“อย่าอุ้มข้า!”นายหญิงซูรีบกล่าวพลางยิ้ม “เด็กคนนี้ไม่ชอบให้ใครอุ้ม จ้านจ้าน มาหาย่าตรงนี้เร็ว”จ้านจ้านเหลือบมองอาหญิงแวบหนึ่ง ก่อนจะเดินไปทำความเคารพนายหญิงซู “หลานคารวะท่านย่าขอรับ”ทุกคำพูดทุกการกระทำ ล้วนดูสง่างามเป็นอย่างยิ่งซูจิ่นเอ๋อร์รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เด็กคนนี้โตแล้ว ไม่น่ารักเลย สู้ตอนที่ยังนอนอยู่ในเปลไม่ได้ ตอนนั้นยังน่ารักกว่าไม่สิ ตอนนอนอยู่ในเปลก็ไม่น่ารัก นางยังจำได้ว่าตอนที่จ้านจ้านอยู่ในเปล ไม่ว่านางจะหยอกล้ออย่างไรเขาก็ไม่ยิ้มพอหยอกล้อนานเข้า ยังจะกลอกตาใส่นางอีกเจ้าเด็กนี่ ไม่ถูกกับนางเอาเสียเลย!เมื่อคนในครอบครัวได้กลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา ก็อยากจะพูดคุยกันบ้าง ซูจิ่นเอ๋อร์จึงโบกมือ ให้เหล่าภรรยาขุนนางพากันไปชมดอกไม้ในสวน“จ้านจ้าน อามีของเล่นสนุก ๆ มาให้เจ้าด้วยนะ อยากจะดูหรือไม่?”ซูจิ่นเอ๋อร์เอ่ยขึ้น สัตว์กินเหล็กตัวหนึ่งก็มุดออกมาจากใต้กระโปรงของนาง คลานต้วมเตี้ยมเข้าไปหาจ้านจ้านดวงตาของจ้านจ้านเป็นประกายขึ้นมา “นี่คืออะไรหรือ?”“สัตว์กินเหล็กตัวน้อย” ซูจิ่นเอ๋อร์หยิกแก้มของหลานชาย ในที่สุดก็มีของบางอย่างที่เจ้าเด็กคนนี้สนใจเสียทีนายหญิงซู
เด็กคนนี้น่าสงสารนักหลังจากที่จี้ฮูหยินและนายท่านจี้จากไป นางก็ถูกส่งไปเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านของท่านลุงได้ยินมาว่าบ้านของพวกเขามีลูกหลายคน คนในครอบครัวจึงไม่ใส่ใจจี้เยว่เลยประกอบกับเด็กคนนี้ไม่ค่อยฉลาดนัก จึงถูกทิ้งไว้ที่เรือนหลัง ไม่มีใครสนใจใยดีวันนี้ องค์หญิงใหญ่เสด็จกลับมาจากเจดีย์หนิงกู่ จึงได้จัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ในครอบครัวขึ้น เชิญเหล่าภรรยาขุนนางเข้ามาในวังมากมาย คาดว่าเด็กคนนี้คงจะเข้ามาในวังพร้อมกับคนในครอบครัว แล้วก็เกิดพลัดหลงขึ้นมาช่างน่าสงสารเสียจริง พลัดหลงไปนานถึงเพียงนี้ ก็ยังไม่มีใครมาตามหา เห็นได้ชัดว่าไม่เป็นที่โปรดปรานชิงเหลียนลูบศีรษะเล็ก ๆ ของจี้เยว่เด็กคนนี้หน้าตาจิ้มลิ้มอ้วนท้วน ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก“บ่าวจะนำเด็กไปส่งคืนให้คนของสกุลซุนเองเจ้าค่ะ นายน้อยทุกท่านไม่ต้องเป็นห่วง”ชิงเหลียนกล่าวจบ ก็หันไปพูดกับจ้านจ้าน“องค์ชายน้อย องค์หญิงใหญ่เสด็จมาแล้ว บอกว่านำของขวัญมาฝากพระองค์ด้วย ตามบ่าวไปดูกันเถิดเจ้าค่ะ”“ได้”จ้านจ้านพยักหน้าอย่างสุขุมราวกับผู้ใหญ่ในความทรงจำของเขามีอาหญิงคนหนึ่ง ตอนเด็ก ๆ อยู่ที่เจดีย์หนิงกู่ก็ยังเคยเล่นกับเขาบ่อย ๆ ทั้งยั
“เจ้าชื่ออะไร?” เว่ยเสียวฉู่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มเด็กหญิงเบะปากเล็กน้อย ดวงตาทั้งสองข้างกวาดมองไปรอบ ๆ ท่าทางที่ไม่ค่อยจะฉลาดนักทำให้เว่ยเสียวฉู่รู้สึกสงสัย“เด็กคนนี้ไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร หรือว่าจะเป็นเด็กโง่กันนะ”เหยียนซือหยวนแสดงท่าทีเห็นด้วย “ดูเหมือนจะใช่นะขอรับ”ระหว่างทางเขาก็ถามเด็กหญิงคนนี้แล้วว่าชื่ออะไร แต่นางกลับทำหน้าซื่อบื้อ ไม่พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวรอบข้างมีคนอยู่มากมายขนาดนี้ เด็กหญิงตัวน้อยจึงรู้สึกกลัวอยู่บ้าง นางเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อย ๆ ขยับขาสั้น ๆ ของตนหลบไปอยู่หลังก้อนหิน แล้วแอบมองพวกเขาเว่ยเสียวฉู่จึงเลิกสนใจนางไปเสียดื้อ ๆ แล้วสั่งให้นางกำนัลคอยดูนางไว้ อย่าให้ตกลงไปในทะเลสาบน้ำแข็งที่เจาะรู จากนั้นก็เรียกเหยียนซือหยวนมากินปลา“ปลาในทะเลสาบหลวง กินได้ด้วยหรือ?”“ให้เจ้ากินก็กินไปเถอะ!”ดังนั้นทั้งสามคนจึงนั่งล้อมวงกัน เริ่มกินปลาย่างชิ้นใหญ่กันอย่างเอร็ดอร่อยณ มุมหนึ่ง เด็กหญิงตัวน้อยจ้องมองพวกเขา น้ำลายไหลยืดจนถึงคางเพียงครู่เดียว นางก็ทนต่อสิ่งยั่วยวนไม่ไหว แอบย่องเข้าไปด้านหลังของทั้งสามคน ดวงตาจับจ้องไปที่ปลาย่างบนส้อมอย่างไม่วางตาเว่ย
เหล่าปลาใต้ทะเลสาบน้ำแข็งต่างตัวสั่นงันงก ให้องค์ชายน้อยผู้นี้รีบจากไปได้หรือไม่? ด้วยบารมีของโอรสแห่งสวรรค์ที่คุ้มครองกาย พวกมันควบคุมตัวเองไม่ให้ไปติดเบ็ดไม่ได้เลย! “แปลกจริง!”เว่ยเสียวฉู่เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติ“เด็กน้อยอย่างเจ้า เหตุใดจึงตกปลาได้อีกแล้ว?”เพียงแค่นั่งอยู่ตรงนี้ครู่เดียว จ้านจ้านก็สะบัดคันเบ็ดตกปลาขึ้นมาได้ถึงสี่ตัวแล้วส่วนนาง ยังไม่ได้อะไรเลย!จ้านจ้านกะพริบตาโตที่น่ารักน่าเอ็นดูของเขา กล่าวด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน”“เจ้า!” เว่ยเสียวฉู่รู้สึกหงุดหงิด นางมองแก้มยุ้ย ๆ ของจ้านจ้าน แล้วยื่นมือไปแกล้งหยิกแรง ๆ “ท่องหนังสือก็สู้เจ้าไม่ได้ ตกปลาก็ยังสู้เจ้าไม่ได้”เหล่าขันทีและนางกำนัลที่อยู่ข้าง ๆ มองดูอยู่ แต่ไม่กล้าเอ่ยปากห้ามคุณหนูเว่ยเป็นบุตรสาวของอัครมหาเสนาบดี ทั้งยังเป็นศิษย์รักของฮองเฮานางเฝ้ามององค์ชายน้อยเติบโตมาหลังจากที่ฮองเฮาและฮ่องเต้เสด็จจากไป ทุกครั้งที่องค์ชายน้อยร้องไห้งอแง ก็มีเพียงนางที่คอยปลอบอยู่ข้าง ๆ กล่าวอย่างไม่เกินจริงเลยก็คือ ในพระราชวังแห่งนี้ นอกจากองค์ชายน้อยแล้ว ก็ไม่มีใครกล้าแสดงความไม่พอใจต่อ
เวลาที่เหลือถึงจะสามารถไปที่ค่ายทหารได้แต่ใครจะรู้ว่า เด็กคนนี้กลับโดดเรียนวันเว้นวันโดดเรียนก็แล้วไปเถอะ แต่ทุกครั้งยังพาองค์ชายน้อยไปด้วยอีกเว่ยเฉิงปวดหัว สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่ลงเว่ยเสียวฉู่แลบลิ้น “ท่านพ่อไม่ต้องกังวลหรอกเจ้าค่ะ เนื้อหาที่สอนในสำนักศึกษา ข้าเรียนรู้หมดแล้ว”“เจ้าเรียนรู้จริงๆ หรือแกล้งทำเป็นเรียนรู้?” เว่ยเฉิงแสดงท่าทีไม่เชื่อ ไม่เชื่อเลยแม้แต่คำเดียว“เรียนรู้แล้วจริง ๆ เจ้าค่ะ หากยังเรียนไม่รู้เรื่อง จะกล้าออกมาได้อย่างไร”ขณะที่ในใจของเว่ยเสียวฉู่กำลังคิดว่าบิดาของตนนี่ช่างจู้จี้เสียจริง อีกด้านหนึ่งก็ก้มหน้าลงเอ่ยถามอย่างร้อนรน “องค์ชาย เจ้าจะไปหรือไม่? หากเจ้าไม่ไป ข้าจะไปก่อนแล้วนะ”“ข้าไปด้วย!”จ้านจ้านยื่นมือเล็ก ๆ สั้น ๆ ของเขาออกไปหาเว่ยเสียวฉู่เว่ยเสียวฉู่ฝึกยุทธ์ทุกวัน ร่างกายจึงเต็มไปด้วยมัดกล้ามตั้งแต่เนิ่น ๆ พละกำลังนั้นมีมากกว่าบุรุษทั่วไปเสียอีกนางยื่นมือไปคว้าเพียงครั้งเดียว ก็อุ้มจ้านจ้านออกมาจากทางหน้าต่าง แล้วพาเขาวิ่งหนีไป“เว่ยเสียวฉู่!” เว่ยเฉิงเดือดดาลเว่ยเสียวฉู่โบกมือ “ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้าน”
“ดูเหมือนจะใช่ ข้าเกือบลืมไปแล้ว...”เว่ยเฉิงหันกลับไป พยายามที่จะค้นหาหนังสือจากชั้นวางหนังสือเพื่อรับมือกับคุณชายน้อยผู้นี้ใครจะไปคาดคิดว่า เด็กน้อยอายุเพียงสามขวบจะมีความทรงจำที่น่าทึ่งถึงเพียงนี้? ตำราที่สอนให้เขาท่องจำ เพียงแค่รอบเดียว เขาก็สามารถท่องออกมาได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์โดยไม่ตกหล่นแม้แต่ตัวอักษรเดียว“ท่านราชครู ท่านกำลังหาอะไรอยู่หรือขอรับ?”บนใบหน้าของจ้านจ้านเผยความสงสัยเหตุใดท่านราชครูถึงดูแปลกประหลาดเช่นนี้ บอกว่าหากท่องตำราพวกนี้จบแล้ว ท่านแม่กับท่านพ่อก็จะกลับมา เหตุใดเขาท่องจบหมดแล้ว แต่ยังไม่เห็นพวกท่านเลยเว่ยเฉิงกระแอมหนึ่งครั้งแล้วหันกลับมา“แค่ก ๆ ไม่ได้หาอะไรพ่ะย่ะค่ะองค์ชายน้อย โปรดฟังกระหม่อมก่อน เพียงแค่ท่องจำตำราเหล่านี้ได้ยังไม่เพียงพอ ยังต้องเข้าใจความหมายที่ตำราเหล่านี้ต้องการจะสื่อด้วยวันนี้กระหม่อมจะเริ่มสอนองค์ชาย บอกเล่าความหมายที่อยู่ในตำราเหล่านี้ให้องค์ชายเข้าใจดีหรือไม่ พวกเรามาเริ่มจากคัมภีร์สามอักษรกันก่อนนะพ่ะย่ะค่ะ”จ้านจ้านส่ายหน้า “ไม่เอา”“เหตุใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ท่านราชครูหลอกลวงข้า”จ้านจ้านทำแก้มป่อง ท่าทางโกรธเคืองเ