ท่าทางเช่นนี้ทำให้กู้หว่านเยว่รู้สึกสบายใจขึ้นมาก จึงยิ้มพลางอธิบาย“ดินของที่นี่มีดินภูเขาไฟระเบิด สามารถหยุดอาการท้องเสียได้ และฮูหยินเองก็ไม่คุ้นเคยกับอาหารการกินของที่นี่ การดื่มน้ำที่ผสมดินเหลืองของที่นี่จึงมีประโยชน์ แต่แน่นอนว่าไม่ควรดื่มมาก”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”ถังหว่านยิ้มอย่างอ่อนแรง นางมองไปที่สามีภรรยาคู่นั้น ทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่กล้าพูดออกมากู้หว่านเยว่พอจะเดาได้ว่านางต้องการจะพูดอะไร “ฮูหยินอยากจะพูดเรื่องของหัวหน้าหมู่บ้านห้าใช่หรือไม่?”“ใช่”ถังหว่านพยักหน้าพร้อมกับดวงตาที่แดงก่ำ “ตั้งแต่สามีของข้าถูกพวกเขาจับตัวไป ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ เลยจนถึงตอนนี้”“ข้าเพิ่งได้ยินเฉิงจี๋กล่าวว่า หุบเขาอินเฟิงได้เจรจากับพวกเจ้าหลายครั้งแล้วมิใช่หรือ?”“เหอะ ๆ เจรจาอะไรกัน ก็แค่ข่มขู่เท่านั้นแหละ”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถังหว่านก็โมโหจนแทบคลั่ง “พวกเขาหยิบยกข้อเรียกร้องขึ้นมาเรื่อย ๆ สักพักก็ขอเงิน สักพักก็ขออาวุธ ซึ่งพวกเราก็ตกลงไปหมดแล้วแต่หลังจากที่พวกเราให้สิ่งของแก่พวกเขาแล้ว พวกเขากลับผิดสัญญาและเรียกร้องเกินควร ถึงกับขอหอกยาวสองหมื่นเล่ม”แม้ว่
“โจรแห่งหุบเขาอินเฟิงนี่ เหิมเกริมขนาดนี้เชียวหรือ?”กู้หว่านเยว่ลูบคางครุ่นคิดเฉิงจี๋หัวเราะเยาะ “พระชายาคงยังไม่ทราบ โจรกลุ่มนี้มีชื่อว่าโจรทะเลทรายทมิฬ เชี่ยวชาญในการปล้นสะดมผู้คนที่สัญจรไปมา บางครั้งยังเข้าไปปล้นในเมืองเล็ก ๆ แถบนี้ด้วยไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ถึงได้มาเป็นศัตรูกับหมู่บ้านหลอมกระบี่ของเรา”เมื่อได้ยินเฉิงจี๋เอ่ยเช่นนี้ กู้หว่านเยว่ก็มั่นใจได้ว่า โจรทะเลทรายทมิฬกลุ่มนี้ชั่วร้ายอย่างแท้จริง“เจ้าอยู่ดูแลฮูหยินห้าที่นี่ก่อน ข้าจะไปที่หมู่บ้านทะเลทรายทมิฬกับท่านอ๋องสักรอบ”เดิมทีนางไม่ได้อยากจะเอาเรื่องเอาราวกับโจรพวกนี้ คิดแค่ว่าหลีกเลี่ยงพวกเขาให้ได้ก็พอ แล้วรีบไปถึงตลาดนัดอินซานให้เร็วที่สุด เพื่อจัดการเรื่องสำคัญให้เสร็จสิ้นแต่ในตอนนี้ นางเปลี่ยนใจแล้วโจรทะเลทรายทมิฬอย่างนั้นหรือ? ปล้นสะดมมาตั้งหลายปี ในหมู่บ้านต้องมีของดีมากมายแน่ ๆ !“พวกท่าน?”เฉิงจี๋ตกตะลึงเล็กน้อย จริง ๆ แล้วเขาควรจะดีใจ แต่เมื่อนึกถึงความปลอดภัยของทั้งสองคนก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน“โจรทะเลทรายทมิฬพวกนั้นเจ้าเล่ห์เพทุบาย แถมยังมีกำลังพลมากมาย ท่านอ๋องกับพระชายาจะเข้าไปเหยียบถ้ำเสือเ
“พวกเขาต้องการก่อกบฏ”เขากล่าวเสริมขึ้นมาหนึ่งประโยค “หรือไม่ก็ร่วมมือกับคนอื่นก่อกบฏ”“ไม่คิดเลยว่ารังโจรเล็ก ๆ แบบนี้ จะกล้าถึงเพียงนี้ พวกเราถือว่าบังเอิญเจอเรื่องใหญ่เข้าแล้ว”กู้หว่านเยว่ไม่อยากเสียเวลา จึงโบกมือเล็ก ๆ ของนาง เก็บเสบียงอาหารและอาวุธทั้งหมดเข้าไปในมิติเมื่อเห็นว่าโกดังว่างเปล่า ไม่เหลือแม้แต่ขนสักเส้นเดียว นางจึงพาซูจิ่งสิงหันหลังกลับออกไปทั้งสองคนพุ่งตัวไปยังคุกใต้ดิน เพื่อตามตัวหัวหน้าหมู่บ้านห้า“โชคดีที่คุกใต้ดินของรังโจรนี้ไม่ได้ใหญ่โตมากนัก และมีคนที่ถูกคุมขังอยู่ไม่มาก ทั้งสองคนจึงมาถึงด้านหน้าของคุกใต้ดินอย่างรวดเร็ว“หัวหน้าหมู่บ้านห้า?”เมื่อเห็นเย่อิงนั่งอยู่ที่มุมห้อง ซูจิ่งสิงจึงเอ่ยเรียกเย่อิงตัวสั่นเทา แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง หันขวับกลับมามอง สายตาจับจ้องไปที่ใบหน้าของซูจิ่งสิง“ท่านอ๋อง?”เขารีบเดินไปที่หน้าประตูห้องขัง“เป็นท่านจริง ๆ ด้วย ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”ซูจิ่งสิงรีบอธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง เมื่อได้ยินว่าถังหว่านถึงกับเดินทางมาถึงหุบเขาอินเฟิงเพื่อเขา และเจรจาต่อรองกับโจรกลุ่มนั้น เย่อิงก็รู้สึกเจ็บปวดใจ“สุขภาพ
“ข้า ข้าไม่รู้ว่าพวกเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร”อีกฝ่ายเข้ามาถามข้อมูลที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ หัวหน้าตกใจจนรีบส่ายหัว“นั่นล้วนเป็นเสบียงอาหารของหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬของพวกเรา...”ซูจิ่งสิงออกแรงบีบคอให้แน่นขึ้น สายตาเย็นเยียบ“ข้าเพิ่งจะเตือนเจ้าไปว่าอย่าโกหก”หัวหน้าถูกบีบคอจนเกือบจะหายใจไม่ออก หน้าซีดเผือด ทั้งคนแทบจะสิ้นใจเสียตรงนั้นเขาตกใจจนรีบปัดมือของซูจิ่งสิง“ข้าพูด ๆ อย่าฆ่าข้าเลย ไว้ชีวิตข้าด้วยเถอะ”แรงบีบที่คอคลายลงเล็กน้อย หัวหน้ารีบเอ่ยขึ้น เสบียงอาหารและอาวุธเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬของพวกเรา พวกเราแค่เก็บไว้ให้คนของตลาดมืดอินซาน พอถึงเวลาก็จะส่งไปที่ตลาดนัดอินซาน”“ตลาดมืดหรือ?”ซูจิ่งสิงตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับตลาดนัดอินซาน แต่เมื่อลองคิดดูแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬนั้นอยู่ใกล้กับตลาดนัดอินซานมากที่สุดคำพูดของหัวหน้าคนนี้ดูเหมือนจะมีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง“คนของตลาดมืดต้องการเสบียงอาหารและอาวุธมากมายขนาดนี้ไปทำอะไร?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามต่อ อันที่จริงแล้วในใจเขาก็มีคำตอบอยู่แล้ว“ดูเหมือนว่าของพวกน
“ข้ายังมีคำถามสุดท้าย ข้าถามเจ้าว่า ในเมื่อเจ้าได้สะสมเสบียงอาหารให้อินซานมากมายขนาดนี้แล้ว พวกเจ้าวางแผนจะส่งเสบียงอาหารและอาวุธพวกนี้ไปให้เมื่อไร?”หัวหน้ารีบเอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้ พรุ่งนี้เป็นวันที่ต้องส่งอาวุธไปให้พอถึงเวลานั้น พวกเราจะขนของทั้งหมดขึ้นเกวียน แล้วส่งไปยังตลาดนัดอินซาน”ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้วว่าตนเองไม่มีประโยชน์อะไรกับสองสามีภรรยาอีกต่อไป หัวหน้าจึงรีบคุกเข่าลงกับพื้น แล้วอ้อนวอนทั้งสองคน“สิ่งที่พวกท่านให้ข้าพูด ข้าก็พูดไปหมดแล้ว พวกท่านได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด พวกเราเป็นโจรก็แค่หาเลี้ยงชีพด้วยคมดาบ...”“ฝันไปเถอะ”กู้หว่านเยว่ไม่พูดพร่ำทำเพลง ยกดาบขึ้นมาปลิดชีพอีกฝ่ายโดยตรงโจรพวกนี้ทำเรื่องเลวร้ายไว้มากมาย การฆ่าอีกฝ่ายก็ถือว่าทำตามเจตนารมณ์ของสวรรค์“ท่านพี่ เราไปกันเถอะ”หลังจากจัดการกับหัวหน้าแล้วทั้งสองคนก็พุ่งตัวออกไป จากนั้นก็มาถึงนอกห้องเก็บฟืน กู้หว่านเยว่หยิบขวดน้ำมันก๊าดออกมาจากมิติ อาศัยช่วงที่ไม่มีใครสังเกตเห็น เทน้ำมันก๊าดทั้งหมดรดไปทั่วทุกซอกทุกมุมของหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬ“สถานที่ชั่วร้ายแบบนี้ เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร มิสู้ทำลายมันเสียดีกว่
“หัวหน้าหมู่บ้านห้า!”เฉิงจี๋ตื่นเต้นอย่างมาก ท่านอ๋องกับพระชายาพาหัวหน้าหมู่บ้านห้ากลับมาแล้วจริง ๆ “เฉิงจี๋ ฮูหยินเล่า?”เย่อิงตื่นขึ้นมาตั้งแต่ระหว่างทางแล้ว เมื่อรู้ว่าถังหว่านหมดสติไป เขาก็รู้สึกร้อนใจมาตลอดทางถึงแม้กู้หว่านเยว่จะบอกเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าถังหว่านจะต้องไม่เป็นอะไร แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่ดี ต้องได้เห็นถังหว่านกับตาตัวเองถึงจะวางใจได้“ฮูหยินอยู่ในเต็นท์ขอรับ”เฉิงจี๋ชี้ไปที่เต็นท์ที่ใหญ่ที่สุด เย่อิงรีบลงจากหลังม้าทันที“ท่านอ๋อง พระชายา ข้าน้อยจะกลับมาขอบคุณพวกท่านด้วยตัวเองในภายหลัง”“ไม่เป็นไร หัวหน้าหมู่บ้านห้าไปดูฮูหยินก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่โบกมืออย่างอารมณ์ดี การเป็นห่วงฮูหยินของตนเป็นเรื่องปกติ นางและซูจิ่งสิงไม่มีทางโกรธแน่นอน“ฮูหยิน นำม้ามาให้บ่าวเถิดเจ้าค่ะ”ชิงเหลียนรับหน้าที่จูงม้ากระต่ายแดงทั้งสองตัว พาพวกเขาไปกินหญ้าข้าง ๆ อย่างรู้หน้าที่กู้หว่านเยว่นั่งลงดื่มน้ำ เฉิงจี๋ทนไม่ไหวด้วยความอยากรู้อยากเห็น จึงเดินตามมาถาม“พวกเราใช้วิธีการมากมายหลายอย่าง แต่หมู่บ้านทะเลทรายทมิฬก็ยังไม่ยอมผ่อนปรน”เจิ้นเป่ยอ๋องและพระชายา ไปแค่ครึ่งวันเองหรือ?”
กู้หว่านเยว่ส่ายหน้า “โจรทะเลทรายทมิฬข่มเหงรังแก ปล้นสะดม ชั่วช้าสารพัด พวกเราก็แค่กำจัดคนชั่วตามเจตนารมณ์ของสวรรค์”นางยื่นถุงเงินให้ทั้งสองคน “อีกอย่าง เงินพวกนี้ก็ไม่ใช่เงินของพวกเราสองคน แต่เป็นเงินที่พวกเราปล้นมาจากหมู่บ้านทะเลทรายทมิฬ พวกเราเผาหมู่บ้านไปแล้ว อาวุธข้างในคงกลายเป็นเถ้าถ่านไปจนหมด ถุงเงินนี้ก็ถือว่าเป็นการชดเชยให้พวกเจ้าก็แล้วกัน”ท่าทางของนางค่อนข้างหนักแน่น “พวกเจ้าสองคนอย่าได้ปฏิเสธอีกเลย”เมื่อเห็นว่าสองสามีภรรยาตั้งใจจะให้เงินพวกเขาจริง ๆ สุดท้าย พวกเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก จึงรีบรับเงินนั้นมา“ขอบคุณพวกท่านมาก หากในภายภาคหน้าพวกท่านมีเรื่องให้ช่วยเหลือ หมู่บ้านหลอมกระบี่ของเรายินดีทุ่มเทสุดกำลัง”เย่อิงรับปากด้วยน้ำเสียงหนักแน่น กู้หว่านเยว่มองไปยังนิ้วที่ขาดของเขา จึงรีบเอ่ยขึ้น“หัวหน้าหมู่บ้านห้า นิ้วที่ขาดของเจ้าอยู่ที่ไหนหรือ?”“อยู่ที่นี่”ถังหว่านเก็บนิ้วที่ขาดไว้ตลอด เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เอ่ยถาม จึงรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ห่อนิ้วที่ขาดไว้ออกมา“พระชายา ท่านจะเอานิ้วที่ขาดไปทำอะไรหรือ?”ถังหว่านเอ่ยถาม ใบหน้าของนางดูคมคาย น้ำเสียงก็ฟังแล้วรู้สึกสบ
กู้หว่านเยว่เหลือบมองซูจิ่งสิง จากนั้นก็อธิบายให้ทั้งสองคนฟัง“ในเมื่อพวกเจ้าไม่เป็นไรแล้ว พวกเราสองสามีภรรยาคงต้องขอตัวลา”“พวกท่านจะไปแล้วหรือ?”หัวหน้าหมู่บ้านห้ารู้สึกประหลาดใจ เพิ่งจะเจอกันได้ไม่นาน ทั้งสองคนยังไม่ได้พูดคุยกันดี ๆ เลย ก็จะไปแล้วหรือ?“ข้างหน้ามีเมืองเกอปี้ ข้าอยากจะเชิญพวกท่านทั้งสองไปทานอาหารที่เมืองนั้นสักมื้อ”หัวหน้าหมู่บ้านห้ารู้สึกเสียดายมาก ซูจิ่งสิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ไม่ต้องหรอก พวกเราเพิ่งจะมาจากเมืองเกอปี้”ถังหว่านรู้เรื่องนี้ดี “ท่านพี่ ท่านอ๋องและพระชายามาที่นี่มีเรื่องสำคัญต้องทำ เรื่องทานข้าวไม่รีบร้อน รอให้พบกันครั้งหน้าค่อยเชิญพวกเขามาทานข้าวก็ได้”“ที่นี่ห่างไกลความเจริญ แม้แต่ต้นหญ้ายังแทบไม่มี พวกท่านมาทำอะไรที่นี่?”กู้หว่านเยว่ไม่ได้พูดอะไร ส่วนใหญ่เป็นเพราะยังไม่ค่อยสนิทกับพวกเขา จึงไม่ค่อยไว้ใจสักเท่าไรนักซูจิ่งสิงจึงกล่าวอธิบาย “พวกเราจะไปที่เขาอินซาน มีธุระต้องไปจัดการ”“เขาอินซานหรือ”หัวหน้าหมู่บ้านห้าพยักหน้า“ผ่านหุบเขาอินเฟิงไป ก็จะถึงเขาอินซานแล้ว”ฟังจากน้ำเสียงของเขาแล้ว เหมือนจะรู้จักเขาอินซาน กู้หว่านเยว่และซ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้