หลิวชวี่มาหยุดข้างกายซูจิ่งสิง “ท่านอ๋อง พวกเขาคิดหนี”บัดนี้เขานับว่าเชื่อแล้ว การกระทำของคนกลุ่มนี้เหมือนในจดหมายฉบับนั้นทุกกระเบียดนิ้ว เตรียมล่อพวกเขาไปยังหุบเขา“พวกเขาหนีไปทางหุบเขาฝั่งโน้น”“ทำตามแผนเดิมที่วางไว้”ซูจิ่งสิงมองทิศทางที่กองทัพหลวงหนีไป ออกคำสั่งเสียงเย็นชาหนึ่งประโยค“ขอรับ”หลิวชวี่และเกาเจี้ยนรีบนำกำลังพลไล่ตามไป“ฝ่าบาท พวกเขาไล่ตามมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพโจวพูดอย่างดีใจ คนกลุ่มนี้ติดกับไม่ผิดไปดังคาด ขอเพียงเข้าหุบเขา ก็คือวันตายของพวกเขา“ดี รีบหนีเร็วเข้า”มู่หรงถิงเปล่งเสียงเครียด จับเชือกเอาไว้แน่น นำกองทัพใหญ่เข้าหุบเขาขณะเดียวกันดวงตะวันกำลังลับฟ้า สีท้องฟ้าใกล้มืดเต็มทีสองฟากฝั่งของหุบเขาล้วนเป็นหน้าผาสูงชัน แสงสว่างแย่มากหลังกองทัพใหญ่เข้าไปแล้ว แม้ว่าไม่ถึงขั้นยื่นมือออกมามองไม่เห็นนิ้วทั้งห้า แต่ในขณะเดียวกันก็ยากจะแยกแยะรูปร่างของคนได้“ออกคำสั่งผู้อยู่ใต้อาณัติให้จุดคบเพลิง อย่าปล่อยให้พวกเขาพลัดหายไป”มู่หรงถิงออกคำสั่งหนึ่งประโยคลูกกำพร้าของอดีตรัชทายาทแล้วอย่างไรเล่า?ปีนั้นแม้แต่ตัวอดีตรัชทายาทเองก็ตายในเงื้อมมือของเขา วันนี
“เร็ว คบเพลิง!” ลางสังหรณ์ภายในใจของเขาทำให้รู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างรุนแรงแม่ทัพโจวรีบยื่นคบเพลิงให้ “ฝ่าบาท”มู่หรงถิงส่องคบเพลิงลงใต้หุบเขา“พวกเจ้าจงโยนคบเพลิงลงไปข้างล่าง”เขาแทบจะร้องตะโกนออกมา ทหารแถวหน้าที่ถือคบเพลิงได้ยินแล้ว ต่างก็โยนคบเพลิงลงไปในหุบเขายังไม่ได้ยินเสียงของคน แต่เปลวเพลิงถูกจุดขึ้นใต้หุบเขาอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางแสงไฟ มู่หรงถิงชะเง้อคอมอง เขาเห็นอย่างชัดเจนแล้ว ใต้หน้าผากำลังเผาไหม้หุ่นไล่กาหุ่นไล่กาแต่ละตัวล้วนถูกมัดไว้บนหลังม้า ไม่ใช่คนจริงๆ พวกเขาถูกหลอกแล้ว!เช่นนั้นคนจริงๆ ไปอยู่ที่ใดแล้ว?แผ่นหลังมู่หรงถิงมีเหงื่อเย็นผุด จู่ๆ ทหารสายตาแหลมคมก็ร้องตะโกนทีหนึ่ง“ที่ตีนเขามีทหารขี่ม้าบุกมาแล้ว!”“สวรรค์ พวกเราถูกล้อมไว้แล้ว!”เสียงกีบเท้าม้าดังสนั่นไปทั่วทุกหนแห่งได้ยินเสียงน่ารำคาญของเจ้าคนตัวโตเกาเจี้ยนดังขึ้น “ยอมจำนนไม่ฆ่า ยอมจำนนไม่ฆ่า!”“ฝ่าบาท” แม่ทัพโจวใจสั่น “พวกเราถูกล้อมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”เห็นได้ชัดว่าพวกเขาติดกับแล้วเดิมทีพวกเขาอยากวางกับดักฝังซูจิ่งสิงที่นี่ แต่สถานการณ์ในตอนนี้คือซูจิ่งสิงมองแผนการของพวกเขาออกตั้งแต่แรกแล้ว ถึงขั
“อืออือ!” แม่ทัพโจวถูกทำให้โมโหจนหมดสติไปแล้วเกาเจี้ยนตะโกนเสียงดัง “แม่ทัพโจวถูกจับแล้ว ทุกคนจงวางดาบกระบี่ในมือลง ผู้ยอมจำนนไม่ถูกฆ่าหากยังมีผู้ขัดขืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”“ผู้ยอมจำนนไม่ถูกฆ่า ผู้ยอมจำนนไม่ถูกฆ่า!”ทหารที่อยู่ข้างหน้าร้องตะโกนกองทัพหลวงต่างหันหน้ามองกัน พวกเขาไม่ใช่คนโง่ สถานการณ์ในคืนนี้ชัดเจนแล้วหากยังดึงดันต่อไป พวกเขามีแต่ต้องตายสถานเดียวราชสำนัก พ่ายแพ้แล้วยิ่งไปกว่านั้น ฮ่องเต้ยังทอดทิ้งพวกเขาและหนีไป“ยอมจำนนเถอะ” มีคนตะโกนเสียงแผ่วเบาหนึ่งประโยค ก้าวขึ้นมาวางอาวุธในมือลงก่อนมีคนนำ คนที่เหลือย่อมวางอาวุธลงตามกัน“อย่าฆ่าพวกเราเลย พวกเรายอมจำนนแล้ว”กองทัพหลวงต่างวางอาวุธในมือลงแล้ว กอดศีรษะหมอบลงบนพื้นคนยอมจำนนมีมากกว่าคนต่อต้านพวกคนที่ต่อต้านล้วนถูกกำจัดไปแล้ว“เก็บอาวุธทหารในมือทหารเหล่านี้ ให้พวกเขากอดหัวไว้ หมอบอยู่รวมกัน รอฟังคำสั่ง”เกาเจี้ยนออกคำสั่งหนึ่งประโยค“ขอรับ” กองทัพเจดีย์หนิงกู่รีบสั่งให้คนเข้าไปล้อมไว้แล้ว“ท่านอ๋อง” เกาเจี้ยนและพวกหลิวชวี่ขี่ม้ามาหยุดข้างกายซูจิ่งสิง “ฮ่องเต้ชั่วหนีไปแล้วขอรับ”พูดถึงเรื่องนี้ สายตาท
กู้หว่านเยว่หัวเราะ เสียงเสนาะใสดังกังวาน “ชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง”“อะไรนะ?”สีหน้าคนตรงหน้าเปลี่ยนไป“เจ้าคือชายาเจิ้นเป่ยอ๋อง”โจวเสี้ยนลอบตกตะลึงภายในใจมองผ่านท่าทางของกู้หว่านเยว่แล้ว คล้ายรู้ว่าพวกเขาจะหนีมาทางนี้จึงพาคนมาขวางไว้ที่นี่ตั้งแต่แรก“กู้หว่านเยว่”สีหน้ามู่หรงถิงเองก็ไม่สบอารมณ์อย่างมาก“ที่แท้เจ้าก็คือกู้หว่านเยว่!”แม้พูดว่างานแต่งของกู้หว่านเยว่และซูจิ่งสิงเป็นเขาที่ประทานเองกับมือ ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพบกู้หว่านเยว่ตัวจริงมาก่อน นี่เป็นการพบกันครั้งแรกครั้งนี้พบหน้าถึงรู้ว่าเป็นสตรียอดเยี่ยมถึงเพียงนี้เขานึกเสียใจภายหลังแล้ว“ใช่แล้ว ข้าก็คือกู้หว่านเยว่ยังต้องขอบคุณฝ่าบาทพระราชทานสมรสให้ในตอนนั้นหาไม่แล้ว ข้าคงหาสามีหล่อเหลาเก่งกาจถึงเพียงนี้ไม่พบ”กู้หว่านเยว่พูดยั่วโมโหแทงใจดำคนมู่หรงถิงถูกทำให้โมโหไม่ผิดไปดังคาด ถึงขั้นไอออกมาสองครั้ง ชี้นิ้วไปทางนาง“เจ้า เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าช่วยซูจิ่งสิงก่อกบฏ เจ้ารู้หรือไม่ ชีวิตของจวนกู้โหวอยู่ในมือของเราหากเจ้ายังหลงผิด เราสามารถฆ่าพวกเขาได้ทุกเมื่อ ภายในนั้นรวมถึงพ่อของเจ้าด้วย”กู้หว่านเยว่หัวเร
“ทุกคนในสกุลโจวล้วนเป็นขุนนางซื่อสัตย์ พวกเขาไม่มีวันยอมจำนน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็จับเป็นเขาเถอะ จำไว้ให้ดีอย่าทำร้ายแม่ทัพน้อยโจว”ขุนนางซื่อสัตย์เช่นนี้ นางไม่อยากเด็ดขาดเกินไปนัก“บ่าวเข้าใจแล้ว”ชิงเหลียนพูดหนึ่งประโยค ตอนนี้กองทัพเจดีย์หนิงกู่ทางฝั่งนี้ล้วนเคลื่อนไหวทั้งหมดแล้ว ภายในมือพวกเขาถือธนูและหน้าไม้ผู้อยู่ใต้อาณัติโจวเสี้ยนไม่ใช่คู่ต่อสู้ตั้งแต่แรก ผ่านไปเพียงครู่เดียวก็พ่ายแพ้ราบคาบมู่หรงถิงกวาดตามองรอบด้าน หาโอกาสหนีอยู่ตลอดกู้หว่านเยว่ย่อมไม่เปิดโอกาสให้เขาหนีไปได้ เห็นว่าทั้งสองฝ่ายใกล้ปะทะกันเต็มที นางเหินบินขึ้นไป“ฝ่าบาทระวัง”โจวเสี้ยนตะโกนดังลั่น ลองยับยั้งกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่ยกเท้าขึ้นเตะโจวเสี้ยนออกไป ขณะเดียวกันองครักษ์จันทราทางด้านหลังก็ไล่ตามมาจับโจวเสี้ยนไว้“บังอาจ!”มู่หรงถิงฝืนรักษาศักดิ์ศรี ตะเบ็งเสียงใส่กู้หว่านเยว่“เราเป็นโอรสสวรรค์ เป็นฮ่องเต้ต้าฉี เจ้าถึงขั้นขวัญกล้าไล่ต้อนเราถึงเพียงนี้”กู้หว่านเยว่หัวเราะดูเบา“บัดนี้ท่านเป็นฮ่องเต้ต้าฉีจริง แต่ฮ่องเต้ท่านคนนี้หมดวาระแล้ว ภายภาคหน้าให้คนอื่นมาเป็นแทนเถอะ”นางลงพื้นอย่างไร้เ
“ไป”ใบหน้าซูจิ่งสิงประดับยิ้ม นำกองทัพไปรวมตัวกับกู้หว่านเยว่“ซูจิ่งสิง เจ้ากบฏ เจ้าขวัญกล้าจับเรา คนรุ่นหลังจะวิจารณ์เจ้าเยี่ยงไร!”มู่หรงถิงสบถด่าตลอดทางไม่หยุด“เราได้รับสืบทอดบัลลังก์จากอดีตฮ่องเต้อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม”“เจ้ายกทัพก่อกบฏ เจ้าทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง!”เขาด่าว่ายกใหญ่ ด่าได้หยาบคายเพียงใดก็ด่าเพียงนั้นกู้หว่านเยว่แคะหู มอบให้เขาหนึ่งหมัด “หุบปากสุนัขของท่านเสีย ยังกล้าพูดอีก ข้าจะตัดลิ้นท่าน!”มู่หรงถิงถูกต่อยจนฟันหลุดหนึ่งซี่ คนงุนงงไปสุดท้ายก็เป็นความน่ากลัวของกู้หว่านเยว่ใช้ได้ผล เขาไม่กล้าพูดอีกตามคาด“ฉวยโอกาสตอนได้รับชัยชนะ บุกโจมตีด่านหานกู่!”ภายในด่านหานกู่ หนานหลีม่านเพิ่งตื่น นางที่ได้รู้ว่ากำลังตั้งครรภ์คล้ายถูกอัสนียบาตร“เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้”หนานหลีม่านยื่นมือออกไปหมายจะทุบครรภ์ของตนนางกำนัลเสี่ยวเหอตกใจรีบห้ามนางไว้“คุณหนู ท่านจะทำร้ายตนเองไม่ได้นะเจ้าคะ”เดิมทีสุขภาพของคุณหนูก็ไม่ดีอยู่แล้ว ฝืนทำให้แท้งเช่นนี้จะต้องส่งผลเสียต่อร่างกายแน่“เจ้าอย่าห้ามข้า!”หนานหลี่ม่านตอบสนองอย่างรุนแรง“ต่อให้ตาย ข้าก็ไม่ต้องการเด็กคน
“โจวเหล่า ท่านรีบนั่งเถอะ”ประคองโจวเหล่าไปนั่งดีแล้ว เขาถึงเอ่ยถาม “ท่านไม่อยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ เหตุใดมาที่นี่เล่า?”“ท่านอ๋อง”โจวเหล่าจับแขนของซูจิ่งสิงเพื่อให้เขานั่งลงข้างกัน เปล่งเสียงชรา“ท่านอ๋อง วันที่ฮ่องเต้ต้องการยกทัพด้วยตนเอง ข้าก็เดินทางมาจากเจดีย์หนิงกู่ในวันนั้นข้าเดาว่าท่านจะต้องสามารถจับฮ่องเต้ได้แน่ท่านยังจำได้หรือไม่ ข้าเคยกำชับท่าน อย่าฆ่าฮ่องเต้เป็นอันขาดจะต้อง จะต้องทำเรื่องบางอย่างให้ชัดเจน”ซูจิ่งสิงหยั่งเดาบางอย่างได้“สาเหตุการตายของอดีตรัชทายาทและพระชายารัชทายาท จะต้องให้ฮ่องเต้ยืนยันเรื่องนี้”พูดตามสัตย์จริงมู่หรงถิงคนพรรค์นั้น เขาเป็นฮ่องเต้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากอดีตฮ่องเต้อย่างถูกต้องตามครรลองครองธรรม เว้นเสียแต่สืบหาสาเหตุการตายของอดีตรัชทายาทให้กระจ่าง ซูจิ่งสิงถึงจะสืบทอดบัลลังก์ได้อย่างไร้มลทิน“ท่านข้าล้วนรู้ดีอยู่แก่ใจ การตายของท่านพ่อท่านแม่หนีไม่พ้นฮ่องเต้ชั่ว”ซูจิ่งสิงหรี่ตาทั้งสองข้างลง“แต่จะให้เขาเอ่ยปากยอมรับ น่ากลัวว่าเป็นไปไม่ได้”ตราบใดที่มู่หรงถิงไม่ได้เสียสติ เขาก็ไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้โจวเหล่าพูดเสียงเครียด “ไม่เพ
ดวงตากู้หว่านเยว่ทอประกายระยับ จู่ๆ ก็เอ่ยปากออกมา“วิธีใด?”ซูจิ่งสิงเอ่ยถามเสียงเครียด เขาเห็นว่ามู่หรงถิงเป็นคนดื้อรั้น“ตอนนี้ยังไม่รีบ ต้องรอคนผู้หนึ่งกลับมาเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่หันมองฉู่เฟิง“เจ้าเฝ้าฮ่องเต้ดีๆ อย่าให้เขาหนีไปได้ อีกทั้งอย่าให้เขาฆ่าตัวตายเป็นอันขาด”ทว่า อิงตามความเข้าใจของกู้หว่านเยว่ที่มีต่อฮ่องเต้ชั่ว เขาเป็นคนรักชีวิตคนหนึ่ง ไม่มีวันทำเรื่องฆ่าตัวตายทำนองนี้“ข้าน้อยเข้าใจแล้ว”ฉู่เฟิงรีบเข้าไปในห้อง เฝ้ามู่หรงถิงอย่างใกล้ชิด“พวกเราไปกินข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ”กู้หว่านเยว่พาซูจิ่งสิงกลับห้อง ทั้งคู่เหนื่อยมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ไม่ได้นอนหลับพักผ่อน อีกทั้งยังไม่ได้กินข้าวแม้แต่มื้อเดียวนางสั่งให้ห้องครัวยกโจ๊กข้าวฟ่างเข้ามาสองถ้วยซูจิ่งสิงไม่อยากอาหารกินสองคำก็วางถ้วยลงแล้ว“น้องหญิงเจ้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ไปพักผ่อนก่อนเถอะ งานที่เหลือมอบให้ข้าจัดการก็พอ”“ไม่ได้ ข้าต้องอยู่เป็นเพื่อนท่าน”เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตรัชทายาท นางกังวลซูจิ่งสิงจะวู่วามนางกินโจ๊กข้าวฟ่างทีละคำๆ ตอนวางถ้วยลง เกาเจี้ยนก็กลับมาจากภายนอกแล้ว“กลับมาเร็วถึงเพียงนี้ จ
“อ๊ะๆๆๆ!”วูเมิ่งร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด ถ้าหากไม่ได้โดนมัดไว้ เขาคงเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาบนพื้นแล้ว“เขียนบนพื้น”กู้หว่านเยว่ยื่นน้ำชาให้เขาหนึ่งถ้วยน้ำตาของวูเมิ่งแทบจะแห้งแล้ว แม้ห้องปรุงพิษของพวกเขาก็มักจะสอบสวนผู้อื่นเช่นนี้แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาโดนสอบสวน“ข้าเขียน ข้าเขียน”เขารีบทำปากพูด พลางยื่นมือสองข้างที่โดนมัดเข้าด้วยกันออกไป ใช้นิ้วชี้จุ่มลงไปในน้ำชาเดิมทีอยากฉวยโอกาสดีดยาพิษในซอกเล็บออกมา กลับพบว่าโดนกู้หว่านเยว่ค้นตัวจนไม่เหลืออะไรเลย แม้แต่ยาพิษในซอกเล็บก็โดนขูดออกมาแล้วเขากัดฟันแน่น ใช้ดวงตาที่เป็นประกายจ้องกู้หว่านเยว่เขาชอบผู้หญิงสวย ผู้หญิงที่เก่งกาจ เขายิ่งชอบ‘ชวีอวี้’ เก่งกาจเช่นนี้ เขาชอบสุดๆรอเขามีโอกาส เขาจะสยบนางแน่นอน“เขียน” กู้หว่านเยว่สั่งอย่างใจเย็นเหลือเวลาไม่มากแล้ว ชวีเฟิงกล้าร้องหนึ่งชั่วยาม แต่ใช้ว่าวูเมิ่งจะทำได้นานเช่นนี้“คุกใต้ดินห้องปรุงพิษ” วูเมิ่งเขียนลงบนพื้นกู้หว่านเยว่ประหลาดใจ “เจ้าบอกว่าอยู่ในมือของเจ้าไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงอยู่ที่ห้องปรุงพิษ?”แววร้อนตัวแลบผ่านดวงตาวูเมิ่งเขาเขียน “ไม่พูดเช่นนี้ เจ้าจะยอมแต่งง
“ให้ตายเถอะ!”ชวีเฟิงยังไม่ทันได้ใช้ศิลปะการต่อสู้เลย ก็เห็นเขาโดนกู้หว่านเยว่ผลักจนล้มลง จึงอุทานออกมาด้วยความตกใจ“ท่านทำอะไรกับเขา?”“เปล่านี่ แค่ทำให้เขาสลบ จะได้สอบสวนง่ายขึ้น”กู้หว่านเยว่พูดอย่างสบายๆนางเป็นไปที่ตรงหน้าวูเมิ่ง ค้นตามร่างกายเขาครู่หนึ่ง พบอาวุธลับและยาพิษมากมาย“แหม โชคดีที่ทำให้เขาสลบก่อน ของพวกนี้สามารถทำให้พวกเราเสียเวลาพักใหญ่เลย”“ของพวกนี้มันอะไร?” ชวีเฟิงมองขวดเหล่านั้นอย่างงงงวย“นี่คือยาพิษที่ฆ่าคนได้ในพริบตา”“น้ำยาทำลายศพ ความหมายตามชื่อเลย มีฤทธิ์กัดกร่อนสูงมาก”“ไห่ถังเจ็ดดาว ไร้สีไร้รส ผู้ที่ถูกพิษจะหมดสติทันที ตายอยู่ในความฝัน อีกทั้งยังเป็นฝันดีด้วย ตอนตายยังยิ้มอยู่เลย”“อันนี้…”“เดี๋ยวก่อน เลิกพูดได้แล้ว!”กู้หว่านเยว่ยังจะพูดต่อ ชวีเฟิงรีบห้ามนาง “ของพวกนี้ก็น่ากลัวมากแล้ว ขืนฟังต่อไป ข้ากลัวว่าข้าจะฝันร้ายทำไมเขาถึงพกยาพิษมากมายเช่นนี้ ไม่กลัวตัวเองโดนพิษของตัวเองเลยหรือ”“เขาเป็นคนของห้องปรุงพิษ เจอยาพิษป้องกันตัวบนตัวเขาก็เป็นเรื่องปกติ”กู้หว่านเยว่เก็บยาพิษเหล่านั้นเข้าไปในมิติอย่างใจเย็นหลังจากนั้น นางเดินไปที่ประตู ม
“อวี้เอ๋อร์ ข้ามารับเจ้าแล้ว ทำไมเจ้าถึงล็อคประตูล่ะ? เป็นเจ้าสาวก็เลยเขินอย่างนั้นหรือ?”เสียงของผู้ชายดังมาจากข้างนอกความเกลียดชังปรากฏขึ้นบนใบหน้าชวีอวี้“วูเมิ่งมาแล้ว”“เจ้ารีบไปซ่อนตัวเร็วเข้า”กู้หว่านเยว่รีบกล่าวออกคำสั่ง ชวีอวี้พยักหน้า ออกจากห้องเวลานี้เป็นไปไม่ได้แล้ว นางกวาดมองโดยรอบ แล้วรีบไปหลบที่ใต้เตียงชวีเฟิงจะเข้าไปเปิดประตูกู้หว่านเยว่กล่าวเตือน “จำไว้ ไม่ว่าเวลาใดก็อย่าเปิดเผยตัวตน หากทนไม่ไหวจริงๆ ก็นึกถึงแค้นบัญชีเลือดของครอบครัวเจ้า”“เข้าใจแล้ว”ชวีเฟิงข่มอารมณ์แล้วพยักหน้าหลังจากเขามองกู้หว่านเยว่อย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง จึงจะเดินไปเปิดประตูเขากับวูเมิ่งเคยเจอกัน กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ ดังนั้นหลังจากเปิดประตูก็รีบก้มหน้า โชคดีที่ความสนใจของวูเมิ่งไม่ได้อยู่ที่เขา“อวี้เอ๋อร์”สายตาของวูเมิ่งราวกับติดอยู่กับตัว ‘ชวีอวี้’ เขาเดินไปที่ตรงหน้านาง แล้วจ้องนางอย่างหลงใหล“วันนี้เจ้าสวยจริงๆ สวยจนข้าไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง”สีหน้าวูเมิ่งเต็มไปด้วยความลุ่มหลงเขายื่นมือออกไป หวังจะจับแก้มของ ‘ชวีอวี้’“ไสหัวไป!”‘ชวีอวี้’ หันหน้าหนีอย่างความรังเกียจ
กู้หว่านเยว่เผยอปาก นี่คือสิ่งที่นางอยากได้ยิน“อยากให้ข้าช่วยให้สกุลชวีผ่านมรสุมครั้งนี้ มันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ว่าต่อจากนี้เจ้าต้องฟังข้า”กู้หว่านเยว่มีเจตนาที่ชัดเจน เห็นได้ชัดว่านางคิดแผนรับมือไว้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว“ท่านพูดมาได้เลย”ชวีเฟิงรีบลุกขึ้น“ให้พี่หญิงของเจ้าถอนชุดแต่งงานกับมงกุฎหงส์ลงมาก่อน”กู้หว่านเยว่ออกคำสั่ง“เจ้าหาข้ออ้างเรียกสาวใช้ที่อยู่หน้าประตูเข้ามา หลังจากตีนางสลบ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออก แล้วสวมบนตัวเจ้า”กู้หว่านเยว่สั่งอย่างเป็นระเบียบ ชวีเฟิงมองไปทางชวีอวี้ พยักหน้าเบาๆ“พี่หญิง ทำตามที่นางบอก”“...ได้”ชวีอวี้คิดแล้วคิดอีก ท้ายที่สุดก็ยังเลือกเชื่อกู้หว่านเยว่ อย่างไรก็ตามสีหน้ากู้หว่านเยว่ดูเรียบเฉยมาก ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมนางเรียบถอดชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ลงมาวางบนโต๊ะ“หลังจากนั้นล่ะ?”“หลังจากนั้นข้าจะปลอมตัวเป็นเจ้าสาว แต่งเขาบ้านวูเมิ่งแทนเจ้า”กู้หว่านเยว่ฉีกหน้ากากหนังมนุษย์บนใบหน้าออก ชวีอวี้จึงจะพบว่าที่แท้นางเป็นผู้หญิงด้วยความประหลาดใจกู้หว่านเยว่สวมชุดแต่งงานและมงกุฎหงส์ โชคดีที่การสวมใส่มงกุฎหงส์ของเมี่ยวเ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป