ทันทีที่เข้ามา เกาเจี้ยนก็เอ่ยถามอย่างทนรอแทบไม่ไหวกู้หว่านเยว่ดื่มน้ำก่อนหนึ่งแก้ว กระแอมไล่เสียง“อย่าเพิ่งรีบ ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าช้าๆ เรื่องนี้ยาวยิ่งนัก”จากนั้นนางให้ทั้งสองคนขยับขึ้นมาข้างหน้า เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอุโมงค์เหมืองให้พวกเขาทั้งคู่ฟัง แน่นอนว่าส่วนของมิตินั้น นางหลีกเลี่ยงไปได้อย่างแนบเนียน“ศาสตร์ความเป็นอมตะ?”เกาเจี้ยนได้ยินมุมปากก็กระตุกริกกู้หว่านเยว่มองเขาอยากแปลกใจ “ท่านยิ้มอันใด?”“ข้าแค่ยิ้มที่คนเหล่านี้คิดเพ้อฝัน พวกเราเป็นคนมีกายเนื้อ ไฉนเลยจะมีความเป็นอมตะ? มากที่สุดก็อายุยืนมากหน่อยเท่านั้น”“ยิ่งไปกว่านั้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน เพียงได้ยินก็รู้ว่าชั่วร้าย เพียงแค่ไม่ได้รับผลกระทบก็ดีมากแล้ว”เขาส่ายหน้า สีหน้าหมิ่นแคลนกู้หว่านเยว่ลอบถอนหายใจ คนผู้นี้สมเป็นสหายที่ดีของซูจิ่งสิงคนทั่วไปได้ยินศาสตร์ความเป็นอมตะ ใบหน้าล้วนเผยแววกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตอนที่ชวีเฟิงได้ยินเจ้าสิ่งนี้ ชั่วขณะนั้นก็เผยความละโมบออกมาจนนางจับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบสายตาเกาเจี้ยนแหลมคม ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ส่วนทางด้านอวิ๋นมู่เองก็ไม่ใส่ใจในเรื่อง
ระหว่างเดินทางกลับ ภายในใจกู้หว่านเยว่เกิดความคิดมากมายได้เห็นจดหมายของซูจิ่งสิง จู่ๆ นางก็ไม่ร้อนใจแล้วถือกล่องกลับเข้ากระโจมของตน อีกทั้งยังเข้าไปอาบน้ำภายในมิติ ถึงออกมาเปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด“เห็นอักษรดุจได้พบหน้า น้องหญิง ราชสำนักสงบเรียบร้อยดี”“เรื่องแต่งงานของจื่อชิง กำหนดไว้วันที่ห้าเดือนหน้า”“หนานเจียงเป็นเช่นไร ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้หรือไม่?”“หวังว่าจะกลับมาในเร็ววัน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องการปรึกษากับน้องหญิง บางทีอาจเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่”เดิมทีมุมปากกู้หว่านเยว่ผลิยิ้มอ่อนหวาน จู่ๆ ก็นิ่งเงียบไป นางอ่านจดหมายอย่างละเอียดหนึ่งรอบสุดท้ายแน่ใจว่าเนื้อความในจดหมายไม่ผิดไป อาจเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ของนางแล้ว“ครั้งก่อนตอนแยกจากกัน แม้พี่ใหญ่ไม่พูดออกมาให้ชัดเจน แต่ข้าเองก็ฟังออกว่าพี่ใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาบางอย่าง”กู้หว่านเยว่เก็บจดหมาย ขมวดคิ้วแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่แล้ว?จงลี่วิชายุทธ์สูง องค์รักษ์ข้างกายล้วนเป็นปรมาจารย์ทั้งสิ้น มีเรื่องอะไรทำให้เขารับมือยากกันนะกู้หว่านเยว่ใคร่ครวญครู่หนึ่ง หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ“ข้าจะรีบย
เฟิ่งอู๋ชีดูซีดเซียวลงมาก ในช่วงแรก ๆ เขามีจิตใจฮึกเหิมและมีชีวิตชีวา แววตาคู่นั้นเจือไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บัดนี้กลับปล่อยให้หนวดเครารกรุงรัง ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าที่ผ่านมาในใจของเขาต้องดิ้นรนมากเพียงใด “ข้าคิดดีแล้ว” นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววเคร่งขรึม “ในช่วงที่ข้าอยู่ต้าฉี มีคนเคยถามถึงความเป็นอยู่ของข้างบ้างหรือไม่? เคยมีคนสนใจว่าข้าจะเป็นหรือจะตายบ้างหรือไม่ ท่านแม่ผู้สูงศักดิ์ของข้าผู้นั้นไม่เคยเห็นข้าเป็นบุตรชายของนาง นัยน์ตาของพวกเขามีเพียงพี่หญิงใหญ่ของข้าเพียงผู้เดียว” ในขณะเดียวกัน เฟิ่งหมิงกวงก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชาย เฟิ่งอู๋ชีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าขอเพียงเรื่องเดียว หวังว่าท่านจะตอบรับข้า” กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ว่ามาสิ” เฟิ่งอู๋ชีกล่าวอย่างจริงใจ “ราษฎรแห่งหนานเจียงล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยพวกเขาไป อย่าให้พวกเขาต้องไร้บ้าน และอย่าให้หนานเจียงต้องเจอกับการสูญเสียนับไม่ถ้วนอีกเลย” หนานเจียงคือบ้านเกิดเมืองนอนของเขา และเป็นสถานที่ที่งดงามมากแห่งหนึ่ง เขาไม่อยากเห็นบ้านเกิดของตัวเองกลายเป็นร่องรอยแห่งความเจ็บปวดจากสงคราม
“แย่แล้ว นางคงไม่ได้หนีไปแล้วหรอกนะ?” เกาเจี้ยนตบหน้าตักของตัวเอง ฮองเฮาหนานเจียงผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญ ทางที่ดีควรจับนางให้ได้ ถึงจะสามารถยุติสงครามได้ หากปล่อยให้นางหนีไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่านางจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีกในสักวันหนึ่ง ถึงอย่างไรฮองเฮาหนานเจียงก็เป็นฮองเฮาของหนานเจียงมายี่สิบกว่าปีแล้ว ในหนานเจียงนางยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง แค่นางปรากฏตัวและเอื้อนเอ่ย ถึงตอนนั้นอาจจะมีคนในความลับที่ซื่อสัตย์ต่อนางกลับไปหานาง ทำให้นางกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งก็เป็นได้ กู้หว่านเยว่เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย นางอยากให้ระบบค้นหาว่าฮองเฮาหนานเจียงอยู่ที่ใด แต่นางไม่เคยเจอฮองเฮาหนานเจียงมาก่อน ดังนั้นระบบจึงค้นหาไม่ได้ “นางหนีไปไม่ได้หรอก” เฟิ่งอู๋ชีโพล่งออกไปทันที แววตาของทั้งสองคนเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขา เขาหัวเราะอย่างข่มขืนหนึ่งเสียง แล้วเดินมาตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “พระมเหสี หากท่านเชื่อข้า โปรดตามข้าไปยังที่ที่หนึ่ง ข้ารับรองว่านางอยู่ที่นั่น” “ที่ไหน?” กู้หว่านเยว่กล่าวถาม อธิษฐานชีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง แต่ที่แห่งนี้เป็นดินแ
“ลูกทรพี คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าพาคนอื่นมาถึงที่นี่ เทพธิดาไหมลงโทษเจ้าอย่างแน่นอน” เกาเจี้ยนที่กำลังร้อนใจโฉบบินมาตรงหน้า “หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ท่านหมดหนทางหนีแล้ว เหตุใดยังไม่ยอมแพ้อีก” นัยน์ตาของฮองเฮาหนานเจียงเลื่อนมาหยุดตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “เจ้าคือพระมเหสีแห่งต้าฉีสินะ เจ้าไม่เหมือนสักนิด” กู้หหว่านเยว่เลิกคิ้วสูง ฮองเฮาหนานเจียงมองพิจารณานาง ในขณะเดียวกันนางเองก็มองพิจารณาคนที่อยู่ตรงข้ามด้วย “ท่านไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เช่นกัน” นางคิดว่าฮองเฮาหนานเจียงจะเป็นสตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูง ใบหน้าคงเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและเจ้าแผนการ แต่เวลานี้กลับพบว่ารูปร่างของฮองเฮาหนานเจียงดูอ่อนแอมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่เฉลียวฉลาดคู่นั้น ก็คงคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนทะเยอทะยานเช่นนี้ “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร คำกล่าวนี้ฮองเฮาทรงเข้าใจเป็นอย่างดี บัดนี้หนานเจียงพ่ายแพ้ ข้าเองก็ตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้าเถอะ” ฮองเฮาหนานเจียงหลับตาก่อนหมุนตัวกลับไปคุกเข่าตรงหน้าของเทพธิดาไหม ปากขยับบ่นพึมพำ กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง ซึ่งโดยส่วนใ
ร่างกายร้อนผ่าวอยู่บ้างกู้หว่านเยว่ลืมตาขึ้นมา พบว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแกะสลักขนาดใหญ่ มีกลิ่นอายโบราณหลังหนึ่ง ข้างเตียงมีชายสวมชุดแต่งงานนั่งอยู่หนึ่งคนนี่คงฝันไปใช่ไหม แต่เหตุใดเหมือนจริงถึงเพียงนี้?นางเบือนหน้ามองฝ่ายชายฝ่ายชายผิวพรรณขาวดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลางดงาม มองแวบเดียวก็ทำให้คนจมดิ่งสู่ภวังค์อย่างยากจะหักห้ามใจ เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาเกินไป สุ้มเสียงเองก็ไร้อารมณ์เสียนี่กระไร“ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากแต่งกับข้า พระบรมราชโองการยากจะฝ่าฝืน หากเจ้าไม่ยินยอม...”“ข้ายินยอม ข้ายินยอม!”ชายหนุ่มรูปงามหาใครเทียบได้เช่นนี้ นางครองโสดมายี่สิบกว่าปีไม่เคยได้พบพานมาก่อน ไฉนเลยจะไม่ยินยอมกันเล่า!กู้หว่านเยว่พยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของฝ่ายชาย ยื่นมือออกไปเกี่ยวเข็มขัดโผเข้าหาอ้อมอกของเขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เฮือกหนึ่ง อ้า หอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย็นของชายหนุ่มรูปงามเห็นได้ชัดว่านี่คือครั้งแรกของฝ่ายชาย ทีแรกยังคิดปฏิเสธ แต่กลับไม่อาจต้านทานเสียงที่ดังออดอ้อนออเซาะขึ้นมาของนางได้ สติค่อยๆ เลือนรางไป ทว่า ครู่เดียวก็ทำเอากู้หว่านเยว่วิญญาณหลุดลอยทั้งสองเกี
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง เจิ้นเป่ยอ๋องซูจิ่งสิงคิดก่อกบฏ หลักฐานชัดเจน!”“นับแต่นี้ไปปลดออกจากตำแหน่ง เป็นสามัญชน ยึดทรัพย์เนรเทศไปยังหนิงกู่ถ่า ผู้ใดกล้าฝ่าฝืน ฆ่าได้ไม่ละเว้น!”ฮูหยินผู้เฒ่าทุบอกกระทืบเท้า “สกุลซูของข้าซื่อสัตย์ภักดี ไฉนเลยจะก่อกบฏได้?”หัวหน้าหน่วยยึดทรัพย์เจียงเต๋อจื้อสบถเสียงเย็น “ฝ่าบาทมีพระกระแสรับสั่งออกจากพระโอษฐ์ของพระองค์เอง เจ้ากำลังกล่าวหาว่าฝ่าบาท ทรงวินิจฉัยผิดพลาดงั้นหรือ?”ทุกคนไม่กล้าโวยวายอีก กอดกันร่ำไห้โอดครวญทหารหลวงหลั่งไหลเข้ามา ถีบเปิดประตูเรือน ทุบทำลายข้าวของทั่วทุกสารทิศคล้ายโจรก็มิปาน ไม่ว่าที่ผ่านมาเจ้ามีตำแหน่งสูงส่งเยี่ยงไร หากถูกลงโทษยึดทรัพย์ นั่นก็คือคนต่ำต้อยมองภาพวุ่นวายภายในจวนอ๋อง ฮูหยินผู้เฒ่าคิดห้าม แต่กลับถูกเจียงเต๋อจื้อผลักล้มลงกับพื้น กระดูกของหญิงชราเกือบหักถัดมา เจียงเต๋อจื้อหรี่ตามองทางญาติฝ่ายหญิงของจวนอ๋อง“เพื่อป้องกันมิให้พวกเจ้านำทรัพย์สินส่วนตัวออกไป ญาติฝ่ายหญิงทั้งหมดต้องเปลื้องผ้าตั้งแต่ใต้สะดือลงมาเพื่อตรวจสอบหนึ่งรอบ!”“ไม่ได้!”สีหน้าเหล่าญาติฝ่ายหญิงทั้งโกรธทั้งอายฮูหยินผู้เฒ่าก่นด่าออกมา “เจียงเต๋อจื
“กบฏ ไม่ตายดี!”“สมรู้ร่วมคิดกับทูเจวี๋ย คลอดลูกชายไม่สมประกอบ!”ซูจิ่งสิงนอนกึ่งหลับกึ่งตื่นอยู่บนกระดานเกวียน รับก้อนหิน มูลแพะและผักเน่าที่โยนเข้ามาทุกทิศทาง...ยามรบชนะกลับมา เขาคือวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ปกป้องแคว้น ราษฎรล้วนโห่ร้องแสดงความยินดีบัดนี้เขาถูกใส่ร้ายข้อหากบฏ ไม่เพียงไม่มีคนขอความเป็นธรรมแทนเขา ทุกคนยังร้องตะโกนใส่ กลายเป็นคนบาปที่ทุกคนตราหน้าหันมองไปที่คนอื่น ๆ ของสกุลซู แต่ละคนเกือบซุกหน้าลงบนบ่าแล้วฮูหยินผู้เฒ่าร้องไห้น้ำตาไหลเป็นทาง “เวรกรรม สกุลซูของข้าตกต่ำถึงขั้นนี้เชียวหรือ...”นายท่านบ้านรองซูหัวหลินอดตำหนิไม่ได้ “ล้วนต้องตำหนิจิ่งสิง อยู่ดีๆ ก็คิดไม่ตก ไปสมรู้ร่วมคิดกับกบฏขายบ้านเมือง ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่า ทั้งครอบครัวล้วนต้องเดือนร้อนเพราะเขา ข้าเป็นคนรักศักดิ์ศรีที่สุด ถูกราษฎรกลุ่มนี้สบถด่า หน้าก็ไม่กล้าเงยขึ้นมาแล้ว ภายภาคหน้าจะใช้ชีวิตเยี่ยงไร!”นับตั้งแต่ยึดทรัพย์จนถึงตอนนี้ เริ่มแรกทุกคนยังงุนงง จนถึงตอนนี้แต่ละคนก็เกิดความคิดขึ้นมาแล้ว มีทั้งคนเชื่อว่าซูจิ่งสิงมิได้ก่อกบฏ และมีคนที่ไม่เชื่อ นายท่านรองเป็นคนแรกที่มิอาจอดกลั้นบ้านอื่นสบตากันแวบ
“ลูกทรพี คาดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าพาคนอื่นมาถึงที่นี่ เทพธิดาไหมลงโทษเจ้าอย่างแน่นอน” เกาเจี้ยนที่กำลังร้อนใจโฉบบินมาตรงหน้า “หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ท่านหมดหนทางหนีแล้ว เหตุใดยังไม่ยอมแพ้อีก” นัยน์ตาของฮองเฮาหนานเจียงเลื่อนมาหยุดตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “เจ้าคือพระมเหสีแห่งต้าฉีสินะ เจ้าไม่เหมือนสักนิด” กู้หหว่านเยว่เลิกคิ้วสูง ฮองเฮาหนานเจียงมองพิจารณานาง ในขณะเดียวกันนางเองก็มองพิจารณาคนที่อยู่ตรงข้ามด้วย “ท่านไม่เหมือนกับที่ข้าคิดไว้เช่นกัน” นางคิดว่าฮองเฮาหนานเจียงจะเป็นสตรีที่มักใหญ่ใฝ่สูง ใบหน้าคงเต็มไปด้วยความเฉลียวฉลาดและเจ้าแผนการ แต่เวลานี้กลับพบว่ารูปร่างของฮองเฮาหนานเจียงดูอ่อนแอมาก หากไม่ใช่เพราะเห็นสายตาที่เฉลียวฉลาดคู่นั้น ก็คงคิดไม่ถึงว่านางจะเป็นคนทะเยอทะยานเช่นนี้ “หยุดพูดเหลวไหลได้แล้ว แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร คำกล่าวนี้ฮองเฮาทรงเข้าใจเป็นอย่างดี บัดนี้หนานเจียงพ่ายแพ้ ข้าเองก็ตกอยู่ในมือของพวกเจ้าแล้ว จะฆ่าจะแกงยังไงก็แล้วแต่พวกเจ้าเถอะ” ฮองเฮาหนานเจียงหลับตาก่อนหมุนตัวกลับไปคุกเข่าตรงหน้าของเทพธิดาไหม ปากขยับบ่นพึมพำ กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟัง ซึ่งโดยส่วนใ
“แย่แล้ว นางคงไม่ได้หนีไปแล้วหรอกนะ?” เกาเจี้ยนตบหน้าตักของตัวเอง ฮองเฮาหนานเจียงผู้นี้เป็นบุคคลสำคัญ ทางที่ดีควรจับนางให้ได้ ถึงจะสามารถยุติสงครามได้ หากปล่อยให้นางหนีไป ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่านางจะไม่มีวันย้อนกลับมาอีกในสักวันหนึ่ง ถึงอย่างไรฮองเฮาหนานเจียงก็เป็นฮองเฮาของหนานเจียงมายี่สิบกว่าปีแล้ว ในหนานเจียงนางยังพอมีอำนาจอยู่บ้าง แค่นางปรากฏตัวและเอื้อนเอ่ย ถึงตอนนั้นอาจจะมีคนในความลับที่ซื่อสัตย์ต่อนางกลับไปหานาง ทำให้นางกลับมาชีวิตชีวาอีกครั้งก็เป็นได้ กู้หว่านเยว่เกิดความกังวลขึ้นมาเล็กน้อย นางอยากให้ระบบค้นหาว่าฮองเฮาหนานเจียงอยู่ที่ใด แต่นางไม่เคยเจอฮองเฮาหนานเจียงมาก่อน ดังนั้นระบบจึงค้นหาไม่ได้ “นางหนีไปไม่ได้หรอก” เฟิ่งอู๋ชีโพล่งออกไปทันที แววตาของทั้งสองคนเลื่อนมาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเขา เขาหัวเราะอย่างข่มขืนหนึ่งเสียง แล้วเดินมาตรงหน้าของกู้หว่านเยว่ “พระมเหสี หากท่านเชื่อข้า โปรดตามข้าไปยังที่ที่หนึ่ง ข้ารับรองว่านางอยู่ที่นั่น” “ที่ไหน?” กู้หว่านเยว่กล่าวถาม อธิษฐานชีกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ตามข้ามาเดี๋ยวก็รู้เอง แต่ที่แห่งนี้เป็นดินแ
เฟิ่งอู๋ชีดูซีดเซียวลงมาก ในช่วงแรก ๆ เขามีจิตใจฮึกเหิมและมีชีวิตชีวา แววตาคู่นั้นเจือไปด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ บัดนี้กลับปล่อยให้หนวดเครารกรุงรัง ซึ่งพอจะคาดเดาได้ว่าที่ผ่านมาในใจของเขาต้องดิ้นรนมากเพียงใด “ข้าคิดดีแล้ว” นัยน์ตาของเฟิ่งอู๋ชีฉายแววเคร่งขรึม “ในช่วงที่ข้าอยู่ต้าฉี มีคนเคยถามถึงความเป็นอยู่ของข้างบ้างหรือไม่? เคยมีคนสนใจว่าข้าจะเป็นหรือจะตายบ้างหรือไม่ ท่านแม่ผู้สูงศักดิ์ของข้าผู้นั้นไม่เคยเห็นข้าเป็นบุตรชายของนาง นัยน์ตาของพวกเขามีเพียงพี่หญิงใหญ่ของข้าเพียงผู้เดียว” ในขณะเดียวกัน เฟิ่งหมิงกวงก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นน้องชาย เฟิ่งอู๋ชีถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าขอเพียงเรื่องเดียว หวังว่าท่านจะตอบรับข้า” กู้หว่านเยว่พยักหน้า “ว่ามาสิ” เฟิ่งอู๋ชีกล่าวอย่างจริงใจ “ราษฎรแห่งหนานเจียงล้วนแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งสิ้น ข้าหวังว่าท่านจะปล่อยพวกเขาไป อย่าให้พวกเขาต้องไร้บ้าน และอย่าให้หนานเจียงต้องเจอกับการสูญเสียนับไม่ถ้วนอีกเลย” หนานเจียงคือบ้านเกิดเมืองนอนของเขา และเป็นสถานที่ที่งดงามมากแห่งหนึ่ง เขาไม่อยากเห็นบ้านเกิดของตัวเองกลายเป็นร่องรอยแห่งความเจ็บปวดจากสงคราม
ระหว่างเดินทางกลับ ภายในใจกู้หว่านเยว่เกิดความคิดมากมายได้เห็นจดหมายของซูจิ่งสิง จู่ๆ นางก็ไม่ร้อนใจแล้วถือกล่องกลับเข้ากระโจมของตน อีกทั้งยังเข้าไปอาบน้ำภายในมิติ ถึงออกมาเปิดจดหมายอ่านอย่างละเอียด“เห็นอักษรดุจได้พบหน้า น้องหญิง ราชสำนักสงบเรียบร้อยดี”“เรื่องแต่งงานของจื่อชิง กำหนดไว้วันที่ห้าเดือนหน้า”“หนานเจียงเป็นเช่นไร ปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศได้หรือไม่?”“หวังว่าจะกลับมาในเร็ววัน ข้ามีเรื่องสำคัญต้องการปรึกษากับน้องหญิง บางทีอาจเกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่”เดิมทีมุมปากกู้หว่านเยว่ผลิยิ้มอ่อนหวาน จู่ๆ ก็นิ่งเงียบไป นางอ่านจดหมายอย่างละเอียดหนึ่งรอบสุดท้ายแน่ใจว่าเนื้อความในจดหมายไม่ผิดไป อาจเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่ของนางแล้ว“ครั้งก่อนตอนแยกจากกัน แม้พี่ใหญ่ไม่พูดออกมาให้ชัดเจน แต่ข้าเองก็ฟังออกว่าพี่ใหญ่กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาบางอย่าง”กู้หว่านเยว่เก็บจดหมาย ขมวดคิ้วแน่น หรือว่าจะเกิดเรื่องกับพี่ใหญ่แล้ว?จงลี่วิชายุทธ์สูง องค์รักษ์ข้างกายล้วนเป็นปรมาจารย์ทั้งสิ้น มีเรื่องอะไรทำให้เขารับมือยากกันนะกู้หว่านเยว่ใคร่ครวญครู่หนึ่ง หยิบพู่กันขึ้นมาเขียนจดหมายหนึ่งฉบับ“ข้าจะรีบย
ทันทีที่เข้ามา เกาเจี้ยนก็เอ่ยถามอย่างทนรอแทบไม่ไหวกู้หว่านเยว่ดื่มน้ำก่อนหนึ่งแก้ว กระแอมไล่เสียง“อย่าเพิ่งรีบ ข้าจะเล่าให้พวกเจ้าช้าๆ เรื่องนี้ยาวยิ่งนัก”จากนั้นนางให้ทั้งสองคนขยับขึ้นมาข้างหน้า เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในอุโมงค์เหมืองให้พวกเขาทั้งคู่ฟัง แน่นอนว่าส่วนของมิตินั้น นางหลีกเลี่ยงไปได้อย่างแนบเนียน“ศาสตร์ความเป็นอมตะ?”เกาเจี้ยนได้ยินมุมปากก็กระตุกริกกู้หว่านเยว่มองเขาอยากแปลกใจ “ท่านยิ้มอันใด?”“ข้าแค่ยิ้มที่คนเหล่านี้คิดเพ้อฝัน พวกเราเป็นคนมีกายเนื้อ ไฉนเลยจะมีความเป็นอมตะ? มากที่สุดก็อายุยืนมากหน่อยเท่านั้น”“ยิ่งไปกว่านั้นทางที่พวกเขาเลือกเดิน เพียงได้ยินก็รู้ว่าชั่วร้าย เพียงแค่ไม่ได้รับผลกระทบก็ดีมากแล้ว”เขาส่ายหน้า สีหน้าหมิ่นแคลนกู้หว่านเยว่ลอบถอนหายใจ คนผู้นี้สมเป็นสหายที่ดีของซูจิ่งสิงคนทั่วไปได้ยินศาสตร์ความเป็นอมตะ ใบหน้าล้วนเผยแววกระตือรือร้นอย่างบ้าคลั่งแม้แต่ตอนที่ชวีเฟิงได้ยินเจ้าสิ่งนี้ ชั่วขณะนั้นก็เผยความละโมบออกมาจนนางจับได้ทว่าตั้งแต่เริ่มจนจบสายตาเกาเจี้ยนแหลมคม ไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ ส่วนทางด้านอวิ๋นมู่เองก็ไม่ใส่ใจในเรื่อง
“เฮ้อ นี่เพราะข้ากังวลไม่ใช่หรือ? สหายอวิ๋น เจ้าดูเจ้าพูดเข้า ไม่น่าฟังเอาเสียเลย”เกาเจี้ยนอึดอัดใจอวิ๋นมู่เป็นคนสสุภาพอ่อนโยน พูดจาไม่น่าฟังน้อยมากอวิ๋นมู่ค้อมตัวลง “ขออภัย อันที่จริงสองวันนี้ได้ยินเจ้าพูดซ้ำไปมาว่าจะเกิดเรื่องกับพวกเขาหรือไม่ หูฟังเสียจนจะด้านแล้ว”“ข้าผิดไปแล้วๆ นี่เพราะข้ากำลังกังวลไม่ใช่หรือ? ก่อนจากมา ฝ่าบาทกำชับข้าเอาไว้ว่าจะต้องดูแลฮองเฮาดีๆ”“หากเขารู้ว่าข้าปล่อยให้ฮองเฮาไปหนานเจียงเพียงลำพัง จะต้องเด็ดหัวข้าลงมาแน่”เกาเจี้ยนหมดอาลัยตายอยากเรื่องนี้ย่อมปิดเอาไว้ไม่มิดเขาสามารถนึกภาพออกได้ หลังกลับไปเมืองหลวงแล้วจะต้องเจอกับพายุคลั่งเช่นไร“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพ!”ทหารวิ่งเข้ามาด้วยความดีใจ ตอนถึงหน้าประตูเกือบบล้มคะมำลงไป“กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”“อะไรกลับมา เจ้าพูดให้ชัดเจนหน่อย” เกาเจี้ยนขมวดคิ้วดวงตาอวิ๋นมู่กลับทอประกาย “ใช่พวกฮองเฮากลับมาหรือไม่?”ทหารกลืนน้ำลายหนึ่งอึก ออกแรงพยักหน้า“ใช่แล้วๆ ฮองเฮากลับมาแล้ว ตอนนี้เข้าค่ายใหญ่มาแล้ว กำลังมาทางนี้ขอรับ”“ดียิ่งนัก!”เกาเจี้ยนดีใจอย่างบ้าคลั่ง อวิ๋นมู่พุ่งพรวดพราดออกไปพบกู้หว่านเยว่
ฮองเฮาหนานเจียงเงียบไป แต่นางคิดมากยิ่งกว่านั้น“ไป ไปสกุลชวีตอนนี้เลย หากพบใคร ก็จับทุกคนเอาไว้”นางออกคำสั่งหน่วยลาดตระเวนรีบไปจับคนไว้วูเหมิงถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนึ่ง ในเมื่อมีคนรับผิดที่แท้จริงแล้ว เรื่องนี้น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาอีก“วูเหมิง”ฮองเฮาหนานเจียงกลับผินมองใบหน้าเขาอย่างเชื่องช้า ตอนนางไม่ยิ้ม ดวงตาเหยี่ยวดุดันและเย็นชาอยู่บ้าง“ข้าเชื่อใจเจ้าถึงเพียงนั้น ปรากฏว่าเจ้าทำให้ข้าผิดหวังเสียได้”ข้อมูลภายในห้องปรุงพิษล้วนเสียหายไปแล้วงูยักษ์ตัวนั้นก็ถูกเผากลายเป็นเถ้าไปแล้วได้ยินมาว่าตอนนี้ทั้งอุโมงค์เหมืองล้วนถล่มไปแล้ว ไม่สามารถลงไปตรวจสอบได้อีกฮองเฮาหนานเจียงรู้สึกโมโหเดือดดาลภายในใจ เพียงแค่สกุลชวีไม่เพียงพอให้นางระบายโทสะทั้งหมดออกมาได้“เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า”ฮองเฮาหนานเจียงลุกขึ้น เดินมาหยุดต่อหน้าวูเหมิง“หากไม่ใช่เพราะเจ้าต้องการแต่งงานกับชวีอวี้ บดบังสติปัญญา มอบโอกาสให้สกุลชวี พวกเขาก็คงไม่พบห้องปรุงพิษ”ฮองเฮาหนานเจียงยกความผิดเรื่องห้องปรุงพิษถูกเปิดเผยทั้งหมดไว้ที่วูเหมิงนางหยั่งเดา จะต้องเป็นวูเหมิงต้องการแสดงความสามารถต่อหน้าชวีอวี้แ
“เสี่ยวเฟิง เจ้ายังจะไปสมคบคิดกับคนของต้าฉีอีกหรือ?”สีหน้านายท่านชวีโกรธจัดอิงตามการมองของเขา น่าจะฉวยโอกาสนี้จับตัวกู้หว่านเยว่เอาไว้ใช้ข่มขู่ต้าฉี เพื่อให้พวกเขาถอนทัพ“ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่หญิง”ชวีเฟิงพูดด้วยท่าทางจริงจัง“ไม่ว่าพวกท่านสามารถเข้าใจได้หรือไม่ ข้าก็ไม่มีทางให้หันหลังกลับแล้ว จะต้องไปขอรับ”เขาสั่ง “หลังข้าจากไปแล้ว หวังว่าพวกท่านจะพาคนในตระกูลลี้ภัยไปในทันที ข้าจะเอาชีวิตรอดกลับมาขอรับ”“ขวับ!”นายท่านชวีเบือนหน้าหนี ไม่อยากมองเขานายหญิงชวีน้ำตาไหล “เสี่ยวเฟิง เจ้าจะต้องกลับมานะ”“เสี่ยวเฟิง พี่หญิงเข้าใจเจ้า” ชวีอวี้ตบบ่าชวีเฟิงเบาๆ พลางพูดเสียงอ่อนโยนนอกจากเอาชีวิตรอดกลับมา น้องเล็กยังต้องการสร้างเส้นทางที่แตกต่างออกไปให้สกุลชวีอีกด้วย“รีบกลับมา”“ขอรับ...”กู้หว่านเยว่รอที่หน้าประตูนานราวครึ่งก้านธูปแล้ว ชวีเฟิงจึงออกมาเขาหดหู่ใจอย่างมาก สีหน้าลังเล“เสียใจภายหลังตอนนี้ก็สายไปแล้ว รีบไปเถอะ”“ฮองเฮาเข้าใจผิดแล้ว ข้าน้อยไม่ได้เสียใจภายหลัง”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น เขาไม่สมควรเสียใจภายหลังจริงนั่นล่ะ ต่อให้บิดาไม่เข้าใจเขา แต่เขาก็อยากมีชีวิตอยู่ อยาก
“ท่านพี่หญิง เพื่อช่วยพวกท่าน เกือบจะต้องแต่งงานกับวูเหมิงแล้ว ตอนนี้นางยังรอพวกท่านอยู่ที่บ้าน หากพวกท่านไม่อยากให้นางเป็นห่วง ก็ตามข้ามาดี ๆ เถิด”“เจ้า!”นายท่านชวีหมดหนทางแล้ว นายหญิงชวีจึงเกลี้ยกล่อม “ลูกพูดถูกแล้ว รีบกลับบ้านกันเถิด”“ที่เขาทำไปก็เพื่อช่วยพวกเราเช่นกัน”“กว่าพวกเราจะหนีออกมาจากสถานที่บ้า ๆ นั่นได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญที่สุดคือกลับบ้านก่อน”“ก็ได้” นายท่านชวีพยักหน้าอย่างจนใจ“ตามข้ามา”ชวีเฟิงพาทั้งสองคนกลับไปยังสถานที่ที่เขากับกู้หว่านเยว่ผูกม้าไว้ก่อนหน้านี้สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ กู้หว่านเยว่กลับมารออยู่ที่นั่นก่อนแล้ว“พระมเหสี?”ชวีเฟิงวิ่งเข้าไปข้างหน้าด้วยความตกตะลึง“เหตุใดท่านจึงมาถึงเร็วกว่าพวกเราเสียอีกพ่ะย่ะค่ะ?”กู้หว่านเยว่อารมณ์ดีอยู่ไม่น้อย เมื่อครู่นี้ นางเก็บผลึกสีน้ำเงินข้างล่างไปจนหมดเกลี้ยงแล้วคราวนี้ได้รับผลเก็บเกี่ยวไม่น้อยเลยทีเดียวอีกทั้งยังได้ศาสตร์ศพพิษนั่นมาอีก สามารถนำไปศึกษาค้นคว้าให้ดีได้“ข้าใช้ทางลัดออกมา ก็เลยเร็วกว่าพวกเจ้าหน่อย ที่นี่ไม่ควรอยู่นาน พวกเรารีบไปกันเถอะ”กู้หว่านเยว่พลิกตัวขึ้นม้า“พวกคนงานเหมื