บ่าวคนนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบชีวิตประจำวัน อาหารการกิน และยารักษาโรคของหนานหยางอ๋องขอเพียงหลอกใช้บ่าวรับใช้สักหน่อย ความผิดก็สามารถตกเป็นของกู้หว่านเยว่ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ากู้หว่านเยว่ช่วงนี้ดูอาการป่วยให้หนานหยางอ๋องบ่อยๆ ย่อมไม่อาจบ่ายเบี่ยงความผิดได้กู้หว่านเยว่จับคาง นี่ไม่ได้อยู่ในหนังสือต้นฉบับ แต่ดูเหมือนว่านางจะทำให้ฟู่เยียนหรานขุ่นเคืองมากเสียจนเริ่มคิดจะฆ่านกสองตัวด้วยหินก้อนเดียวเมื่อหนานหยางอ๋องถูกวางพิษสารหนู นางจะต้องกล่าวหากู้หว่านเยว่ว่าทำผิดร้ายแรง ไม่มีทางกลับมาได้อีกแต่กู้หว่านเยว่กลัวหรือ? ย่อมไม่ นางเองก็อยากจะรู้นัก ว่าใครกันแน่ที่จะไม่มีทางกลับมาได้อีก“เจ้าตรวจสอบบ่าวคนนั้นให้ละเอียด ดูว่าในห้องเขามีสิ่งที่ฟู่เยียนใช้ซื้อตัวเขาบ้างหรือเปล่า?”ในเมื่อฟู่เยียนหรานอยากเล่นละครฉากใหญ่ เช่นนั้นข้าก็จะเล่นเป็นเพื่อนนางเองฉู่เฟิงเหลือบมองซูจิ่งสิงแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ขอรับ”นายท่านเคยบอกว่า เห็นฮูหยินเหมือนเห็นเขา คำพูดของฮูหยินต้องเชื่อฟังฉู่เฟิงรีบไปตรวจสอบ เช้าวันนี้คลื่นลมสุขสงบ แต่ในวันรุ่งขึ้น ฟู่เยียนหรานกลับรีบเดินมาที่หอนอนรวมพร้อมกลุ่ม
มู่หรงอวี้ก็อยู่ในห้อง แสร้งทำเป็นห่วงใยหนานหยางอ๋อง เมื่อเห็นกู้หว่านเยว่เดินเข้ามา ดวงตาของเขาก็เย็นชาทันที“กู้หว่านเยว่ เจ้าช่างกล้านัก ในฐานะนักโทษ กลับกล้าวางยาหนานหยางอ๋อง”กู้หว่านเยว่ที่สวมหมวกใบใหญ่มองมู่หรงอวี้ด้วยแววตาขบขัน นางไร้ท่าทางอับอาย แต่หันไปพูดกับแม่ทัพหลี่ว่า“ข้าจะไปดูท่านอ๋องผู้เฒ่า”“อืม” แม่ทัพหลี่พยักหน้า เขายังคงเต็มใจที่จะเชื่อกู้หว่านเยว่กู้หว่านเยว่ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เวลานี้ หนานหยางอ๋องกำลังนอนอยู่บนเตียง สองตาปิดสนิท ใบหน้าซีดเซียวดูคล้ายถูกพิษจริงๆแต่กู้หว่านเยว่รู้ดีว่าหนานหยางอ๋องหมดสติไปชั่วคราวเท่านั้นสารหนูถูกสับเปลี่ยนแล้ว ฉีดยาสักเข็ม ประเดี๋ยวหนานหยางอ๋องก็ตื่นขึ้นมาได้แล้วมู่หรงอวี้ปรี่เข้ามาขวางหน้านาง“แม่ทัพหลี่ กู้หว่านเยว่คนนี้เป็นคนวางยาพิษ ไม่อาจให้จับชีพจรของท่านอ๋องผู้เฒ่าได้แล้วขอรับ”“ใช่แล้ว” ฟู่เยียนหรานรีบมายืนข้างมู่หรงอวี้ รับคำมู่หรงอวี้มา “ท่านอ๋องพูดถูก ท่านพ่อถูกกู้หว่านเยว่ทำร้ายถึงขั้นนี้ ข้าจะไม่ยอมให้กู้หว่านเยว่ลงมือกับท่านพ่อได้อีกแล้ว”มู่หรงอวี้ยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้จักกับปรมาจารย์แพทย์ ไม่สู้ให้
ทันทีที่เสี่ยวเหอเข้ามา เขาก็มองไปที่ฟู่เยียนหรานด้วยความกลัว ปรี่ไปกอดต้นขาของแม่ทัพหลี่ทันที“ท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพช่วยข้าด้วยขอรับ มีคนจะฆ่าข้า!”“ตอนที่ข้าไปถึง ก็มีคนรัดคอเสี่ยวเหอเอาไว้บนขื่อ โชคดีที่เขามีบุญมาก เชือกเลยขาดเสียก่อน ไม่ถูกรัดคอตาย” หวังปี้พูดพร้อมกับขมวดคิ้วเรื่องนี้ชักจะเริ่มแปลกขึ้นเรื่อยๆถ้าจะบอกว่าไม่มีเงื่อนงำ ตีให้ตายเขาก็ไม่เชื่อ“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” แม่ทัพหลี่เองก็เป็นคนช่างสังเหต ไม่ถูกต้อง คุณหนูใหญ่จะตื่นตระหนกเช่นนั้นทำไม?“คุณหนูใหญ่นาง นางต้องการจะฆ่าข้าปิดปาก!” เสี่ยวเหอชี้ไปที่ฟู่เยียนหรานอย่างรวดเร็วเมื่อครู่ที่อยู่ในห้อง เขานับเงินที่ฟู่เยียนหรานให้มาอย่างมีความสุขหนานหยางอ๋องดีต่อเขาไม่น้อย เขาเองก็รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรตอนที่เขากำลังจะหนี ด้านนอกก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วรัดคอของเขาเอาไว้แน่นถ้าไม่ใช่เพราะเชือกขาด หัวกับร่างเขาคงแยกออกจากกันแล้ว“เจ้ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่? หุบปากสุนัขของเจ้าไปเสีย ห้ามพูดแล้ว!” ฟู่เยียนหรานคิดจะเดินไปปิดปากเขา“คุณหนูใหญ่ฟู่ ท่านตื่นตระหนกขนาดนั้นทำไมกัน? หรือว่าท่านคิดจะฆ่าคนป
“เจ้าทำให้พ่อผิดหวังมาก” หนานหยางอ๋องขมวดคิ้วแล้วมองฟู่เยียนหรานครู่หนึ่ง“ท่านพ่อ ไม่ใช่นะเจ้าคะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลย...” ฟู่เยียนหรานยังคงแสร้งทำเป็นไร้เดียงสาหนานหยางอ๋องหันไปมองมู่หรงอวี้โดยตรง จากนั้นกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา“หวายหนานอ๋อง ละครฉากนี้ก็แสดงมาพอสมควรแล้ว เรื่องราวในวันนี้ ข้าจะรายงานต่อฝ่าบาทอย่างละเอียด ให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”“ท่านอ๋องอาวุโส...”มู่หรงอวี้ก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ถ้าให้เสด็จพี่รู้ว่าเขาก่อความวุ่นวายข้างนอก และยังคิดจะยึดอำนาจทางการทหารอีก จะต้องเริ่มระแวงเขาแน่ ๆเช่นนั้นภาพลักษณ์คุณชายเสเพลที่เขาสร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากตลอดหลายปี ก็จะพังทลายลง“ออกไป!”หนานหยางอ๋องขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับเขาอีกต่อไปมู่หรงอวี้กัดฟันแน่น ในฐานะท่านอ๋องเหมือนกัน เขาต้องถ่อมตนขนาดนี้ก็เพื่อเอาใจหนานหยางอ๋อง แต่ในเมื่อตอนนี้ได้ฉีกหน้ากันไปแล้ว ก็ไม่มีอะไรต้องเสแสร้งอีก“ขอท่านอ๋องโปรดรักษาสุขภาพด้วย”มู่หรงอวี้สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป อย่างมากก็แค่กลับเมืองหลวงไปบอกเสด็จพี่ว่าหนานหยางอ๋องคิดจะก่อกบฏ เขาจึงต้องลงมือสั่งสอนในเมื่อหนานหยา
“ข้าขอถอนคำชมเมื่อครู่นี้”คนผู้นี้ยังไม่ตายเลย ก็นำเสื่อฟางมาห่อแล้วกตัญญู กตัญญูเกินไปแล้ว!“ให้ข้าตรวจดูคุณชายของเจ้าหน่อยเถอะ” กู้หว่านเยว่ถอนหายใจเบา ๆ อย่างจนปัญญา แล้วจึงย่อตัวลงจับชีพจรของเด็กหนุ่ม ครู่หนึ่งก็ชักมือกลับ และเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ“ไม่มีอะไรมาก คุณชายของเจ้าเป็นลมเพราะความหิว”ในขณะเดียวกัน นางก็รู้สึกประหลาดใจมาก เด็กหนุ่มและคนรับใช้คนนี้ดูเหมือนจะมีฐานะดี เหตุใดถึงปล่อยให้ตัวเองหิวจนเป็นลมได้?“เจ้าไปหาอะไรให้คุณชายของเจ้ากินหน่อยเถอะ พอกินเสร็จก็จะดีขึ้นเอง”กู้หว่านเยว่ลุกขึ้นแล้วกล่าวเสี่ยวหรงกล่าวอย่างกระวนกระวาย “ข้าน้อยไม่มีอะไรกิน เงินก็ไม่มีติดตัวแล้ว ที่ต้องคุกเข่าอยู่ตรงนี้ ก็เพราะอยากขายตัวเอง เพื่อจะได้ซื้อโลงศพดี ๆ ฝังศพคุณชาย”กู้หว่านเยว่ ...“คุณชายของเจ้าแอบหนีออกจากบ้านมาหรือ?”เสี่ยวหรงอ้ำอึ้ง จากนั้นก้มหน้าลงกู้หว่านเยว่คิดในใจว่าแต่ละคนล้วนมีความลับของตัวเอง จึงไม่ได้ถามต่อ ลุกขึ้นแล้วกล่าวว่า“เจ้าแบกคุณชายของเจ้ามาที่ห้องครัวเถอะ ข้าจะทำอะไรให้เขากินสักหน่อย”ห้องครัวของโรงเตี๊ยมก็ไม่ได้ใช้ได้ฟรี ๆ ทุกครั้งที่ใช้ต้องจ่
ขณะที่นายบ่าวทั้งสองกำลังกินอยู่นั้น จู่ ๆ ก็เสียงฝีเท้าดังวุ่นวายมาจากข้างนอกสีหน้าของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป จากนั้นรีบไปส่องดูที่ช่องประตูเห็นกลุ่มคนชุดดำถือดาบเข้ามาและกำลังค้นหาภายในเรือน“เป็นคนของสวีหลาน พวกเขาตามมาแล้ว เสี่ยวหรงเรารีบหนีเร็ว!”“คนชุดดำพวกนั้นตามพวกเจ้ามา หรือว่าเป็นพวกที่ทำร้ายเจ้าตอนที่อยู่เมืองชิงหนิวเมื่อคราวก่อน?”“อืม”เด็กหนุ่มรีบพยักหน้า จับมือเสี่ยวหรงเตรียมที่จะวิ่ง“เดี๋ยวก่อน” กู้หว่านเยว่รีบขวางพวกเขาไว้ ดวงตาของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “ท่านจะหักหลังพวกเราหรือ?”กู้หว่านเยว่กลอกตา “เจ้าเป็นโรคหวาดระแวงหรือไร? หากพวกเจ้าวิ่งออกไปแบบนี้ ไม่นานก็จะถูกพวกเขาตามทัน”“เช่นนั้นจะทำอย่างไร?”เห็นคนชุดดำพวกนั้นกำลังจะค้นมาถึงห้องครัวแล้วสายตาของกู้หว่านเยว่มองไปที่ทั้งสองคน จากนั้นจึงพูดว่า “พวกเจ้าสองคนถอดเสื้อผ้าออก ข้าจะเปลี่ยนชุดให้พวกเจ้า”“หา?” เด็กหนุ่มงุนงงกู้หว่านเยว่ยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัยครู่ต่อมา คนชุดดำข้างนอกก็บุกเข้ามาภายในห้องครัว กู้หว่านเยว่กำลังทำอาหารส่วนซูจิ่งสิงกำลังก่อไฟอยู่หลังเตานอกจากพวกเข
ไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สนใจใคร คงเป็นเพราะเขามีทั้งความเกลียดและความเจ็บปวดต่อหลี่ฮูหยิน“ในเมื่อแม่เลี้ยงของเจ้าส่งนักฆ่ามาตามฆ่าเจ้าตลอด แล้วเจ้าจะทำอย่างไรต่อไป?”หลี่เฉินอันครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ข้าอยากกลับไปที่เจดีย์หนิงกู่ ติดต่อกับท่านลุงก่อน แล้วค่อยบอกเรื่องนี้กับท่านพ่อ”เพียงแต่ว่าหลี่ฮูหยินจิตใจโหดเหี้ยม ส่งนักฆ่ามาดักรอตลอดทางเขากลัวว่าตัวเองจะมีชีวิตรอดไม่ถึงเจดีย์หนิงกู่ ก็จะกลายเป็นศพข้างทางถึงจะสุขุมมากเพียงใด ก็ยังเป็นแค่เด็กอายุสิบเอ็ดปี หลี่เฉินอันยืนอยู่ข้าง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความสับสนกู้หว่านเยว่รู้สึกใจเต้นเล็กน้อย จึงดึงซูจิ่งสิงไปคุยกันข้าง ๆ“เจ้าอยากพาหลี่เฉินอันไปด้วยหรือ?”ไม่ต้องให้นางพูด ซูจิ่งสิงก็เดาความคิดของนางได้“ใช่” กู้หว่านเยว่พยักหน้า จากนั้นเอ่ยกับซูจิ่งสิง “หลี่เฉินอันเป็นลูกชายของหลี่โหวแห่งเจดีย์หนิงกู่”ซูจิ่งสิงเข้าใจความคิดของกู้หว่านเยว่ทันทีพวกเขากลุ่มนี้ถูกเนรเทศไปยังเจดีย์หนิงกู่ ไม่มีฐานอำนาจหรือเส้นสายอะไรเลยในเจดีย์หนิงกู่วิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการสร้างรากฐานที่มั่นคงในที่แห่งนั้นคือ การสนับสนุนคนของเราเองสิ่งที
ซุนอู่เหลือบมองทั้งสองคนอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเบ้ปากกล่าวขึ้น“ดีจริง ๆ แม่นางน้อยกู้ เจ้าว่านักโทษเนรเทศอย่างเจ้า ซื้อบ่าวมาปรนนิบัติสองคนมันเป็นอย่างไรกัน? ดูเหมือนจะอยู่สุขสบายกว่านักการอย่างพวกเราเสียอีก”ซุนอู่เป็นคนปากร้าย แต่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรกู้หว่านเยว่ส่ายหัวอย่างจนใจ แอบยัดของบางอย่างใส่ในอกเขา“พี่ใหญ่ซุน นี่กับแกล้มให้ท่าน”“อะไรน่ะ?”ซุนอู่เปิดถุงกระดาษดู เห็นเนื้อกวางตุ๋นที่หอมกรุ่นจนเขาน้ำลายไหล จากนั้นก็หัวเราะออกมาทันที“เจ้าก็นะ เกรงใจพี่ใหญ่ทำไมกัน เห็นพวกเจ้าใช้ชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ข้าก็รู้สึกดีใจไปด้วย”หลี่เฉินอันและเสี่ยวหรงก็ได้อยู่ในขบวนนักโทษเนรเทศอย่างราบรื่น“ต่อจากนี้ไป เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเจ้าชื่อเสี่ยวอัน เจ้าชื่อเสี่ยวหรง จำไว้ว่าอย่าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเจ้าเด็ดขาด”กู้หว่านเยว่กล่าวเตือนทั้งสองคนหลี่เฉินอันรีบพยักหน้า เขาห่วงชีวิตของตัวเองมากกว่ากู้หว่านเยว่เสียอีก“เอาล่ะ พวกเจ้าทั้งสองคงตกใจมาก ไปหาที่นอนพักผ่อนก่อนเถอะ”การเป็นสาวใช้ ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนในตอนนี้ กู้หว่านเยว่ยังมีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเป็นอย่างมาก“ขอบคุณ
“พี่หญิง บางทีท่านอาจจะรู้สึกว่าข้ารักตัวกลัวตาย แต่ในใจกลับรู้สึกว่าหนานเจียงไม่มีที่ยืนสำหรับพวกเราแล้วบางทีสิ่งที่ข้าทำอาจช่วยทำให้สกุลชวีมีทางรอด”“ทางรอด?”เมื่อชวีอวี้ได้ยินคำพูดนี้ รอยยิ้มเย้ยหยันก็ปรากฏขึ้นที่ใบหน้า“สกุลชวีของเราไม่มีทางรอดแล้ว”นางมองไปทางชวีเฟิง“คิดว่าตอนที่เจ้าเพิ่งเข้ามาก็เห็นแล้ว ข้างนอกล้วนเป็นคนของสกุลวู ฮองเฮาอยากให้พวกเราตาย สกุลวูก็อยากให้พวกเราตาย พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว”ในแววตาของนางเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ราวกับว่าเคยผ่านความเป็นความตายมาแล้วชวีเฟิงนึกถึงอะไรบางอย่างกะทันหัน“พี่ชวีหลิงล่ะ?”เขาเป็นคู่หมั้นของพี่หญิง เหตุใดจึงไม่เห็นเขาปรากฏตัว และพี่หญิงก็ไม่ได้พูดถึงเขาเลยจู่ๆ เขาก็มีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี“พี่หญิง พี่ชวีหลิงล่ะ?”จนกระทั่งเวลานี้เอง ในที่สุดร่างกายของชวีอวี้ก็สั่นอย่างไม่สามารถควบคุม นางปิดหน้า หยดน้ำตาไหลออกมาจากระหว่างนิ้ว “ตายแล้ว เขาตายแล้ว”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ จิตใจได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ถึงว่าชวีอวี้จะแต่งงานกับวูเมิ่ง ชวีหลิงไม่เคยปรากฏตัวเลย“วูเมิ่งฆ่าเขาหรือ?”ชวีเฟิง
กู้หว่านเยว่ยกกระเบื้องแผ่นหนึ่งขึ้น แล้วมองเข้าไปในห้อง“เป็นอย่างไรบ้าง?” ชวีเฟิงกล่าวถาม“ในห้องมีแค่คุณหนูใหญ่สกุลชวีคนเดียว ไม่เห็นพ่อแม่เจ้า”หลังจากกู้หว่านเยว่สำรวจดูอย่างละเอียด สายตาไปตกที่ใบหน้าชวีอวี้ หน้าตางดงาม มีเสน่ห์แบบคนต่างแดน นางเป็นหญิงงามจริงๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่วูเมิ่งยอมทำทุกอย่างเพื่อแต่งงานกับนางเดี๋ยวก่อน กู้หว่านเยว่เห็นชวีอวี้ล้วงมีดสั้นออกจากแขนเสื้อกะทันหัน“เหมือนว่าพี่หญิงเจ้าจะฆ่าตัวตาย”“อะไรนะ!”ชวีเฟิงไม่สามารถสงบสติอารมณ์แล้ว กระโดดลงจากคานโดยตรง แล้วปีนเข้าไปในห้องผ่านหน้าต่างที่อยู่ด้านหลังการเคลื่อนไหวนี้ทำให้ยามในเรือนรู้ตัวทันที“ใคร?”มียามสองคนมาตรวจดู และเจอเข้ากับกู้หว่านเยว่ที่ตามหลังมาพอดี“โทษที”พลันกู้หว่านเยว่ยกมือขว้างผงพิษออกไป ทำให้ยามสองคนนี้หมดสติโดยตรง“พี่หญิง ท่านกำลังทำอะไร?” ชวีเฟิงมาถึงตรงหน้าชวีอวี้แล้ว เขาแย่งมีดสั้นมาด้วยมือเปล่าโดยไม่สนใจความคม“เจ้า?”ชวีอวี้ตกใจ เนื่องจากชวีเฟิงในเวลานี้กำลังปลอมตัว ดังนั้นชั่วขณะนางจึงจำไม่ได้กระทั่งได้ยินเสียงที่คุ้นเคย ในที่สุดก็รู้แล้วว่าคนตรงหน้าก็คือชวีเฟิงน
“ท่านพ่อกับท่านแม่ล่ะ พวกเขาถูกปล่อยออกมาแล้วหรือ?”“ยังเจ้าค่ะ ทางสกุลวูบอกว่ารอท่านแต่งเข้าไปแล้ว พวกเขาจึงจะปล่อยนายท่านกับฮูหยินออกมา”คนรับใช้พูดพลางกำหมัดแน่นเพื่อบีบให้คุณหนูใหญ่แต่งงานกับคุณชายใหญ่สกุลวู พวกเขาถึงกับจับนายท่านกับฮูหยินไป“วันนี้เป็นวันมงคลของข้า แต่พวกเขายังขังพ่อแม่ของข้าไว้ในคุก และยังไม่ให้พวกเขามาร่วมงานแต่งของข้า นี่มันงานแต่งแบบไหนกัน”รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏที่มุมปากชวีอวี้“คุณหนูใหญ่…”“พอแล้ว เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไปก่อนเถอะ ข้าอยากอยู่ที่นี่เงียบๆ สักพัก”ชวีอวี้หลับตา ท่าทางดูอ่อนล้ามาก ราวกับไม่อยากเอ่ยปากพูดอีกแม้แต่คำเดียวคนรับใช้มองนางอย่างระมัดระวังแวบหนึ่ง รู้เช่นกันว่าตอนนี้นางไม่สบายใจ ไม่อยากพูดอะไรมากอีก กลัวว่าสภาพจิตใจของชวีอวี้จะยิ่งหดหู่ด้วยเหตุนี้จึงหมุนกายเดินออกไป และปิดประตูห้องอย่างเชื่อฟัง“ที่นี่หรือ?”นอกประตูของสกุลชวีในเวลานี้ กู้หว่านเยว่มองดูคฤหาสน์ที่แขวนผ้าสีแดงและโคมไฟสีแดงเต็มไปหมด มีความสงสัยปรากฏขึ้นในแววตา“ใช่ ที่นี่แหละ”ชวีเฟิงกำหมัดแน่น สีหน้ายิ่งดูน่าเกลียดหลังจากเข้าเมือง ระหว่างทางก็ได้ยินผู้คน
ชวีเฟิงหัวเราะเยาะ “สกุลวูเชี่ยวชาญแมงป่องพิษ เพราะช่วยฮองเฮาเพาะเลี้ยงราชาแมงป่องพิษ ดังนั้นเฮาฮองจึงให้ความสำคัญมากเดิมทีตระกูลของพวกเขารั้งท้ายสุดในห้าตระกูลใหญ่ แต่ตอนนี้สกุลชวีของเราเข้ามาแทนที่ ได้กระโดดขึ้นไปเป็นผู้นำห้าตระกูลใหญ่และสาเหตุที่ฮองเฮาจะเล่นงานสกุลชวีของเรา ก็เป็นเพราะสกุลวู”ที่แท้คุณหนูใหญ่สกุลชวีที่วูเมิ่งคุณชายใหญ่สกุลวูชอบก็คือชวีอวี้พี่สาวแท้ๆ ของชวีเฟิงแต่ชวีอวี้มีคนในใจนานแล้ว ซึ่งเป็นคนในตระกูลสกุลชวีก็ให้ทั้งสองหมั้นหมายกันนานแล้ว ย่อมไม่มีทางตอบตกลงวูเมิ่ง“วูเมิ่งคนนี้มักจะวนเวียนอยู่ในบ่อนพนันหรือซ่องโสเภณี เขาก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของห้องปรุงพิษ จิตใจอำมหิตไร้ความปรานี เชี่ยวชาญการใช้ยาพิษ เพื่อบรรลุเป้าหมายไม่เลือกวิธีการ ครั้งหนึ่งเคยมีคนจากหมู่บ้านหนึ่งล่วงเกินเขา เขาถึงกับวางยาพิษฆ่าคนทั้งหมู่บ้าน หลังจากเกิดเรื่องก็สั่งให้คนปิดเรื่องนี้เพียงแต่ตอนนั้นสกุลชวีของเราพอจะมีอิทธิพลอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรู้เรื่องนี้อย่างลับๆคนต่ำช้าที่จิตใจอำมหิตและเห็นชีวิตของคนเป็นผักปลาอย่างเขา อย่าว่าแต่พี่หญิงไม่ชอบเขาเลย สกุลชวีของเราก็ไม่มีทางให้พี่หญิงแต
กู้หว่านเยว่พยักหน้า เดิมทีนางเองก็ไม่ได้คิดจะอยู่ในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้อยู่แล้ว แค่อยากเข้าไปพักผ่อน แวะกินอาหารเช้าแล้วค่อยเดินทางต่อก็เท่านั้น ภารกิจก็ต้องทำ ข้าวก็ต้องกิน“ไป เราเข้าไปดูก่อนเถอะ”กู้หว่านเยว่ขี่ม้ามาถึงหน้าประตูเมือง จากนั้นก็มองพิจารณาชื่อของเมืองแห่งนี้“เมืองโยวหุน”นางกระตุกมุมปาก ชื่อของเมืองนี้ฟังดูแปลกยิ่งนัก หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นเมืองผีในระหว่างนั้นขนตามตัวก็พากันลุกซู กู้หว่านเยว่กลงจากหลังม้า และเดินเข้าไปในเมืองโยวหุนผู้คนที่สัญจรในเมืองแห่งนี้มีจำนวนมากนางในตอนนี้แต่งตัวเป็นคนหนานเจียงแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ดึงดูดสายตาของใครทั้งสองคนเดินมานั่งอยู่หน้าแผงลอยแห่งหนึ่งรอบตัวของพวกนางมีคนหนานเจียงที่กำลังกินอาหารกันอยู่ไม่น้อย กินไปพลางพูดคุยไปพลาง กู้หว่านเยว่ตั้งใจฟังอยู่ครู่หนึ่งพบว่าไม่มีใครสนใจสงครามระหว่างต้าฉีกับหนานเจียงเลยสักคนชวีเฟิงกล่าวอธิบายเสียงต่ำ “หนานเจียงไม่มีสงครามมาหลายร้อยปีแล้ว และไม่เคยมีศัตรูจากข้างนอกเข้ามายุ่งย่าม ดังนั้นชาวบ้านจึงไร้ความรู้สึกกันนานแล้ว คิดว่าสงครามไม่มีทางมาถึงหนานเจียงได้อย่างแน่นอน ที่นี่จะต้องเป
นางอยากรู้ว่าราชินีหนานเจียงผู้นี้กำลังจะทำอะไรลับหลังนางกันแน่ ตั้งใจจะใช้ห้องปรุงพิษแห่งนั้นทำสิ่งที่น่าประหลาดใจอะไรอยู่กันแน่พิษ หากใช้มันจริง ๆ ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับดินปืนเลยเวลานี้เกาเจี้ยนเพิ่งได้เข้าใจ “ท่านจะปลอมตัวเป็นหนึ่งในคนชุดดำเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?”“ถูกต้อง”กู้หว่านเยว่พยักหน้า นางทำหน้ากากหนังคนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว“ในเมื่อเจ้าและอวิ๋นมู่ร่วมมือกันแล้ว ต่อไปข้าคงฝากฝังเจ้าได้อย่างวางใจ ข้าขอเก็บของสักครู่แล้วจะออกเดินทางทันที”กู้หว่านเยว่ดูรีบร้อนมากเรื่องนี้จะช้าไม่ได้“ขอรับ”เกาเจี้ยนคงพูดอะไรไม่ได้ ถึงอย่างไรก็ผิดหวังความไว้วางใจของพระมเหสีไปแล้ว แต่นางก็ยังยกกองกำลังแนวหน้าให้เขาดูแลทั้งหมด!กู้หว่านเยว่คว้าป้ายอาญาสิทธิ์ของหกคนนั้น ก่อนจะควบม้ามุ่งหน้าไปกับทิศทางของหนานเจียงพร้อมกับชวีเฟิง“หวังว่าหว่านเยว่จะกลับมาอย่างปลอดภัย”อวิ๋นมู่มองไปยังทิศทางที่กู้หว่านเยว่จากไป แววตาเป็นห่วงยังคงจ้องมองอย่างนั้นอยู่เนิ่นนานเกาเจี้ยนจึงเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ถ้าเป็นห่วง เมื่อครู่ใยไม่โน้มน้าวกับข้าเล่า เป็นห่วงตอนนี้จะได้อะไรขึ้นมา”อวิ๋นมู่คลี่ยิ้ม
“แบบนี้ไม่ได้นะขอรับ พระมเหสี การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก ก่อนจะออกเดินทาง ข้าสัญญาต่อฝ่าบาทว่าจะต้องปกป้องท่านอย่างดีที่สุดหากเขารู้ว่าข้าให้ท่านเดินทางไปหนานเจียงเพียงลำพัง เขาจะไม่ตัดหัวของข้าเลยหรือ?”เกาเจี้ยนร้อนใจมาก เหตุใดกู้หว่านเยว่ถึงได้มีความคิดที่เหลวไหลและกล้าหาญถึงเพียงนี้ เขายังไม่อยากตายกู้หว่านเยว่ยกมือเท้าคางพลางคลี่ยิ้ม“ไม่ได้จะไปเพียงลำพังเสียหน่อย นี่ ข้าให้ชวีเฟิงไปกับข้าด้วย”“เขา?” เขาเนี่ยนะ?เกาเจี้ยนส่ายหน้าทันที“พระมเหสี ได้โปรดท่านคิดทบทวนดี ๆ เถิด”ทว่าแม้แต่ซูจิ่งสิงก็ยังโน้มน้าวกู้หว่านเยว่ไม่ได้ นับประสาอะไรกับเกาเจี้ยน“เรื่องนี้ว่าไปตามนี้ก่อนแล้วกัน กว่าฟ้าจะสว่างยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วยาม ข้าง่วงแล้ว ขอพักสักหน่อย เจ้าออกไปจุดพลุส่งสัญญาณเถอะ รอให้คนของอวิ๋นมู่มาถึงแล้วค่อยมาปลุกข้า”เมื่อกู้หว่านเยว่กล่าวจบ ก็เข้าไปในกระโจมที่อยู่ถัดไปอื้อ ไม่ใช่ว่านางอยากเปลี่ยนกระโจมหรอก ความจริงคือกลิ่นเท้าในกระโจมของเกาเจี้ยนแรงเกินไปต่างหาก!พรุ่งนี้ต้องหาผงดับกลิ่นเท้ามาให้เขาสักห่อ รักษากลิ่นเท้าของเขาให้หาย“พระมเหสี!”เกาเจี้ยนไล่ตามม
มิน่าล่ะในระหว่างการสอบสวนเมื่อครู่ นางมองเล่ห์เหลี่ยมที่พวกเขาพยายามจะใช้พิษไม่ต่ำกว่าห้าครั้งนั้นได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ภายใต้ความจนปัญญานางทำได้แค่กดจุดทั่วร่างกายของคนเหล่านี้ไว้ เหลือเพียงปากของพวกเขาที่ยังสามารถพูดได้“ชวีเฟิง เจ้าสมควรตาย”เมื่อคนชุดดำเห็นชวีเฟิงขายความลับของหนานเจียงจนหมดเกลี้ยง ดวงตาก็พลันเบิกกว้างอย่างโกรธเคือง และสบถเป็นภาษาถิ่น“หุบปาก”ครั้นกู้หว่านเยว่ได้ยินเสียงโวยวาย ก็ขว้างเข็มเล่มหนึ่งออกไปปักลิ้นของคนผู้นั้นอย่างหมดความอดทน“อ๊าก!”เขาส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนาออกมาคนชุดดำคนอื่นเห็นเหตุการณ์นี้ก็ทยอยกันตัวสั่นงันงก รีบปิดปากทันที“เอาละ ตอนนี้เจ้าพูดต่อได้แล้ว” กู้หว่านเยว่หันไปมองชวีเฟิงชวีเฟิงตัวสั่นงันงกนางมารยังไงก็คือนางมารอยู่วันยังค่ำ น่ากลัวเหมือนกับในความทรงจำจริง ๆเขากลืนน้ำลายอึกใหญ่“ว่ากันว่า ในห้องปรุงพิษมีคนอยู่มากกว่าสามสิบคน ทุกคนอาศัยลวดลายบนแขนมาระบุสถานะ”กู้หว่านเยว่โบกมือไปมาเกาเจี้ยนตั้งสติแล้วรีบเดินขึ้นหน้า ถกแขนเสื้อของคนชุดดำทั้งหกคนขึ้น เผยให้เห็นแขนข้างภายใต้ร่มผ้าเป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ บนแขนของคนชุด
“ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาอยากฆ่าพวกเจ้า ก็แค่บังเอิญโดนข้าจับได้เสียก่อน”“พระมเหสี ข้าเอง”เกาเจี้ยนจะกล้าให้กู้หว่านเยว่ลงมือเองได้อย่างไร เขารีบรุดหน้าเข้าไปคว้าเชือกป่านจากมือของนาง แล้วจับคนชุดดำทั้งห้าคนลากไปมัดเอาไว้ด้วยกัน“จริงสิ ใต้ต้นไม้ใหญ่ฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ยังมีคนชุดดำที่โดนข้าฟาดสลบอีกหนึ่งคน เจ้าส่งคนไปลากเขามามัดไว้ด้วยกันเถอะ”จะปล่อยให้คนชุดดำมีโอกาสรอดกลับไปรายงานเจ้านายของมันแม้แต่คนเดียวไม่ได้“พระมเหสีโปรดวางใจ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”เกาเจี้ยนรีบพุ่งตัวออกจากค่าย ทันทีที่ออกไป จู่ ๆ หนังตาก็กระตุกมิน่าล่ะกู้หว่านเยว่จึงสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลทหารลาดตระเวนนอกค่ายแห่งนี้พากันล้มลงไปบนพื้นและหลับไปเสียงกรนของทุกคนดังสนั่น และมีน้ำลายไหลยืดจากมุมปาก ทหารลาดตระเวนปกติที่ไหนจะเป็นเช่นนี้? “รีบลุกขึ้นได้แล้ว นอนอะไรกันนักหนา หลับสบายกันขนาดนี้จนไม่รู้ว่าค่ายของตัวเองถูกทำลายไปแล้ว”เกาเจี้ยนเดินขึ้นหน้า ยกเท้าเตะทหารสองนายตรงหน้า“ท่านแม่ทัพ เกิดอะไรขึ้น?”“ข้าหลับได้อย่างไร?”ทหารสองคนมีสีหน้างัวเงีย รีบคุกเข่าขอความเมตตาจากเกาเจี้ยน“ท่านแม่ทัพได้โปรดไว้