ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงหญิงสาวจากด้านนอกทำให้หนิงอันรีบยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง หยิบผ้าเช็ดหน้าติดมือมา คิดว่าจะเอาไปซักในภายหลัง ประตูห้องเปิดออกโดยที่นางยังไม่ทันบอกอนุญาต แต่ตอนนี้นางไม่คำนึงถึงมารยาทใด ๆ ทั้งนั้น
ดวงตาดอกท้อของสาวงามจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ อีกฝ่ายเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินออกไปนำถาดอาหารมาจัดเรียงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นก็เดินวุ่นเปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ ลมเย็นที่พัดเข้ามายังไม่น่าตกใจเท่าบรรยากาศรอบ ๆ เรือน ซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนคนเพิ่งเคยเห็นอดตะลึงไม่ได้
“ให้ข้าปรนนิบัติหรือไม่เจ้าคะ”
เสียงหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะ หนิงอันจึงหันไปมอง อีกฝ่ายมีรูปร่างเย้ายวนหน้าตาออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าเนื้อดีกว่านางตอนนี้เสียอีก แต่กลับมีท่าทางเหมือนสาวใช้?
“ขออภัย ข้ายังไม่ได้แนะนำตนเอง ข้ามีนามว่าอันเซ่อ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน”
“สาวใช้… ของข้า!?” แนะนำตัวว่าเป็นสาวใช้ ยังไม่น่าตกใจเท่าเป็นของต
แค่ก ๆ ๆความแสบร้อนที่เกิดขึ้นในทรวงอกราวกับกลืนน้ำร้อนลงไปก็ไม่ปาน ยามนี้หากจะคายชาจอกนั้นออกมาก็ไม่ทันเสียแล้ว ซ้ำร้ายผู้ที่กำลังจับปากนางอ้าออกและกรอกชาที่เต็มไปด้วยยาพิษก็ไม่ใช่ใครอื่นใด แต่กลับกลายเป็นสามีที่นางรักนั่นเอง‘หนิงอัน’ นึกสงสัยในตนเอง นางเป็นสตรีเฝ้าครองเรือนหลังดูแลบ้านให้เรียบร้อย สามเชื่อฟังสี่กตัญญูไม่เคยขาดตกบกพร่อง เหตุไฉนเขาจึงต้องการกำจัดตนเพียงเพราะความมั่งคั่ง รุ่งเรืองเช่นนั้นหรือเพราะนางเป็นเพียงสาวชาวนาไม่สามารถกลายเป็นคู่ครองที่ดีของขุนนางได้ เช่นนั้นก็ควรปลดภรรยาเอก ตั้งภรรยาใหม่เอาที่เขาสบายใจ มิใช่ทำร้ายกันจนตายเช่นนี้นึกย้อนถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าก็ยิ่งเจ็บใจ ตนเองเชื่อฟังสามีทุกอย่างกระทั่งเสียชีวิตลงเพราะสามีไม่ใยดีปล่อยทิ้งขว้าง หลังจากสามีสอบติดได้งานราชการทั้งที่ลำบากมาด้วยกันมากมายแต่พอเขาสบายกลับทิ้งขว้างนางจนตายรู้สึกเหมือนคำสั่งสอนที่บิดามารดาสั่งสอนมาตลอดชีวิต คำสอนหญิงสามเชื่อฟังสี่จรรยานี้ไม่ใช่เรื่องดีแม้แต่น้อยเชื่อสามีแล้วอย่างไร เพราะเป็นหญิง เพราะเป็นลูกหลานจึงต้องกตัญญู โดยที่ไม่ต้องคำนึงเลยหรือว่า อีกฝ่ายจะปฏิบัติต่อตนอย่างไรเช
“มีปัจจัยหลากหลายในการเกิด มีโอกาสสามครั้งเช่นนี้ก็ถือว่าดีถมไปแล้ว”“หากเลือกได้ ข้าอยากตาย ๆ ไปเสียยังดีกว่า ดื่มน้ำแกงยายเมิ่งกลับชาติมาเกิดใหม่โดยไม่ต้องจดจำสิ่งใด” ใบหน้าของหญิงสาวปรากฎความเศร้า บ่งบอกว่านางคิดดังที่พูดออกมาจริง ๆ“มนุษย์มีทางเลือกหลากหลาย คราก่อนเจ้าเลือกผิด เมื่อรู้แล้วยังจะเลือกผิดอยู่อีกหรือ”“เพราะมีทางเลือกหลากหลาย ดังนั้นเมื่อเลือกแล้วก็อยากลืมแล้วเลือกใหม่ มากกว่ายังจดจำแล้วเลือกใหม่อยู่ดี เว้นแต่ว่าข้ากลับไปเพื่อเลือกเส้นทางใหม่ในชีวิตเดิม ก็คงไม่มีทางเลือกเส้นทางเดิมอยู่แล้ว”“เจ้ามีโอกาสกลับไปเลือกเส้นทางใหม่แล้ว ใช้ชีวิตให้ดี หนิงอัน”“ข้าย่อมต้องการอย่างนั้นอยู่แล้ว คราวหน้าที่ข้าตายก็จะได้เจอท่านอีกใช่หรือไม่เจ้าคะท่านยมทูต”“ใช่”“เช่นนั้น ไว้เจอกันครั้งหน้านะเจ้าคะ ท่านจะส่งข้าไปหรือยัง”“ยัง”“อ้าว แล้วก็ไม่บอก”“จิบชารอก่อน ข้าต้องทำเอกสารสักครู่”ยมทูตหนุ่มโบกมือ ปรากฎโต๊ะน้ำชาพร้อมของว่างวางอยู่ตรงหน้าอย่างเรียบร้อย หนิงอันไม่เกรงใจนั่งลงเริ่มจิบชาไม่คิดเอ่ยปากขัดขวางการทำงานของยมทูตชุดดำชายหนุ่มกลับมีท่าทางขึงขัง แต่มีหลายคราวที่ขยับมือเป็นร
ยมทูตหนุ่มนั่งจิบชาอย่างใจเย็น นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดจริง ๆ หญิงสาวผู้มีโอกาสถึงสามครั้งให้เลือกใช้ชีวิต กลับจบชีวิตลงอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่คาด นึกสงสัยในตนเอง คิดว่ารู้จักมนุษย์ดีแล้ว ยังมีมนุษย์ผู้หนึ่งที่ทำให้การคำนวนของตนผิดพลาดอยู่ด้วย เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริง ๆ“ไหนว่ามาซิ เหตุใดเจ้าจึงกลับมาเร็วนัก รู้ว่ามีเหลืออยู่อีกเพียงสองชีวิต ทำไมไม่ใช่ชีวิตให้คุ้มค่า รีบกลับมาทำไมกัน”“แหะ ๆ ท่านยมทูต ข้าก็ไม่ได้ตั้งใจให้เป็นเช่นนี้หรอก” หนิงอันจิบชาราวกับกระหายน้ำอย่างมาก พอดื่มเสร็จวางจอก ถึงได้เริ่มรำพึงรำพันต่อ“ข้าเองก็อยากมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ เพียงแต่มนุษย์ไม่ได้มีทางเลือกมากนัก อะแฮ่ม ข้าหมายถึง ท่านยมทูต ครั้งนี้ข้าไม่ได้คิดที่จะตายเร็วเลยแม้แต่น้อยจริงๆ นะเจ้าคะ”“เช่นนั้นแล้วเกิดอะไรขึ้น ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจแล้ว ชีวิตนี้เป็นชีวิตสุดท้ายของเจ้าแล้วนะ หากเจ้าเจอเรื่องไม่คาดฝันอีกจะทำอย่างไร ใช้ชีวิตสี่ห้าปีแล้วตายอีกครั้งหรือ”“โถ่~” โอดครวญแล้วก็หยิบน้ำชาขึ้นมากระดกอีกหลายอึก“…”“เป็นใครไม่เสียดายบ้างล่ะเจ้าคะ ข้าเองก็เสียดายเช่นเดียวกัน แต่จะให้ทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ มันเป็นเหตุ
“ท่านส่งข้าย้อนกลับไปตอนสิบหกหนาวพอดีใช่หรือไม่ ท่านยายหนิงข้างบ้านก็เพิ่งเสียชีวิต ข้าเองหมดที่พึ่งแล้ว ชีวิตแรกช่วงเวลานั้น สามีน่าตายผู้นั้นของข้าก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับปลุกปลอบ ทำเหมือนข้าเป็นน้องสาวที่เขาเอ็นดูหวงแหนจนข้าตกหลุมพราง”“...” เขาจำสามีคนนั้นของนางจากบันทึกความทรงจำวิญญาณได้ คนไร้คุณธรรมเช่นนั้นจะลืมได้อย่างไร“แต่ชีวิตนี้ข้าไม่ได้ตกหลุมพรางของสามีน่าตายผู้นั้น เขาจึงรามือจากข้าและไปเกี้ยวบุตรสาวของพ่อค้าเขียงหมูแทน ส่วนข้าก็มีความคิดที่จะเปิดร้านขายของป่า ดั่งที่เคยวางแผนไว้ในชาติภพแรก น่าเสียดาย…”“เจ้าโดนพ่อค้าทาสจับไป หรือโดนโจรปล้นล่ะ”“ท่านรู้ได้อย่างไร” หนิงอันอ้าปากค้างมองยมทูตหนุ่ม ซึ่งตอนนี้นางรู้สึกเหมือนเขาใกล้ชิดราวกับสหาย“เพิ่งออกจากหมู่บ้าน หญิงสาวตัวคนเดียวไร้ญาติขาดมิตร ซ้ำยังมีชีวิตต่อมาอีกหลายปี หากไม่กลายเป็นทาส ก็คือกลายเป็นภรรยาโจร”“ท่านเดาผิดแล้วนายท่าน”หนิงอันยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนจะพึมพำ“แม้จะใกล้เคียงก็ตาม..”“เช่นนั้นแล้วอย่างไร ใยจึงบอกตนเองใช้ชีวิตคุ้มค่า ตอนที่ฝึกฝนเพื่อเป็นภรรยาของขุนนางในชีวิตแรก ก็ถือว่าได้ความรู้มาไม่น้อยมิใช่หรือ” “ก
คราวนี้เมื่อได้ยินคำถาม หนิงอันพลันชะงัก มองเขาอย่างมึนงงไม่ต่างกัน“จะว่าอย่างไรดี ห้าปีที่ผ่านมานี้ ข้าใช้อย่างคุ้มค่ามาก เรียนรู้ทุกสิ่งที่เรียนได้ เพราะคิดว่าน่าจะต้องใช้เมื่อมีชีวิตสุดท้าย เพื่อตนเองจะได้สุขสบาย แต่…”“แต่…”“ห้าปีนั้นสั้นเกินไปจริง ๆ มีหลายเรื่องที่ข้าเสียดายในชีวิตนี้”“ข้าก็ยังไม่เข้าใจ ตกลงว่าเจ้าตายได้อย่างไร”“เหตุสุดวิสัยเจ้าค่ะ”“แล้วเหตุสุดวิสัยที่ว่าคืออะไรกันเล่า”“ท่านกำลังก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของข้าอยู่หรือเปล่า” จู่ ๆ หญิงสาวก็เอ่ยถามขึ้น ทำให้ยมทูตหนุ่มชะงักไป เขาอยากรู้อยากเห็นมากเกินไปจนก้าวก่ายจริง ๆ ดังว่า“ขออภัยด้วย ข้าแค่ผิดคาด…” ว่าแล้วก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าสีดำมืด “เพราะคาดไว้ว่าเจ้าน่าจะมีชีวิตอยู่อีกหลายสิบปี”“ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เราคาดหวังหรอกเจ้าค่ะ ชีวิตมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ข้าเองก็หวังว่าตนเองจะมีชีวิตที่ยืนยาวเช่นกัน ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าอยู่ในหอนางโลมได้อย่างมีความสุขเช่นนั้น ก็เพราะอาศัยบารมีของท่านจอมมาร”“...”“หอนางโลมที่อยู่ภายใต้เมืองแห่งนี้ ภายใต้วังมาร ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าที่จะมีปัญหาด้วย ข้าได้ยินพี่น้องนางโลมหลายนาง มาจากเ
ยมทูตหนุ่มส่ายหน้าน้อย ๆ หันไปทำงาน เขาอ่านเอกสารไปก็พยักหน้าไป ชีวิตของนางในชาติที่สองนี้เก็บเกี่ยวมาได้มากจริง ๆ แต่เมื่ออ่านจนกระทั่งถึงบรรทัดสุดท้ายชายหนุ่มก็อ้าปากเหวอ“นายท่านมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า” “ไม่มีอะไร” ยมทูตหนุ่มหุบปากฉับ กลับมาสงบราวไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาวางเอกสารลงแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาของวิญญาณสาวตรงหน้า“หนิงอัน”“เจ้าคะ”“ชีวิตที่สองเจ้าเรียนรู้มาเยอะจริง ๆ”“ใช่เจ้าค่ะ ข้าอ่านออกเขียนได้ ศาสตร์ศิลป์ทุกประเภทล้วนทำเป็น หมากรุกก็แกล้งแพ้เก่งมาก ยังไม่นับรวมชาที่ข้าชงนั้นหอมกลุ่นใคร ๆก็ต้องติดใจ ท่านยมทูตลองชิมดูสักหน่อยสิเจ้าคะ”ไม่รู้วิญญาณสาวแอบชงชาไว้ตั้งแต่เมื่อใด แต่กลิ่นหอมกรุ่นทำให้เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ยกขึ้นจรดจิบเบา ๆ ดวงตาเบิกกว้าง ก่อนกลับมาไร้อารมณ์เช่นเดิม มองหญิงสาวอย่างชื่นชม“ชาดี!”“ข้าคิดว่าคราวนี้ น่าจะเปิดโรงน้ำชาริมทางเล็ก ๆ พอให้เลี้ยงตนเองได้ เปิดโรงเรียนสอนเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กหญิง แบบนี้น่าจะมีความสุขและสงบจนถึงบั้นปลายชีวิตได้”“ข้าขอให้เจ้ามีชีวิตยืนยาวและมีความสุขดังหวัง”“...” หนึ่งยมทูตหนึ่งวิญญาณ จิบชาร่วมกันเงียบ ๆ กระทั่งในที่สุดก
“เหลือโอกาสอีกเพียงชีวิตเดียวเท่านั้น ข้าจะต้องไม่ตายเร็วเหมือนสองชีวิตที่ผ่านมาเด็ดขาด!” การมีอายุยืนยาวถือเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตนี้หญิงสาวรูปร่างอรชรสวมชุดชาวบ้านราวกับผ้าขี้ริ้วเมื่อเทียบกับชุดของนางโลมหรือภรรยาขุนนางในสองชีวิตแรก แต่ทั้งชุดกลับสะอาดสะอ้านบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนรักสะอาด คงมีแต่หน้าตาที่เปรอะเปื้อนฝุ่นและคราบน้ำตา รวมกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงทำให้นางดูไม่ได้นัก“แม่นาง เจ้าอยู่บ้านหรือไม่” เสียงเรียกจากหน้ากระท่อมทรุดโทรมของครอบครัวหนิง ทำให้หนิงอันพลันได้สติ‘ที่ควรมาก็มาแล้วสินะ’ สิ่งนี้ยังคงเกิดขึ้นไม่ว่าในชีวิตไหน เดินออกไปหน้ากระท่อม เห็นชายร่างสูงโปร่งใบหน้าท่าทางสุภาพอย่างปัญญาชน แม้เสื้อผ้าจะเก่ามีรอยปะชุนแต่ก็สะอาดเรียบร้อย คนผู้นี้คือสามีเก่าในชีวิตแรก ‘บัณฑิตหาน’“ท่านหานมาหาข้า มีธุระอันใดหรือ” หนิงอันเอียงคอสงสัย มือปาดน้ำตาออกจากหน้าโดยไม่มีท่าทางเหนียมอาย แต่นั่นทำให้ใบหน้าของนางยิ่งเลอะเปรอะเปื้อนมองไม่เห็นเค้าคนงามชายหนุ่มแอบเบะปากหน้าแหยเมื่อเห็นท่าทางสกปรกของหญิงสาว แม้นางจะมีเหตุผลเนื่องจากเพิ่งสูญเสียคนสนิทสุดท้ายไป แต่อย่างไรเขาก็รู้สึกว่าช่างส
เห็นอย่างนั้นบัณฑิตหานก็กลับมามีท่าทางสงบนิ่งดั่งเทพเซียนลงมาเยือนยังพื้นโลก มองและยิ้มน้อย ๆ ให้หนิงอันอย่างอ่อนโยน เฝ้ารอให้นางกล่าวประโยคถัดมา“พี่ชาย ข้าไม่มีความคิดที่จะแต่งงานกับบัณฑิต ข้าเป็นสาวชาวนาถูกเลี้ยงดูมาอย่างชาวนา หากเลือกได้ข้าก็อยากได้สามีชาวนา มากกว่าสามีที่เป็นบัณฑิต หรือแม้จะเป็นเพียงสหาย หรือพี่ชายน้องชาย ข้าก็อยากได้คนในชนชั้นเดียวกัน มากกว่าบัณฑิตที่สูงส่งเช่นท่าน”“...” คราแรกทุกคนจะกล่าวว่านางคิดมากเกินไป บัณฑิตหานย่อมไม่คิดรับนางเป็นภรรยา แต่คำพูดถัดมาของหนิงอันทำให้ไม่มีใครคิดค้านขึ้นมาอีก ในยุคสมัยนี้แม้ชายหญิงไม่ใกล้ชิด แต่ก็มีสหายและพี่น้องที่คบหากันได้ตามประสาคนบ้านใกล้เรือนเคียง“...” บัณฑิตหานอ้าปากเหวอ ก่อนกลายเป็นหน้าเสีย รีบหันหลังเดินจากไปโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาโต้แย้ง อย่างไรเขาเป็นบัณฑิต โต้เถียงกับหญิงสาวมีแต่จะเสียกับเสีย“ขอบคุณท่านลุง ท่านป้า ที่มาเยี่ยมเยียนเสี่ยวหนิง บิดามารดาข้าตายจากไปแล้ว ยามนี้ท่านยายหนิงยังตายตามไปอีก ข้าเองก็หมดกำลังใจไม่น้อย แต่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่นอน ขอให้พวกท่านอย่าเป็นกังวล”“ดีแล้วที่เสี่ยวหนิงคิดได้ เช่นนั้นพวก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก“ข้าเข้าไปนะเจ้าคะ” เสียงหญิงสาวจากด้านนอกทำให้หนิงอันรีบยืดตัวกลับมานั่งตัวตรง หยิบผ้าเช็ดหน้าติดมือมา คิดว่าจะเอาไปซักในภายหลัง ประตูห้องเปิดออกโดยที่นางยังไม่ทันบอกอนุญาต แต่ตอนนี้นางไม่คำนึงถึงมารยาทใด ๆ ทั้งนั้นดวงตาดอกท้อของสาวงามจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้มาใหม่ อีกฝ่ายเดินถืออ่างล้างหน้าเข้ามาวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็เดินออกไปนำถาดอาหารมาจัดเรียงบนโต๊ะกลางห้อง จากนั้นก็เดินวุ่นเปิดประตูหน้าต่างระบายอากาศ ลมเย็นที่พัดเข้ามายังไม่น่าตกใจเท่าบรรยากาศรอบ ๆ เรือน ซึ่งสวยงามเป็นอย่างยิ่งจนคนเพิ่งเคยเห็นอดตะลึงไม่ได้“ให้ข้าปรนนิบัติหรือไม่เจ้าคะ”เสียงหญิงสาวดังขึ้นขัดจังหวะ หนิงอันจึงหันไปมอง อีกฝ่ายมีรูปร่างเย้ายวนหน้าตาออกจะธรรมดาไปเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นสาวงามผู้หนึ่ง สวมเสื้อผ้าเนื้อดีกว่านางตอนนี้เสียอีก แต่กลับมีท่าทางเหมือนสาวใช้?“ขออภัย ข้ายังไม่ได้แนะนำตนเอง ข้ามีนามว่าอันเซ่อ เป็นสาวใช้ส่วนตัวของท่าน”“สาวใช้… ของข้า!?” แนะนำตัวว่าเป็นสาวใช้ ยังไม่น่าตกใจเท่าเป็นของต
ฉั้วะ!เสียงแปลก ๆ ดังขึ้นปลุกให้สติของหญิงสาวให้ตื่นขึ้น เมื่อนางลืมตาภาพตรงหน้าคือชายชุดดำ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลายิ่งกว่าท่านยมทูตคนก่อน ดวงตาคมกริบดั่งสัตว์ร้ายจ้องมองมากลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด‘หรือนี่จะเป็นเฮยไป๋อู่ฉาง’ นางรู้แล้วว่าหากตกตายในคราวนี้จะไม่ได้พบกับท่านยมทูตอีกแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกใจหากจะมียมทูตตนอื่นมารับวิญญาณไป“ท่านยม…”ยังไม่ทันกล่าวจบคำ กลิ่นคาวเลือดก็กระแทกเข้าสู่โสตประสาท ดวงตางามกลอกไปมองรอบด้านอย่างอดไม่ได้ ภาพที่เห็นทำให้ร่างงามสั่นสะท้าน เศษเลือดและเนื้อกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ ดวงหน้าหวานกลายเป็นซีดเผือดไร้สีขณะค่อย ๆ หันคอกลับไปมองชายชุดดำที่ยืนค้ำหัวอยู่ตรงหน้า ดวงตาสั่นไหวด้วยความหวาดกลัวแม้จะสวมชุดดำเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ยมทูต!นางตระหนักรู้ได้ทันทีหลังจากได้เห็นซากศพโดยรอบ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ยมทูตพานางมาอย่างแน่นอน แม้จะเป็นเศษเนื้อก็ยังมีซากเสื้อผ้าสีดำของพวกเขาหลงเหลือ ที่กองอยู่โดยรอบน่าจะเป็นชายชุดดำที่จับตนมายิ่งคิดก็ยิ่งหวั่นใจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่แน่ ๆ คือนางยังไม
หญิงสาวรูปร่างอรชรสวมหมวกมุ้งต่อแถวออกนอกเมืองโดยไร้ผู้ติดตามดูเหมือนจะเป็นที่จับจ้องมากเกินไปหน่อย หนิงอันจึงเปลี่ยนไปใช้ผ้าปิดหน้าแทน ขณะถอดหมวกมุ้งนั้นนางเห็นชายชุดดำจำนวนมากหันมามองเป็นตาเดียว จึงรีบก้มหน้างุดลง มือบางหยิบผ้าปิดหน้าขึ้นสวมทับ ชายชุดดำเลิกมองแล้ว พวกเขาคงแค่มองตามประสา‘ชุดดำทำให้นึกถึงท่านยมทูตจริง ๆ คราวนี้ข้าตายไปคงไม่ได้พบกับเขาแล้ว’ หนิงอันรู้สึกนึกถึงช่วงเวลาสบาย ๆ ที่ไม่ต้องพยายามเอาชีวิตรอด เพราะแบบนั้นถึงได้รู้สึกสบายใจยามอยู่กับท่านยมทูตหนุ่ม ทั้งที่เขาออกจะเย็นชา“แม่นางหนิงอัน?” ทหารยามเอ่ยชื่อนาง หนิงอันพยักหน้าให้เขา ปกติออกจากเมืองโดยมีรถม้า ไม่เห็นจะตรวจสอบยุ่งยากขนาดนี้เลย“ตกลง พวกเราเห็นแล้ว ท่านออกไปได้”“ขอบคุณพี่ทหาร” หนิงอันโปรยยิ้ม ขณะเดินมาต่อแถวขึ้นรถเกวียนเพื่อไปยังหมู่บ้านดงหลิวที่อยู่ไม่ไกล ความจริงหากจะเดินไปก็ย่อมได้ แต่หนิงอันยังหวาดระแวงเรื่องโจรป่าที่ดักปล้นในชีวิตที่สอง นางเลยไม่กล้าที่จะเดินเข้าป่าเพียงลำพัง“เหลื
ดังนั้นหนิงอันและชาวบ้านจึงไม่มีท่าทางหวาดกลัว ยังมีเพียงผู้สัญจรผ่านไปมาที่เพิ่งเคยมาเมืองมารที่กำลังหวาดกลัวหรือตกใจกับกลุ่มชายชุดดำเต็มถนน‘ช่างเถอะ พวกวังมารหาอะไรก็ไม่เกี่ยวกับข้า’ หนังอันคิดเช่นนั้นเดินเข้าไปในร้านหนังสือ“หลงจู๊ ที่นี่รับคนคัดหนังสือเพิ่มหรือไม่”“รับสิแม่นาง แต่ต้องขอดูลายมือของเจ้าก่อนนะ” ว่าแล้วก็ไปหยิบเครื่องเขียนและกระดาษมาให้ วางไว้ด้วยความคุ้นเคย บ่งบอกว่าทำเช่นนี้เป็นประจำ คงมีคนมาขอคัดตำราไม่น้อย“...” หนิงอันหยิบเครื่องเขียน ตวัดพู่กันด้วยความคุ้นเคย ลายอักษรที่ออกมานั้นงดงามชดช้อยบ่งบอกถึงตัวตนของคนที่มองโลกในแง่ดี ส่งผลให้ตัวหนังสือมีพลังสดชื่นกระตือรือร้นอย่างประหลาด เห็นเช่นนั้นหลงจู๊ก็รีบปรบมือ“งดงามยิ่งนัก หนังสือที่แม่นางคัดต้องเป็นที่นิยมมากอย่างแน่นอน มาเถอะเลือกตำราที่ท่านต้องการจะคัดไปได้เลย”“ข้าขอเป็น…ตำรานี้ก่อนแล้วกัน”“นี่เป็นบทเรียนเริ่มต้นสำหรับอ่านเขียน แม่นางแน่ใจหรือขอรับ” น้อยคนนักที่จะซื้อหนังสือนี้ แม้เป็นสิ่งจำเป็น แต่ส่วนใหญ่ล้วนส่งต่อกันในตระกูลจากรุ่นสู่รุ่น ดังนั
“นี่คือป้ายชื่อ ข้าอยากได้ที่ดินเล็ก ๆ ติดริมน้ำ สามารถสร้างเรือนหลังเล็ก ๆ พร้อมทั้งสร้างเพิงขายน้ำชาข้างทางได้ พอจะมีหรือไม่” คราแรกก็คิดจะเดินออกจากเมือง แต่พอคิดว่าอาจจะโดนโจร หรือไม่ก็พวกคุณชายเสเพลที่มาเที่ยวหอนางโลมเข้ามาเกี้ยวพาอีก หนิงอันจึงกลับไปที่จวนของท่านลุงต้าเซ่าแล้วขอยืมรถม้าออกมาแทน ได้ทั้งผู้คุ้มกันและรถม้าเดินทางสะดวก แม้จะต้องเอาเปรียบท่านลุงต้าเซ่าสักหน่อย ไว้นางจะชดใช้ให้ก็แล้วกันมาถึงก็พอดีกับที่หัวหน้าหมู่บ้านกลับมาจากทุ่งและกำลังจะกินข้าวเย็น แม้จะรบกวนไปบ้างแต่เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไว้นานได้ ไม่อย่างนั้นก็ไม่สามารถสบายใจได้เสียทีชีวิตครั้งที่สามนี้หนิงอันต้องมีอายุยืน!“เรื่องนี้พอจะมีที่ดินเข้าเค้าพอดี เจ้าต้องการไปดูตอนนี้หรือ ตะวันใกล้ตกดินแล้วจะเห็นอะไรเล่า ไม่สู้มาในวันพรุ่งนี้จะดีกว่า”“วันพรุ่งนี้ข้าคิดว่าจะติดต่อช่างมาก่อสร้าง ขอไปดูวันนี้เลยดีกว่าเจ้าค่ะ” การเดินทางระหว่างบ้านไปเมืองครั้งหนึ่ง ต้องเสี่ยงหนึ่งรอบ หนิงอันไม่ชอบใช้ชีวิตในความเสี่ยงเด็ดขาด เมื่อจุดมุ่งหมายสูงสุดของนางคือการมีอายุยืน ดังนั้นต้องทำทุกอย่าง
หนิงอันออกมาจากจวนเจ้าเมืองด้วยความโล่งอก นางเกือบทำไม่สำเร็จซะแล้ว ออกมาแล้วยังไม่ลืมกล่าวขอบคุณพี่ทหารยาม คิดว่าต้องรีบไปติดต่อซื้อที่ดินก่อนจะมืด ขณะที่คิดกลับถูกขวางทางเสียก่อน‘สุนัขที่ดีไม่ขวางทาง’ หนิงอันอดบ่นไม่ได้เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง เห็นเพียงชายผู้หนึ่งจ้องมองมาทางนางด้วยสายตาราวกับประเมินของ ท่าทางเช่นนี้หนิงอันคุ้นเคยดี ชายผู้นี้ก็เปรียบดั่งชายหนุ่มทั่วไปที่เข้าใช้บริหารหอนางโลม แค่ต้องการหญิงสาวสักคนสำหรับทำเรื่องอย่างว่า หรือไม่ก็ต้องการหาอนุภรรยาเข้าบ้านเท่านั้น“คุณชายท่านนี้ไม่ทราบว่า มีสิ่งใดให้ข้าช่วย?”“ช่วย?” สีหน้าของเขาปรากฎความประหลาดใจหลายส่วน“ใช่ หากไม่ต้องการความช่วยเหลือเหตุใดท่านจึงมาขวางทางข้า” หนิงอันเอ่ยเสียงนิ่ง“เจ้าจำข้าไม่ได้หรือ” ชายหนุ่มฟื้นจากความสงสัย เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มของคุณชายเสเพล“ข้าไม่เคยพบท่าน”“แต่ข้าเคยเห็นเจ้า อยู่ที่จวนนายท่านต้าเซ่า เจ้าเป็นเด็กในคาราวาน หรือเมียของลูกจ้างที่ตายไปแล้วเล่า? ยังสาวอยู่เลยนี่นา”“...” หนิงอันขมวดคิ้ว ดูเหมือนการเข้าเมืองมากับท่านลุ
กระทั่งนางโลมย้ายมาจากเมืองอื่น ยังต้องงดงามและมีความสามารถไม่น้อยจึงจะทำได้ แล้วตัวนางจะกล่าวว่าทำอาชีพอะไรจึงจะเหมาะสม หนิงอันนอนคิดเรื่องนี้มาทั้งคืนเพราะถูกต้าเซ่าเตือนเอาไว้ก่อนแล้ว“ขอบคุณพี่ทหารเจ้าค่ะ ข้าเป็นอาจารย์หญิง ตั้งใจเปิดโรงเรียนสอนเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อยู่หมู่บ้านนอกเมืองไม่ไกล หากที่บ้านท่านมีเด็กผู้หญิง ก็สามารถส่งไปเรียนที่ข้าได้”“อาจารย์สอนหญิงงั้นหรือ ดี ดี! เจ้าน่าจะผ่านนะ” ทหารหนุ่มตอบรับ ทำให้หนิงอันมั่นใจมากขึ้นชีวิตที่สองเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่ง ศาสตร์ศิลป์ย่อมไม่มีขาดตกบกพร่อง สามารถยกตนขึ้นเป็นครูได้โดยไม่อาย“ว่าอย่างไร เจ้ามาจากที่ใด แล้วเหตุใดจึงอยากย้ายมาอยู่ในเมือง”เข้าพบผู้ดูแลแล้วหนิงอันไม่กล้าโกหกเพราะรู้ดีว่าการเข้าเมืองแตกต่างจากการสนทนากับต้าเซ่า นางสามารถสร้างเรื่องโกหกได้ แต่อาจมีปัญหาหนักเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าไม่เป็นจริง จึงไม่หยิบยกเรื่องท่านลุงขึ้นมาพูดสักคำ และตอบไปตามตรงก่อนจะรู้สึกผิดปกติเล็กน้อย“ข้ามาจากเมืองทางใต้ห่างไปหนึ่งเมืองเท่านั้น บิดามารดาเสียชีวิตเพราะไข้ป่า ไร้ญาติขา
ยามเช้าในเมืองของวังมารอากาศยังคงดีมากเพราะมีป่าทึบล้อมรอบทำให้มีอากาศเย็นสบาย บรรยากาศดีอย่างที่หาในเมืองอื่น ๆไม่ได้ แม้จะมีเสียงจอแจเพราะมีคนมาก แต่ก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยแก่หนิงอันไม่น้อยชีวิตที่สองนางอยู่ในเมืองนี้กระทั่งวันตาย ชีวิตนี้นางเองจะมีอายุยืนยาวและอยู่ในเมืองนี้อย่างมีความสุขได้เช่นเดิม หนิงอันเชื่อมั่นในตนเองมาก“อรุณสวัสดิ์คุณหนูหนิง นายท่านให้มาเรียนว่าหากท่านจะออกไปข้างนอกก็สามารถใช้รถม้าได้”“อรุณสวัสดิ์ท่านพ่อบ้าน ข้าไม่รบกวน วันนี้ข้าคิดจะเดินเท้าเอาเจ้าค่ะ ฝากบอกท่านลุงด้วยนะเจ้าคะว่าข้าคงต้องขอตัวก่อน ไม่ได้อยู่รอลาท่านลุง เพราะวันหน้าข้าย่อมมาหาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนนี้บ้างแน่นอน” หนิงอันกล่าวด้วยรอยยิ้ม“ได้ยินเช่นนั้นผู้น้อยก็ยินดี”พ่อบ้านชรามองส่งหญิงสาวจนลับสายตา เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่า ตุ่มดำแดงบริเวณผิวกายและใบหน้าของนายหายไปหมดแล้ว ตอนนี้หญิงสาวจึงดูงดงามขึ้นผิดหูผิดตา คงมีแค่บรรยากาศเย็นสบายรอบกายที่ยังเหมือนเดิมหนิงอันไม่ได้คิดปิดบังรูปร่างหน้าตาอีกแล้วเมื่อท่านลุงต้าเซ่าเตือนว่ามันเปล่าประโยชน์ อย่างไรคนก
มนุษย์ทุกคนย่อมได้รับผลจากการกระทำของตนเอง หนิงอันเพิ่งเข้าใจอย่างถ่องแท้ก็วันนี้ นางยืนอึ้งขณะมองงานเลี้ยงส่งแปลก ๆ ที่อยู่ตรงหน้า“ท่านลุงเซ่า นี่ออกจะเยอะเกินไปหรือไม่”หนิงอันเพิ่งมาถึงทางเหนือได้ไม่นาน นางลืมไปแล้วว่าแถบนี้หนาวเย็นกว่า แม้จะใช้เวลาเดินทางจากเมืองที่เคยอยู่มาไม่ไกล ยิ่งนอกเมืองก็ยิ่งหนาวเย็นเพราะมีต้นไม้เยอะ ดังนั้นพอมาถึงก็ดันหนาวสั่นจนต้าเซ่าทนไม่ได้ มอบเสื้อผ้าให้กองโต“ของเก่าขายไม่ได้แล้ว แม้จะขายก็ได้ไม่มาก เจ้าเอาไปใส่เถอะ”หนิงอันอ้าปากสั่น ๆ เมื่อมือใหญ่พยายามยัดผ้าคลุมขนจิ้งจอกอย่างดีในมือให้นางอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ รู้สึกว่าไม่น่าบอกเขาเลยจริง ๆก่อนหน้านี้พอเริ่มรู้สึกหนาว หนิงอันก็เพียงเปรยว่า บิดาสัญญากับนางปีนี้จะล่าจิ้งจอกเอาหนังมาทำผ้าคลุมให้ แต่เขากลับตายจากไปก่อน ต้าเซ่าที่คิดว่าตนเป็นญาติผู้ใหญ่ของหนิงอันไปแล้วคงอยากจะชดเชยให้นางจึงทำเช่นนี้ แต่นี่มันมากเกินไป“ไม่มากไปหรอก ต่อไปเจ้ากตัญญูต่อข้าก็เพียงพอ”“ทั้งที่ท่านยังไม่รู้จักข้าดี เหตุใดจึงไว้ใจข้าถึงเพียงนี้” เดินทางมาด้วยกันเพียงสองวัน แต่ต้าเซ่าดีกับนางจริง ๆ“อย่าพูดมากแล้วรับไปเถอะ”“แต