เมื่อชาติก่อนเจียงจี้ต๋าเป็นพยานว่าฟางรั่วซาน ร่วมมือกับฟางจี้ต๋าเสนาบดีกรมคลัง ลักลอบสับเปลี่ยนอาวุธที่จะส่งให้กองทัพที่ชายแดนไปขาย ตอนนั้นทำให้เหยาหวังเหว่ยตกตะลึงเป็นอย่างมาก เหยาหวังเหว่ยถึงกับคิดว่าสายตาของตนนั้นมืดบอดยิ่งนัก เพราะที่ผ่านมานั้นเหยาหวังเหว่ยคิดมาตลอดว่าเจียงจี้ต๋านั้นเป็นคนซื่อสัตย์ไร้แผนการแอบแฝง แต่เขากลับกล้าที่จะใส่ร้ายป้ายสีผู้มีพระคุณ ที่ทำให้เขาได้ดิบได้ดีจนมาถึงตำแหน่งรองแม่ทัพผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวงได้อย่างไม่รู้สึกละอาย
อย่าว่าแต่เหยาหวังเหว่ยแม้แต่ฟางรั่วซานเองก็ถึงกับอึ้งจนขาแขนอ่อนแรงล้มลงไป เมื่อถูกคนที่เขาคิดว่าเป็นเสมือนพี่น้องหักหลัง ความจริงถึงฟางรั่วซานจะรู้สึกขอบคุณที่เจียงจี้ต๋ารับธนูแทนเขา แต่ในศึกสงครามมีทหารไม่น้อยที่เคยปกป้องและคอยระวังหลังให้เขาจนได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็มิเคยสนับสนุนผู้ใดมากเท่ากับเจียงจี้ต๋าก่อน นั่นเป็นเพราะชื่อของเจียงจี้ต๋าเหมือนพี่ชายของเขาฟางจี้ต๋า และทั้งสองคนยังมีแววตาที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์คล้าย ๆ กัน
ยามอยู่ท่ามกลางสงครามเมื่อได้เจอคนที่ละม้ายคล้ายญาติสนิท ก็ทำให้ฟางรั่วซานรู้สึกอุ่นใจ เม
เมื่อชาติก่อนเจียงจี้ต๋าเป็นพยานว่าฟางรั่วซาน ร่วมมือกับฟางจี้ต๋าเสนาบดีกรมคลัง ลักลอบสับเปลี่ยนอาวุธที่จะส่งให้กองทัพที่ชายแดนไปขาย ตอนนั้นทำให้เหยาหวังเหว่ยตกตะลึงเป็นอย่างมาก เหยาหวังเหว่ยถึงกับคิดว่าสายตาของตนนั้นมืดบอดยิ่งนัก เพราะที่ผ่านมานั้นเหยาหวังเหว่ยคิดมาตลอดว่าเจียงจี้ต๋านั้นเป็นคนซื่อสัตย์ไร้แผนการแอบแฝง แต่เขากลับกล้าที่จะใส่ร้ายป้ายสีผู้มีพระคุณ ที่ทำให้เขาได้ดิบได้ดีจนมาถึงตำแหน่งรองแม่ทัพผู้บัญชาการรักษาเมืองหลวงได้อย่างไม่รู้สึกละอายอย่าว่าแต่เหยาหวังเหว่ยแม้แต่ฟางรั่วซานเองก็ถึงกับอึ้งจนขาแขนอ่อนแรงล้มลงไป เมื่อถูกคนที่เขาคิดว่าเป็นเสมือนพี่น้องหักหลัง ความจริงถึงฟางรั่วซานจะรู้สึกขอบคุณที่เจียงจี้ต๋ารับธนูแทนเขา แต่ในศึกสงครามมีทหารไม่น้อยที่เคยปกป้องและคอยระวังหลังให้เขาจนได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็มิเคยสนับสนุนผู้ใดมากเท่ากับเจียงจี้ต๋าก่อนนั่นเป็นเพราะชื่อของเจียงจี้ต๋าเหมือนพี่ชายของเขาฟางจี้ต๋า และทั้งสองคนยังมีแววตาที่แสดงออกถึงความซื่อสัตย์คล้าย ๆ กันยามอยู่ท่ามกลางสงครามเมื่อได้เจอคนที่ละม้ายคล้ายญาติสนิท ก็ทำให้ฟางรั่วซานรู้สึกอุ่นใจ เม
เจียงฮูหยินอึ้งไปช่วงขณะหนึ่งเมื่อได้ยินน้ำเสียงของสวามี ถึงนางจะยังไม่รู้ว่าคู่ครองของนางไปรู้เรื่องอันใดมาบ้าง แต่ที่รู้ ๆ เขาต้องรู้เรื่องทางบ้านของนางมาแล้วเป็นแน่ เพราะนางกับเจียงจี้ต๋าเจอกันที่ชายแดน ตอนที่เจอกันนั้นนางได้สูญเสียบิดาและมารดาไปแล้ว นางจึงไม่เคยเล่าเรื่องราวในอดีตให้สามีฟังเดิมทีเจียงฮูหยินเป็นลูกเจ้าเมืองเหลียวหนาน แต่เพราะตอนนั้นตู้ไท่ฝูพาบุตรสาวไปเยี่ยมบ้านเดิมของตู้ฮูหยินที่เมืองเหลียวหนาน บุตรสาวผู้นั้นก็คือฟางฮูหยินในตอนนี้ และตู้ไท่ฝูได้พบว่าบิดาของนางเจ้าเมืองเหลียวหนานแอบรับสินบนมิลงโทษผู้กระทำผิด ทำให้คนผิดกระทำผิดซ้ำซากฉุดกระชากข่มเหงสตรี จนชาวบ้านเดือดร้อนต่างพากันหวาดระแวงว่าวันใดจะถึงคราวเคราะห์ของบุตรสาวบ้านตนตู้ไท่ฝูเดินทางกลับมาเมืองหลวงพร้อมพยาน นำเรื่องนี้ทูลต่อเฉิงเฟิงฮ่องเต้ที่ตอนนั้นยังเป็นเพียงองค์รัชทายาท จึงทำให้บิดาของเจียงฮูหยินต้องถูกเนรเทศและยึดทรัพย์ ไม่เพียงเท่านั้นตระกูลโจวของนางที่รับราชการทุกคนยังถูกลดขั้นลงอีกด้วย ทำให้นางต้องตกระกำลำบากตั้งแต่อายุได้เพียง10หนาว“ในเมื่อท่านพี่รู้เรื่องของบิดาข้าแล้
เจียงจี้ต๋าเดินมานั่งที่เก้าอี้ โดยมีเจียงเจียวซินมารินน้ำชาให้ผู้เป็นบิดา บุรุษวัยกลางคนจิบชาที่บุตรสาวรินให้ก่อนที่จะถอนหายใจ เสียงถอนหายใจของเขาบ่งบอกถึงความผิดหวังที่มีต่อบุตรสาวและภรรยา“พวกเจ้าสองแม่ลูกพอเท่านี้เถอะ ตอนนี้ครอบครัวของพวกเราก็อยู่ดีกินดี มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ถึงอำนาจจะไม่มีมากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าใคร ๆ ก็สามารถรังแกได้” เจียงจี้ต๋ากล่าววาจาหนักแน่น สีหน้าจริงจัง“ท่านพี่หมายถึงสิ่งใด” เจียงฮูหยินตีหน้านิ่งย้อนถามผู้เป็นสามี“เจ้าคิดว่าข้ามัวแต่ทำงานนอกบ้านจนละเลยพวกเจ้าสองแม่ลูกอย่างนั้นหรือ ที่ผ่านมาที่ข้าไม่พูดไม่ใช่ไม่รู้ แต่เพราะอย่างไรเสียพวกเจ้าก็ยังมิได้ล้ำเส้นจนพาตระกูลไปสู่หายนะ แต่หากพวกเจ้ายังก้าวเดินต่อไปในเส้นทางนี้ ข้าคงไม่อาจอยู่เฉยได้”“ท่านพ่อ ท่านจะให้ข้ายอมนางไปเสียทุกอย่างเพียงเพราะท่านเป็นลูกน้องใต้บัญชาการของบิดานางอย่างนั้นหรือ ที่ผ่านมาข้ายังยอมนางไม่มากพอใช่หรือไม่” เจียงเจียวซินเอ่ยเสียงสั่นด้วยความน้อยใจบิดาที่เห็นบุตรสาวผู้อื่นดีกว่าเจียงจี้ต๋าส่ายหน้าไปม
เช้าวันต่อมา ณ จวนสกุลฟางไป๋กงกงเดินทางมาที่จวนสกุลฟางตามรับสั่งของเฉิงเฟิงฮ่องเต้ แต่เมื่อมาถึงขันทีคนสนิทของฮ่องเต้กลับไม่เดินเข้าไปในจวนตามคำเชิญของพ่อบ้าน แต่กลับยืนรออ่านราชโองการอยู่หน้าประตูจวนระหว่างรอคุณหนูสกุลฟาง และฟางฮูหยินชาวบ้านที่อยู่ละแวกนั้นต่างพากันมายืนดู เพราะพวกเขามิเคยเห็นคนในวังมายืนอยู่ที่หน้าประตูจวนเช่นนี้ เพียงระยะเวลาไม่นานนัก ชาวบ้านก็ต่างพากันมามุงดูจนแน่นขนัดด้วยความอยากรู้อยากเห็นสตรีสองแม่ลูกรีบก้าวเท้าถี่ออกจากจวนมาทันที เมื่อรู้ว่าไป๋กงกงมาเยือน ถึงพวกนางจะสงสัยว่าเหตุใดไป๋กงกงจึงไม่ยอมเข้าไปในจวน แต่ก็ไม่ได้เอ่ยถาม“ฟางหนิงหลินรับราชโองการ” ไป๋กงกงเอ่ยเสียงดังหนักแน่นเมื่อเห็นคุณหนูสกุลฟางเดินออกมา“หม่อมฉันฟางหนิงหลินรับราชโองการ”เพียงสิ้นเสียงสตรี ขันทีวัยชราก็อ่านพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกสมรสระหว่างชินอ๋องเหยาหวังเหว่ยและคุณหนูสกุลฟางตามที่เฉิงเฟิงฮ่องเต้ทรงเขียนไว้ในราชโองการฟางหนิงหลินรู้ทันทีว่าเหตุใดไป๋กงกงจึงไม่ยอมเข้าจวน เพราะขันทีวัยชราผู้
ตั้งแต่วันนั้นเมื่อเหยาซิงอีมองหน้าเหยาซีฮันและเหยาหวังเหว่ย เขาก็ยิ่งอดสงสารพี่ใหญ่ไม่ได้ เพราะมันช่างทรมานเหลือเกินทั้งที่เขาเพิ่งรู้ยังเจ็บปวดขนาดนี้ เขาแทบนึกไม่ออกเลยว่าพี่ใหญ่ของเขาที่ต้องทนทรมานมานานถึง10ปีจะเจ็บปวดรวดร้าวมากเพียงใดใจหนึ่งเขาก็อยากสังหารหลัวฮองเฮาเพื่อชำระแค้นให้มารดาผู้ให้กำเนิด แต่เขาก็ไม่อยากให้พี่ใหญ่ที่เติบโตมาด้วยกันต้องเจ็บปวดมากไปกว่านี้ และมิอาจทำลายความสัมพันธ์ที่มีมานานได้ เขารู้ดีว่าหากเสด็จแม่มองอยู่ ก็คงไม่อยากให้เขาทำเช่นกันไม่เพียงแค่นั้นหากเขาทำลงมือฆ่าหลัวฮองเฮา พี่รองก็ต้องรู้สาเหตุการตายของเสด็จแม่ พี่รองของเขาหาได้ปรานีเช่นเขาไม่ หากเป็นเช่นนั้นคนที่เกี่ยวข้องกับหลัวฮองเฮาและตระกูลหลัวคงต้องมอดม้วยไปตามกัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่เหยาซิงอีสนใจ เพียงแต่เขากังวลเรื่องโกลาหลที่จะตามมาภายหลังมากกว่าแต่หากจะให้เขาไปฟ้องเสด็จพ่อทั้งที่ไม่มีพยายาทหลักฐาน ต่อให้เสด็จพ่อมีคำสั่งรื้อค้นคดี ก็ไม่ต่างจากเทพเซียนต่อสู้กัน ผีน้อยรับเคราะห์ เหล่าผู้น้อยอย่างพวกนางกำนัลขันทีรวมถึงหมอหลวงที่ดูแลเสด็จแม่ก็คงไม่อาจพ้นผิดและถูกโบ้ยความผ
เหยาลี่เซียนมองไปที่พี่ชายคนที่สามของนาง พร้อมถอนหายใจอย่างผิดหวัง แต่ถึงกระนั้นจะให้นางปล่อยผ่านไม่ช่วยก็คงไม่ได้ เพราะดูจากที่พี่สามของนางไม่เอ่ยอันใด ในใจก็คงไม่คิดรับคำท้าแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากเสียหน้าด้วยเช่นกัน เหยาลี่เซียนเลยเดินไปคล้องแขนสหายคนสนิทก่อนจะเอ่ย“พี่สามท่านก็รู้ว่าสหายของข้าคนนี้เพียบพร้อมไปทั้งรูปโฉม ความรู้ ความสามารถ และทรัพย์สินเงินทองอีกทั้งตระกูลฝ่ายบิดาและฝ่ายมารดาทั่วทั้งเมืองหลวงมีผู้ใดไม่รู้จัก อย่าว่าแต่จะแต่งออกเลย แม้แต่รับสมัครลูกเขยแต่งเข้า ข้าว่าหางแถวก็คงยาวสุดตรอกถนน การพนันนี้ไม่ว่าคิดเช่นไร ท่านพี่ก็ไม่มีทางชนะ และอีกอย่างพี่รองก็ประกาศไปแล้วมิใช่หรือ ว่าจะแต่งหนิงหลินเป็นพระชายา หากท่านรับปากก็มิเท่ากับท่านทำให้พี่รองต้องคืนคำอย่างนั้นหรือ”เหยาลี่เซียนส่งสายตาให้เหยาซิงอีเป็นนัย เพื่อให้เขาปฏิเสธคำท้าครั้งนี้แบบไม่ต้องเสียศักดิ์ศรีมากนัก ถึงนางจะทำเหมือนลำเอียงเข้าข้างพี่ชายมากไปหน่อย แต่นางไม่อยากทำให้งานมงคลของสหายกับพี่รองต้องมีอุปสรรคมาขวางกั้นที่ผ่านมานางรู้ดีว่าเหตุใดพี่สามถึงไม่ชอบฟางหนิงหลิน เพราะ