“ม่านหรู เจ้าจะเก็บตั๋วแลกเงินเอาไว้เลยหรือไม่ ปู่จะได้ส่งให้เจ้า”
“อืม… ข้าขอให้ท่านปู่เก็บไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านพ่อท่านแม่จะตกใจ”
“เจ้าไม่กลัวว่าปู่จะหนีไปพร้อมตั๋วเงินนี่หรือ หืม…”
“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเล่าเจ้าคะ ในเมื่อท่านปู่สัญญาแล้วว่าจะสอนวิชาข้ากับน้อง”
ม่านหรูเอียงหัวตอบคำถามเขาอย่างน่ารัก ทำเอาชางจ้าวหลงที่อยากกลับไปสำนักเพื่อแก้แค้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะสอนนางกับน้องให้มีฝีมือดีกว่าศิษย์ทรยศที่เขาเคยสอนมา ในเมื่อฟ้าส่งเขามาพบกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกนางพี่น้องก็แล้วกัน ไม่นานนักชางจ้าวหลงก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าในเมืองซึ่งทหารบอกเอาไว้ เขาเข้าไปเห็นพนักงานมองมาอย่างตกใจก็เข้าใจดีว่าตัวเองในตอนนี้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร
“เจ้าไปเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำมาให้ข้าสักสองชุด ส่วนของหลานสาวข้าเจ้าเลือกมาอีกสักสองตัวก็แล้วกัน ม่านหรู น้องชายเจ้าตัวโตแค่ไหนแล้ว ปู่จะได้บอกนางให้เอาชุดมาให้เจ้าเลือก”
ม่านหรูคิดอยู่สักพักก็เอ่ยเสียงเล็ก ๆ ออกมาถึงขนาดตัวน้องชายทั้งสองและยังมีชุดของพ่อกับแม่นางด้วยที่นางขอให้ชายชราช่วยบอกคนขายให้นำมาให้นางดู ไม่นานนักชุดต่าง ๆ ที่ชางจ้าวหลงต้องการก็มากองอยู่เต็มชั้นเพื่อให้พวกเขาเลือก
“ม่านหรู เลือกดูสิว่าชุดพวกนี้ขนาดพอดีกับพ่อแม่และน้องชายเจ้าหรือไม่ ปู่จะเข้าไปเปลี่ยนชุดก่อน เจ้าบอกราคาชุดของข้าสองตัวนี้มา ข้าจะจ่ายก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน”
“ชุดของท่านผู้เฒ่าสองชุดราคา 10 ตำลึงเจ้าค่ะ เพราะเนื้อผ้าดีที่สุดในร้านแล้ว”
ชางจ้าวหลงยื่นเงิน 10 ตำลึงส่งให้นางก่อนจะหยิบชุดไปหนึ่งชุดเพื่อเปลี่ยนที่ด้านหลังร้านซึ่งคนขายชี้นิ้วบอกเขาก่อนจะรับเงินไป ส่วนม่านหรูที่ตัวเล็กก็บอกให้คนขายช่วยยกชุดขึ้นมาให้นางดูว่าขนาดพอดีหรือไม่ ชางจ้าวหลงเปลี่ยนชุดเสร็จไม่นานก็เดินออกมาดูว่าม่านหรูเลือกเสื้อผ้าไปถึงไหนแล้ว พอเห็นว่านางดูใกล้เสร็จเขาจึงหันไปถามราคาเสื้อผ้าทั้งหมด
“หากซื้อชุดทั้งหมด 8 ชุดนี้ ราคาอยู่ที่ 40 ตำลึงเจ้าค่ะ เพราะเป็นเนื้อผ้าแบบเดียวกับของท่านผู้เฒ่า”
“ม่านหรู เจ้าชอบชุดพวกนี้หรือไม่ ปู่จะได้จ่ายเงินให้ แล้วเจ้าก็เข้าไปเปลี่ยนเป็นชุดที่น่ารัก ๆ ตัวใหม่ออกมาดีหรือไม่”
“ข้าชอบเจ้าค่ะท่านปู่ รบกวนท่านปู่จ่ายเงินให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ ข้าจะไปเปลี่ยน”
ชางจ้าวหลงส่งยิ้มให้ม่านหรูที่เชื่อฟังนักตรงหน้า ก่อนเขาจะล้วงเงินออกมา 40 ตำลึงและส่งให้คนขาย นางรับเงินมาแล้วหยิบชุดผู้หญิงสีฟ้าอ่อนส่งให้ม่านหรูนำไปเปลี่ยนในห้องด้านหลัง ส่วนชุดที่เหลือนางหาผ้ามาห่อและส่งให้ชางจ้าวหลง เขานำชุดทั้งหมดใส่ลงในตะกร้าสะพายหลังเอาไว้ ก่อนจะรอดูว่าม่านหรูเปลี่ยนชุดใหม่แล้วจะเป็นอย่างไรบ้าง
ม่านหรูเปลี่ยนชุดเสร็จก็เดินออกมาอย่างอาย ๆ ตั้งแต่เกิดมานางไม่เคยใส่ชุดที่สวยขนาดนี้มาก่อนจึงดูเก้ ๆ กัง ๆ ไม่น้อย ชางจ้าวหลงเห็นเข้าก็หัวเราะเบา ๆ
“ไหนมาให้ปู่ดูใกล้ ๆ สิว่าม่านหรูของปู่น่ารักแค่ไหน”
“ท่านปู่อย่าล้อข้าสิเจ้าคะ ข้าอายนะ”
“ฮ่า ฮ่า เอาล่ะ ๆ ปู่ไม่ล้อเจ้าแล้ว เอาชุดเก่าของเจ้ามานี่ ปู่จะใส่ตะกร้าไว้ให้”
ม่านหรูส่งชุดในมือที่เก่าซีดจนแทบไม่มีสีให้ชายชราตรงหน้าซึ่งยิ้มกว้างมาให้นางอย่างเอ็นดู หลังเก็บชุดเก่าแล้ว ชางจ้าวหลงก็อุ้มม่านหรูขึ้นมาแล้วเดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผยเหมือนตอนออกจากร้านขายสมุนไพร เขาพาม่านหรูไปร้านขายกล่องไม้สำหรับใส่เห็ดที่เหลืออีก 5 ดอก กล่องขนาดกลางราคาแค่ 1 ตำลึง ชางจ้าวหลงจ่ายเงินให้พ่อค้าแล้วนำเห็ดในห่อผ้ามาใส่เอาไว้อย่างเบามือ เขารองเห็ดด้วยผ้าผืนเดิมที่ม่านหรูห่อเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วปิดกล่องใส่ลงในตะกร้าเหมือนเดิม
“เจ้าอยากกินอะไรไหมม่านหรู ปู่จะพาเจ้าแวะกินอาหารอร่อย ๆ ดีหรือไม่”
“อืม… ข้าอยากซื้อไปให้ที่บ้านกินด้วยเจ้าค่ะท่านปู่ ท่านช่วยสั่งอาหารอร่อย ๆ ให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ”
“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปสั่งอาหาร บ้านเจ้ามีเนื้อ ผัก ไข่ ข้าว และเครื่องปรุงรสหรือไม่เล่า ปู่จะได้พาแวะซื้อก่อนจะกลับหมู่บ้าน”
“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะท่านปู่ ที่บ้านข้ามีแค่ข้าวผสมธัญพืชเท่านั้น ไข่ตั้งแต่เกิดมาข้ายังไม่เคยกินเลยเจ้าค่ะ ผักที่บ้านก็เป็นผักป่าที่ข้าหามาเท่านั้น ท่านเห็นว่าสิ่งใดควรซื้อก็ซื้อได้นะเจ้าคะ ข้าไม่ค่อยรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“เช่นนั้นปู่จะเลือกซื้อวัตถุดิบไปด้วยก็แล้วกัน แต่ปู่คิดว่าตะกร้าใบเล็กของเจ้าน่าจะไม่พอใส่ของกระมัง เดี๋ยวปู่ซื้อตะกร้าใบใหญ่ไว้สักใบด้วยนะม่านหรู”
ม่านหรูพยักหน้าให้ชายชราพร้อมรอยยิ้ม นางรู้ว่าตะกร้าของนางอาจใหญ่สำหรับนาง แต่สำหรับผู้ใหญ่ตัวสูงอย่างท่านปู่ผู้นี้ มันน่าจะเล็กมากสำหรับเขา
กว่าที่ชางจ้าวหลงจะไปสั่งอาหารและนั่งรออาหาร จนกระทั่งไปซื้อข้าวของจำเป็นพร้อมตะกร้าสะพายหลังใบใหญ่เสร็จก็เลยเที่ยงไปนานแล้ว เขาสะพายตะกร้าสองใบด้วยแขนคนละข้างอย่างไม่หนักแรงแล้วอุ้มม่านหรูเดินออกจากเมืองกลับไปยังหมู่บ้านด้วยวิชาตัวเบาของเขาภายในเวลาไม่ถึงสองเค่อเช่นเคย
“เจ้าจะให้ปู่เข้าไปในหมู่บ้านด้วยเลยหรือไม่ ม่านหรู”
“ข้าว่าท่านปู่พาข้าไปหาท่านพ่อท่านแม่ที่ไร่ก่อนดีกว่าเจ้าค่ะ ข้าอยากแนะนำให้พวกเขารู้จักกับท่านปู่ก่อน ไม่อย่างนั้นชาวบ้านคงเก็บไปนินทาอีกแน่”
ชางจ้าวหลงคิดตามที่เด็กน้อยบอกก็เห็นดีด้วย เขาคิดน้อยเกินไปจริง ๆ ต่างจากแม่หนูในอ้อมแขนที่คิดอะไรรอบคอบไปเสียทุกอย่าง ทั้งที่อายุยังน้อยเช่นนี้ เขาที่เห็นความสามารถเล็ก ๆ น้อย ๆ และความอดทนของม่านหรูที่รีบขึ้นเขาไปหาเขาทั้งที่ยังไม่กินข้าวเช้าก็ยิ่งเอ็นดูนางเหมือนหลานสาวเข้าจริง ๆ
ม่านหรูชี้บอกทางให้ชางจ้าวหลงเดินไปทางขวาที่มีทุ่งนายาวเป็นแถวก่อนถึงหมู่บ้านเล็กน้อย เขาเดินเร็ว ๆ แทนการใช้วิชาตัวเบาไปตามทางที่นางบอก เมื่อไปถึงแปลงนาด้านหลัง เขาก็เห็นผู้ใหญ่ 2 คน เด็กชาย 2 คนกำลังก้ม ๆ เงย ๆ ถอนหญ้าในแปลงนาอยู่
“ท่านปู่ปล่อยข้าลงก่อนเจ้าค่ะ ข้าจะพาท่านไปรู้จักครอบครัวของข้า”
ชางจ้าวหลงยิ้มส่งให้ม่านหรูก่อนจะปล่อยนางออกจากอ้อมแขน หลังเห็นว่านางยืนได้มั่นคงแล้ว เขาจึงปล่อยมือและเดินตามนางไปด้วยหลังที่เหยียดตรงเหมือนคันธนูซึ่งดูแล้วช่างสง่าผ่าเผยดั่งคนมีความรู้จริง ๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ น้องรอง น้องสาม มาดูสิว่าข้าพาใครมารู้จักพวกท่าน”
ม่านหรูวิ่งเหยาะ ๆ เข้าไปที่นาตรงหน้าแล้วร้องบอกครอบครัวเสียงดัง พวกเขาได้ยินเสียงม่านหรูจึงละมือจากสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้วเงยหน้ามองไปทางที่นางกำลังวิ่งมาหาพวกเขา ด้านหลังม่านหรูมีชายชราท่าทางภูมิฐานเดินตามหลังลูกพวกเขามาติด ๆ สองสามีภรรยาต่างหันมองหน้ากันอย่างมึนงง พวกเขาไม่รู้ว่าลูกสาวพาใครมาด้วยจริง ๆ
“ท่านพ่อท่านแม่ นี่ท่านปู่ชางเจ้าค่ะ ข้าพบท่านปู่บนเขาเมื่อวานนี้จึงกลับบ้านช้า”
“อ้อ เป็นเช่นนี้นี่เอง คารวะท่านผู้อาวุโสขอรับ ต้องขอโทษที่ลูกข้าไปรบกวนท่าน”
“เจ้าไม่ต้องเกรงใจ ข้าต่างหากที่ควรขอบคุณนางที่ช่วยข้าเอาไว้เมื่อวานนี้ วันนี้ข้าเลยพานางไปซื้อของมาตอบแทนพวกเจ้า และข้ามีเรื่องจะคุยกับพวกเจ้าด้วย พวกเจ้าว่างกันหรือไม่เล่า”
“เอ่อ ตอนนี้พวกข้ายังต้องทำงานก่อนน่ะขอรับ ไม่เช่นนั้นค่าจ้างในวันนี้พวกข้าจะไม่ได้รับแม้แต่อีแปะเดียว”
“เรื่องค่าจ้างเจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้ามีเงินมามอบให้พวกเจ้าไม่น้อย เอาล่ะ พวกเจ้าพาลูกกลับบ้านไปพร้อมกับข้าก่อน แล้วค่อยไปคุยกันที่นั่น”
“ขอรับท่านผู้อาวุโส ส่วนเรื่องเงิน ท่านไม่จำเป็นต้องให้พวกเราหรอกขอรับ พวกเราไม่กล้ารับ แค่สิ่งของมากมายที่ท่านสะพายอยู่นั่นก็ไม่น้อยแล้ว”
“อืม… เอาไว้ข้าเล่าให้พวกเจ้าฟังก่อน พวกเจ้าค่อยตอบข้าก็ไม่สาย นำทางเถอะ”
“ขอรับ” ติงกวนกับภรรยาได้แต่ต้องวางมือจากงานแล้วชวนลูกๆ กลับบ้าน โดยมีคนแปลกหน้าอย่างชางจ้าวหลงเดินตามไปติด ๆ ระหว่างทางพวกเขาไม่กล้าพูดอะไรกับลูกมากด้วยกลัวว่าชาวบ้านจะแอบได้ยินเข้า หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล พวกเขาคงถูกว่าร้ายอีกเป็นแน่
ชางจ้าวหลงวางท่าเป็นอาจารย์ได้อย่างไม่ผิดเพี้ยน ถึงแม้เขาจะสะพายตะกร้าถึงสองใบอยู่ก็ตาม ชาวบ้านเห็นคนแปลกหน้าเดินตามครอบครัวยากจนไปติด ๆ ต่างก็อยากรู้อยากเห็น เพียงแต่พอพวกเขาเห็นสายตาดุ ๆ ของชางจ้าวหลงเข้า พวกเขาจึงไม่กล้าตามไปสอดรู้สอดเห็นเรื่องของครอบครัวติงต่อ
สายวันต่อมา ขันทีผางนำป้ายพระราชทานพาโหวซื่อหลงกับโหวฮูหยินเดินทางไปยังจวนโหวที่ฝ่าบาทประทานให้ คนอื่น ๆ ต่างตามไปดูเช่นเดียวกัน พวกเขาที่อยากรู้ว่าจวนโหวที่ได้รับหน้าตาเป็นอย่างไรต่างเดินตามขบวนขันทีและทหารไปทิศเหนือใกล้กับวังหลวง กระทั่งขันทีผางสั่งทหารนำป้ายโหวซื่อหลงไปติดเอาไว้ที่หน้าประตูใหญ่ตรงหน้า ทุกคนจึงเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะจวนที่เห็นตอนนี้นั้นใหญ่โตยิ่งกว่าทุกจวนที่พวกเขาเคยเห็นมาเสียอีก“ท่านโหวขอรับ นี่เป็นกุญแจห้องทั้งหมดในจวนโหว ส่วนสิ่งของพระราชทานถูกส่งมาที่จวนตั้งแต่เมื่อคืนนี้แล้วขอรับ เชิญท่านโหวกับโหวฮูหยินตรวจสอบตามรายการที่ข้าเขียนให้ในนี้ได้เลยขอรับ ใบรายการอีก 5 ใบนี้ เป็นของท่านติงกั๋วกง รองแม่ทัพแดนเหนือ ผู้ช่วยรองแม่ทัพแดนเหนือ รองแม่ทัพขั้น 3 และกุนซือขั้น 3 ขอรับ”ขันทีผางยื่นส่งใบรายการทั้งหมดให้พวกเขาทีละคน จากนั้นเขาและทหารที่เดินทางมาด้วยกันก็ขอลากลับวังไป ซื่อหวนหลงเปิดประตูใหญ่ออกข้างหนึ่ง ภายในมีพ่อบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาแนะนำชื่อตนเองและแนะนำบ่าวไพ
ก่อนถึงวันงานเลี้ยงหลังกลับจากเมืองชายแดนตะวันออก ม่านหรูสั่งบ่าวให้นำทางนางไปซื้อกวานเพื่อเตรียมงานสวมกวานให้ลูกชายในช่วงบ่ายวันนี้ ก่อนไปยังเมืองชายแดนม่านหรูนำตั๋วแลกเงินติดตัวมามากถึงหนึ่งหมื่นตำลึง ระหว่างทางพวกนางใช้จ่ายค่าเสบียงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทำให้ม่านหรูมีเงินเหลืออยู่เก้าพันกว่าตำลึงบ่าวในจวนรองแม่ทัพพาม่านหรูไปร้านเครื่องประดับที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ม่านหรูบอกเถ้าแก่ให้นำกวานที่ดีที่สุดมาให้นางเลือก ไม่นานนักนางก็ได้กวานทองสองอันที่มีลวดลายแตกต่างกัน อันหนึ่งนั้นเป็นลายเมฆมงคล ส่วนอีกอันเป็นลายใบไผ่ที่สวยสดใสเหมาะกับซื่อซีซวน ม่านหรูจ่ายค่ากวานไปเกือบสามพันตำลึง ก่อนจะชวนบ่าวกลับจวนเพื่อเตรียมพิธีสวมกวานต่อในช่วงบ่ายที่จวนรองแม่ทัพวันนี้ต่างครึกครื้นและเต็มไปด้วยความสุขหลังจากเจ้านายทั้งสองของจวนเสร็จสิ้นพิธีสวมกวาน เหล่าบ่าวไพร่ในจวนต่างได้รับเชิญให้เข้าร่วมงานเลี้ยงไม่เว้นแม้แต่คนเดียว พวกเขายิ่งรู้สึกซาบซึ้งมากขึ้นไปอีกที่นายท่านถึงอายุจะยังน้อยแต่กลับมีความคิดมากกว่าผู้ใหญ่เสียอ
กลางดึกคืนนั้น ม่านหรูแอบไปพบท่านปู่เพื่อบอกเรื่องที่สามีกับลูกนางกล่าวไว้เมื่อตอนเย็น ชางจ้าวหลงคิดสักพักก็เข้าใจดีว่าพวกเขาคงห่วงม่านหรูมากเกินไป“แล้วเจ้าจะแอบขึ้นเรือกับปู่หรือไม่เล่า ปู่ให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้ไม่น้อยแล้ว”“ข้าจะไปพร้อมท่านปู่กับหลาน ๆ เจ้าค่ะ แผนการของเราจะต้องพังเรือทั้งหมดนี่นา”“เช่นนั้นเจ้าให้คนเตรียมเชื้อไฟเอาไว้หรือยัง เราจะได้แอบเดินทางออกไปก่อน”“เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะท่านปู่ ข้ายังเอาถุงทรายติดตัวไปด้วย เผื่อต้องใช้ในการต่อสู้”“อืม ดีที่เจ้ารอบคอบ ส่วนปู่นั้นสามารถใช้หยดน้ำแทนมีดบินได้ เอาล่ะ เราไปกันได้แล้วกระมัง เดี๋ยวจะเสียแผนเอา”ม่านหรูพยักหน้ารับคำชางจ้าวหลง ก่อนที่ทั้งสี่คนจะใช้วิชาตัวเบาไปยังหาดทรายที่เดิม เพียงแต่ครานี้กว่าที่ทุกคนจะหลบหลีกคนของกองทัพใหญ่ได้ก็เสียเวลาไม่น้อยเลยทีเดียวครึ่งชั่วยามต่อมา กองเรือโจรสลัดมาเ
สายวันต่อมา โจรสลัดขึ้นบกมาปล้นฆ่าชาวบ้านเหมือนทุกวัน ทหารที่เฝ้าอยู่รีบส่งคนไปแจ้งท่านแม่ทัพในจวน ก่อนที่ทหารทั้ง 19 คน จะต่อสู้กับโจรสลัดรอให้ทหารอีกจำนวนหนึ่งที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ ๆ มาช่วยพวกเขาไม่ถึงสองเค่อ กองทัพของหนิงจิ้งจิวก็พาทหารเข้าจัดการกลุ่มโจรสลัด โดยมีโจรสลัดบางส่วนวิ่งไปยังชายหาดเพื่อหลบหนีเช่นทุกครั้ง แต่ด้วยตอนนี้ทหารรู้ว่ากับดักถูกทำลายแล้ว พวกเขาจึงวิ่งตามอย่างเต็มกำลังจนสามารถจับกุมคนกลับมาได้ถึงสี่คนในคราวเดียว ส่วนโจรสลัดที่กำลังต่อสู้อยู่ก็ถูกฆ่าตายทั้งหมด นี่นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพสามารถจับโจรสลัดกลับไปสอบสวนได้ เพียงแต่ภาษาที่พวกเขาพูดมานั้นไม่มีใครสามารถแปลออก พวกเขาจึงทำได้เพียงนำโจรไปกักขังไว้ก่อนแล้วลาดตระเวนรอบชายหาดต่อจนถึงตอนเย็นกลางดึกของวัน ชางจ้าวหลงกับม่านหรู ติงเฟิงหยางและติงเฟิงฮุยมาชายหาดเหมือนกับเมื่อคืนวาน เด็กทั้งสองอยากเรียนวิธีทำลายกับดัก ชางจ้าวหลงให้พวกเขาตามมาด้านหลังและไม่ให้พวกเขาวิ่งวุ่นวาย แต่เสียดายคืนนี้ไม่มีกับดักให้ทำลายเลยแม้แต่น้อยหลังจากที่ช
หลังจากงานศพของทั้งสองคหบดีใหญ่เมืองไห่หลงผ่านไปด้วยดี กว่าที่ซีฮันกับซีซวนจะรู้ข่าวก็สายไปเสียแล้ว พวกเขายังติดงานและไม่สามารถลาไปเคารพทวดที่หลุมฝังศพได้ ในจดหมายท่านพ่อสั่งให้พวกเขารอสิ้นปีจึงค่อยกลับไป ทั้งสองตอนนี้ทำได้เพียงสั่งทหารไปซื้อกระดาษเงินกระดาษทองกับธูปเทียนมาทำพิธีส่งวิญญาณท่านทวดของพวกเขาที่จวนเท่านั้นสองปีต่อมาซื่อหวนหลงได้รับพระราชโองการให้กลับไปเมืองหลวงเพื่อคุมทัพใหญ่ไปช่วยชายแดนตะวันออกซึ่งตอนนี้ถูกโจรสลัดเข้ามาปล้นฆ่าชาวบ้านกันเป็นว่าเล่น เขาจึงรีบสั่งการให้คนไปแจ้งทหารทั้ง 200 นายเตรียมตัวออกเดินทางทันที ม่านหรูอยากไปกับเขาแต่นางรู้ดีว่าครั้งนี้คงไม่สามารถฝ่าฝืนกฎทหารได้อีก นอกจากฝ่าบาทจะส่งราชโองการมาอีกฉบับเพื่อให้นางช่วยเหลือการศึกในครั้งนี้ก่อนออกเดินทาง ซื่อหวนหลงยังสั่งภรรยารักว่าให้ดูแลจวนกับลูกให้ดี เขาจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุดหลังเสร็จงาน ม่านหรูได้แต่พยักหน้ารับคำสามีด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางรู้สึกว่าการศึกครั้งนี้ไม่น่า
ม่านหรูเชิญให้ท่านปู่นั่งที่นั่งประธานของบ้าน ส่วนนางกับสามีนั่งลงอีกข้างหนึ่งของห้องโถงใหญ่พร้อมลูกสาว อีกด้านเป็นติงกวน เสี่ยวชิงกับหลาน ๆ นั่งด้วยกัน พวกเขาต่างทักทายกันเสียงจอแจ ก่อนที่ฮวยหลิวจะชวนลูกพี่ลูกน้องออกไปเล่นที่สวนด้านหลังและปล่อยให้พวกผู้ใหญ่คุยกัน“ท่านปู่สบายดีไหมเจ้าคะ ในจดหมายน้องรองบอกว่าท่านยังคอยสอนวรยุทธเด็ก ๆ จนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน ข้ากับน้องเป็นห่วงท่านนะเจ้าคะ”“เพ้ย! เจ้าจะฟังเด็กสองคนนั้นทำไมกัน ข้าออกจะแข็งแรงอย่างกับอะไรดี มีแต่พ่อแม่เจ้านั่นแหละที่ช่วงนี้ป่วยออด ๆ แอด ๆ น่ะ เจ้าห่วงพวกเขาจะดีกว่า ฮึ!”ชางจ้าวหลงสะบัดหน้าหนีอย่างงอนๆ หลานสาวคนนี้ไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขานั้นแข็งแรงยิ่งกว่าพวกนางเสียอีก ม่านหรูเห็นอาการของท่านปู่ก็ได้แต่ถอนหายใจ“ข้ารู้เจ้าค่ะท่านปู่ แต่อย่างน้อยท่านก็ควรจะพักผ่อนตามวัยบ้าง ส่วนท่านพ่อท่านแม่มีน้องรองกับน้องสามคอยดูแล ข้าจึงไม่ได้ห่วงอะไรมากนัก อย่างไรพวกท่านก็ไม่มีวรยุทธ การที่จะเจ็บ