ลู่เต๋อฟาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขารู้เรื่องนี้กระจ่างแก่ใจมานานแล้วกู้หว่านเยว่แสดงสีหน้าตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอกับเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้!มิน่าเล่า ตอนอยู่ในสวนฮูหยินลู่ถึงได้อ้อนวอนให้ใต้เท้าลู่ไปตามหาหมอเทวดามา แต่ใต้เท้าลู่กลับทำสีหน้าลำบากใจตอนนั้นกู้หว่านเยว่ยังนึกว่าใต้เท้าลู่ไม่รู้จักหมอเทวดาคนใด จึงได้แสดงสีหน้าลำบากใจออกมาที่แท้กลับเป็นเพราะนายหญิงโจวแกล้งป่วยในเมื่อเป็นแค่การแสร้งทำ ต่อให้เชิญหมอเทวดาที่ไหนมาก็ย่อมไม่มีประโยชน์ลู่เต๋อฟายิ้มอย่างขมขื่น “ภรรยาของข้าน้อยเป็นคนเจียงหนาน บังเอิญได้รู้จักกับข้าน้อย นางไม่เพียงแต่ไม่รังเกียจที่ข้าน้อยอายุมากกว่า แต่ยังยอมเดินทางไกลหลายพันลี้มาแต่งงานกับข้าที่ด่านเซียวแห่งนี้”กู้หว่านเยว่ฟังแล้วก็เข้าใจ เกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าโจวคงจะรังเกียจที่บ้านของใต้เท้าลู่อยู่ไกลเกินไป ทั้งอายุยังมาก จึงไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้แต่เมื่อบุตรสาวตัดสินใจแน่วแน่แล้ว นางไม่อาจขัดขวางได้ จึงทำได้เพียงใช้วิธีนี้“ทำให้ฝ่าบาทและฮองเฮาต้องเห็นเรื่องน่าหัวเราะแล้ว”ลู่เต๋อฟารู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง“แล้วฮูหยินลู่ไม
ดูจากอายุของใต้เท้าลู่ผู้นี้แล้ว ต่อให้ไม่ถึงสามสิบห้าก็คงสามสิบเป็นอย่างต่ำ แต่ฮูหยินกลับยังเยาว์วัยถึงเพียงนี้ มีหรือจะไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจ“น้องหญิงวางใจเถิด เรื่องอาการป่วยของท่านแม่ ข้าจะหาทางแก้ไขให้ได้อย่างแน่นอน จะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องน้อยเนื้อต่ำใจเป็นอันขาด”ใต้เท้าลู่กอดฮูหยินลู่ไว้ พลางปลอบโยนอยู่นานสองนานฮูหยินลู่จึงหยุดร้องไห้ได้ในที่สุด เพียงแต่หลั่งน้ำตาไม่กี่หยดก็แล้วกันไปกู้หว่านเยว่หดศีรษะกลับ “พวกเราไปกันเถิด อย่าไปรบกวนพวกเขาสองสามีภรรยาเลย”ซูจิ่งสิงก็อยากจะไปจากที่นี่แล้วน้องหญิงของเขาเวลาผ่านไปที่ใดก็ชอบดูเรื่องสนุกไปเสียหมด หากบังเอิญไปเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นของสามีภรรยาที่กำลังพลอดรักกันในเรือนเข้า จะไม่กระอักกระอ่วนใจแย่หรือเขารีบจูงมือกู้หว่านเยว่จากไปทันทีทั้งสองคนเพิ่งจะก้าวเท้าจากไปได้ไม่ทันไร คนรับใช้ก็รีบร้อนวิ่งเข้ามา“ใต้เท้า ฮูหยิน แย่แล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินผู้เฒ่าปวดมือจนทนไม่ไหว กำลังประท้วงอดอาหารอยู่ในเรือน”“ว่ากระไรนะ?” สีหน้าของฮูหยินลู่ตื่นตระหนก รีบหันไปมองใต้เท้าลู่ “เมื่อวานท่านแม่ก็ไม่ได้ทานอะไร วันนี้ยังจะไม่ทานอีก ร่างกายจะทนไม่ไหว
จ้านจ้านตื่นเต้นอย่างยิ่ง “เช่นนั้นก็ดีเลย ท่านแม่ ท่านจะพาข้าไปพบพวกเขาเมื่อใดหรือ?”อย่างไรเสียเขาก็ยังเป็นเด็ก เมื่อเห็นผู้อื่นมีครอบครัวฝั่งท่านตาคอยรักใคร่เอ็นดู เขาก็ย่อมอยากมีบ้างกู้หว่านเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “แม่ก็อยากพาเจ้าไปเช่นกัน แต่ตอนนี้ยังไปไม่ได้ ต้องจัดการเรื่องในตอนนี้ให้เรียบร้อยก่อน แล้วหาเวลาที่เหมาะสมแม่ถึงจะพาเจ้าไปที่ราบแห่งความโกลาหล เพื่อพบท่านตาและท่านยาย”ทว่า กู้หว่านเยว่เชื่อว่าเวลานั้นคงอีกไม่นานนักจ้านจ้านกะพริบตาปริบ ๆ “ท่านแม่ถือโอกาสนี้มีน้องสาวให้ข้าสักคนดีหรือไม่ ถึงตอนนั้นก็พาข้ากับน้องสาวไปพบท่านตากับท่านยายด้วยกัน พวกท่านต้องดีใจมากแน่ ๆ ”จ้านจ้านเสนอความคิดอย่างใสซื่อ ทำเอากู้หว่านเยว่ถึงกับตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก!ให้ตายเถิด เจ้าลูกคนนี้ช่างยึดติดกับการมีน้องสาวจริง ๆ กู้หว่านเยว่ยกมือกุมหน้าผากอย่างจนใจ “จ้านจ้าน น้องสาวไม่ใช่ว่าจะคลอดออกมาง่าย ๆ หากคลอดออกมาเป็นน้องชายอีกจะทำอย่างไร?”“หากเป็นน้องชายข้าก็ชอบเหมือนกัน แต่หลังจากท่านแม่คลอดเขาแล้ว ก็ต้องมีน้องสาวให้ข้าอีกคนนะ”จ้านจ้านเอ่ยอย่างจริงจัง จนกู้หว่านเยว่ต้องยื่นมือไ
ลู่เต๋อฟาเช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วรีบกล่าวว่า “ฝ่าบาท ฮองเฮา ข้าน้อยได้ตรวจสอบแล้วว่ากลุ่มก่อไฟที่เข้ามาในเมืองช่วงนี้มีทั้งหมดหกกลุ่มพ่ะย่ะค่ะ ทั้งหกกลุ่มนี้ล้วนเป็นกลุ่มที่รับจ้างทำอาหารให้แก่บ้านที่จัดงานเลี้ยง ข้าน้อยได้ควบคุมตัวพวกเขาไว้ทั้งหมดแล้ว รอเพียงฝ่าบาทและฮองเฮามีรับสั่งตัดสินพ่ะย่ะค่ะ”คาดไม่ถึงว่าจะมีกลุ่มก่อไฟเข้ามาถึงหกกลุ่ม หากกลุ่มก่อไฟทั้งหกกลุ่มนี้ต่างพกพาสูตรยาสำหรับแพร่เชื้อโรคระบาดมาด้วย ไม่นานเชื้อโรคก็จะแพร่กระจายออกไปผ่านทุกคนที่เข้าร่วมงานเลี้ยง ถึงเวลานั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงยากจะคาดเดาซูจิ่งสิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “คนที่พวกเขาส่งมา เกรงว่าคงไม่ได้มีเพียงหกกลุ่มนี้ จับกุมพวกเขาทั้งหมดมาสอบสวนทีละคน และต้องเค้นให้ได้ว่าใครคือผู้สมรู้ร่วมคิด”ซูจิ่งสิงคาดเดาว่า กลุ่มก่อไฟทั้งหกกลุ่มนี้ อาจเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น ยังมีกลุ่มก่อไฟอีกมากมายที่แฝงตัวเข้าไปในเมืองอื่น ๆ แล้ว แม้ว่าผงยาที่ใช้แพร่โรคระบาดจะถูกกู้หว่านเยว่เก็บไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าพรรคกบฏกลุ่มนั้น จะยังมีแผนสำรองอื่นอีกหรือไม่หากแผนนี้ของพวกเขาใช้ไม่ได้ผล แล้วเปลี่ยนไปใ
เมื่อคิดว่าด่านเซียวของพวกเขาไม่ใช่สถานที่ที่คึกคักและเจริญรุ่งเรือง ทั้งยังไม่ใช่ป้อมปราการสำคัญของต้าฉีและทูเจวี๋ย เขาก็แทบจะไม่ได้เข้าเมืองหลวงเพื่อรายงานราชการเลยตลอดหลายปีคาดไม่ถึงว่าครั้งนี้ฝ่าบาทและฮองเฮาจะเสด็จมาเยือนถึงด่านเซียวด้วยพระองค์เอง ทำให้เขามีวาสนาได้เข้าเฝ้าพระพักตร์ มีหรือที่จะไม่รู้สึกตื่นตระหนกและหวาดหวั่น“หากข้าน้อยดูแลต้อนรับขาดตกบกพร่องประการใด ขอฝ่าบาทและฮองเฮาโปรดอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ”กู้หว่านเยว่อุ้มจ้านจ้านพลางหยิบขนมชิ้นหนึ่งป้อนให้เขาซูจิ่งสิงโบกมือ “ลุกขึ้นเถิด ข้าเดินทางมาครั้งนี้เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการ เจ้ามิต้องมากพิธี”ซูจิ่งสิงเหลือบมองผู้ว่าการอำเภอผู้นี้แวบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม “เจ้าชื่ออะไร?”“ข้าน้อยลู่เต๋อฟา ถวายบังคมฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ” ลู่เต๋อฟาเพิ่งจะลุกขึ้น ก็รีบคุกเข่าลงไปอีกครั้งกู้หว่านเยว่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ให้ลุกก็ลุกขึ้นเถิด คอยแต่จะคุกเข่าอยู่เรื่อย แล้วจะสนทนากันได้อย่างไร? แต่ว่าชื่อของเจ้านี่น่าสนใจดีนะ”ลู่เต๋อฟารีบลุกขึ้นยืน ลูบศีรษะอย่างเขินอายแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เป็นชื่อที่ท่านปู่ของข้าน้อยตั้งให้ขอรับ บรรพบุรุษของข้าน้อ
ที่แท้หมอเทวดาคนนั้นก็อยู่ในหมู่บ้าน ยิ่งง่ายต่อการรวบตัวทั้งหมดในคราวเดียวแล้วหลังจากกู้หว่านเยว่ถามข้อมูลที่อยากรู้เสร็จแล้ว ก็ชกเหยาจ้าวหมดสติในหมัดเดียว หลังจากนั้นเก็บเขาเข้าไปในมิติ“ท่านพี่ ไปกันเถอะ พวกเราไปจับหมอเทวดาคนนั้น”ซูจิ่งสิงพยักหน้าเนื่องจากทั้งสองรู้ที่อยู่ของหมอเทวดาแล้ว ดังนั้นจึงตรงไปยังที่พักของเขา ทำการจับตัวหมอเทวดาคนนั้นไว้ทันทีหลังจากตีหมอเทวดาคนนั้นจนหมดสติ กู้หว่านเยว่กวาดมองโดยรอบ พบว่ามีไหดินเผ่าวางเรียงรายอยู่หลายใบ ทุกใบล้วนถูกปิดผนึกไว้อย่างดีนางอดระแวงไม่ได้“ท่านพี่ ของที่อยู่ในไหดินเผาพวกนี้ น่าจะเป็นผงยาที่พวกเขาใช้แพร่โรคระบาด ท่านระวังหน่อยนะ อย่าไปแตะโดนผงยาพวกนี้ ให้ข้าเก็บผงยาทั้งหมดเข้าไปในตึกยาของมิติก่อน”ไม่รู้ว่าพวกเขาใช้ผงยาอะไรกันแน่ กู้หว่านเยว่กังวลผงยานี่แพร่เชื้อได้ง่าย หากไม่ระวังสัมผัสโดน อาจติดโรคระบาดได้เลยดังนั้นนางจึงเตือนซูจิ่งสิงก่อนซูจิ่งสิงก็รู้ถึงความอันตรายของมัน จึงพยักหน้าถอยหลังสองก้าว พยายามอยู่ให้ห่างจากไหดินเผาพวกนั้นพลันกู้หว่านเยว่ก็โบกมือน้อยๆ เก็บไหเข้าไปในมิติทั้งหมดหลังจากมั่นใจว่าภายในห้