ชางจ้าวหลงไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันกินไม่นานข้าวต้มในถ้วยก็หมดเสียแล้ว เขาพรูลมหายใจออกอย่างปลดปลง แต่ไม่ได้โทษว่าเด็กหญิงตรงหน้า เพราะเขาได้ยินนางบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าบ้านนางยากจน ชางจ้าวหลงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กน้อยว่านางอยากให้เขาช่วยอะไร
“ข้าอยากให้ท่านปู่พาข้าเข้าอำเภอไปขายเห็ดหนึ่งดอกเจ้าค่ะ กับขอให้ท่านพาข้าไปซื้อกล่องสมุนไพรสำหรับใส่เห็ดที่เหลือด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”
“ข้าเดินไหว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยแค่นี้หรือ เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อกับแม่เจ้าพาไปเล่า”
“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าชาวบ้านจะรู้ว่าบ้านข้ามีเงิน พวกเขายิ่งสอดรู้สอดเห็นกันเป็นอาชีพอยู่เจ้าค่ะ ท่านปู่พาข้าไปหน่อยนะเจ้าคะ นะ นะ”
ม่านหรูลืมตัวเข้าไปเกาะแขนชายชราแล้วออดอ้อนเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ที่บ้าน ชางจ้าวหลงที่ไม่เคยถูกเด็กหญิงออดอ้อนมาก่อนถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เขาเห็นความน่ารักของเด็กหญิงร่างผอมบางตรงหน้าก็นึกเวทนา
“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปอำเภอและพาเจ้าไปซื้อของจำเป็นด้วย ตกลงหรือไม่”
“เย้! ท่านปู่ใจดีที่สุด ขอบคุณมากนะเจ้าคะ อืม… ท่านปู่คิดว่าข้าซื้อเสื้อผ้าใหม่มาด้วยดีไหมเจ้าคะ ข้าสงสารน้อง ๆ ที่ต้องใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของข้าเจ้าค่ะ ข้าจะซื้อให้ท่านปู่ด้วยนะเจ้าคะ ดูเสื้อผ้าท่านสิ ขาดวิ่นไปหมดแล้ว”
“ขอบใจเจ้ามากที่ยังนึกถึงข้าอยู่ เจ้าหายเหนื่อยหรือยัง จะได้นำทางข้าเข้าอำเภอ”
“หายเหนื่อยแล้วเจ้าค่ะ ท่านปู่รอข้าเก็บของใส่ตะกร้าก่อนนะเจ้าคะ”
ม่านหรูรีบเก็บถ้วยเปล่าใส่ตะกร้าพร้อมกระบอกไม้ไผ่ของนาง ส่วนห่อผ้าที่ใส่เห็ดหลินจือแดงไว้ นางวางทับลงบนถ้วยแล้วยกตะกร้าสะพายหลังตัวเองก่อนเดินนำหน้าชายชราไปอย่างอารมณ์ดี ชางจ้าวหลงเห็นเด็กหญิงตรงหน้าเดินด้วยขาเล็ก ๆ ก็ได้แต่ถอนหายใจ เขาตัดสินใจอุ้มนางขึ้นมาแล้วใช้วิชาตัวเบาวิ่งลงเขาไปทันที
ม่านหรูคราแรกตกใจจนเผลอกอดคอชายชราแน่น พอตั้งสติได้นางรีบยิ้มให้กับชายชราที่ช่วยอุ้มนางวิ่งดั่งเหินบิน
“ท่านปู่เก่งจังเลยเจ้าค่ะ หลังจากนี้ท่านปู่ต้องสอนข้ากับน้องด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะได้วิ่งเร็วเหมือนท่านปู่อย่างไรเล่า”
“ฮ่า ฮ่า ตกลง ๆ ปู่จะสอนพวกเจ้าให้ดี เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอกเด็กน้อย อืม เจ้ายังไม่ได้บอกชื่อกับปู่เลยนะ ปู่ชื่อชางจ้าวหลง เจ้าล่ะชื่ออะไร”
“ข้าชื่อติงม่านหรูเจ้าค่ะ ชื่อท่านปู่เพราะจังเลยเจ้าค่ะ น้องชายฝาแฝดของข้าชื่อติงอ้ายกับติงเอ้อเจ้าค่ะ ท่านรอข้าขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อน แล้วข้าจะพาพวกเขามาพบท่านนะเจ้าคะ”
“ได้สิ ว่าแต่ถ้าเจ้าขายเห็ดได้เงินมาก ปู่ขอยืมเจ้าก่อนสักหน่อยได้หรือไม่ ตอนนี้ปู่ไม่มีที่อยู่และไม่รู้ว่าในหมู่บ้านเจ้ามีบ้านสักหลังให้ซื้อหรือไม่”
“อืม ถ้าท่านปู่ไม่รังเกียจไปอยู่บ้านข้าดีไหมเจ้าคะ ข้าจะบอกท่านพ่อท่านแม่ว่าท่านปู่มาสอนหนังสือพวกเราพี่น้อง ข้าคิดว่าท่านพ่อท่านแม่ต้องไม่ปฏิเสธแน่เจ้าค่ะ”
“หืม บ้านเจ้าใหญ่โตขนาดนั้นเลยรึ ไหนเจ้าบอกว่าบ้านเจ้ายากจนอย่างไรเล่า”
“บ้านข้าไม่ได้ใหญ่โตเจ้าค่ะ แค่มีห้องนอนเล็ก ๆ 3 ห้องเท่านั้น แต่พื้นที่ด้านข้างบ้านข้าสามารถทำเรือนเล็ก ๆ ได้อีกหลังหนึ่งนะเจ้าคะ หรือท่านปู่จะขายเห็ดเองอีกดอกหนึ่งเจ้าคะ ท่านจะได้มีเงินเก็บไว้ใช้ด้วย”
“รอให้เราขายเห็ดสักดอกก่อนก็แล้วกันนะม่านหรู หลังจากพาเจ้าซื้อของจำเป็นแล้ว เราค่อยไปคุยกับพ่อแม่เจ้าเรื่องนี้อีกทีเป็นอย่างไร”
“ตกลงเจ้าค่ะ ท่านปู่มีวิธีที่จะวิ่งอ้อมหมู่บ้านทางด้านขวาได้ไหมเจ้าคะ ข้าไม่อยากให้ชาวบ้านเห็นท่านวิ่งเหมือนเหินบินเช่นนี้น่ะเจ้าค่ะ”
“ได้สิ เจ้าชี้บอกทางปู่ก็แล้วกัน ปู่จะพาเจ้าไปเอง เจ้าชอบหรือไม่”
“ฮิ ฮิ ข้าชอบมากเจ้าค่ะ ท่านปู่เก่งที่สุดเลย”
ชางจ้าวหลงยิ้มให้กับคำชมของเด็กร่างผอมบางในอ้อมแขน เขาอุ้มนางที่ตัวเบาราวกับปุยนุ่นอย่างสบาย ๆ จนได้แต่นึกสงสารนางที่แทนที่จะอ้วนท้วนสมบูรณ์เหมือนเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่นางกลับผอมนัก เขาที่หวังว่าหลังจากพานางขายเห็ดหลินจือแดงแล้วได้เงินมา นางจะซื้อของกินบำรุงร่างกายตัวเองบ้าง
ด้วยพลังลมปราณอันสูงส่งของชางจ้าวหลง เขาใช้เวลาไม่ถึงสองเค่อก็มาถึงหน้าประตูเมืองแล้ว ขณะที่เข้าใกล้ประตูเมือง เขาลดความเร็วลงจนกลายเป็นเดินเร็วเท่านั้น เพื่อไม่ให้ทหารเฝ้าประตูต้องตกอกตกใจ ม่านหรูที่ยังคงอยู่ในอ้อมแขนชายชราถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เห็นเขาเปลี่ยนเป็นเดินแล้ว
“ท่านปู่ ข้าไม่เคยเข้ามาในอำเภอมาก่อนนะเจ้าคะ ท่านคงต้องถามทหารหน้าประตูว่าร้านขายสมุนไพรอยู่ที่ไหนเจ้าค่ะ”
“ตกลง เดี๋ยวปู่จะถามพวกเขาเอง เจ้าไม่ต้องกังวล”
“แล้วท่านปู่ไม่ปล่อยให้ข้าเดินเองหรือเจ้าคะ ข้ากลัวท่านปู่จะเหนื่อย”
“ไฮ้! เจ้าตัวเล็กแค่นี้ ปู่จะเหนื่อยได้อย่างไรกัน เจ้านั่งดี ๆ อย่าพลัดตกลงมาก็พอ”
ม่านหรูพยักหน้ายิ้มรับคำของเขา นางเห็นชายชราสูงกว่านางมากจึงคิดได้ว่าท่านปู่คงไม่อยากรอนางซึ่งขาสั้นเดินนำกระมัง หนึ่งชราหนึ่งเยาว์วัยถึงหน้าประตูเมือง ชางจ้าวหลงหยุดสอบถามทางในเมืองถึงเส้นทางไปร้านค้าต่างๆ ก่อนจะพาม่านหรูผ่านประตูเมืองเข้าไป
ทหารประจำประตูเมืองมองสองคนแปลกหน้าที่มาถามทางพวกเขาก่อนจะหันมองหน้ากัน เพราะพวกเขาเห็นว่าชายชราเสื้อผ้าขาดวิ่น แต่เด็กในอ้อมแขนเพียงสวมเสื้อผ้าเก่าๆ เท่านั้น แต่สายตาดุของชางจ้าวหลงทำให้พวกเขาไม่กล้าเสียมารยาทและปล่อยทั้งสองคนผ่านเข้าเมืองไป
ชางจ้าวหลงรู้ว่าสายตาพวกทหารมองเขาอย่างไรแต่ก็ไม่นำพา เขาพาม่านหรูเดินไปยังเส้นทางทิศเหนือก่อนจะเลี้ยวขวาไปตามทางที่ทหารบอกเพื่อหาร้านรับซื้อสมุนไพร เขาเดินไม่นานก็มองเห็นป้ายหน้าร้านหมอแห่งหนึ่ง จึงรีบเดินเข้าไปในร้านทันที ก่อนจะสอบถามเรื่องการขายสมุนไพรราคาแพงกับเด็กหน้าร้าน
“ท่านผู้เฒ่าต้องการขายสมุนไพรราคาสูงหรือขอรับ เช่นนั้นเชิญท่านกับหลานเข้าไปรอที่ห้องรับรองก่อนนะขอรับ ข้าจะไปตามท่านหมอให้มาดูสมุนไพรของท่าน”
ชางจ้าวหลงทำเพียงพยักหน้าให้เขานำทางไป ม่านหรูชายตามองทั้งสองคุยกันเท่านั้น นางรู้ดีว่าไม่ควรพูดแทรกระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กในร้านหลังส่งพวกเขาเข้าไปในห้องรับรองแล้วก็รีบไปตามท่านหมอเจ้าของร้านออกมาทันที นานแล้วที่ร้านของพวกเขาไม่ได้รับซื้อสมุนไพรมีค่า หากรับซื้อมาแล้วขายต่อก็คงได้กำไรอีกหลายเท่าอย่างแน่นอน
ไม่นานนักหมอเจ้าของร้านก็ไปถึงห้องรับรอง ชางจ้าวหลงหยิบเห็ดหลินจือแดงหลังวางม่านหรูเอาไว้เก้าอี้ข้างเขาแล้ว เจ้าของร้านที่สูงวัยน้อยกว่าใช้สายตามองพวกเขาอย่างแปลกใจ แต่พอเห็นในมือเขาถือเห็ดหลินจือแดงดอกใหญ่ เจ้าของร้านเผยรอยยิ้มกว้างออกมาและรีบเดินไปรับเห็ดจากชายชราเสื้อผ้าขาดวิ่นเพื่อตรวจสอบเห็ดหลินจือแดงว่าเสียหายตรงไหนหรือไม่
“อืม… เห็ดดอกนี้สมบูรณ์ดีมาก ข้าจะให้ราคาท่าน 1000 ตำลึง ท่านคิดอย่างไร”
“เห็ดดอกนี้อายุน่าจะเกินร้อยปี เหตุใดเจ้าจึงให้ราคาเพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าไม่ขาย ข้าจะพาหลานไปขายเมืองอื่น” ชางจ้าวหลงที่รู้ราคาดีรีบยื่นมือไปหยิบเห็ดกลับมา
“เดี๋ยว ๆ ท่านผู้อาวุโส ข้าเพิ่มให้อีก 200 ตำลึงเป็นอย่างไรขอรับ ได้โปรดขายให้ข้าเถอะนะขอรับ ร้านของข้าไม่มีสมุนไพรดี ๆ มานานหลายปีแล้ว”
ชางเจ้าหลงมองหน้าม่านหรูก่อนจะเห็นนางพยักหน้าอย่างน่ารักว่าให้เขาขายเถอะ เขาจึงหันไปบอกเจ้าของร้านไปนำตั๋วแลกเงินกับเงินตำลึงออกมาให้ก่อนที่ชางจ้าวหลงจะก้มลงไปกระซิบบอกม่านหรูว่าเงินตำลึงย่อยจะเอาไว้ให้นางซื้อของที่จำเป็นและเขาจะช่วยนางสะพายตะกร้าเอง ส่วนนางแค่นั่งดี ๆ ในอ้อมแขนเขาก็พอ
เจ้าของร้านรีบนำตั๋วแลกเงิน 1000 ตำลึงมาส่งให้ชางจ้าวหลง กับเงินตำลึงที่เขาขอเอาไว้อีก 200 ตำลึงซึ่งเขาใส่กระเป๋าผ้าใบใหญ่มาส่งให้ ชางจ้าวหลงนับเงินในกระเป๋า พอเห็นว่าครบถ้วน เขาก็ส่งเห็ดหลินจือแดงให้เจ้าของร้านแล้วสะพายตะกร้าก่อนจะอุ้มม่านหรูเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ถึงแม้เสื้อผ้าจะขาดวิ่นก็ตาม
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ