〝 ขอโทษด้วย! ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเอง! 〞 หลังจากที่พวกกรได้รับการแจงเรื่องต่างๆและออกมานั่งรอตรงห้องโถง กรที่กำลังนั่งอยู่ก็ก้มหัวจนติดโต๊ะให้กับมีอากับเมอร์ลินในทันที ส่วนสาเหตุนั้นก็คือ.... เรื่องที่กรสารภาพกับทุกคน ว่าไปวางเงื่อนไขกับราชาไว้แบบไหนนั่นเอง〝 อีตาบ้าเอ้ย... ทีเรื่องแบบนี้นะ ดันไม่รู้จักรอบคอบเอาซะเลย 〞เมอร์ลินพูดแล้วก็ถอนหายใจเสียงดัง ทำกรรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ และนั่นยังไม่รวมสายตาทิ่มแทงจากสาวๆคนอื่น แต่ทางฝั่งมีอานั้น...〝 อืม... เจ้าหญิงที่ว่าจะเป็นคนยังไงกันนะ 〞 ว่าแบบนั้น แล้วก็เอานิ้วจิ้มแก้มตัวเอง พลางเอียงคอสงสัยอย่างน่ารักน่าชังเหมือนทุกที และแน่นอนว่าไร้ซึ่งความกังวล〝 มีอานี่ก็นะ... 〞เมอร์ลินว่าแล้วก็กุมขมับ ส่ายหัวไปมาอย่างหน่ายๆ แต่ทางมีอาที่ใจเย็นกว่าก็ประเมินสถานการณ์ออกมาได้ว่า...〝 ก็แหม... ยังไงก็มันก็แค่การหมั้นเองไม่ใช่เหรอ? ไม่ใช่ว่าจะต้องแต่งงานกันตอนนี้เลยซักหน่อย... 〞〝...อืม ที่เธอว่ามามันก็จริง 〞 นั่นเลยทำให้เมอร์ลินคิดตามอย่างใจเย็น แล้วก็ต้องหันไปมองตาของกร ที่เงยขึ้นมา
————วันต่อมา เป็นช่วงเช้าตรู่เวลาประมาณ 7 นาฬิกา ห่างจากโรงแรมอิกดราซิลที่พวกกรพักเพียง 100 เมตร ข้างๆที่นั่งริมทางใต้ต้นไม้ใหญ่ คล้ายกับเป็นจุดหย่อนใจประจำเมือง ณ ที่นั่งริมทางตรงนั้น... มีกรในชุดลำลองกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่คนเดียวมาราวๆ 45 นาทีแล้วแล้วทำไมฉันถึงต้องมานั่งรออยู่ที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่งั้นเหรอ?เรื่องนี้มันมีสาเหตุอยู่... ถ้าถามว่าเป็นไงมาไง ก็คงต้องเล่าย้อนความกลับไปถึงเรื่องเมื่อวานนิดหน่อยหล่ะนะหลังจากเหตุการณ์ที่ฉันสารภาพรักกับเรเชลไปเมื่อวาน ทุกๆคนก็กลับมาหลังจากนั้นแค่แป๊ปเดียวแล้วก็มีการฉลองปาร์ตี้กันอย่างที่คิดไว้ตอนแรกเรเชลแสดงสีหน้าเป็นสุขออกมาอย่างเห็นได้ชัดตลอดงาน... สุขที่สุดนับแต่ที่เคยเห็นมาเลยแต่เอาเถอะ... จากที่ทำสีหน้ากังวลมาตลอด เราทำแบบนั้นไปก็คุ้มแล้วหล่ะนะเพียงแต่ฉันต้องบอกเรื่องนี้กับมีอาแล้วก็เมอร์ลินด้วย...จูบกับผู้หญิงคนอื่นทั้งที่มีพวกเธอเป็นแฟนอยู่แล้วนี่มันนอกใจชัดๆ แถมลับหลังอีกต่างหาก...เพราะคิดงั้นหรอกนะ เลยพยายามหาโอกาสบอก แต่ไม่รู้ทำไมทั้งสองคนพยายามเลี่ยงไม่คุยเรื่องนั้นด้วยกันซะงั้นพอจะพูดก็ถูกขัดตลอดเลย ย
ณ ที่นั่งริมทางใต้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งเป็นจุดพักผ่อนประจำเมือง อันห่างจากตัวโรงแรมอิกดราซิลที่พวกกรพักอยู่เพียง 100 เมตร... ตรงนั้น มีกรคนเดิมกำลังนั่งรอใครบางคนอยู่ แต่ด้วยท่าทีที่ต่างออกไปจากตอนแรกที่ตื่นเต้นด้วยความสนุกสนานปนประหม่าอย่างสิ้นเชิง ...ตัวกรในตอนนี้กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาพลางใช้มือทั้งสองข้างกุมศีรษะอยู่ พร้อมกับปล่อยบรรยากาศที่ดูน่าหดหู่และน่าสงสารในเวลาเดียวกันออกมา จนคู่รักบริเวณรอบๆไม่กล้าที่จะเข้าใกล้เลยทีเดียว ส่วนสาเหตุมันก็เป็นเพราะ…ซาช่า... รักเรา?เอาจริงดิ!? นี่ฉันคิดถูกงั้นเหรอ? ไม่ได้คิดไปเองงั้นเหรอเนี่ย?ทำไมกันหล่ะ? นี่ฉันมีอะไรน่าหลงใหลขนาดนั้นเลยรึไง ทั้งเรเชลทั้งซาช่าถึงได้มาชอบคนอย่างฉันเนี่ย?เรื่องของเรเชลฉันยังตัดสินใจไม่ได้เลยแท้ๆ นี่ยังจะมีเรื่องของซาช่าเข้ามาอีก...บ้าจริง! แล้วถึงจะอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ แต่เรากลับ... กลับรู้สึกดีใจที่ซาช่ารักเราซะได้!เรานี่มันเลวจริงๆให้ตายสิ...แล้วก็ตอนนี้ ซาช่ากลับไปอยู่กับพวกมีอาแล้วงั้นสินะ เอาเถอะ ก็โล่งใจได้เปราะนึงที่ไม่ได้เดินหนีตะลอนไปทั่วจนไปเจออันตรายเข้าใจจริงก
ณ ที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ประจำเมือง... ซึ่งเป็นที่เดิมหลังจากที่ผ่านการเดทมาสองครั้ง... ที่ตรงนั้น... มีกรที่กำลังนั่งอยู่กับพื้นแล้วก็ใช้ที่นั่งที่ประจำของตนเป็นที่ฟุบ ราวกับเด็กนักเรียนที่ฟุบหลับในห้องยังไงอย่างงั้นแทน... พร้อมกับปล่อยบรรยากาศแห่งความกังวลออกมามากยิ่งกว่าเดิม... จนตอนแรกที่ว่าไม่มีใครกล้าเข้าใกล้แล้ว ในตอนนี้มีแต่นก หู หมา กา ไก่ ก็ยังกลัวบรรยากาศรอบตัวกรเลยทีเดียว...สับสนไปหมดแล้ว... นี่โลกใบนี้มันเพี้ยนไปแล้วรึยังไงเนี่ย?เรเชล ซาช่า... แถมยังลิลิธอีก...ทุกคนรักเรา... รักเราแบบชายหญิงทั่วไป...อือ.... จะทำยังไงดีๆๆๆๆๆปวดหัวไปหมดแล้ว คิดอะไรไม่ออกเลย... ไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงต่อดี...〝 เฮ้อ!!! 〞 กรคิดอย่างกังวลราวกับเจอปัญหาที่แก้ไม่ตกหลังชนฝา... แล้วก็ถอนหายออกมาอย่างอิดโรย...แล้วทำไมฉันถึงกลับมานั่งที่เดิมหน่ะเหรอ?ก็เพราะรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วหน่ะสิ... ว่าคิวต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น...แต่จะให้หนีมันก็น่าสมเพชเกินไป...เพราะยิ่งกว่าการไม่ทำอะไร ก็คือการหนีที่เราเกลียดและทำมาตลอดนั่นแหล่ะเพราะงั้น... ถึงได้ไม่หนี... แล
———— ครึ่งชั่วโมงต่อมาก๊อกๆ!〝 ดิฉันเองค่ะ! 〞 ชาลอตเคาะประตูห้องที่ทุกคนอยู่ หลังจากที่กรและเธอวาร์ปมาที่คาลิโอน่าหลังจากนั้นซักพัก แต่ว่ากรนั้นไม่ได้อยู่กับเธอ... แล้วประตูก็ถูกเปิดออกในทันทีโดยเมอร์ลิน〝 เป็นยังไงบ้างชาลอต? 〞เมอร์ลินเอ่ยถาม แล้วชาลอตก็ถูกเรเชล ซาช่าและลิลิธที่นั่งอยู่ในห้องจ้องมาที่เธอ เพราะหวังในคำตอบ หรือแม้แต่ริต้าและคาเรนเองก็ตาม〝 นายท่านบอกว่า ให้เวลาฉันซักหน่อย หน่ะค่ะ 〞〝 ...งั้นเหรอ 〞 พอได้ยินคำตอบ ทุกคนก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นกังวลกันแทน นั่นแม้แต่เมอร์ลินก็ด้วย... ยกเว้นคนๆเดียว...〝 ไม่เป็นไรหรอก! 〞〝 มีอา? 〞เมอร์ลินเลิกคิ้วขึ้น ให้กับเสียงของเด็กสาวที่พูดออกมาอย่างมั่นใจแบบนั้น ใช่... คนๆเดียวที่รู้ว่าทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อย คนที่รู้จักตัวกรยิ่งกว่าตัวของกรเองซะอีกอย่างมีอา... เธอเป็นคนเดียวที่มั่นใจว่าทุกอย่างจะออกมาโอเค〝 ทุกอย่างจะต้องโอเคแน่ เชื่อฉันสิ! กรหน่ะ ทำให้พวกเธอตกหลุมรักได้เชียวนะ เพราะงั้นเชื่อมั่นในตัวกรเข้าไว้สิ ทุกคนรวมถึงเค้าจะต้องมีความสุขไปด้วยกันได้แน่! 〞
———— เช้าวันต่อมาหลังจากเหตุการณ์เมื่อวานที่ฉันคบเป็นคนรักกับทุกคน ทุกอย่างก็ดูเป็นไปได้ด้วยดีกว่าที่คิดอีกและที่สำคัญ... เมื่อวานพวกเราคุยกันซะไม่บันยะบันยังและนั่นทำให้รู้จักกันยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ซะอีกและมันจะพัฒนาไปยิ่งกว่านี้อีกแน่นอนแต่ถ้าจะพูดถึงเหตุการณ์น่าตื่นเต้นเมื่อวานหล่ะก็ คงเป็นเรื่อง『กฎในครอบครัว』ของพวกเราที่ตั้งขึ้นมาเมื่อวานหล่ะนะหนึ่งก็คือ ต้องจูบอรุณสวัสดิ์กันทุกเช้าหลังตื่นนอน และจูบราตรีสวัสดิ์ก่อนนอนทุกคืน...โคตรดีเลยอันนี้ เหมือนฉันได้ประโยชน์เต็มๆเลยแฮะ ถึงจะน่าเสียดายที่ต้องเริ่มกฎข้อนี้ตอนเย็นแทนก็เถอะสองก็คือ ต้องไม่มีเรื่องปิดบังกัน ถ้ามีปัญหาหรือข้องใจจะช่วยกันแก้ในทันทีอืม อันนี้ค่อยธรรมดาสมเป็นครอบครัวปกติหน่อย...สาม ห้ามเกรงใจกัน...ไม่เช่นนั้นระยะห่างของพวกเราอาจจะกว้างขึ้นกว่านี้อันนี้มันเหมือนธรรมเนียมมากกว่ากฎอ่ะนะ และมันถูกสร้างโดยเมอร์ลินสงสัยยังติดใจเรื่องที่ฉันแอบไปทำแบบนั้นกับมีอาอยู่แหงๆเลยแฮะ... เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาเลยข้อสี่... อันนี้เป็นกฎของพวกผู้หญิงอ่ะนะเป็นสัญญาลูกผู้หญิงที่ว่า นอกจากจะรักฉันที่สุดแล้ว... ในหมู่ผู้ห
———— เช้าตรู่วันต่อมา ณ สถานที่แห่งหนึ่ง ที่ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับกระดานหมากรุกขนาดใหญ่ราวๆ 100 ตารางเมตร แต่ไร้ซึ่งตัวหมาก ใดๆ โดยที่ด้านนอกของเขตหมากรุกเป็นสิ่งที่คล้ายกับกลุ่มเมฆ หากมองดูจากภายนอกได้ มันก็คงจะเหมือนกับกระดานหมากรุกที่ลอยอยู่เหนือเมฆนั่นแหล่ะ เพียงแต่การทำแบบนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องด้วยความที่มันถูกสร้างขึ้นให้โดนจำกัดเขตใช้งานแค่ในบริเวณกระดานเท่านั้น พื้นที่นอกเหนือจากนั้นจึงคล้ายกับของประดับตกแต่งมากกว่า มองลงไปยังกระดานและเจาะรายละเอียด... แล้วก็จะพบเข้ากับเด็กสาวร่างเล็กผมยาวสีน้ำตาลและผูกส่วนที่เหลือเป็นโพนี่เทลด้านขวา สวมชุดที่ดูเคลื่อนไหวง่ายและค่อนข้างเปิดผิวกายให้เห็นโดยเฉพาะช่วงสะดือและต้นขา และจะเป็นใครไปไม่ได้เลย นอกจากคาเรน... หนึ่งในแฟนสาวของกร และเธอก็กำลังต่อสู้อยู่กับบางสิ่งอยู่...ตึก! ตึก! ตึก!———— สิ่งนั้นคือ หุ่นไม้ที่สามารถขยับได้ตามโปรแกรมที่ผู้ฝึกวางไว้ และสิ่งนั้นกำลังพุ่งเข้าหาคาเรนด้วยความเร็วพอๆกับนักกรีฑามืออาชีพอยู่〝 ฮึ่ย! ย้ากกกก! 〞 คาเรนที่เห็นหุ่นฝึกพุ่งตัวเข้ามาแบบนั้น ก
————วันต่อมา ณ ราชอาณาจักรอาลัน , ห้องสมุดประจำวังหลวง ในช่วงบ่ายของวันอันร้อนระอุ... ที่แห่งนี้คือที่ที่รวบรวมหนังสือจากทั่วทั้งอาณาจักรเอาไว้ ซึ่งทั้งหมดคือต้นฉบับทั้งสิ้น โดยปกติแล้วที่แห่งนี้อนุญาตให้ใช้ได้เฉพาะราชวงศ์หรือขุนนางระดับสูงเท่านั้น แต่ในเวลานี้ กลับมีเด็กหนุ่มคนนึง ที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็ดูเป็นคนธรรมดา จากการที่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายาวสุภาพนั้น เด็กหนุ่มสวมแว่นที่ดูท่าทางภูมิฐาน ผู้ซึ่งกำลังอ่านหนังสือเป็นกองจำนวนมากอยู่ในจุดที่เงียบสงบที่สุด... เขาคนนี้ก็คือ ชาญ เพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนของกรนั่นเองเป็นเวลามากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ที่กร... หมอนั่นได้ตายไปจากทุกคนอย่างน้อยก็สำหรับอาณาจักรนี้เพียงแต่ความจริงแล้ว หมอนั่นยังไม่ตายด้วยรหัสลับที่เหลือทิ้งไว้ให้เรา...เพียงแต่... หนึ่งเดือน...มันนานมากเกินไป... ข่าวคราวเกี่ยวกับหมอนั่นทางนี้กลับไม่รู้อะไรเลยยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ความตึงเครียดของพวกเราก็ยิ่งเพิ่มขึ้นนั่นเพราะยิ่งนายอยู่ในดันเจี้ยนนั่นนานเท่าไหร่ โอกาสรอดของนายก็ยิ่งต่ำลงเรื่อยๆให้ตายสิ....อยากจะตบกบาลแกซักรอบจริงๆ
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ
ในห้องน้ำส่วนที่เป็นห้องแต่งตัวบ้านครอบครัวของกรก่อนหรือหลังเข้าไปใช้ห้องอาบน้ำรวมของบ้าน ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีใครใช้งานเป็นเวลานาน มันจึงเป็นเรื่องแปลกทีเดียวที่จะมีคนเพิ่งอาบน้ำในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ โดยเฉพาะบ้านของกรที่ต้องตื่นมากินข้าวเช้า รวมถึงอาบและแช่น้ำรวมกันทั้งบ้านเป็นกิจวัตร“แบบนี้ดีไหมนะ? หรือแบบนี้ดี?” นั่นถึงเป็นเรื่องแปลกเมื่อมีหญิงสาวกำลังจัดทรงผมด้วยสีหน้าสายตาจริงจังในเวลาเที่ยงเศษแบบนี้ คน ๆ นั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสาวผู้มีสไตล์มากที่สุดและมีเสน่ห์ของสาวผู้ใหญ่เหลือล้นอย่างเจนนี่หนึ่งเดียวคนนี้เอง โดยปกติแล้วเธอเองก็ค่อนข้างดูแลตัวเองตลอดเวลา เรียกว่าแม้จะอยู่บ้านก็ยังแต่งหน้าแต่งตาบาง ๆ ให้ดูเป๊ะอยู่เสมอ อย่างน้อย ๆ นั่นก็เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้แฟนหนุ่มอย่างกรรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจ แต่ครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเธอค่อนข้างจัดเต็มมากทีเดียว ถึงแบบนั้นก็ไม่มากเกินไปกว่าระดับที่ทำให้ดูผิดธรรมชาติ“เป็นยังไงบ้างคะเจนนี่” ในจังหวะนั้นก็มีคนเดินเข้ามาในห้องพอดิบพอดี เธอเป็นสาวหูแมวผู้เงียบขรึมดูไร้อารมณ์ที่สุ
ยามเช้าอันสดใสมาพร้อมเสียงสัตว์อรุณสวัสดิ์เป็นกิจวัตรอันสร้างความสดชื่นรับวันใหม่ได้ทุกครา ไม่มีเสียงปลุกอะไรไพเราะไปกว่านี้ กับบรรยากาศสดชื่นและน่าเย้ายวนชวนให้ตื่นเช้าเช่นนี้ คงไม่มีใครหาญกล้านอนต่อได้นอกเสียจากคนที่ทำงานจนเหนื่อยล้าหรือกำลังอยู่ในช่วงขี้เกียจสันหลังยาว เว้นเสียแต่ว่าเธอคนนั้นไม่ได้หลับเสียตั้งแต่แรก ข้อยกเว้นดังกล่าวคือฟีโอน่าที่กำลังนั่งเขียนเอกสารในห้องส่วนตัวของเธอ ในบ้านส่วนตัวที่อยู่อาศัยร่วมกันกับครอบครัวของเธอตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าตรู่นี้ อันที่จริงต่อให้เธอทำงานค้างไว้ก็คงไม่มีใครว่าเธอได้ เพราะในอาณาจักรที่เธอปกครองตอนนี้ไม่มีใครใหญ่ยิ่งไปกว่าเธออีกแล้ว ต่อให้ประกาศกับเหล่าขุนนางไปแล้วว่าจะวางมือ แต่สถานะของอดีตราชินีและหนึ่งในสมาชิกปาร์ตี้ผู้กอบกู้โลกคงไม่มีใครกล้าหือแน่นอนต่อให้ลงจากตำแหน่งไปแล้ว สิ่งที่ผลักดันฟีโอน่าให้ทำงานจึงเป็นแรงขับเคลื่อนส่วนตัวอย่างความรับผิดชอบล้วน ๆ จะว่าต้องการเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับเหล่าขุนนางก็คงได้ แต่อันที่จริง... สาเหตุหลักมันเป็นเพราะเธ
“ทนไม่ไหวแล้ว!!!” เสียงโหวกเหวกโวยวายเป็นสิ่งแรกของยามเช้าอันสดใสของพวกกร ความเหนื่อยล้าจากศึกกลางคืนทำให้ทุกคนยังงัวเงีย แต่ก็ตื่นเต็มตากันหมดเพราะเสียงตะโกนของตัวป่วนประจำบ้านอย่างอลิซ ด้วยความที่ทุกคนนอนบนฟูกปูพื้นทำให้ทุกคนนอนเกลื่อนกลาด และเพราะผ่านศึกอันหนักหน่วงกันมา ทั้งสาว ๆ และกรเลยมีแค่ผ้าห่มคนละผืนทับตัวเปล่า ๆ เหมือนเด็กแรกเกิด แต่สภาพแบบนั้นไม่ได้ทำให้อลิซร่าเริงน้อยลงเลย“ได้ยินป่าว! ฉันบอกว่า ‘ทน-ไม่-ไหว-แล้ว’ อ่ะ!” เธอทำแก้มป่องทุบพื้นหลายต่อหลายที ถึงไม่รู้ว่ากำลังหงุดหงิดเรื่องอะไรก็เถอะ“มีเรื่องอะไรแต่เช้าเนี่ย?” กรที่หนุนหมอนอยู่ถึงชันตัวขึ้น เขาต้องค่อย ๆ ใช้แขนสองข้างประคองให้มีอากับรินลงหนุนหมอนแทนจากที่นอนซบไหล่เขามาตลอดคืน อาจเพราะแบบนั้นด้วยมีอากับรินเลยทำหน้ามุ่ย แต่พอได้กรลูบหัวไปคนละสองทีพวกเธอก็ยิ้มพริ้มกันเพลินจนต้องหลับต่อ“หรือว่าอยากกอดเหรอ? งั้นมามะ” กรอ้าแขนเชื้อเชิญด้วยใบหน้าระรื่น เพราะเขาเองก็อยากจะกอดอลิซเหมือนกัน“ไม่ใช่ย่ะ! ไม่สิ... ถึงจริง ๆ จะอยากกอดก็เถอะ แต่ที่จะพูดมันไม่ใช่เรื่
————วันรุ่งขึ้นหลังจบศึก, ณ มหาดันเจี้ยนโบราณเด็กหนุ่มผู้โดดเดี่ยว ภายในมหาดันเจี้ยนโบราณของฟรังซ์ ออลเดลผู้เป็นเจ้าของนั้น มีดันเจี้ยนชั้นหนึ่งที่เป็นส่วนอยู่อาศัย หากนับตามลำดับคงเป็นชั้นที่ 101 ว่าไปแล้ว มันก็คือดันเจี้ยนชั้นเดียวกับที่กรและมีอาได้เข้ามาพักหลังจากที่เคลียร์ดันเจี้ยนแห่งนี้สำเร็จแล้วนั่นเอง คฤหาสน์ของฟรังซ์นั้นมีห้องอยู่จำนวนมากทั้งที่กำลังใช้งานอยู่และที่เป็นห้องว่างพร้อมให้ปรับเปลี่ยนเป็นรูปแบบต่าง ๆ ตามต้องการ ในบรรดาห้องว่างทั้งหลายเหล่านั้นคือห้องชั้นใต้ดินของอาคารหลักอันมืดมิด ได้ถูกดัดแปลงเป็นห้องกรงแบบง่าย ๆ คำว่าง่าย ๆ ที่ว่านั้น คือการใส่ลูกกรงเหล็กหน้าห้องแทนประตู พื้นที่เป็นดินไม่ได้รับการตกแต่งหรือทำความสะอาดเพื่อไว้ใช้ลงโทษ นอกเหนือจากนั้นคือกุญแจมือและเท้าที่ล่ามติดโซ่ผู้กระทำผิดเอาไว้ในฐานะนักโทษอยู่กลางห้องไม่ให้ขยับไปไหนได้ และคนที่ถูกล่าม ไม่สิ... ล่ามตัวเองอยู่นั้น ก็ไม่ได้เป็นใครอื่นนอกจากอาร์เคมีดีส ตัวอาร์เคมีดีสนั้นแม้จะถูกล่ามโซ่ในสภาพอนาถาแต่กิริยาของเขากลับยังนิ่งสงบ ทั้
————ก่อนหน้านี้เล็กน้อย“แล้ว... จะเอายังไงต่อดีล่ะเนี่ย” หลังออกมาจากมหาดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ จนมาอยู่บนชายหาดของเกาะที่อยู่ใกล้ที่สุด เมอร์ลินก็เอ่ยถามขึ้นมาเป็นคนแรก เพราะอาเธนที่เป็นคนใช้ไอเทมทำให้ทุกคนออกมาได้รวมถึงมหาปราชญ์คนอื่น ๆ นั้นไม่ได้มาด้วย เนื่องจากจำเป็นต้องทำลายแกนพลังงานของดันเจี้ยนเพื่อลดอัตราการดูดซับเท่าที่จะทำได้แม้แกนกลางของดันเจี้ยนจะกลายเป็นลาสบอสพร้อมกับอาร์เคมีดีสไปแล้วก็ตาม และไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร แต่มันก็เหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง คำถามของเมอร์ลิน จึงไม่ใช่อะไรนอกจากการยืนยันสิ่งที่กรจะทำหลังจากนี้ ทั้งด้วยความอยากรู้อยากเห็นและกังวล แต่ว่าก่อนหน้านั้น...“เดี๋ยวก่อนสิ! นี่จะไม่สนใจไอ้เจ้ายักษ์นั่นหน่อยเหรอเนี้ยว!?”“นะ นั่นสิคะ! นั่นน่าจะเป็นเรื่องที่ควรกังวลมากกว่านะคะ!” ในขณะที่ฟลอร่ากับซาช่าต่างก็ชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าจนเหมือนคนสติแตก ซึ่งถ้าบนนั้นมีแค่เมฆสีครามเหมือนปกติก็จะดี แต่เพราะไม่ใช่ พวกเธอถึงกลัวจนขนลุกกันขนาดนั้น เพราะที่อยู่บนนั้น คือมอนสเตอร์ขนาดยักษ์ที่มีร่างกายท่อนบนเป็นมนุษย์ท่อนล่า