ้าซางหลางถือดีอย่างไรมาจับมือว่าที่ไท่จือเฟยของข้า” เว่ยจินตะโกนตามหลังไป๋อวี้ยกมือขึ้นตบที่ไหล่ของเว่ยจินเบาๆ อย่างปลอบใจ“ไม่ต้องเลยข้าไม่ยอมแพ้แน่ๆ” เว่ยจินประกาศก้องไท่จือเว่ยจินและไท่จือซางหลางก็ไม่ยอมแพ้ที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อเอาใจไป๋ฮวาอย่างเต็มที่ ทั้งสองคนกลายเป็นสายเปย์ที่แข่งกันอย่างไม่มีใครยอมใครที่ร้านหยก เว่ยจินพร้อมรอยยิ้มกว้างเดินเข้าไปข้างไป๋ฮวาด้วยความรวดเร็ว ก่อนจะหยิบหยกสีม่วงใส่มือของเธอ"ไป๋ฮวาสิ่งนี้สำหรับคนสำคัญ ข้าขอให้เจ้ารับหยกนี้เป็นของขวัญจากข้า รับไว้เถอะนะ" เขาพูดอย่างใส่ใจ ขณะที่ตาเขากลับมีแววตาที่ท้าทายซางหลาง "หยกนี้มันพิเศษมาก นอกจากจะหายากแล้ว ยังมีพลังเสริมโชคอีกด้วย"ซางหลางหยิบหยกสีแดงใส่ในมือของไป๋ฮวาบ้างไป๋ฮวามองหยกในมือของเว่ยจิน และซางหลางก่อนจะยิ้มบางๆ “พวกท่านควรนำมันติดตัวไว้” ไป๋ฮวาส่งหยกคืนทั้งสองคน"ทำไมล่ะ เจ้านี่ใจแข็งชะมัดเลย" เว่ยจินพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ดวงตาของเขาเหมือนจะชวนให้ไป๋ฮวารับเอาหยกชิ้นของเขาไว้ก่อนที่เธอจะตอบอะไร ซางหลางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ก็ไม่รอช้า เขาคว้ามือไป๋ฮวาอย่างอ่อนโยนแล้วยื่นของขวัญอีกชิ้นให้"ไป
ในขณะที่ตลาดที่เต็มไปด้วยเสียงดังรื่นเริงจากการค้าขายของชาวบ้าน ไป๋ฮวาก็เดินไปเรื่อย ๆ ตรงไปยังร้านขนมหวานที่เธอชอบ ส่วนไป๋อวี้เดินเคียงข้าง แต่ความสนุกกลับเกิดขึ้นจากการที่ทั้งสองบุรุษหนุ่มที่มีท่าทีแปลกแยกต่างกันอย่างชัดเจนกลับเดินตามมาไม่ห่าง“ข้าล่ะชอบพวกเขาจริงๆ เลยพี่สาว” เดินเอามือไพล่หลังกระทุ้งศอกกระซิบกับไป๋ฮวาเบาๆ ไป๋ฮวาส่ายหน้ายิ้มๆ"ไป๋ฮวา!" ไท่จือเว่ยจินตะโกนพร้อมก้าวเข้ามาขวางหน้าหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกว้าง เหมือนจะบอกว่าไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหน ข้าจะไปด้วยเสมอ ไม่ต้องห่วง! ข้าจะคอยดูแลเจ้าสายตาบ่งบอกแบบนั้นจริงๆ"ท่านนี่จะว่าไปพูดอะไรดี ๆ แบบนี้กับหญิงงามเสมอ เสมอสินะ" ซางหลางพูดขึ้นเบาๆ เหมือนกับบ่นกับตัวเองเว่ยจินหัวเราะเสียงดังเหมือนจะไม่มีอะไรทำให้เขาลำบากใจได้ "ข้าแค่ห่วงนางน่ะ ทำไมต้องฝืนใจเล่าห่วงก็บอกว่าห่วงมิใช่ซางหลางที่เอาแต่วางมาดนิ่งขรึมให้หญิงงามเช่นไป๋ฮวาคิดไปเอง”ไท่จือซางหลางถอนหายใจยาว"ท่านอ๋องบิดาเจ้าชวนข้าเสวยเย็นด้วยข้าตามนางไม่ผิดแต่ไท่จือซางหลางไม่เอาเวลาไปเรียนรู้งานในราชสำนักเอาแต่ตามไป๋ฮวานี่สิแปลกไม่น้อยนี่" เว่ยจินพูดพร้อมยิ้มหล่อเหลา แต่แววตาข
แต่ก่อนที่มือเล็กจะคว้าได้ เสียงม้าสองสายก็ดังกระหึ่มมาแต่ไกล สายตาทั้งสองเหลือบแลเห็นไท่จือเว่ยจิ้น บุรุษหนุ่มในชุดครามเข้ม เจิดจ้าเหมือนดวงตะวันยามเช้า หยิ่งยโสแต่ ไม่ไร้น้ำใจ รอยยิ้มของเขาราวกับระบายกลิ่นชากุหลาบจางๆ และอีกคนหนึ่ง ไท่จือซ่างหลาง สง่างามเฉียบคมในชุดม่วงเทา เจือกลิ่นอายของเงาจันทร์ ดวงตาเรียวยาวคมกริบ ใต้รอยยิ้มสงบนิ่งมีประกายเย้าแหย่เจ้าเล่ห์พวกเขาต่างลงจากหลังม้าแทบจะพร้อมกันเพราะควบม้าแข่งกันมานั่นเอง สายตาทั้งคู่ต่างทอแสงเมื่อเห็นหญิงงามในดวงใจ"ไป๋ฮวา เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?" เว่ยจิ้นก้าวยาวๆ เข้ามาหาพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะฟังดูนิ่งขรึม แต่ไท่จือซางหลางก้าวแซงหน้าขึ้นมา หรี่ตามองเย้าๆ "ช่างบังเอิญยิ่งนัก...หรือตั้งใจ? ข้าคิดว่าเว่ยจิ้นคงตามกลิ่นขนมงาดำมาถึงนี่หรอกกระมัง"เว่ยจิ้นเลิกคิ้ว หัวเราะหึในลำคอ "แล้วเจ้าล่ะ ซางหลาง กลิ่นขนมหรือกลิ่นไป๋ฮวาที่เจ้าตามมา?"ไป๋อวี้ที่ยืนกอดอกอยู่ข้าง ๆ พ่นลมหายใจพลางส่ายหน้า "ทั้งสองคนนี่ นิสัยเดิมไม่เปลี่ยนชอบหาเรื่องกันเหมือนสมัยยังตัวกะเปี๊ยกไม่ผิดเพี้ยน"ไป๋ฮวาแอบยิ้ม แก้มแดงระเรื่อก้าวขึ้นมาข้างหน้า พลางย่อ
ณ ลานศิลาใต้ต้นหลิว สายลมเย็นลูบไล้เงาไม้ ผ่านใบหลิวดุจบทเพลงโบราณที่ไม่มีถ้อยคำไป๋อวี้นั่งอยู่ใต้เงาไม้ ผิวขาวดุจหยกเปล่งประกายใต้แสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งก้าน ในมือเขาถือหยกสองชิ้นที่เหมือนกันราวกับเป็นชิ้นเดียวกันข้างตัวนั้น มีพี่สาวฝาแฝด ไป๋ฮวานั่งคุกเข่าอย่างสง่างาม ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความสงสัย"น้องชาย...หยกสองชิ้นนี้" เสียงนุ่มหวานแว่ว แววตากะพริบพราวระยับไป๋อวี้คลี่ยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก แค่คิ้วคมขมวดเข้าหากัน "สิ่งที่เกี่ยวพันกับโชคชะตาของข้า" เขาว่าพลางหยกสองชิ้นเล็กๆ ไปมา หนึ่งชิ้นสีขาวอมเขียวอ่อน รูปร่างประณีตคล้ายกลีบดอกเหมย อีกชิ้นหนึ่งสีฟ้าเทาเรื่อๆ เหมือนละอองหมอกในยามเช้าตรู่แต่ก็แกะสลักเป็นรูปดอกเหมยเช่นกันไป๋ฮวาเบิกตากว้าง มือน้อยๆ ชะงักกลางอากาศ ราวกับกลัวทำให้หยกงดงามนั้นมัวหมองไม่กล้าหยิบจับ"นี่คือ..." ถามอย่างแผ่วเบา"หยกชิ้นหนึ่ง เป็นของท่านแม่กับท่านพ่อ อีกชิ้นหนึ่ง...เป็นของหญิงอัปลักษณ์เมื่อครู่เสียงของไป๋อวี้มีแววคล้ายกำลังเล่าเรื่องตำนานเก่าแก่เขาค่อย ๆ หยิบหยกทั้งสองขึ้นมา พลิกมือประสานแนบกันอย่างแผ่วเบา“ติ่ง!มันประสานกันได้ด้วยพี่สาวน่าแปลกเสียจริง”
ผ่านมาแล้วสิบแปดปีเมืองหลวงแคว้นเป่ยเหลียงเจริญรุ่งเรือง ลำน้ำฉางซียังคงไหลเอื่อยๆ เรื่อยๆ ดั่งวันวาน ทว่าใต้ผืนฟ้ากว้าง... เด็กน้อยในวันนั้น บัดนี้เติบใหญ่กลายเป็นหนุ่มสาวงามสง่าสดใสในจนอ๋องไร้พ่ายภายในจวนอ๋องที่บัดนี้กลับครึกครื้น "ไป๋อวี้ เจ้าอย่าขี่ม้ากลางลานซ้อมคนเดียวแบบนี้นักสิ ไหนจ้าบอกว่าจะตามข้าไปที่ตลาด"เสียงหวานดุแกมตำหนิดังแทรกขึ้น พร้อมเงาร่างหญิงสาวในชุดสีครามอ่อน ผมยาวมัดด้วยเชือกไหม ถักเป็นเกลียวประณีต ใบหน้าแม้ยังคงมีเค้าความสดใสแบบเด็กสาว แต่ดวงตานั้น... สะท้อนความฉลาดหลักแหลมไม่แพ้ใคร แล้วยังอยู่ใกล้กันกับความว่าหญิงงามที่สุดในใต้หล้า"พี่สาว เจ้าเอาแต่ตำหนิข้า ข้าก็โตแล้วนะ จะยืนเคียงข้างท่านพ่อไปรบไม่วันใดก็วันหนึ่งข้าหัดขี่ม้าไว้ให้เชี่ยวชาญจึงดี" หัวเราะเสียงใส พลางสะบัดแส้เบา ๆ บังคับม้าให้หยุดตรงหน้าเขาคือ ไป๋อวี้บุตรคนโตของอ๋องเฉิงอู๋ และมารดาอ้ายฉิงหยิงที่งดงามที่สุดในใต้หล้า ผู้มีสายเลือดนักรบในร่าง และมีใบหน้าหล่อเหล่าราวหญิงงาม ดวงตาคมราวนกอินทรี สายลมที่โบกผ่านใบหน้าทำให้คนมองเผลอคิดว่าเขาคือเงาสะท้อนในวัยหนุ่มของเฉิงอู๋อ๋องไม่มีผิดหญิงงามอีกคนที่
กว่าจะมีวันนี้ได้งานอภิเษกสมรสระหว่างฮ่องเต้แค้วนเป่ยเอียนกับองค์หญิงเก้าจิวฮัวเพิ่งจะผ่านพ้นไปข้างศาลา งดงามด้วยดอกเหมยสีชมพูและสีแดงสดนางกำนัลยกขนมมากลางศาลาอ้ายฉิงจิวอันและจิวฮัวช่วยกันจัดจานขนมบุรุษรูปงามทั้งสามทั้งเฉิงอู๋อ๋องและปาหวางกำลังผลัดกันเดินหมาก โฮ่วตัวฉินมองคนทั้งคู่ที่กำลังประมือกัน“555หมากเกมนี้ข้าพ่ายแต่เกมหน้าท่านจะต้องเจ็บหนักแน่” ปาหวางพูดยิ้มๆ หมากสีขาวบนกระดานถูกล้อมด้วยหมากสีดำของเฉิงอู๋อ๋อง“555ข้าให้โอกาสคราวนี้ให้ไท่จือกับฝ่าบาทแคว้นเป่ยเอียนรวมหัวกันเลยดีไหม”“โฮ่วตัวฉินด้วยอาวุโสน้อยกว่าท่านทั้งสอง”“อย่างไรก็เป็นสหาย”เฉิงอู๋อ๋องพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นกันเอง“คงต้องเรียก ท่านอาตามจิวฮัว ข้าน้อยโฮ๋วตัวฉินคงขออภัยที่เคยล่วงเกินท่าน”จิวฮัวคล้องแขนไปที่แขนของเฉิงอู๋อ๋อง“ท่านอาไม่มีทางจะกริ้ว”“จะขออภัยทำไมในเมื่อหยางปาหวางไท่จือกับข้าความสัมพันธ์เบ่งบานยิ่งกว่าฝ่าบาท”“เบ่งบาน”โฮ๋วตัวฉินขมวดคิ้ว ปาหวางไท่จือยิ้ม กุมมือจิวอันไว้แน่น“ความสัมพันธ์ร้าวฉานเบ่งบานนะสิ ข้ากับเฉิงอู๋อ๋องเราแข่งขันกันมาตลอดมามีเรื่องหนึ่งที่ข้ากำลังจะมีชัย”อ้ายฉิงยิ้มเมื่อจิว
“ท่านพี่จะต้องเรียกว่าท่านพี่”จิวอันหลบตาเอียงอาย“ท่านพี่ระหว่าง เปิดผ้าคุลมหน้ากับดื่มสุรามงคลอันไหนควรทำก่อนกันแล้วสิ่งไหนสำคัญกว่ากัน”หยางปาหวางวางจอกสุราลงข้างกาย ก้มลงกดริมฝีปากบนผ้าแพรบางเบาที่ปิดกั้นริมฝีปากไปก่อนจะเลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นช้าๆ ใบหน้างดงาม มีท่าทีตื่นเต้นไม่น้อย ยกจอกสุรากระดกลงคอรวดเร็วกดริมฝีปากลงบนปากอวบอิ่มบดเบียดอ่อนโยนส่งสุรารสเลิศเข้าไปในปากของจิวอัน“ทุกอย่างล้วนสำคัญ เมื่อมีเจ้าข้างกาย”เลิกผ้าคุลมหน้าขึ้นโน้มตัวลงช้าๆ แสงไฟในห้องมอดดับลงแล้วแต่ไฟในกายกำลังลุกโชติช่วง“อย่าตามข้ามา”จิวฮัวตวาดลั่นเมื่อโฮ๋วตัวฉินเดินตามต้อยๆ“แม่งามเจ้าใจร้ายกับข้าเพียงนี้เชียวหรือข้าที่นี่ไม่คุ้นเคยกับใครจะมีเพียงปาหวางอ๋องกับเฉิงอู๋อ๋องที่ร่วมดื่มสุราด้วยกัน ทั้งสองคนก็ล้วนแต่กลับไปพะเน้าพะนอ ชายาของตนแต่ดูเจ้ารึกลับทอดทิ้งให้ข้าไร้คนคอยดูแล”“เสด็จพ่อให้คนจัดเรือนรับรองให้ฝ่าบาทแล้ว ทำไมต้องตาข้า”“เรือนรับรองโอ๊ยๆๆๆ ”เซเข้าหาจิวฮัว“เรือนรับรองนั่นอยู่ที่ไหนกัน องค์หญิงเก้าไม่พาข้าไปเช่นไรข้าจะไปถูก”“อย่ามาทำเจ้าเล่ห์อย่าคิดว่าที่ผ่านมาฝ่าบาทดูแลข้าแล้วข้าจิวฮัวจะต้อ
เพียงไม่นานอ้ายฉิงก็ขยับกายลืมตาตื่น“ท่านอ๋อง”“เป็นอย่างไรบ้าง ชายาของข้า”“หายปวดแล้ว แปลกจริงอาการปวดที่เคยเป็นอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับหายไปจนสิ้น”“ต้องขอบคุณมารดาเจ้าที่ช่างมองการณ์ไกล ตั้งใจทำทุกอย่างเพื่อเจ้าอย่างที่สุด ข้าเองยังไม่อาจเทียบได้กับนางไม่ว่าจะห่วงใยเจ้าแค่ไหนทว่าด้วยรักของมารดา ทำให้เจ้ารอดพ้น บาปเคราะห์และรอดพ้นจากการถูกปองร้ายจากคนอื่น”“ท่านแม่ ท่านแม่ที่ห่วงใยข้าแม้นางจะไม่อาจอยู่ปกป้องดูแลข้าได้นางกลับทำสิ่งยิ่งใหญ่ให้ข้า”“ในที่สุดสวรรค์ก็มีตา จิวอันแจ้งข่าวกับเสด็จพ่อและทุกคนที่รอฟังข่าวดีอยู่ด้านนอก”จิวฮันย่อกายก่อนจะออกจากห้องไป เจียวหยูยิ้มทั้งน้ำตาหวงฉีจิ้ง ยิ้มกว้างดีใจอย่างที่สุดตงเกา กระโดดตัวลอย ปาหวางอ๋องอมยิ้มด้วยความดีใจท้องพระโรง“เรื่องราวร้ายๆ ผ่านไปแล้ว ฮองเฮาทรงขออนุญาตที่จะออกบวชอีกทั้งอ้ายฉิงไม่ได้ถือโทษนางเพราะเห็นว่านางแบกรับความเจ็บช้ำไว้มากพอแล้ว นับว่าอ้ายฉิงเป็นคนที่จิตใจดีจริงๆ ”“ฝ่าบาท ในครั้งนี้องค์หญิงได้รับยาถอนพิษทำให้เรื่องร้ายๆ ผ่านไป การอภัยนับว่าเป็นเรื่องดี”เฉิงอู๋อ๋อง พูดขึ้นด้วยความรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ชายาเอกของเฉ
“ไม่มีทางไม่มีทางข้าจะไม่ยอมปล่อยท่านให้กับนาง ข้าวางยาพิษนางอีกไม่นานนางก็จะตาย จริงสินางตายไปแล้วพิษที่ไร้ยาถอนพิษ ไม่สิเหนือกว่าข้าก็ยังมีเซียนหญิงผู้นั้นที่บังอาจปรุงยาถอนพิษให้นาง”“อ้ายหลิวแล้วยาถอนพิษนั่นอยู่ที่ไหน ตอนนี้อ้ายแิงต้องพิษของเจ้า“นางโง่ฟางหลินข้าโง่งม ทำการสำเร็จด้วยหรือ”อ้ายหลิวหัวเราะร่วน“ก็อยู่กับนางนางคิดว่าหากลูกของนางใกล้ชิดข้าสักวันจะต้องถูกวางยานางจึงไม่ยอมกินยาถอนนพิษเก็บยาถอนพิษไว้ให้ลูกของนาง 5555 ข้าพยายามหามันมา18ปีเพื่อทำลายมันแต่ไม่เคยพบพานฝ่าบาทคิดว่าแค่เวลาเพียงไม่กี่วันฝ่าบาทจะหามันได้หรือ”หวงฉีจิ้งถอนหายใจยาว“อ้ายฉิง ข้าตามท่านหมอแล้วอีกไม่กี่อึดใจท่านหมอจึงจะมาที่นี่ ตอนนี้ข้ามีเรื่องยากจะถามเจ้า”“จิวอัน มีเรื่องใดอย่างได้เกรงใจเจ้าพูดมาเถอะ”จิวอันยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นกุมมืออ้ายฉิงอย่างปลอบโยน"ตอนนี้เราไม่อาจหายาถอนพิษให้เจ้าได้ แต่ทุกคนไม่มีใครนิ่งวนอนใจ จิวฮัวออกค้นหายาถอนพิษพร้อมกับโฮ๋วตัวฉินฮ่องเต้ส่วน เสด็จพ่อตอนนี้ กำลังหว่านล้อมเสด็จแม่ถามเรื่องยาถอนพิษ ท่านอาทั้งสองกำลังไปค้นหาตลับทองคำที่จวนอ๋อง ข้าจึงอยากจะถามเจ้าว่าตลับทองใบหนั้น