หลังจากที่โหมโรงที่บ้านแบบเบา ๆ (เหรอ?) พวกเราสามคนก็เริ่มออกเดินทางตามที่วางแผนกันไว้เป้าหมายเดทวันนี้คือห้างสรรพสินค้าในเมืองฟอเรสเตอร์ที่เดียวกับที่เคยมาเดทกับรินและสิ่งที่จะทำวันนี้ก็คือ ‘การดูหนัง’ นั่นเอง!ซึ่งอันที่จริงเดี๋ยวจะไปเดินเล่นกันต่อด้วย แต่ยังไงอีเวนท์หลักก็คือดูหนังนี่แหละตอนอยู่โลกเดิมพวกเราก็ไปดูด้วยกันบ่อย แต่ส่วนใหญ่ก็จะไปกัน 5 คนมากกว่า...ถึงจะมีบางครั้งที่รินกับอลิซชวนเราไปด้วยกันแค่สองคนก็เถอะนะแต่ที่ได้มาในฐานะแฟนกันสามคนเนี่ย นี่ครั้งแรกเลย!มานึกดูแล้ว ถ้าเป็นตัวฉันเมื่อหลายเดือนก่อนที่คิดไม่ตกกับรักสามเศร้าของเราสามคน ฉันก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะกลายเป็นแบบนี้แต่ก็ต้องขอบคุณทุกอย่างที่ผ่านมา พวกเราถึงได้หวานแหววกันอย่างที่ควรจะเป็น กรคิดเคลิบเคลิ้มไปถึงเรื่องที่บ้านก่อนจะออกมาเดท รู้สึกว่ารินกับอลิซดูจะแสดงออกมากกว่าปกติอีกระดับช่วงหลังจากคบกัน โดยเฉพาะผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว ถึงพวกเราจะไม่ได้มีอะไรปิดบังกันเลยก็เถอะ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ซื่อตรงต่อความต้องการขนาดนั้นอยู่ดีแต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะพวกเธอไม่อยากทำหรอก เป็นเรื่องของบุคลิกภาพส่วนบ
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา
ไร้เหตุผลชะมัด ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว...... อุษณกร เด็กหนุ่มไทยอายุ 17 ปี ที่ปกติแล้วช่วงวัยและเวลานี้น่าจะต้องนั่งเรียนหนังสืออยู่ใน ห้องเรียนกับเหล่าเพื่อนร่วมชั้น ในประเทศ....ไม่สิโลกที่สงบสุข ตอนนี้กลับกำลังอยู่ในสภาพร่อแร่ใกล้ตายเต็มทีจากการปะทะกับกลุ่มมอนสเตอร์ในดันเจี้ยนของต่างโลก กำลังนั่งเอาหลังพึงกำแพง แล้วบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยเสียงที่แหบแห้งและแผ่วเบาอย่างที่สุดอยู่เพียงลำพังตึก ตัก............ตึก ตัก.......................ตึก............ตัก.............................ตึก...................ตัก ชีพจรของเด็กหนุ่มกำลังอ่อนลงเรื่อยๆ แต่สัมผัสทางกายที่น่าจะหายไปจากการเสียเลือดของเด็กหนุ่มยังไม่ได้จางลงแม้แต่น้อย ความร้อนจากของเหลวสีแดงที่ไหลออกมาทั่วร่างไม่หยุดก็ยังคงชัดเจน ความเจ็บปวดที่ปากแผลจากการสูญเสียแขนซ้ายไปเองก็ยังชัดเจน สัมผัสความเย็นจากโลหะของมีดสั้นที่เสียบอยู่ที่หน้าอกค่อนไปทางซ้าย และใบมีดของดาบยาวสองคมมือเดียวอีก 2 เล่มที่ท้องน้อยทะลุผ่านลำตัวและทะลุต้นขาขวาไปก็ยังชัดเจนทรมาน......ให้ตายสิ ถ้าจะตายทั้งทีขอตายแบบไม่ทรมานไม่ได้รึไง......
พอรู้สึกตัวอีกที ฉันก็อยู่ในห้องสีขาว ...ไม่สิเหมือนกับว่าโลกใบนี้ ทั้งพื้นดินและท้องฟ้า ทั้งหมดมันเปลี่ยนเป็นสีขาวหมดเลย ไม่มีอะไรอยู่เลยนอกจากฉัน เครื่องเกมที่น่าจะอยู่ติดตัวฉันเองก็ไม่มีด้วย ขณะที่กำลังคิดแบบนั้น รอบๆตัวของกรก็มี เหล่าผู้คนในวัยหนุ่มสาวปรากฏขึ้นมามากมาย มีกระทั่งที่สีผิวและเครื่องแบบแตกต่างจากเขา ทั้งที่ใส่ชุดนักเรียนอยู่ ชุดลำลองและชุดแปลกๆที่ไม่รู้จักเองก็มีโอ๊ะ!!! ทางนั้นมีพี่สาวใส่ชุดมิโกะด้วยหล่ะ! ไม่นะ! เดี๋ยวๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!!!!!อย่าปล่อยให้กิเลสเข้าครอบงำสิตัวฉัน ก่อนอื่นเรียบเรียงสถานการณ์ก่อน ใจเย็น〜เข้าไว้〜ฟู่-ฮ่า... ฟู่-ฮ่า... ฟู่-ฮ่า... หลังจากกรหายใจเข้า-ออกยาวๆ 3 ครั้ง กรก็ตั้งสติแล้วกลับสู่ความเป็นจริงได้ในที่สุดทุกคนที่อยู่ที่นี่ เท่าที่สังเกตมีแต่พวกหนุ่มสาวอายุประมาณเราหมดเลยแฮะ แต่ก็มีเด็ก ม.ต้น หรือวัยทำงานขึ้นไปอยู่บ้างเหมือนกัน จะว่าไปแล้ว... ยังไม่เห็นเพื่อนของเราซักคนเลยแฮะวูม〜 หลังสิ้นเสียงที่เหมือนกับ Special Effect ในหนังอวกาศ เหล่าเพื่อนร่วมชั้นและนักเรียนในห้องอื่นๆ ทั้งพวกรุ่นพี่และรุ่นน้อ
หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเลยหล่ะ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยจัดละมั้ง เมื่อคืนเลยหลับซะลึกเลย ให้ตายสิ! ทั้งเรื่องไอ้แก่พระเจ้า การมาต่างโลก(แถมเป็นโลกแฟนตาซีอีกต่างหาก) สภาวะสงครามของอาณาจักรที่ถูกวาร์ปมา ถูกขอร้องให้ช่วยโดยพระราชาของอาณาจักรที่ว่า แล้วสุดท้ายก็ต้องเข้าฝึกกับกองอัศวินทุกอย่างเป็นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อและกะทันหันเกินไป ไม่คิดว่าชั่วชีวิตจะได้เจอด้วยซ้ำ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในวันเดียวจนฉันยังล้าเลยหล่ะ จิตใจหน่ะนะ คิดว่าคนอื่นก็คงไม่ต่างกันก็อง!!!! ก็อง!!!! ก็อง!!!! เสียงระฆังหนักๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ 3 ครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากระฆังดังขึ้น ทุกคนก็ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวานแล้วมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง อาจมีบางคนคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงเป็นแค่ฝันร้ายที่น่ากลัว แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่ามันเป็นความจริงเช่นนี้คงใจเสียไม่น้อย กรเองก็มีความรู้สึกนั้นอยู่บ้างเช่นกัน แต่เพราะนิสัยง่ายๆ เลยทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงรีบลุกจากเตียงที่ทางอาณาจักรเตรียมไว้ให้ แม้เตียงในห้องท
〝ไว้เจอกันเน้อ! คุณโอตาคุ!!!〞〝อย่ามัวแต่เล่นจนมาซ้อมไม่ทันหล่ะคุณโอตาคุ ฮ่าฮ่าฮ่า!!!〞〝อะ อา ขอบใจ——〞 ผ่านมาแล้ว 1 สัปดาห์ที่ทุกคนถูกส่งมาต่างโลก หลังจากเหตุการณ์ที่กรถูกเสือประจาน บรรยากาศรอบตัวของกรก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดังเช่นเหตุการณ์ที่มีนักเรียนชายหญิงมาทักทายกร แล้วกรเองก็โบกมือลาแล้วตอบกลับไปอย่างกล้าๆกลัวๆ เมื่อซักครู่นี่มัน... เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ?คิดไปเองรึเปล่าว่าทุกคนทักเราเหมือนคนปกติ... แต่จะไม่ปกติก็ตรงที่เรียกว่า『คุณโอตาคุ』นั่นหล่ะ… อย่างน้อยๆก็เรียกฉันด้วยชื่อเล่นซักหน่อยเถอะ...แต่ถึงอย่างงั้น น้ำเสียงก็ไม่ได้มีการประชดประชันแฝงอยู่เลย.... รึว่าเพราะเหตุการณ์ครั้งก่อนทุกคนเลยรู้สึกสงสารงั้นเหรอ? แหม่ ไม่อยากจะคิดแบบนั้นเลยแฮะ น่าสงสารตัวเองจริงๆรึจะเป็นไอ้นั่น.... ไอ้『ปรากฏการณ์สะพานแขวน』ที่ว่า พอตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้ใจเต้นกับเพศตรงข้ามแล้วเข้าใจผิดว่าตกหลุมรักนั่นหน่ะ แต่ในกรณีนี้คงไม่ใช่ตกหลุมรัก แต่เป็นรู้สึกผิดซะมากกว่าละมั้ง.....แต่ดูแล้วทุกคน(หรือบางคน)นี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่นา งั้นฉันจะไม่คิดมากก็แล้วกัน เนื่องด้วยเวลานี้เ
เฮ้อ!!!!!!!!! เสียงที่กำลังถอนหายใจของกรนั้นดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามองได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวจึงทำแบบนั้นได้อย่างเต็มที่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น ก็เพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ กรที่กำลังคิดว่าจะขอโทษรินยังไงดีก็เลยมาหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนของลานกว้างอยู่คนเดียวนั่นเองโอ๊ย!!!! ทำไมปัญหาของฉันมันเยอะแบบนี้ฟ้า!!!! อ๊ากกกก!!!! อยากหายไปชะมัดเลย....แล้วจะทำไงให้หายโกรธดีเนี่ย... รินคงไม่เกลียดขี้หน้าของฉันไปแล้วหรอกนะ…เฮ้อ!!!!!!!!! หลังจากที่คิดนู่นนี่ไปเรื่อย กรก็ถอนหายใจหนักๆแบบนั้นออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางม้านั่งที่กรนั่งอยู่〝เอ่อ กะ กร〞〝!!!!?〞ระ รินงั้นเหรอ มาหาฉันก่อนแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? รึจะมาต่อว่าอะไร....เอาเถอะก็สมควรแล้วหล่ะ แต่จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องขอโทษอย่างใจจริงซะก่อน หลังจากนั้นค่อยรับฟังคำด่าทอก็ยังไม่สาย เอาหล่ะน่ะปฏิบัติการณ์ขอขมาสายฟ้าแลบเริ่มได้!!!!!!!〝คะ คือว่า เรื่องตอนประลองนั่นฉันขอโ——〞〝ขอประทานโทษด้วยคร้าบ!!! กระผมผิดไปแล้ว!!!
ฮี้ๆๆๆ〜!!!คลึ๊กๆๆๆๆ!!! เสียงของม้าที่กำลังลากเกวียนขนาดใหญ่ซึ่งสามารถบรรทุกคนสิบกว่าคนได้สบายๆดังขึ้นอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ เกวียนที่ม้าลากอยู่นี้มีลักษณะคล้ายกับที่ชาวนาใช้ขนฟาง แต่เนื่องจากมีหลังคาคลุมที่นั่งอย่างแน่นหนามันถึงได้ดูเหมาะสำหรับการเดินทางระยะไกล และหากสังเกตดูจะเห็นว่ามีเกวียนที่มีม้าลากแบบเดียวกันนี้เป็นจำนวนกว่า 30 เล่ม เคลื่อนที่ติดกันเป็นขบวนอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนม้าทุกตัวจะได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี มันจึงสามารถเดินตามกันได้โดยที่ไม่ต้องมีคนคุมบังเหียนด้วยซ้ำ ส่วนด้านหน้าของขบวนก็มีทหารชายวัยกลางคนคนนึงสวมชุดเกราะหนาทั้งตัว มีบริเวณเนื้อหนังโผล่ออกมาให้เห็นบางส่วนเท่านั้นกำลังนั่งบนหลังม้าแล้วนำขบวนอยู่ คนๆนั้นก็คือ ฮันซี่นั่นเอง ส่วนรอบเกวียนของคณะเดินทางก็มีทหารคุ้มกันที่สวมชุดเกราะแบบเดียวกัน แต่สวมหมวกเหล็กไว้ทุกคนต่างจากฮันซี่ที่เปิดใบหน้าให้เห็น กำลังเดินตรวจตราอยู่รอบๆเกวียนที่มีนักเรียนทุกคนนั่งอยู่ข้างใน ในขณะที่เดินทางไปพร้อมกัน ใช่แล้ว ตอนนี้นักเรียนทุกคนกำลังอยู่ในระหว่างเดินทางไปยังแถบชานเมืองเพื่อฝึกฝนการต่อสู้กับมอนสเตอร์นั
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา
หลังจากที่โหมโรงที่บ้านแบบเบา ๆ (เหรอ?) พวกเราสามคนก็เริ่มออกเดินทางตามที่วางแผนกันไว้เป้าหมายเดทวันนี้คือห้างสรรพสินค้าในเมืองฟอเรสเตอร์ที่เดียวกับที่เคยมาเดทกับรินและสิ่งที่จะทำวันนี้ก็คือ ‘การดูหนัง’ นั่นเอง!ซึ่งอันที่จริงเดี๋ยวจะไปเดินเล่นกันต่อด้วย แต่ยังไงอีเวนท์หลักก็คือดูหนังนี่แหละตอนอยู่โลกเดิมพวกเราก็ไปดูด้วยกันบ่อย แต่ส่วนใหญ่ก็จะไปกัน 5 คนมากกว่า...ถึงจะมีบางครั้งที่รินกับอลิซชวนเราไปด้วยกันแค่สองคนก็เถอะนะแต่ที่ได้มาในฐานะแฟนกันสามคนเนี่ย นี่ครั้งแรกเลย!มานึกดูแล้ว ถ้าเป็นตัวฉันเมื่อหลายเดือนก่อนที่คิดไม่ตกกับรักสามเศร้าของเราสามคน ฉันก็คงนึกไม่ถึงเหมือนกันว่าจะกลายเป็นแบบนี้แต่ก็ต้องขอบคุณทุกอย่างที่ผ่านมา พวกเราถึงได้หวานแหววกันอย่างที่ควรจะเป็น กรคิดเคลิบเคลิ้มไปถึงเรื่องที่บ้านก่อนจะออกมาเดท รู้สึกว่ารินกับอลิซดูจะแสดงออกมากกว่าปกติอีกระดับช่วงหลังจากคบกัน โดยเฉพาะผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้ว ถึงพวกเราจะไม่ได้มีอะไรปิดบังกันเลยก็เถอะ แต่พวกเธอก็ไม่ได้ซื่อตรงต่อความต้องการขนาดนั้นอยู่ดีแต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะพวกเธอไม่อยากทำหรอก เป็นเรื่องของบุคลิกภาพส่วนบ
————ทางบ้านของครอบครัวกร หลังอรุณเบิกฟ้าจนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงวัน เหล่าภรรยาของกรเกือบทุกคนและลูกสาวยังคงใช้เวลาไปกับการพักผ่อนที่ห้องนั่งเล่นของบ้าน เสียงหัวเราะและพูดคุยโหวกเหวกไม่เคยพร่องไปจากห้องนี้ ทั้งจากการเล่นเกมกระดาน ดูทีวีและคุยเล่นหยอกล้อ เป็นบรรยากาศอันสนุกสนานและเต็มไปด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกที นั่นเป็นกิจวัตรที่ถือได้ว่าเป็นปกติสำหรับบ้านนี้ จะมีข้อยกเว้นก็แต่คนที่ติดธุระหรือมีกำหนดการไปข้างนอกจึงไม่ได้ร่วมวง ไม่สิ... ต่อให้มีธุระ แต่อย่างไรทุกคนก็ใช้เวลาอยู่ที่ห้องนั่งเล่นจนกว่าจะถึงเวลาเตรียมตัวอยู่ดี ดังเช่นรินและอลิซที่กำลังเดินขึ้นบันไดกลับห้องด้วยกัน เบื้องหน้าของรินมีหน้าต่างใสลอยอยู่เบื้องหน้า ซึ่งไม่ใช่หน้าต่างสเตตัสแต่เป็นโฮโลแกรมที่ฉายมาจากแหวนอันเป็นส่วนนึงของ Unity Gear ว่าไปแล้ว... พอไม่ได้ใช้มันในฐานะเครื่องมือสำหรับสู้รบ มันก็กลายเป็นเครื่องมืออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันไปโดยปริยาย เหมือนอย่างตอนนี้ ที่รินใช้เป็นอุปกรณ์สื่อสารรับข้อความจากชาลอตเหมือนหน้าต่างแชทพร้อมรูปการ์ตูน
หลังจากที่พวกเรามาถึงทะเล พวกเราก็แยกกันไปเปลี่ยนชุดทางฉันเสร็จก่อนก็เลยไปจองที่ริมหาดแจ่ม ๆ แล้วกางร่มปูเสื่อรอ ...ปูเสื่อรอในหลาย ๆ ความหมายเลย ฮิฮิก็แหม! นี่เป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นสองคนนั้นในชุดว่ายน้ำเลยนา...ไม่สิ จริง ๆ ก็ไม่นับว่าครั้งแรกหรอกถ้านับชาติก่อนด้วย แต่นั่นมันนานแล้วนี่ เพราะงั้นนี่ก็นับเป็นครั้งแรกอยู่ดีนั่นแหละ!ทนรอไม่ไหวเลยเนี่ย จะเซอร์ไพรซ์กันด้วยชุดแบบไหนน้า กรนั่งบนเสื่อชายหาดยิ้มแป้นสบายใจเฉิบ สีหน้ารื่นรมย์จนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแอบคิดสงสัยว่าเขาวางแผนชั่วอะไรอยู่รึเปล่า ถ้าไม่ติดว่ากรดูเป็นคนเรียบร้อย คงจะมีคนแจ้งอัศวินชายหาดมาจับเขาเข้าซังเตแล้วก็ได้ แต่กรไม่ต้องอยู่ในจินตนาการนานนัก ในเมื่อฝันหวานของเขากำลังจะเป็นจริง เสียงวิ่งเตาะแตะมาจากทางซ้ายทำให้เขาตระหนักอย่างนั้น“มาแล้วค่ะ ...นายท่าน”“ขออภัยที่ให้รอนะคะ” สองสาวซาช่าและชาลอตยืนอยู่เบื้องหน้ากร ซ่อนบังชุดว่ายน้ำไว้ภายใต้ผ้าคลุม บางทีพวกเธอคงทำไปเพื่อลดสายตาจากคนรอบตัวเป็นสาเหตุนึง ...ส่วนอีกสาเหตุนึงและน่าจะเป็นสาเหตุหลัก นั่นคือต้องการ
หลังจากที่พาเรเชลกับริต้าไปเยี่ยมหลุมศพคุณพ่อคุณแม่ของพวกเธอ สีหน้าทั้งสองคนก็ดูดีขึ้นมาก ...ถ้าเทียบกับก่อนที่จะออกเดทน่ะนะคิดว่าความกังวลที่มีอยู่ในใจคงจะหายไปเกือบหมดแล้วที่น่าสนใจคือ จากนี้พวกเธอจะทำยังไงต่อเพราะเท่าที่เคยคุยกัน เรเชลกับริต้าอยากจะคอยสนับสนุนฉันและครอบครัวไปเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้มีสิ่งที่ตัวเองอยากทำเป็นพิเศษไม่สิ... การอยากสนับสนุนคนอื่นก็นับเป็นสิ่งที่อยากทำได้เหมือนกันนี่นาเหมือนกับเราที่อยากเป็นฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม... การได้เห็นรอยยิ้มของคนรอบตัวก็สามารถทำให้ตัวเองมีความสุขได้ เพราะงั้นก็คงนับเป็นการทำเพื่อตัวเองได้เหมือนกันนั่นแหละมั้งในแง่นั้นก็สบายใจได้ขึ้นมาหน่อยเพราะแม้พวกเธอจะอยากพัฒนาตัวเองเพื่อเรา แต่คนที่จะได้ประโยชน์ก็คือพวกเธอด้วยและสุดท้าย... เมื่อพวกเธอมีมุมมองที่กว้างขึ้น เรเชลกับริต้าก็จะมองเห็นอุดมคติที่ตัวเองอยากเป็นชัดขึ้นแล้วเรเชลกับริต้าก็จะรู้สึกภูมิใจในตัวเองอย่างที่พวกเธอปรารถนา ความคิดที่รู้สึกว่าไม่คู่ควรกับเราก็จะลดน้อยลงไปเองหวังว่าจะเป็นแบบนั้นเลย ไม่สิ... ฉันจะช่วยให้ทั้งสองคนเป็นแบบนั้นเอง!...แต่พอพูดถึงกลุ่มคนที่ชอบมอ
ช่วงเที่ยงเป็นเวลาพักผ่อนของใครหลายคน แต่ไม่ใช่สำหรับคนที่มีนัดสำคัญในช่วงบ่าย นี่เป็นช่วงเวลาอันเหมาะสมในการเตรียมตัวสำหรับสองสาว... สำหรับเรเชลกับริต้า พวกเธอกำลังลองชุดสำหรับเดทในช่วงบ่ายกับแฟนหนุ่มสุดที่รักของพวกเธอ สำหรับเรเชล เรื่องชุดไม่ค่อยเป็นปัญหาเพราะเลือกไว้นานมาก และมีชุดตัวเก่งในแบบที่เรียบร้อยเหมาะสมกับตัวเองอยู่แล้ว ปัญหาคือชุดของน้องสาวอย่างริต้านี่แหละที่ทำให้พี่สาวคนนี้เป็นกังวลจนต้องกุมขมับ ถึงจะเป็นเสื้อยืดที่ใส่แล้วรัดรูปโชว์สะดือ และกางเกงยีนส์ขาสั้นเหมือนกับทุกทีก็เถอะ“...พี่ว่าชุดแบบนี้มันเปิดไปหน่อยนะ”“สงสัย... คุณกรน่าจะชอบ... แบบนี้ไม่ใช่เหรอ?” ริต้ามองกลับมาด้วยสายตาออดอ้อนอย่างบริสุทธิ์ใจ ในหัวเธอคงคิดอยู่แค่สามเรื่องเท่านั้นอันได้แก่ กร ครอบครัว แล้วก็กร ซึ่งอันที่จริงแนวคิดตรงนั้นก็ไม่ต่างจากเรเชลเท่าไรนัก ริต้ามองกวาดจากหัวจรดเท้า มองชุดเดรสแบบเปิดไหล่ของเรเชลแต่เป็นกระโปรงแบบคลุมเข่า เรียบร้อยเหมือนกับที่เรเชลใส่เป็นปกติ ความใคร่รู้ของริต้าจึงเกิดขึ้นในจังหวะนั
หลังจากเดทกับไมน์และรีเบคก้าจบลงพวกเราก็กลับบ้านเป็นเดทที่ดีอีกครั้งสำหรับสาว ๆ ที่ยังไม่ค่อยได้มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับเรานักเพราะถ้าว่ากันตามตรง เหล่าภรรยาของฉันหลายคนเพิ่งจะได้คบกันในช่วงที่กำลังลุยดันเจี้ยน ‘หมื่นเทวาใต้รัตนากร’ ของอาร์เคมีดีสหมายถึงเจนนี่ ไมน์ รีเบคก้า ซิลเวีย ยูมิน่า ฟลอร่า แล้วก็เฮเลน่ากับคอร์ดิเรีย ทั้งแปดคนนั่นแหละพวกเธอไม่ค่อยมีโอกาสได้ไปเดทกันเท่าไหร่ก็เลยยังเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างแต่ข้อดีก็คือไม่ว่าจะพาไปเดทที่ไหนพวกเธอก็ยังไม่คุ้นชินเลยมีโอกาสเรียนรู้กันและกันอีกมากหืม? แล้วความทรงจำเรื่องเดทจากเมื่อชาติก่อน ๆ ของพวกเธอที่เคยมีกับเรานี่ไม่นับเหรอ?ก็ไม่เชิงหรอกนะ... ความทรงจำเมื่อชาติก่อนมันก็เหมือนกับความทรงจำในวัยเด็กนั่นแหละ เรื่องเกิดตั้งนานแล้วใครจะไปจำรายละเอียดได้ล่ะจริงไหม?ก็จริงแหละที่ถ้าทำอะไรสักอย่างให้นึกถึง ความทรงจำพวกนั้นก็จะถูกกระตุ้นทำให้นึกออกแต่ฉันคุยกับทุกคนหลายรอบแล้วว่าอดีตก็คืออดีต จะไม่ให้มันกลายมาเป็นอุปสรรคในการเรียนรู้กันและกันของพวกเราหรอกก็ด้วยเหตุนั้นแหละ ทั้งแปดคนเลยยังไม่ค่อยชินกับการไปเดทแบบทั่วไป ก็เลยพาไปเดทที่ต่าง ๆ
เวลาผ่านไปจนเกินเที่ยง ฉันเลยติดต่อบอกให้ทุกคนกินข้าวรอกันไปก่อนส่วนฉัน ฟลอร่าแล้วก็ยูมิน่าไปหาอะไรกินที่ร้านอาหารใกล้ ๆนับว่าเป็นการยืดเวลาเดทได้ดี สองสาวดีใจใหญ่ที่ได้ใช้เวลาด้วยกันมากขึ้น น่ารักจริง ๆ เลยน้าทั้งสองคนจากนั้นช่วงบ่ายไปถึงเย็นก็จะเป็นคิวของไมน์กับรีเบคก้า ฉันก็เลยต้องกลับบ้านไปเตรียมตัวใหม่เพราะทั้งสองคนก็รออยู่ที่บ้านเหมือนกันแหล่ะนะแถมแฟนของฉันแต่ละคนก็ชอบบรรยากาศการเดทแตกต่างกันด้วยทั้งสไตล์การแต่งตัว น้ำหอม สถานที่ เวลา หรือความใกล้ชิดในที่สาธารณะเพราะทุกคนโตมาต่างกันเลยมีความต้องการคนละแบบ ก็ปกตินั่นแหล่ะแต่ไม่ใช่ปัญหาเลยสักนิดเพราะฉันรู้สิ่งที่ทุกคนชอบดีอยู่แล้ว จำได้ขึ้นใจด้วยว่าไปแล้วพอพูดถึงความใกล้ชิด ไมน์กับรีเบคก้านี่ก็ออกจะเหนียมอายกว่าทุกคนหน่อยถ้าเป็นสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเดินกอดแขนฉันกลางธารกำนัลได้สบายแต่ไมน์กับรีเบคก้าจะยังไม่ค่อยกล้าทำอย่างนั้นเท่าไหร่ ก็เป็นในทำนองเดียวกับรินนั่นแหล่ะอลิซนั้นยังพอว่าเพราะโตมาแบบรับวัฒนธรรมต่างชาติมาใช้เต็ม ๆก็ขนาดพุ่งเข้ามากอดฉันที่เป็นเพื่อนสนิทยังกับเพื่อนเพศเดียวกันได้สบาย ๆ นั่นแหล่ะ (ถึงเธอจะไม่ได้ทำแบบ
หลังจากการเที่ยวสวนสนุกของฉัน เจนนี่และเฮเลน่าจบลงด้วยความหวานชื่น พวกเราก็กลับบ้านด้วยความรู้สึกเต็มอิ่มขากลับก็มีการซื้อของที่ระลึกอย่างสร้อยคอให้พวกเธอและแน่นอน นอกเหนือจากนั้นพวกเราก็ซื้อเค้กกลับไปฝากทุกคนด้วยถึงจะมีเดทกับแฟนสาว แต่ก็ต้องไม่ลืมครอบครัวที่รออยู่บ้านด้วยโดยเฉพาะลูกสาวสุดที่รักอย่างแมรี่ นี่แหล่ะหน้าที่เสาหลักของบ้านล่ะ อื้ม ๆ!เท่านี้วันแห่งการพักผ่อนก็จบไปอีกวันด้วยความสงบสุข...ถึงก่อนนอนจะมีเรื่องจริงจังให้คิดนิดหน่อยก็เถอะนั่นเพราะระหว่างวันได้มีข้อมูลเกี่ยวกับกำหนดการคร่าว ๆ ของการประกาศความสำเร็จที่พวกเราทุกคนปราบอาร์เคมีดีสส่งเข้ามาน่ะสิก็มาจากพวกเสือ คัทยูชา แอดรูวส์แล้วก็พี่มารีนั่นแหล่ะดูเหมือนอีก 6 วันนับจากนี้จะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกถึงความสำเร็จของพวกเราพร้อมกับพิธีมอบรางวัลจากกษัตริย์ของอาณาจักรที่เป็นพันธมิตรก็... ฟังดูเป็นพิธีที่น่ารำคาญ แต่มันก็ขาดเสียมิได้หรอกแถมการทำแบบนั้นยังเป็นการตรวจสอบความร่วมมือจากอาณาจักรต่าง ๆ ให้ร่วมมือกันในการรับมือกับจอมมารในอนาคตด้วยแต่... ปัญหาก็คือพวกเราในตอนนี้ยังไม่มีเส้นสายในการติดต่อกับเผ่าปีศาจนี่แหล่ะ