เฮ้อ!!!!!!!!!
เสียงที่กำลังถอนหายใจของกรนั้นดังมากพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามองได้เลย แต่เพราะอยู่คนเดียวจึงทำแบบนั้นได้อย่างเต็มที่ หลังจากเกิดอุบัติเหตุนั่นขึ้น ก็เพิ่งผ่านมาชั่วโมงกว่าๆ กรที่กำลังคิดว่าจะขอโทษรินยังไงดีก็เลยมาหาสถานที่ผ่อนคลายอารมณ์ที่ม้านั่งในสวนของลานกว้างอยู่คนเดียวนั่นเอง
โอ๊ย!!!! ทำไมปัญหาของฉันมันเยอะแบบนี้ฟ้า!!!!
อ๊ากกกก!!!! อยากหายไปชะมัดเลย....
แล้วจะทำไงให้หายโกรธดีเนี่ย... รินคงไม่เกลียดขี้หน้าของฉันไปแล้วหรอกนะ…
เฮ้อ!!!!!!!!!
หลังจากที่คิดนู่นนี่ไปเรื่อย กรก็ถอนหายใจหนักๆแบบนั้นออกมาอีกครั้ง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาทางม้านั่งที่กรนั่งอยู่
〝เอ่อ กะ กร〞
〝!!!!?〞
ระ รินงั้นเหรอ มาหาฉันก่อนแบบนี้หมายความว่าไงเนี่ย? รึจะมาต่อว่าอะไร....เอาเถอะก็สมควรแล้วหล่ะ แต่จะให้ผู้หญิงเป็นฝ่ายทำแบบนั้นก่อนไม่ได้ ก่อนอื่นเราต้องขอโทษอย่างใจจริงซะก่อน หลังจากนั้นค่อยรับฟังคำด่าทอก็ยังไม่สาย เอาหล่ะน่ะปฏิบัติการณ์ขอขมาสายฟ้าแลบเริ่มได้!!!!!!!
〝คะ คือว่า เรื่องตอนประลองนั่นฉันขอโ——〞
〝ขอประทานโทษด้วยคร้าบ!!! กระผมผิดไปแล้ว!!!!!!!!! จะจับไปต้มยำทำแกงยังไงก็เชิญเลยคร้าบบบบบบบบ!!!!!!!!!!!!!!!!!〞
กรที่ตะโกนแบบนั้นออกไป พร้อมกับก้มกราบโดยที่ศีรษะ ศอกทั้งสองและเข่าทั้งสองอยู่ในแนวเดียวกันทั้งหมด ศอกและเข่าทั้งสองข้างเองก็ต่อกันพอดี ทำให้เกิดเป็นท่ากราบแบบเบญจางคประดิษฐ์อันแสนงดงามตรงตามแบบฉบับไทยเป๊ะๆ ซึ่งที่กรสามารถทำท่านี้ได้อย่างชำนาญนั้นเป็นเพราะตัวเขาต้องใช้ท่านี้ในการเอาตัวรอดจากการถูกแกล้งอยู่บ่อยครั้งนั่นเอง
งะ เงียบไปเลยแฮะ เกิดอะไรขึ้นกัน รึว่าท่ากราบขอโทษที่ใช้เวลาฝึกฝน? มานานปีของฉันมันใช้ไม่ได้ผลกัน.....
〝อุ๊ป... ฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะฮ่ะ!!!〞
ต่อหน้าการขอขมาของกร รินกลับหัวเราะออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแทน ท่าทางที่รินเอามือขึ้นมาป้องปากหัวเราะข้างหนึ่งอย่างสุภาพนั้นช่างดูน่ารักสมวัยจริงๆ
〝ระ......ริน〞
〝หุหุหุ! ......นายเนี่ยไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ยังตรงไปตรงมาเหมือนเดิมเลย〞
〝อะ เอ่อ... ไม่โกรธงั้นเหรอ? เรื่องที่ฉันไปจับหน้าอ———〞
ฉับ!!
แล้วรินก็โค้งลำตัวท่อนบนลงมา แล้วเอาฝ่ามือฟาดไปที่กลางศีรษะของกรเบาๆ เพียงเพื่อกลบคำพูดของกรในขณะที่กำลังก้มกราบอยู่
〝ก็.........ถ้าบอกว่าไม่โกรธเลยมันจะฟังดูแปลกๆรึเปล่านะ แล้วตอนนั้นฉันก็แค่ตกใจสุดๆเท่านั้นเองแหละ〞
〝ยะ ยกโทษให้ง่ายๆแบบนี้ จะดีจริงๆเหรอ?〞
〝อืม〜 ก็... คงงั้นหล่ะมั้งนะ... ฉันเองก็ตบหน้านายไปแล้วด้วย ก็ถือว่าหายกันไปก็แล้วกันนะ......〞
〝ตะ แต่ว่า!!?———〞
〝แหม! ก็บอกว่าไม่เป็นไรไง! แล้วก็รีบลุกขึ้นมาได้แล้ว!!! เป็นลูกผู้ชายมาก้มหัวให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้ได้ยังไงกัน!!!〞
แล้วรินก็เอามือเท้าเอวทั้งสองข้าง การกระทำนั่นช่างเหมือนกับคุณครูที่กำลังดุเด็กนักเรียนที่ทำผิดอยู่ยังไงอย่างงั้นเลย แต่ใบหน้าที่ไม่ได้จริงจังปนขี้เล่นนิดหน่อยเลยทำให้ดูน่ารักแปลกๆ เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันเลยเข้าใจกันเป็นอย่างดี ความสนิทนั่นก็เลยมีประโยชน์ในเวลาที่น่าอึดอัดแบบนี้ กรที่รู้แบบนั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
แล้วทั้งสองก็หัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน ราวกับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่เคยมีมาก่อน หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ไปนั่งที่ม้านั่งด้วยกัน
หลังจากนั้นพวกเราก็คุยสัพเพเหระกันไปเรื่อย......
ทั้งเรื่องของที่โลกนี้ และของโลกเดิม...
เรื่องในวัยเด็ก เรื่องเพื่อนใหม่ ทุกๆเรื่องที่นึกออก แล้วนำความทรงจำมาแบ่งปันให้กัน... ก็นะถึงฉันจะไม่ค่อยมีเรื่องที่น่าเล่าซักเท่าไหร่ แต่พอเล่าออกไปมันก็โล่งขึ้นเยอะเลยหล่ะ
〝เฮ้อ!!! เหนื่อยจังเลย... เธอนี่คุยเก่งขึ้นเยอะเลยนะ〞
〝เอ๋! งั้นเหรอ.... คงเพราะคุยเรื่องสมัยเด็กกับนายแล้วมันเพลินดีหล่ะมั้งนะ นายคงไม่รำคาญใช่ไหม?〞
〝จะเป็นแบบนั้นได้ไง? ฉันดีใจจะตายแล้วเนี่ย〞
〝งั้นเหรอ? ค่อยยังชั่วหน่อย...〞
แล้วในขณะที่กรกำลังคุยกับรินอย่างสนุกสนานอยู่นั้น กรก็สัมผัสได้ถึงตัวตนของคนทั้ง 3 ที่แอบดูทั้งคู่อยู่...
【นี่อลิซอย่าเบียดเข้ามามากจะได้มั้ย ฉันจะมองไม่เห็นอยู่แล้ว.....】
【ไม่เอาน่าโชต ฉันเองก็อยากดูเหมือนกันน่ะ!】
【ทะ ทั้งสองคน เงียบๆหน่อยสิ! เดี๋ยวกรก็รู้ตัวหรอก...】
....เจ้าพวกนั้นแอบดูอยู่งั้นเหรอ? ไอ้พวกนี้นี่มัน!
ตำแหน่งของทั้งสามคนที่แอบดูอยู่นั้น ห่างจากกรและรินมากพอสมควร ถ้าเป็นคนปกติคงไม่มีทางได้ยินเสียงและสัมผัสได้เลยด้วยซ้ำ แต่เพราะกรมีสุดยอดการประมวลผลเลยทำให้ได้ยินแม้แต่เสียงกระซิบกันของทั้งสามคนอย่างชัดเจน แล้วก็ขยับตาดำไปมองทั้ง 3 คนด้วยหางตาโดยที่ไม่ได้หันศีรษะไปด้วย พลางขมวดคิ้ว แล้วมีเส้นเลือดปูดขึ้นมา เหมือนกับกำลังเคืองทั้ง 3 คนอยู่
【นะ นั่นไง! ผมบอกแล้วไม่เชื่อ กรรู้ตัวจนได้!】
【เอ๋〜 โกหกน่า! จะ จริงด้วยแฮะ เหมือนกำลังมองมาทางนี้นิดหน่อยด้วย...ท่าทางยั๊วสุดๆไปเลย】
【สายตาน่ากลัวชะมัด... ขอร้องหล่ะเลิกจ้องพวกเราได้แล้ว 】
พวกเอ็งนั่นแหละเฟ้ยที่ต้องเลิกจ้องฉัน!!!!
ก็อยากจะตะโกนออกไปแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่รินที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกจ้องอยู่ก็ยังอยู่ตรงนี้ซะด้วย.... ฉันเองก็ไม่อยากให้บรรยากาศในตอนนี้เสียไปซะด้วยสิ.... เมินพวกนั้นไปซักพักแล้วกัน
〝นี่ กร.......พวกเรา.......จะกลับไปโลกเดิมได้รึเปล่าน่ะ?〞
〝……………………〞
รินที่ถามกรด้วยเสียงสั่นเครือและใบหน้าหม่นหมองอย่างกะทันหัน ขยับเข้ามาใกล้กับกรจนแนบชิดติดกัน ราวกับต้องการจะปลอบโยนจิตใจอันอ่อนล้าของตัวเอง กรที่ถูกการจู่โจมกะทันหัน? ของรินเข้าก็ถึงกับหน้าแดงเลยทีเดียว แต่กรที่มองใบหน้าของรินกลับก็ทำให้รู้ว่าคำถามของเธอนั้นจริงจังมากแค่ไหน.... บนใบหน้าของรินขณะนี้ปรากฏภาพของเธอขมวดเข้าหากันจนย่น ดวงตาทั้งสองของรินก็จ้องตาของกรโดยที่ไม่มีอาการลอกแลกแม้แต่น้อย แต่เนื้อตัวกลับกำลังสั่นอยู่ กรที่เห็นแบบนั้นจึงปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้อยู่ในโหมดซีเรียสอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองคำถามนั้นของรินอย่างจริงจัง
รินหน่ะ ไม่สิ... ทุกคนไม่เหมือนกับฉัน
พวกเธอถูกส่งมาในที่ที่ไม่รู้จักโดยที่มีครอบครัวรออยู่ที่โลกเดิม... แต่ตัวฉันไม่มี เพราะงั้นพวกเธอจะโหยหามันก็ไม่แปลกอะไร
เพราะงั้น... คำถามนั้นหน่ะ...
〝.......ฉัน ตอบคำถามนั้นไม่ได้หรอกนะ〞
〝เอ๋!!!!!〞
〝คนที่มีคำตอบอยู่ในมือหน่ะ ไม่ใช่ฉันแต่เป็นพวกเธอต่างหาก.....〞
กรตอบรินกลับไปอย่างหนักแน่นแบบนั้นเลยทำให้รินตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
บอกไม่ได้..... จะบอกว่าที่ราชานั่นพูดเป็นเรื่องโกหกไม่ได้ ถึงแม้ถ้าไม่รีบบอกอาจจะทำให้รินเจ็บปวดมาก แต่ถ้าขืนบอกไปในเวลานี้ รินคงจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่านี้แน่ เพราะงั้นก็ต้องเบี่ยงประเด็นลูกเดียว...
〝พวกเธอหน่ะแข็งแกร่งนี่นา.... เพราะงั้นถ้าอยากจะคว้าคำตอบแบบไหนมาไว้ในมือ มันก็เป็นทางเลือกของพวกเธอเอง.... ถ้าต้องการหล่ะก็คำตอบแบบไหนก็คว้ามาได้อยู่แล้ว......〞
แล้วก็นะ.......
〝แล้วก็นะ.....ถึงจะพึ่งพาไม่ได้มาก แต่ฉันเองก็จะพยายามเหมือนกัน......เพราะงั้นมาพยายามไปด้วยกันเถอะ!!!!〞
หลังจากที่กรพูดแบบนั้นออกมา รินก็มีน้ำตาปริ่มออกมา... ใบหน้าของรินที่กำลังหลับตาและมีน้ำตาไหลอาบแก้มทั้งสองข้างทั้งที่ยังยิ้มอยู่นั้น ช่างงดงามราวกับภาพวาดจากลายหัตถ์ของจิตรกรเอกยังไงอย่างงั้น
ทำผู้หญิงร้องไห้ซะแล้วแฮะ.... แถมยังให้ความหวังลมๆแล้งๆอีก...
....ฉันนี่มันเลวจริงๆ
ขณะที่กรกำลังโทษตัวเองเพราะหาคำปลอบใจให้กับรินได้ไม่ดีพอ รินก็เอาหน้าไปซบไหล่ของกรซักพัก แล้วก็ตอบกรกลับออกไป
〝ขอบใจมากนะกร...... อื้ม! เข้าใจแล้วหล่ะ...... มาพยายามกันเถอะ!!! กลับไปโลกเดิมด้วยกันพร้อมกับทุกคนนะ!〞
หลังจากนั้นรินที่พูดเหมือนกับตัดสินใจเป้าหมายได้ก็ลุกขึ้นยืน
〝ตายละ! นี่มันใกล้จะได้เวลาอาหารเย็นแล้วนี่นา รีบไปกันเถอะกร!!!〞
〝อะ อืม〞
แล้วรินก็วิ่งออกไปจากม้านั่งอย่างร่าเริงแตกต่างจากสภาพก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง จากนั้นโชต อลิซและชาญที่แอบฟังอยู่ก็โผล่มา นั่นทำให้รินตกใจเป็นอย่างมากแล้วก็หน้าแดงใหญ่หลังทั้ง 3 คนสารภาพว่าแอบดูทั้งสองคนจู๋จี๋กัน? แล้วรินก็ทุบตีโชตกับอลิซเบาๆ ชาญเองก็ถอนหายใจอย่างหน่ายๆต่อการกระทำที่คล้ายกับเด็กยังไม่โตของทั้ง 2 คนรวมถึงตัวเองด้วย แล้วหลังจากนั้นอลิซก็โบกมือเรียกกรอย่างร่าเริง ทั้ง 4 คนยิ้มให้กับกรพลางส่งเสียงประมาณว่า〝รีบไปกันเถอะ! เดี๋ยวอาหารเย็นหมดไม่รู้ด้วยนะ〞กรเองก็โบกมือพลางตะโกนว่า〝จ้าๆ....กำลังไปครับผม!!!〞กลับไปเช่นกัน แต่เพราะเรื่องที่รินพูดนั่นทำให้กรกลับมาครุ่นคิดถึงสถานการณ์ในปัจจุบันเล็กน้อยก่อนที่จะวิ่งตามทั้ง 4 คนไป
พอรินพูดแบบนั้นก็ทำให้นึกขึ้นได้..... ถึงสถานการณ์ตึงเครียดที่ฉัน... ไม่สิ ทุกคนพยายามลืมมันอยู่....
แล้วตอนนี้พวกเราทุกคนก็กำลังโดนพระราชาหลอกใช้อยู่.... หนทางกลับโลกเดิมเองจะมีอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้….
สถานการณ์ของเราในตอนนี้ค่อนข้างอันตราย เพราะถึงทุกคนจะมีสเตตัสที่มากถึงขั้นโกงก็เถอะ....
แต่ว่า...
เรายังไม่รู้จักโลกใบนี้เลยซักนิด.....
เพราะต้องใช้สมาธิไปกับการฝึกมาตลอด เลยไม่ได้หาข้อมูลเพิ่มเติมเลยจากตอนที่มาถึง....
ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์ วิถีชีวิตของผู้คน ระบบการปกครอง ชนชั้นทางสังคม ความขัดแย้งของแต่ละอาณาจักร การต่อสู้กับมอนสเตอร์ รวมถึงความแข็งแกร่งของปีศาจที่จะต้องสู้รบในอนาคตด้วย....
พวกเรากำลังดูถูกโลกใบนี้กันเกินไป.... ฉันเองก็เหมือนกัน...
และเพราะว่าฉันอ่อนแอแบบนี้เลยต้องให้เจ้าพวกนี้รับหน้าจัดการเรื่องพวกนั้นไป ส่วนฉัน.....ถึงบอกรินไปแบบนั้น แต่ที่จริงคงทำได้แค่ดูอยู่เฉยๆนั่นแหละ เรื่องสนับสนุนยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ....
แต่ถึงอย่างนั้นรินก็ยังตัดสินใจแล้ว.... ตัดสินใจที่จะมีชีวิตรอดบนโลกใบนี้.....
ถึงเธอจะยังไม่รู้ว่า ไม่มีทางกลับบ้านได้แล้วก็เถอะ... แต่ขนาดรินที่ปกติก็เป็นผู้หญิงบอบบางไม่เหมาะกับการจับอาวุธมีคมเลยซักนิดก็ยังพยายามขนาดนั้นเลยนะ...
แล้วฉันหล่ะ..... ฉันควรทำยังไงต่อไปดี?
จะต่อสู้ไปเพื่ออะไรกัน?
แล้วกรที่กำลังครุ่นคิดพลางถามคำถามสำคัญกับจิตใจของตัวเองอยู่เพียงลำพัง ในขณะที่กำลังวิ่งตามทั้ง 4 คนไปทานอาหารเย็นไปพร้อมกันนั้น ก็ได้สัมผัสความจริงของโลกใบนี้ขึ้นอีกนิดหลังจากนี้....
❖❖❖❖❖
นี่มัน...... ความฝันงั้นสินะ....
......น่าคิดถึงจังแฮะ
ในขณะที่หลับ กรมักจะฝันถึงตัวเองในขณะที่วิ่งเล่นกับเหล่าเพื่อนสนิทอย่างสนุกสนานในที่ต่างๆอยู่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนกรก็ยังคงนำความทรงจำเหล่านั้นกลับมาเล่าย้อนความ ราวกับกำลังดูการฉายภาพยนตร์อัตชีวประวัติของตัวเองยังไงอย่างงั้น เพราะสำหรับกรที่มีสุดยอดการประมวลผลการฝันก็คือการจัดระเบียบความทรงจำที่เคยผ่านมาโดยที่กรยังคงรู้สึกตัวได้นั่นเอง
สงสัยที่ฝันแบบนี้จะเป็นเพราะคุยเรื่องสมัยเด็กกับรินละมั้ง.......
กรที่คิดแบบนั้นก็ปล่อยให้ฝันดำเนินต่อไป ในฝันของกรทุกคนกำลังวิ่งเล่นอยู่ในป่าโปร่งยามฤดูร้อน สีสันของป่านั้นยังคงเขียวชอุ่มและเต็มไปด้วยสีเขียวขจีแม้จะเพิ่งผ่านฤดูหนาวมาก็ตาม นี่เองก็เป็นความฝันที่เกิดขึ้นบ่อยๆขณะที่กรหลับ มันเกิดขึ้นบ่อยเสียจนกรรู้กระทั่งว่าการกระทำต่อไปของทุกคนจะเป็นอย่างไร
หลังจากนี้ทุกคนก็จะไปที่แม่น้ำกันสินะ...... แล้วพอสาดน้ำเล่นกันเสร็จ ก็จะไปเล่นไล่จับตรงเนินที่คุ้นเคยนั่นกัน...
จนถึงตอนนี้ฝันของกรก็ยังคงดำเนินต่อไปเช่นเดียวกับที่เคยฝันบ่อยๆ ขณะนี้ในฝัน พวกกรทุกคนกำลังเดินไปเป็นแถวตอน โดยมีตัวเองที่กำลังถือกิ่งไม้เล่นเดินนำอยู่ข้างหน้า....
ต่อจากนั้นพวกเรา 5 คนก็จะขานเลข ไล่ลำดับจากหน้าไปหลังโดยเริ่มจากเราสินะ....
〝หนึ่ง !!!〞
〝สอง !!!〞
〝สะ..สาม!〞
〝สี่ !〞
〝ห้า〜!!!!!〞
〝หกกกกก!!!〞
〝เจ็ด!!〞
〝!!!!!!!!!!!!!!〞
อะ....อะไรกันเมื่อกี้นี้ ถ้าฉันฟังไม่ผิด.... เหมือนได้ยินเสียงของคนที่ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่ขึ้นมา!!!
เดี๋ยวก่อนสิ...ที่ฝันนั่น ...เหตุการณ์ทั้งหมดจนถึงตอนนี้เคยเกิดขึ้นจริงทั้งนั้น.....ไม่มีข้อยกเว้น เพราะมีสุดยอดการประมวลผลเลยทำให้มีระบบการจัดการข้อมูลในสมองยอดเยี่ยม..... ถึงเป็นการจินตนาการฉันก็สามารถแยกออกได้แน่ๆแม้จะอยู่ในฝัน..... ตอนนี้ก็ยังรู้สึกได้อย่างชัดเจนเลยว่าทั้งสองคนนั่นไม่ใช่สิ่งที่สมองปรุงแต่งขึ้นมาเอง.....
ละ....แล้วนี่มันอะไรกัน!!! เสียงของเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงที่ไม่เคยได้ยิน ไม่เคยรู้จักหน้าถึงมาอยู่ในฝันของฉันได้กัน!?
.
.
แต่ทำไม.....
พอได้ยินเสียงของ 2 คนนั้นฉันถึง..... .....รู้สึกคิดถึงอย่างน่าประหลาด
แล้วกรพยายามนึกถึงใบหน้าของ 2 คนนั้น คนนึงเป็นเด็กผู้ชายผมสีบลอนด์ทองเข้ม ผิวขาวเหมือนชาวยุโรป มีขนาดตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม คาดว่าจะมีอายุน้อยที่สุด ส่วนคนนึงเป็นเด็กผู้หญิงไว้ผมสีดำยาวจนถึงกลางหลัง มีผิวสีแทนคล้ายชาวเอเชียเหมือนกับของกร ดูจากส่วนสูงของเธอคาดว่าจะมีอายุมากที่สุดในกลุ่ม
หลังจากนั้นเหตุการณ์ก็เกิดขึ้นเหมือนกับที่เคยฝัน ทุกคนเดินไปถึงเนินเขาแล้ววิ่งเล่นไล่จับกันอย่างสนุกสนาน บรรยากาศก็ยังดูอบอุ่นเช่นเคย เพียงแต่คราวนี้ไม่ใช่สมาชิก 5 คนที่กรรู้จัก แต่เป็นทั้งหมด 7 คน กรที่อยากจะรู้เรื่องราวต่อจากนั้นจึงได้ปล่อยให้ฝันดำเนินต่อไปอีก แต่จินตนาการแสนเลวร้ายกลับเข้าแทนที่ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกนั่นไปเสียก่อน.....
หลังจากนั้น ความฝันของกรก็หยุดนิ่งลง ราวกับภาพยนตร์ในเครื่องเล่นวิดีโอได้ถูกกดปุ่มหยุดพักเอาไว้ แล้วทิวทัศน์บนเนินรอบๆตัวของเด็กทุกคนก็หายไปจนสิ้น เหลือเพียงความมืดมิดและเด็กทั้ง 7 คน กำลังหยุดนิ่งอยู่ หลังจากนั้นสติของกรก็เข้าไปอยู่ในร่างของตัวเองตอนเด็กในฝันทั้งที่ขยับไม่ได้
ซู้มมมมมมมมมมมมมมม!!!!!!!!!!!!!!
หลังจากนั้นก็มีเปลวเพลิงสีดำสนิทเสียยิ่งกว่าความมืดที่กำลังโอบล้อมทุกคนอยู่ปรากฏขึ้น เปลวเพลิงหลอมรวมกันเป็นสิ่งที่ไม่มีรูปร่างแต่มีขนาดใหญ่โตกว่าเด็กทุกคนราวๆ 10 เมตรเห็นจะได้ แล้วบริเวณส่วนบนก็มีดวงตาสีแดงเพลิงปรากฏขึ้นมาพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่มีกรงเล็บแหลมคมเกิดขึ้นพร้อมกัน รูปร่างนั่นราวกับอสูรกายหรือปีศาจก็มิปาน แล้วหลังจากนั้น……….
ฉั๊ว!!!!!!
การฟาดกรงเล็บนั้นทำให้เด็กสาวและเด็กชายที่กรไม่รู้จักหน้ากลายเป็นก้อนเนื้อบดไร้รูปร่าง แล้วก็จางหายไป
〝!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!〞
ฉั๊ว!!!!!!
และไม่ทันได้พักหายใจ กรงเล็บนั่นก็ฟาดฟันเข้าไปตรงที่ที่โชตและชาญยืนอยู่อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นทั้งสองคนก็กลายเป็นเศษเนื้อคงสภาพไม่ได้แล้วจางหายไปในความมืด เลือดของทั้งสองคนกระเด็นมาเปื้อนใบหน้าของกรที่ยังขยับไม่ได้...
อะ.....อ้ากกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!
อะไรๆๆๆๆๆๆๆ.......
นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน?....... ชาญ!!!!.... โชต?........ถูกไอ้เวรนั่น? ฟาดเข้าไป.............ตายไปแล้ววววว?
ความคิดของกรเริ่มสับสนปนเปจนจับใจความไม่ได้ แต่ความฝันอันโหดร้ายก็ยังคงดำเนินต่อไป
ฉั๊ว!!!!!!
อะ......อลิซซซซซซซ!!! กะ....โกหกน่า
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
ม้ายยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!
พอซักที!!!!!!!!!!!!!! ได้โปรดเถอะะะะะะะะะะะะะะะะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
หลังจากที่อลิซหายไป แล้วกรกรีดร้องแบบนั้นอยู่ในใจ ปีศาจเพลิงก็เข้าไปหารินอย่างรวดเร็ว
ระ.......ริน
ยะ.....อย่านะ ขอทีเถอะ..... หยุดทีเถอะ......
และไม่ทันได้เตรียมใจอีกครั้ง กรก็ต้องรับความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นไปอีก......
อย่านะโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!
ฉั๊ว!!!!!!
หลังที่กรตะโกนอย่างสุดเสียงอยู่ภายในใจ แต่เสียงนั่นกลับถูกเสียงฟาดฟันของปีศาจเพลิงกลบในเวลาแทบจะทันทีราวกับจะเยาะเย้ยกรที่ทำอะไรไม่ได้ แล้วรินเองก็กลายเป็นเศษเนื้อดังเช่นทุกคนแล้วจางหายไปในความมืดมิดเช่นกัน———
อ๊ากกกกก!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
❖❖❖❖❖
〝แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก! แฮ่ก!...........อุ๊ก!!!!!!!! 〞
หลังจากที่กรตื่นจากฝันที่แสนน่ากลัวและโหดร้าย ก็ถึงกับหายใจหอบ ท้องไส้เองก็ปั่นปวนขึ้น รู้สึกเหมือนกับของเหลวในกระเพาะจะขย้อนออกมาได้ทุกเมื่อ ราวกับจะปัดเป่าความเครียดที่ได้รับจากความฝันนั้นให้หายไป
ฟู่ ฮ่า.... ฟู่ ฮ่า.... ฟู่ ฮ่า———————
แต่กรก็ไม่ได้ปล่อยให้ตัวเองอาเจียนแต่อย่างใด เขาหายใจเข้า-ออกช้าๆ เพื่อดึงสติของตัวเองให้กลับมา
ฝะ ฝันบ้าอะไรว่ะเนี่ย หลอนชะมัด......
หรือเพราะพรุ่งนี้ต้องไปสู้กับมอนสเตอร์เลยฝันแบบนี้งั้นเหรอ.....
ตะ แต่ก่อนอื่นก็ทำให้หัวเย็นลงก่อนดีกว่า.....
แล้วกรก็ลดอัตราการเต้นของหัวใจให้ต่ำลง และปรับคลื่นสมองให้อยู่ในสภาวะต่ำ แล้วหลังจากนั้น......
วิ๊งงงงงงงง———————
เสียงที่เหมือนกับสัญญาณขาดหายในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก็ดังขึ้นในหัวของกร......
เมื่อกี้นี้มัน......
พอเสียงสัญญาณที่เกิดขึ้นกะทันหันจางหายไป ก็ทำให้กรที่สมองเย็นลงแล้วนึกเรื่องที่สำคัญมากๆออก.......
กริ๊ก!!!!!——
แล้วเสียงที่คล้ายกับกุญแจถูกปลดล็อค ก็ดังขึ้นในหัวของกร เพียงแต่เสียงนั้นคล้ายกับเป็นเสียงที่ถูกสมมติขึ้นมาเสียมากกว่า......
มันเป็นเรื่องสำคัญมากแท้ๆ......
กรบ่นพึมพำแบบนั้นอยู่ในใจ
ความทรงจำพวกนี้... อยู่ในส่วนลึกขนาดไหนกัน......
.....ทำไมฉันถึงเพิ่งมานึกออกเอาป่านนี้กัน......
เป็นเพราะความฝันอันแสนน่ากลัวนั่น เลยทำให้ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกอย่างแน่นหนามานานของกรได้ถูกปลดล็อคออกมาในที่สุด....
นึกออกแล้วหล่ะ..... ทั้งหมดเลย.....
ในขณะที่กำลังนึกเรื่องต่างๆออกมากขึ้นเรื่อยๆ น้ำตาของกรก็ไหลอาบแก้มข้างซ้ายของตัวเอง
แล้วกรก็เรียกชื่อของคนที่ตัวเองโหยหามาตลอดอย่างเบาๆ....
พี่สาว————
ช่วงหลังมานี้... หลังจากที่เหล่าภรรยาของฉันได้รู้ทุกอย่างและยอมรับสิ่งที่ฉันเป็นหรือเจอมา จำนวนครั้งที่ฝันร้ายก็ลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดใช่ มันไม่ได้หายไปหรอก... ฉันรู้ตัวดี และสัมผัสได้ก็เพราะความกังวลยังมีอยู่นั่นแหละนะแต่ก็ต้องขอบคุณความอ่อนโยนของทุกคน มันถึงไม่ได้เลวร้ายเหมือนเมื่อก่อนเพราะมีพวกเธออยู่เคียงข้าง ฉันเลยไม่ได้กลัวจนสติแตกเหมือนเมื่อก่อนแล้วใช่... ต่อให้ฝันร้ายถึง ‘เรื่องในอดีต’ ฉันก็ไม่ได้กลัวหรือว่าเศร้าอีกแล้วเพราะงั้น... ความรู้สึกปั่นป่วนในอกนี่ จึงใกล้เคียงกับความกังวลมากกว่า กรรู้สึกชื่นชมความใจเย็นของตัวเอง มั่นใจว่าอย่างน้อยมันก็ดีขึ้นกว่าก่อนแน่ ไม่อย่างนั้น... ภาพของชายหาดที่เต็มไปด้วยซากศพรอบกายของเขา คงทำเอารู้สึกผิดจนทรมานตัวสั่นไปแล้วเป็นฝันร้ายที่ไร้รสนิยมซะจริง กรรู้สึกขนลุกจนหน้าเหยเกแม้จะรู้ว่าทั้งหมดเป็นแค่ความคิด ด้วย ‘สุดยอดการประมวลผล’ มันไม่ยากอยู่แล้วที่จะรู้ตัวขณะหลับ ...มันสุดยอดจนถึงกับรู้ด้วยซ้ำว่าอะไรเป็นสาเหตุของการฝัน ชายหาดนี้ไม่ใช่ที่ที่กรรู้จัก แต่จำนวนศพที่มากขนาดนี้ เดาได้เลยว
————สามวันต่อมา, ทวีปอีเดน - ใจกลางเมืองหลวงแอสการ์ด ใจกลางทวีปอีเดนนั้น ปกติแล้วคือสวนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าเทพผู้ปกครอง ซึ่งมีไว้ใช้เพื่อกำหนดทิศทางของสรวงสวรรค์หรือหมายรวมถึงโลกมนุษย์เบื้องล่าง ถนนสายหลักของตระกูลทั้งเจ็ดล้วนแล้วแต่เข้ามาบรรจบ ณ ที่สวนพฤกษานี้ เมื่อไรก็ตามที่มีหัวหน้าตระกูลมาเยือน ทางเข้าของสวนจากถนนเส้นนั้นจะมีมือขวาข้ารับใช้เฝ้าถนนเส้นนั้นไว้เป็นปกติ ...ทว่าในวันนี้กลับแตกต่างเป็นพิเศษ เพราะจำนวนข้ารับใช้ของทั้งหกตระกูลที่มานั้นมีจำนวนกว่าร้อยคน แถมทางเข้าสวนจากถนนแต่ละเส้นยังติดธงประดับตราประจำตระกูลอีก ซ้ำร้าย... ธงที่ว่ายังเป็นลักษณะเดียวกับที่ใช้ในสงคราม มันเคยถูกใช้ทั้งกับจอมมารในอดีตกาลหรือกับราชาปีศาจในปัจจุบัน นั่นแลคือสัญญาณบ่งบอกความรุนแรงของสถานการณ์ในตอนนี้ โดยเฉพาะใจกลางสวนพฤกษา ที่ตั้งของโต๊ะกลมทำจากหินอ่อนซึ่งเป็นสถานที่ประชุมของเหล่าหัวหน้าตระกูลยกเว้นกาบริเอล สีหน้าทุกคนนั้นอยู่ไม่สุข ทั้งกังวลและโกรธเกรี้ยวบ้าง สับสนบ้าง ...และสาเหตุของเรื่องนั้น ก็คือกระดาษแผ่นน
หลังจากที่อัพเดทข้อมูลกับเหล่าสหายภาคีโต๊ะจัตุรัส กรก็ต้องกลับไปแต่งชุดเพื่อเข้าพิธีรับมอบรางวัลต่อ เพราะตัวเอกของงานคือพวกกรทั้ง 4 ฝ่าย และมีเหล่าราชาจากอาณาจักรในสังกัดสภาโลกเป็นผู้มอบรางวัล นั่นหมายความว่าเหล่าภรรยาของกรที่เป็นกำลังหลักในการปราบอาร์เคมีดีสก็ต้องร่วมงานรับรางวัลด้วย ไม่สิ... ‘ดาร์คไนท์ซิริอุส’ ที่เป็นกำลังหลักนี่แหละคือตัวเอกหลักของงาน ไม่ร่วมเห็นทีคงจะไม่ได้เพราะงั้นพวกเราก็เลยได้ห้อง VIP ไว้แต่งตัว ต้องขอบคุณแอนดรูว์เลยแหละแล้วระหว่างที่รอสาว ๆ เขาแต่งองค์ทรงเครื่องกัน ฉันก็ไปอัพเดทข้อมูลรอถึงจริง ๆ จะอยู่ในห้องตอนสาว ๆ แต่งตัวได้แบบไม่เป็นไรก็เถอะ (ก็เห็นกันทุกซอกทุกมุมแล้วนี่นา)แต่ในแง่ของความรู้สึก... ขืนจ้องของสวย ๆ งาม ๆ ขนาดนั้นนานเข้า พูดตามตรงว่ามันจะของขึ้นจนไม่เป็นอันทำงานเอาน่ะสิฉันก็รู้นิสัยตัวเองดีอ่ะนะ เลยขอป้องกันไว้ก่อนดีกว่า กรอมยิ้มแห้งกับขีดจำกัดของตัวเองเหมือนทำใจ ก่อนเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เขากับสาว ๆ เช่าพัก“อ๊ะ! กรกลับมาแล้ว!”“เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหมกร?” มีอากับรินเดินเข้ามารับกรก่อนใคร
หลังจากที่เมอร์ลินบอกว่าเครื่องเคลื่อนย้ายออกแบบเสร็จแล้ว พวกเราก็ทำตัวเอื่อยเฉื่อยกันอีกแปปนึงก่อนจะกลับบ้านพวกเราแจ้งข่าวเรื่องนี้กับทุกคน โดยเฉพาะรินกับอลิซพวกเธอดีใจเข้ามากอดแล้วก็ร้องไห้โฮใหญ่เลยแต่ก็ช่วยไม่ได้หรอก ก็จากบ้านมากตั้ง 5 เดือนแล้วนี่นาไหนจะทั้งคุณลุง คุณน้าที่รออยู่ที่บ้าน... ชีวิตประจำวันที่ผ่านมาตลอด 17 ปีมันทดแทน 5 เดือนไม่ได้หรอก (ถ้าไม่นับเรื่องที่ได้คบกันล่ะนะ)เพราะงั้นจะอยากกลับไปก็คงไม่แปลกเราเองก็เถอะ... ถึงกลับบ้านไปจะไม่มีใครอยู่แล้ว แต่มันก็ยังเต็มไปด้วยความทรงจำที่ทำให้เราเป็นอย่างทุกวันนี้เป็นสถานที่ให้กำเนิดความฝันของเรา ...และเราก็ไม่ได้รังเกียจมันอีกแล้วด้วยเพราะงั้นเราจะกลับไปให้ได้! เครื่องมือมีพร้อมหมดแล้วที่เหลือก็มีแต่การจัดแจงสถานการณ์ ให้กลับไปได้โดยที่โลกเดิมไม่มีปัญหา...แต่เรื่องนั้นแหละที่ยากที่สุด❖❖❖❖❖————สองวันต่อมา, โรงแรมเดอะกลอรี่ ณ สหพันธ์แห่งความรุ่งโรจน์ หลังจากวันหยุดของกรและครอบครัวสิ้นสุด แผนการขั้นถัดไปของภาคีโต๊ะจัตุรัสก็เสร็จสมบูรณ์ด้วย ...และก็เป็นการเริ่มแผนด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนั้น ก
“โดนแกล้งอีกแล้วอ่า!”“น่า ๆ ไม่เป็นไรนะกร”“แล้วจะโทษใครได้ล่ะหืม?” ได้ยินแฟนหนุ่มเดินบ่นกลางป่า มีอากับเมอร์ลินจึงได้ลูบหัวปลอบใจไปคนละกรุบ ...ถึงต้นเหตุจะเป็นเพราะพวกเธออยู่แล้วก็เถอะว่าแต่ นี่เดจาวูป่ะเนี่ย?ไหงรู้สึกเหมือนเรื่องคล้าย ๆ กันเพิ่งเกิดขึ้นเลย“!!!?” ระหว่างที่คิดอะไรไร้สาระอยู่ มีอากับเมอร์ลินก็เข้ามาควงแขนกรเหมือนกับตอนที่มาถึง กรเลยคิดว่า ‘โอเค ช่างมันละกัน’ แล้วหันไปสนใจกับการเที่ยวลมชมวิวกับภรรยาทั้งสองดีกว่า จากก่อนหน้านี้... หลังจากพักผ่อนในตึกกลางสำหรับติดต่อ พวกกรก็ออกเดินเท้าไปตามทางที่ทำไว้ เห็นว่าหากเดินตามทางนี้จะสามารถชมวิวได้ครบทุกแห่งและวนไปยังกระท่อมที่จองไว้ได้พอดี“กรดูสิ! มีแม่น้ำด้วย!”“ตื้นพอให้ลงไปเล่นได้ด้วยแฮะ” มีอากับเมอร์ลินดูจะสนใจแม่น้ำทางขวาที่ทั้งสามกำลังเดินเลียบผ่าน ความใสของมันทำให้เห็นดินและกรวดก้นแม่น้ำได้ แถมความสูงของมันยังแค่ครึ่งแข้งเอง เรียกว่าเหมาะกับการเล่นสุด ๆ มีอากับเมอร์ลินจึงไม่รอช้า พวกเธอถอดรองเท้าแล้วจูงมือกรลงไปในแม่น้ำ“ไปกันเถอะกร! น่า
หลังจากถ่ายรูปกันอย่างหวานแหวว เวลาก็ยังเหลืออีกนิดหน่อย พวกเราเลยจะไปเดินเล่นกันต่อ...และแน่นอน คุณรินกับอลิซก็ยังคงตามแกล้งฉันเหมือนเดิมช่างใจร้ายเหลือร้าย ตั้งแต่ในโรงหนังแล้วนะ!มาปลุกเร้ากันขนาดนี้ในสถานการณ์ที่ทำได้แค่อดทน นี่มันการทรมานประเภทไหนกันเนี่ย!?เหมือนเอาเนื้อสเต็ก A5 มาจ่อลิ้นแต่ไม่ยอมให้กินเลยนะเฮ้ย!จะทั้งชาลอตกับซาช่าที่ขยันเซอร์วิสให้ตอนช่วงเช้า หรือรินกับอลิซที่มาแกล้งกันทั้งช่วงบ่ายฉันเลยต้องกัดฟันทนน้ำตาไหลเป็นโลหิตไปจนถึงตอนกลางคืนโน่นเลย!พอถึงเวลาหม่ำ ๆ ฉันก็เลยล้างแค้นด้วยการกินพวกเธอเกือบทั้งคืนจนแทบไม่ได้หลับได้นอนทำกันยังกับเป็นกระต่ายเลยเชียวล่ะ!...ก็ พอมานึกดู ฉันอาจจะหนักมือไปหน่อยแต่พวกเธอมาแกล้งฉันก่อนนี่หว่า! จะโดนเอาคืนมันก็ไม่แปลกนี่นา!!!เหมือนที่เคยมีใครบางคนพูดไว้นั่นแหละ‘ผู้ที่จะเขมือบได้ก็มีแต่คนที่เตรียมใจจะโดนเขมือบเท่านั้น’ อื้ม ๆ! กรตื่นเช้ามาก็พยายามหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองใหญ่ทั้งที่ไม่จำเป็น แต่ก็ต้องขอบคุณศึกอันหนักหน่วงเมื่อวานด้วย ความงุ่นง่านในตัวกรเลยลดลงไปมากจนระบบความคิดปกติเริ่มกลับมาทำงาน เขา